The Villainess (2017)

The Villainess (2017)
Byung-gil Jung
Genres: Action | Thriller
Grade: A-

ไม่พูดพร่ำทำเพลงแค่เอ่ยปากถามว่า"นั่นใคร"ก็ลงมือฆ่ากันแบบต่อเนื่องไม่พักไม่เหนื่อยทั้งปืนทั้งมีดกันอย่างเลือดสาดจุใจร่วมประมาณ 8 นาที แต่นั่นยังไม่เท่ากับเป็นฉาก Long Take ที่ฟัดเหวี่ยงกันเต็มเหนี่ยวแบบเน้นๆ ซึ่งก็เริ่มด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งหรือแทนสายตาตัวละครราวกับเล่นเกมยังไงอย่างนั้น แล้วมาเปลี่ยนเป็นบุคคลที่สามที่เราจะได้เห็นหน้าตาตัวละครแบบเต็มๆที่ต้องตะลุยต่อสู้กับกลุ่มผู้ชายหลายสิบคนทั้งที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว จากนั้นเรื่องจบลงที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับก่อนจะได้รับความสนใจจากรัฐบาลในเรื่องฝีมือเพื่อฝึกเป็นนักฆ่ามืออาชีพ นามว่า ซุกฮี (Ok-bin Kim)

Abraham Lincoln: Vampire Hunter (2012) ประธานาธิบดี ลินคอล์น นักล่าแวมไพร์

Abraham Lincoln: Vampire Hunter (2012)
ประธานาธิบดี ลินคอล์น นักล่าแวมไพร์
Director: Timur Bekmambetov
Genres: Action | Fantasy | Horror
Grade: C+

ประวัติศาสตร์อิงจากเหตุการณ์จริง การจะรู้สึกเป็นเรื่องน่าเบื่อย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะชีวิตคนเราไม่ได้น่าตื่นเต้นขนาดนั้น แต่ถ้าเอาประวัติศาสตร์มาเติมแต่งให้ตีเนียนไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจะเป็นยังไง คำตอบที่ได้คงประมาณหนังเรื่องนี้ที่พูดถึงประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกานาม อัมบราฮัม ลินคอล์น (Benjamin Walker) ผู้ซึ่งดำเนินการแผนเลิกทาสขึ้นครั้งใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทว่ากว่าจะประสบความสำเร็จนั้นต้องทำสงครามที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วยกันเองเท่านั้น แต่รวมถึงแวมไพร์อีกด้วย

Kiss the Girls (1997) จูบมรณะ

Kiss the Girls (1997) | จูบมรณะ
Director: Gary Fleder
Genres: Crime | Drama | Mystery | Thriller
Grade: C

เอาเป็นว่าหนังชวนหลับพอสมควร ไม่ใช่ความแน่นการของสืบสวนที่ใช้พลังงานสูง แต่เป็นความเรื่อยๆเปื่อยๆไม่เร้าใจเกี่ยวกับ อเล็กซ์ ครอสส์ (Morgan Freeman) เจ้าหน้าที่สืบสวนผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาที่ต้องไล่สืบคดีคาสซาโนวา เป็นคดีที่เชื่อมโยงการหายตัวไปของผู้หญิงหลายคน โดยหนึ่งในบุคคลนั้นคือ นาโอมิ (Gina Ravera) หลานสาวของตัวเองรวมอยู่ด้วย จนกระทั่งพบ เคท แม็กเทียร์แนน (Ashley Judd) หญิงสาวเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากคาสซาโนวา ทำให้เธอเป็นเบาะแสแหล่งเดียวที่สำคัญที่ต้องสืบให้ได้ว่าซ่อนผู้หญิงเอาไว้ที่ไหนกันแน่

The Dead Pool (1988) โพยสั่งตาย

The Dead Pool (1988)
โพยสั่งตาย
Director: Buddy Van Horn
Genres: Action | Crime | Mystery | Thriller
Grade: C+

ดำเนินมาถึงภาค 5 แล้วกับนายตำรวจ แฮร์รี่ คัลลาแฮน (Clint Eastwood) มือปราบจอมโหดที่ไม่เคยปล่อยเหล่าอาชญากรหลุดรอดมือไปได้ มาคราวนี้กลายเป็นว่าต้องเป็นเป้าสังหารเสียเอง นั่นเพราะมีการเขียนโพยที่รวมรายชื่อคนดังมากมาย โดยรายชื่อดังกล่าวจะต้องตายภายในเร็วๆนี้แล้วก็มีคนตายจริงๆ ทว่าในรายชื่อนั้นมีชื่อแฮรี่ปรากฏอยู่ในโพยด้วย ทำให้ต้องเร่งหาตัวการคนร้ายให้เจอก่อนที่จะมีใครต้องจบชีวิตลงตามโพยที่เขียนเอาไว้

Sudden Impact (1983) แม็กนั่ม.44

Sudden Impact (1983)
แม็กนั่ม.44
Director: Clint Eastwood
Genres: Action | Crime | Thriller
Grade: B+

สาเหตุที่ภาคนี้ไม่ใช้ชื่อไทยว่า"มือปราบปืนโหด 4"ทั้งที่ตั้งชื่อเหมือนกันมาตลอดทั้งสามภาคเพราะถูกใช้ไปแล้วใน  The Gauntlet (1977) ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวกับในเนื้อเรื่องหรือตัวละครแต่อย่างใด ส่วนที่ตั้งไปนั้นเกิดจากความเข้าใจผิดเพราะเห็นว่า  Clint Eastwood รับบทเป็นตำรวจ และยังสร้างหลังจาก The Enforcer (1976) หรือ"มือปราบปืนโหด 3"

The Enforcer (1976) มือปราบปืนโหด 3

The Enforcer (1976)
มือปราบปืนโหด 3
Director: James Fargo
Genres: Action | Crime | Thriller
Grade: B

สองภาคก่อนทำไว้ดีก็ต้องมีต่อ แต่เหมือนภาคนี้เล่าเรื่องเฉพาะตัวไปหน่อย พอดูแบบไม่คิดอะไรจะรู้สึกเอื่อยช้าไม่เข้มข้นแบบภาคก่อนๆ กระนั้นพอจับจุดประเด็นของหนังจะรู้สึกมีอะไรให้พูดถึงมากกว่าเสียอีก ยิ่งเรื่องของ แฮร์รี่ คัลลาแฮน (Clint Eastwood) ตำรวจสายสืบจอมลุยจะเห็นว่ามีการพูดถึงความสัมพันธ์การทำงานของตำรวจ ทั้งเรื่องคู่หูใหม่ที่เป็นตำรวจหญิง เคท มัวร์ (Tyne Daly) เรื่องการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องในแง่นโยบาย และการแทรกแซงของหน่วยงานรัฐเพื่อหาช่องทางปิดคดีอย่างรวดเร็ว

Sneakers (1992) 7 อันตรายตายไม่เป็น

Sneakers (1992) | 7 อันตรายตายไม่เป็น
Director: Phil Alden Robinson
Genres: Comedy | Crime | Drama | Mystery | Thriller
Grade: B+

ไม่ใช่ทุกคนจะชอบหนังเรื่องนี้ อย่างแรกคือความช้าที่กว่าจะมีฉากตื่นเต้นสักฉากค่อนข้างนานพอตัว และอย่างที่สองคือเป็นหนังสายลับเน้นซ่อนแอบ ดังนั้นจะสนุกแบบจังหวะเร่งเร้าสายลุยเพราะฉากแอ็คชั่นคงไม่ใช่ สำหรับเรื่องนี้ไม่ได้วัดกันที่ทักษะการต่อสู้ด้วยอาวุธแต่เป็นการวางแผนและการเตรียมงานเพื่อไปปฏิบัติงานอย่างแนบเนียนที่สุด จึงไม่แปลกใจก่อนลงภาคสนามจะเต็มไปด้วยบทสนาที่ผู้ชมจะเบื่อกันก่อนลงมือ

Biri Gal (2015) บีลี่เกล สาวน้อยวัยวุ่น

Biri Gal (2015) | บีลี่เกล สาวน้อยวัยวุ่น
Director: Nobuhiro Doi
Genres: Comedy | Drama
Grade: S

"มีความสุขมากๆกับหนังเรื่องนี้และช่วยให้ใจพองโตขึ้นมาเลย ยิ่งกับใครที่คิดว่าตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้หรือหมดความพยายามขอแนะนำเรื่องนี้เลยนะ ถือว่าช่วยฟื้นกำลังใจได้มากทีเดียว ถ้าไม่ยอมแพ้ต่อให้อุปสรรคใหญ่แค่ไหนก็ฝ่าไปได้"

หนังเรื่องนี้ที่สร้างจากนวนิยายชื่อ "Gakunen Biri no Gyaru ga 1 nen de Hensachi o 40 Agete Keio Daigaku ni Geneki Gokaku Shita Hanashi" (ชื่อยาวจังแหะ) เขียนโดย Nobutaka Tsubota ที่นำชีวิตจริงของ Sayaka Kobayashi มาเล่าถึงช่วงชีวิตม.ปลายที่ไม่เอาไหนเรื่องเรียนแต่สามารถสอบติดเข้ามหาวิทยาลัยอันดับต้นๆได้อย่างมหัศจรรย์ด้วยความสามารถของเธอเอง เช่นเดียวกับหนังเรื่องนี้ที่เล่าถึงชีวิตของ ซายากะ (Kasumi Arimura) ว่าก่อนถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นต้องเจอกับอะไรมาบ้าง

Valerian and the City of a Thousand Planets (2017) วาเลเรียน พลิกจักรวาล

Valerian and the City of a Thousand Planets (2017) | วาเลเรียน พลิกจักรวาล
Director: Luc Besson
Genres: Action | Adventure | Fantasy | Sci-Fi
Grade: C+

เห็นผู้กำกับ Luc Besson ทำหนังไซไฟทีไรอดนึกถึง The Fifth Element (1997) เป็นไม่ได้ นั่นเพราะเป็นผลงานที่สนุกครบอรรถรสมากด้วยไอเดียที่สุดแล้วในตอนนั้น(รวมถึงตอนนี้) ขณะที่เรื่องนี้เป็นผลงานชิ้นโปรดที่อยากทำมานานเพราะเป็นการ์ตูนคอมมิคที่ชอบสมัยวัยเด็ก แต่กว่าจะมีเทคโนโลยีสร้างเอฟเฟคล้ำๆหรือ CGI เนียนๆก็กลายเป็นข้อเสียของคำว่ารอจนคนอื่นไปไกลกันหมดแล้ว การดูหนังเรื่องนี้จึงเหมือนดูหนังไซไฟหลายเรื่องที่แอบหยิบเล็กขโมยน้อยไปใช้เกือบหมด

The Void (2016) แทรกร่างสยอง

The Void (2016) | แทรกร่างสยอง
Director: Jeremy Gillespie,Steven Kostanski
Genres: Horror | Mystery | Sci-Fi | Thriller
Grade: C+

หนังสยองขวัญที่น่าจดจำมักอยู่ในช่วง 80-90s เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความคิดกับเทคนิคต่างๆที่หลั่งไหลเข้ามาจนเกิดหนังสยองขวัญมากมาย อีกทั้งยังตอบสนองความบันเทิงด้วยความโหดด้วยเลือดด้วยเนื้อกันอย่างไม่หลบมุมกล้อง ฉะนั้นในแง่ความรุนแรงที่ได้จากหนังประเภทนี้จึงเป็นความบันเทิงที่โหดแต่สะใจผู้ชม ยิ่งผสมผสาน Practical Effect เข้าไปด้วยยิ่งเหมือนเปิดโลกหนังสยองขวัญให้กว้างขึ้นจากคนฆ่าคนมาเป็นสร้างสัตว์ประหลาดด้วยเทคนิคกลไก เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่ต้องการเคารพหนังรุ่นก่อนว่าเทคนิคเก่าๆยังไม่ตายในยุคที่ใช้ CGI กันเกลื่อนกลาด

King Arthur: Legend of the Sword (2017) คิง อาร์เธอร์ ตำนานแห่งดาบราชันย์

King Arthur: Legend of the Sword (2017) | คิง อาร์เธอร์ ตำนานแห่งดาบราชันย์
Director: Guy Ritchie
Genres: Action | Adventure | Drama | Fantasy
Grade: C+

เรื่องราวของดาบเอกซ์แคลิเบอร์วนเวียนกันอยู่ไม่กี่อย่าง แต่อาศัยว่าคือตำนานที่เล่าปากต่อปากกันอย่างสนุกสนานทำให้ได้รับการเอ่ยถึงอยู่บ่อยครั้ง ขนาดที่บางทีทำให้หนังที่ใช้เรื่องราวนี้เป็นความน่าเบื่อเพราะยังไงเนื้อเรื่องไม่พ้นสิ่งที่รู้กันอยู่ดี แต่ถึงจะพล็อตจะซ้ำซากยังไงก็ต้องขึ้นอยู่กับคนเล่า ซึ่งผู้กำกับ Guy Ritchie เล่าเรื่องได้กวนโอ้ยตามความถนัดของตัวเองจนทิศทางความโบร่ำโบราณกลายเป็นความแปลกที่ไม่มีใครทำเหมือนมาก่อน(หรือในอนาคตอาจไม่มีใครทำเหมือน) นี่จึงเป็นเหตุผลที่มีคนชอบกันนักชอบกันหนาเพราะมันสดใหม่ไม่เหมือนใครๆ

It Stains the Sands Red (2016)

It Stains the Sands Red (2016)
Director: Colin Minihan
Genres: Drama | Horror | Sci-Fi
Grade: B-

"นี่อาจเป็นหนังซอมบี้ธรรมดา แต่ความนัยเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม"

พล็อตจะแปลกอยู่หน่อยตรงที่ มอลลี่ (Brittany Allen) ต้องมาดวงซวยล้อรถติดหลุมทราย แต่จังหวะนั้นมีซอมบี้ปริศนาตัวหนึ่ง (Juan Riedinger) เดินมาแถวนั้นพอดี ทำให้ต้องตัดสินใจเดินหนีเข้าดงทะเลทรายเพื่อหนีซอมบี้ ซึ่งโชคดีมีโทรศัพท์เปิดแผนที่ทำให้รู้ว่าต้องไปทางไหน ทว่าซอมบี้ตัวนั้นเดินตามเธอมาด้วยก่อนที่ภายหลังจะตั้งชื่อซอมบี้ที่แสนชิงชังที่ตามไม่เลิกตัวนั้นว่า"สมอลส์"(Smalls คือชื่อสั้น แต่ชื่อเต็มว่า Small Dick)

Cult of Chucky (2017)

Cult of Chucky (2017)
Director: Don Mancini
Genres: Comedy | Fantasy | Horror | Romance | Thriller
Grade: C+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ยังคงเสียดายที่ตัวหนังถูกจับส่งลงแผ่นเพราะคุณภาพมาไกลเกินหนังแผ่นทั่วไปเทียบได้ ซึ่งนี่เป็นความคิดที่เกิดจากภาคก่อนใน Curse of Chucky (2013) หรือภาคต่อลำดับที่ 6 ที่ขยับขยายเรื่องราวด้วยการเชื่อมโยงจุดที่ไม่มีภาคไหนพูดถึง อีกทั้งยังอุดช่องว่างให้ดูสมเหตุสมผลจนกลายเป็นหนังสยองขวัญภาคต่อที่ดีกว่าภาคก่อนหน้ามากมายหลายเท่า แต่การดูให้ได้อรรถรสจะต้องไม่ลืมภาคก่อนทั้งหมดเพราะมีส่วนในการเชื่อมโยงเข้าหากันรวมถึงที่มาที่ไปตัวละครบางตัวที่แม้บทน้อยแต่สำคัญในฐานะตัวการ โดยเน้นไปที่  Child's Play (1988),Bride of Chucky (1998) และ Seed of Chucky (2004) หรือภาค 1,4 และ 5 ในการทำความเข้าใจเนื้อหา(ส่วนภาค 2 กับ 3 มีส่วนเสริมเล็กน้อยแต่ไม่ใช่ประเด็นโยงเรื่องที่เกิดขึ้น)

Don 2 (2011) ดอน นักฆ่าหน้าหยก ภาค 2

Don 2 (2011) | ดอน นักฆ่าหน้าหยก ภาค 2
Director: Farhan Akhtar
Genres: Action | Crime | Thriller
Grade: A-

ภาคแรกสนุกเกินคาดแต่อาจจะยังไม่สุดสักเท่าไร เลยเปลี่ยนสไตล์เนื้อเรื่องจากผู้ร้ายกับตำรวจมาเป็นโจรกรรมเสียแทน นำทีมโดย ดอน (Shah Rukh Khan) นักฆ่าเลือดเย็นที่หนีรอดมาด้วยแผนสุดแนบเนียนในภาคก่อน ซึ่งครั้งนี้กลับมาช่วย ซิลวา (Boman Irani) ศัตรูตัวฉกาจที่ถูกส่งเข้าคุกในครั้งที่แล้ว ด้วยข้อตกลงบางอย่างที่ทำให้กลายเป็นพันธมิตรกันเพื่อนำไปสู่แผนการปล้นธนาคารครั้งสำคัญที่ไม่มีใครคาดนึกมาก่อน

Don (2006) ดอน นักฆ่าหน้าหยก

Don (2006)
ดอน นักฆ่าหน้าหยก
Director: Farhan Akhtar
Genres: Action | Crime | Thriller
Grade: B

ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือการให้ตัวร้ายเล่นเป็นตัวนำเรื่อง ซึ่งรีเมคมาจาก Don (1978) เป็นเรื่องของ ดอน (Shah Rukh Khan) นักฆ่าหัวแหลมที่ตำรวจต้องการตัวมากที่สุด เป็นตัวร้ายที่โหดเหี้ยมฆ่าคนอย่างเลือดเย็นไม่สนว่าจะเป็นใครหน้าทั้งนั้นและเป็นที่ต้องการตัวของ ซิลวา (Boman Irani) นายตำรวจที่พยายามจับดอนเพื่อล่วงรู้แผนการที่ซ่อนเอาไว้ แต่เกิดพลาดระหว่างการไล่ล่าทำให้ดอนบาดเจ็บสาหัส จึงต้องหาตัวแทนปลอมตัวเป็นดอนเพื่อสืบหาข้อมูลเสียแทน

Baywatch (2017) ไลฟ์การ์ดฮอตพิทักษ์หาด

Baywatch (2017) | ไลฟ์การ์ดฮอตพิทักษ์หาด
Director: Seth Gordon
Genres: Action | Comedy | Crime
Grade: C

"กล้ามเนื้อนมไข่"คือสิ่งถูก แต่เป็นคำตอบที่ไม่ใช่สำหรับเรื่องนี้ แม้จะคาดหวังเห็นอย่างว่าให้เต็มอิ่มก็เป็นเพียงผิวๆเหมือนเป็นของสนุกหยอกเล่นเท่านั้น ยิ่งกับนักแสดงหุ่นดีแค่ไหนหรือโนตมเพียงใดก็ไม่อาจตอบโจทย์ความทะลึ่งที่ตัวหนังอยากเป็นได้ สิ่งที่ได้คือความทะเล้นแซวกัดจิกเบาๆที่ริมฝีปากแบบผ่านไปอย่างน่าเสียดาย คงเอาไว้เพียงความกระหายที่ไม่รู้จะสานต่ออย่างไรจนสุดท้ายก็ถูกลืมเลือนอย่างน่าเสียดาย

Space Cowboys (2000) สเปซ คาวบอยส์ ผนึกพลังระห่ำกู้โลก

Space Cowboys (2000) | สเปซ คาวบอยส์ ผนึกพลังระห่ำกู้โลก
Director: Clint Eastwood
Genres: Action | Adventure | Thriller
Grade: B

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคนแก่ก็มีความฝันที่อยากทำ ซึ่งสอดคล้องกับ แฟรงก์ คอร์วิน (Clint Eastwood) ที่พลาดโอกาสขึ้นอวกาศ จนกระทั่ง 40 ปีผ่านไปดาวเทียมที่เขาประดิษฐ์เกิดชำรุดและมีเพียงเขาเท่านั้นที่แก้ปัญหานี้ได้ นั้นทำให้เขามีโอกาสอีกครั้งที่จะได้ขึ้นยานอวกาศ แต่งานนี้จะไม่สำเร็จอาจไม่มีเพื่อนร่วมทีมให้กลับมาปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง ซึ่งก็มี ฮอว์ค ฮอว์คินส์ (Tommy Lee Jones),เจอร์รี่ โอ นีลล์ (Donald Sutherland) และ แทงค์ ซัลลิแวน (James Garner) มาช่วยกู้โลกก่อนที่ดาวเทียมจะตกเข้าชั้นบรรยากาศ

Top Secret! (1984) ลับสุดบ๊องส์

Top Secret! (1984)
ลับสุดบ๊องส์
Director: Jim Abrahams,David Zucker,Jerry Zucker
Genres: Comedy | Crime | Music
Grade: A+

นี่ก็ไม่รู้จะเอาฮาไปไหน ยอมทั้งกายและใจ คือมันตลกได้สุดทางจริงๆและไม่มีการเล่นมุขซ้ำเลยสักครั้ง ไม่แปลกใจเลยถ้าเรื่องนี้จะมีผู้กำกับถึง 3 คนที่ต่างแบ่งไอเดียเสริมมุขนี้นั้นหน่อยจนมีแต่ความสดใหม่ และที่โดนใจจริงๆคือมุขมีความคิดสร้างสันใช้ลูกเล่นเกี่ยวกับมุมกล้องบ้างล่ะ เล่นย้อนเวลาแต่ตัวละครเดินหน้าเพื่อให้เห็นความแปลกแต่จริง หรือจะต่อยตีในน้ำโดยทำให้เหมือนเมืองใต้น้ำในยุคคาวบอย(อันนี้ความคิดล้ำมาก) โดยรวมๆแล้วไม่ฮาก็ไม่รู้จะว่ายังไง

Battle for the Planet of the Apes (1973) สงครามพิภพวานร

Battle for the Planet of the Apes (1973)
สงครามพิภพวานร
Director: J. Lee Thompson
Genres: Action | Sci-Fi
Grade: C+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

สำหรับภาคนี้คือภาคที่เทียบกับภาคก่อนไม่ค่อยได้ ด้วยที่ว่าเรื่องราวไม่ค่อยมีประเด็นวิพากษ์วิจารณ์สังคมเท่าไรแล้ว อีกทั้งเนื้อเรื่องมีเพียงนิดเดียวทำให้ดูจบเร็วไม่เหมือนภาคก่อนๆที่สั้นแต่หนักแน่น ส่วนภาคนี้จบแล้วยังรู้สึกโล่งๆไม่ค่อยมีอะไรให้ฉุกคิด อาจเพราะเป็นภาคจบบริบูรณ์เลยตั้งใจให้ดูซีเรียสน้อยลงทำให้ความสนุกลดลงไปด้วย ให้เรียงลำดับตามความชอบก็ว่าตามตรงยังชอบภาคแรกมากที่สุด ก็จะเป็น 1>3>4>2>5 ถ้าอยากจะดูต่อจะเป็นฉบับซีรีส์ปี 1974 ความยาว 14 ตอน

Conquest of the Planet of the Apes (1972) มนุษย์วานรตลุยพิภพ

Conquest of the Planet of the Apes (1972)
มนุษย์วานรตลุยพิภพ
Director: J. Lee Thompson
Genres: Action | Sci-Fi
Grade: B

ไวรัสที่พูดถึงในภาคที่แล้วใน Escape from the Planet of the Apes (1971) เกิดขึ้นจนได้และฆ่าสัตว์เลี้ยงหมาแมวจนหมด เมื่อไม่มีสัตว์เลี้ยงเคียงข้างก็ต้องหาสัตว์ชนิดอื่นแทน ซึ่งก็เป็นวานรอย่างที่เกริ่นเอาไว้ในภาคก่อน ทว่าคำว่าสัตว์เลี้ยงดูจะบานปลายเกินขอบเขต ถ้าเป็นหมาหรือแมวเสมือนเพื่อนคู่ใจเอาไว้คลายเหงา มีใช้งานบ้างเล็กน้อยแต่ยังคงความเป็นสัตว์เลี้ยงอยู่เสมอ แต่วานรที่นำมาทดแทนนั้นไม่ได้มาเพื่อคลายเหงาหากมาเป็นทาสรับใช้เสียแทน
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)