The Platform (2019) เดอะ แพลตฟอร์ม

The Platform (2019) | เดอะ แพลตฟอร์ม | A-
Director: Galder Gaztelu-Urrutia
Genres: Horror | Sci-Fi | Thriller

เริ่มแรกยังพอดูได้อย่างสบายใจกับประเด็นที่ยกมา แต่พอผ่านไปสักระยะเริ่มอึดอัดใจจากการแบ่งชนชั้นที่เลวร้ายอย่างมาก เพราะโดยเนื้อหาหลักแล้วคือการทดสอบความโลภที่ยิ่งมากยิ่งทรมานและยิ่งทำให้คนอื่นเดือดร้อนจนประสาทแ_ก

The Neon Demon (2016) สวยอันตราย

The Neon Demon (2016) | สวยอันตราย | B-
Director: Nicolas Winding Refn
Genres: Horror | Thriller

ให้บอกตรงๆว่าอิจฉาคงไม่เหมาะ ดังนั้นต้องรักษาภาพลักษณ์ของรุ่นพี่ที่มาก่อนด้วยมาดเข้มและกัดจิกเบาๆให้รุ่นน้องรู้ว่าวงการนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ซึ่งเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับ เจส (Elle Fanning) เด็กสาวมาสมัครเข้าวงการนางแบบ จากรูปร่างหน้าตาเป็นที่ต้องตากรรมการได้ไม่ยาก ทว่ากลายปัญหาของคนอื่นที่อาจถูกปัดตกจากวงการ

The Wasteland (2022) แผ่นดินร้าง

The Wasteland (2022) | แผ่นดินร้าง | C+
Director: David Casademunt
Genres: Drama | Horror | Mystery

ถ้าไม่เกริ่นช่วงเวลาและคำอธิบายสั้นๆคงไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีใครพูดถึงอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสงครามของสเปนในศตวรรษที่ 19 นั้นจึงเป็นเหตุผลทำไมตัวละครถึงมีกันแค่ 3 คน และห่างไกลจากผู้คนจนว่างเปล่าไร้สังคม อีกทั้งจำกัดพื้นที่อาณาเขตบ้านตัวเองให้อยู่ตามเสาที่ปักเพื่อเตือนใจถึงข้างนอกที่มีแต่อันตราย

Kabukicho Love Hotel (2014)

Kabukicho Love Hotel (2014) | A+
Director: Ryuichi Hiroki
Genres: Drama | Romance

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

อธิบายได้ยากและไม่ยากในตอนจบที่คละไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย จะเศร้าหรือสุข จะทุกข์หรือดีใจ ล้วนมีที่มาที่ไปจากจุดเล็กๆที่โยงถึงเรื่องเพศ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ในแบบที่ไม่ใช่ความรักเป็นหลัก แต่เป็นเรื่องของเซ็กซ์ที่ใช้เพื่อเรื่องงานซะมากกว่า ซึ่งเรื่องทั้งหมดได้ถูกรวมจากเรื่องของใครหลายต่อหลายคนมารวมกันที่โรงแรมที่มักลงเอยเพียงแค่เรื่องสำเร็จความใคร่ แน่นอนว่าสายตาของคนในสังคมจะมองเป็นเรื่องสกปรก เป็นเรื่องน่าละอาย ไม่มีสำนึกของความเป็นคน แต่จะอะไรนั้นสุดท้ายก็คืองานอยู่ดี ทั้งนี้บางทีใช่ว่าจะเรื่องงานเพราะอาจเป็นอารมณ์อย่างหนึ่งที่รู้สึกอยากจะเข้าหาต่อกันราวกับแม่เหล็กที่เกิดมาคนละขั้วและต้องดึงดูดต่อกัน อาจจะฟังดูไร้เหตุผลแต่ไม่จำเป็นเสมอไปว่าความรักหรือเซ็กซ์จะต้องมีคำอธิบายในสิ่งที่ทำลงไป มันก็แค่อารมณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นและถ้าได้สนองในอารมณ์นั้นเราจะไม่นึกคั่นกลางขัดจังหวะ จะบอกว่าไงดี จะบอกตรงๆว่าเป็นความ"เงี่ยน"ก็ว่าได้(มั้ง)

The Beastmaster (1982) ดาร์ เจ้าชีวิตแดนเถื่อน

The Beastmaster (1982) | ดาร์ เจ้าชีวิตแดนเถื่อน | C+
Director: Don Coscarelli
Genres: Action | Adventure | Fantasy

แม็กซ์ (Rip Torn) ตัวร้ายให้แม่มดทำนายชีวิตตัวเองในอนาคต พบว่าต้องตายด้วยฝีมือของคนที่ยังไม่เกิด ดังนั้นจึงกำจัดคนที่น่าจะฆ่าตัวเองตั้งแต่ในครรภ์ ทว่าโชคดีที่เด็กคนนั้นรอดจากฝีมือแม่มดและถูกชุบเลี้ยงจากคนที่พบเจอกลายเป็นนักรบนามว่า ดาร์ (Marc Singer) ซึ่งจะกลับมาตามคำทำนายให้เป็นจริง

House on Haunted Hill (1999) บ้านเฮี้ยนหลอนผวาโลก

House on Haunted Hill (1999) | บ้านเฮี้ยนหลอนผวาโลก | B+
Director: William Malone
Genres: Crime | Fantasy | Horror | Mystery | Thriller

"เป็นหนังแนวบ้านผีสิงที่ชอบที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้"

งานรีเมคจากปี 1959 กับโรงพยาบาลผีสิงที่อดีตคือโรงพยาบาลบ้าที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันจนต้องตายกันโขยงเพราะระบบตัวอาคารที่ปิดตายได้เอง เรื่องราวเริ่มหลังจากนั้นที่มีนายทุนสตีเฟ่น ไพรซ์ (Geoffrey Rush) เจ้าของสวนสนุกอยากลองเล่นเกมสักเกมหนึ่งในงานวันเกิดที่อาคารแห่งนั้นโดยมุ่งหวังตั้งเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะเกมได้เป็นมูลค่า $1,000,000 ที่นับเป็นเงินก้อนโตที่พร้อมจะดึงดูดนักเล่นเกมทั้งหลาย ในขณะที่เหล่าบรรดาแขกเริ่มเข้ามากันงาน ไพรซ์ต้องแปลกใจเมื่อสังเกตเห็นว่าแขกที่มาในงานต่างไม่ใช่คนที่คิดเอาไว้ ซึ่งทั้งหมดคือคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักหรือเคยเห็นมาก่อน รวมถึงบัตรเชิญที่ตั้งใจส่งถึงอีกคนกลับกลายเป็นอีกคนได้อย่างไรก็ไม่รู้ ทำให้บรรดาแขกทั้งหลายต่างสักไม่แน่ใจแล้วว่าสมควรไว้วางใจกับการมาที่นี้หรือไม่ และไพรซ์ก็เริ่มคิดแล้วว่าอาจเป็นฝีมือของเอลเวอเรน (Famke Janssen) ภรรยาตัวเองที่พยายามแย่งชิงความเด่นและต่างแข่งกันเพราะความบาดหมางเรื่องส่วนตัว แต่ยังไงเรื่องล้วนเลยเถิดมาไกลเกินจะให้ย้อนกลับ ด้วยความที่ไพรซ์เป็นเจ้าภาพในงานทำให้ต้องดำเนินเรื่องต่อไปแบบงงๆก็ตามที โดยประกาศให้ทุกคนทราบถึงสิ่งที่ต้องทำในคืนนี้ว่าจะมีใครอยู่ได้นานแค่ไหนและจะได้รางวัลไป และด้วยเป็นคนมีลูกเล่นทำให้เขาเองมีแผนซ่อนเอาไว้กับอุปกรณ์ต่างๆที่ออกแบบมาเพื่อหลอกบรรดาแขกๆให้ตกใจอย่างเป็นความลับ แต่ทว่ากลหลวงต่างๆดูเหมือนจะทำงานเกินขอบเขตเมื่อสิ่งที่วางไว้กลับเกิดขึ้นจากจุดที่ไม่ทำให้เกิดหรือเกิดขึ้นแต่ไม่ใช่เพราะเป็นหนึ่งในกลอย่างว่า แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง

The Night House (2020) เดอะ ไนท์ เฮาส์

The Night House (2020) | เดอะ ไนท์ เฮาส์ | B-
Director: David Bruckner
Genres: Horror | Thriller

เนื้อเรื่องจะเน้นไปที่ เบธ ภาคิน (Rebecca Hall) ที่สูญเสียสามีจากการฆ่าตัวตายที่ไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งพยายามทำใจถึงการเสียคนรักจากการระลึกถึงช่วงที่ดีต่อกัน แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการยอมรับความจริงและทิ้งความเศร้าโศก กระทั่งเจอรูปภาพผู้หญิงหลายคนและปริศนาที่ซ่อนอยู่ อีกทั้งภายในบ้านก็เริ่มเกิดสิ่งผิดปกติก่อนที่มารู้ภายหลังคือสิ่งที่ตัวเองไม่อยากพูดถึงอีกครั้ง

I Know What You Did Last Summer (1997) ซัมเมอร์สยองต้องหวีด

I Know What You Did Last Summer (1997) | ซัมเมอร์สยองต้องหวีด | C+
Director: Jim Gillespie
Genres: Horror | Mystery
I Know What You Did Last Summer หรือฉันรู้ว่าคุณทำอะไรไว้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แล้ว เป็นประโยคเรียบง่ายที่ไม่มีอะไรนอกจากถามตรงๆว่าคุณทำอะไร ทว่าประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงที่จะมีใจกล้าตอบแบบเปิดเผยทั้งหมดได้มากแค่ไหนเมื่อสิ่งที่ทำลงไปไม่ได้เป็นแค่เรื่องสนุกแต่หมายถึงการฆาตกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจที่มีคนรู้เห็นเป็นใจในการปกปิดความลับมาแสนนาน จนนับหนึ่งปีให้หลังเรื่องราวของคำถามข้างต้นได้เกิดขึ้นมาและสร้างความประหลาดใจว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆอีกต่อไปเมื่อมีคนรู้มากกว่าคนในกลุ่มหรือจะเป็นการแกล้งกันในหมู่เพื่อน แต่นี่ไม่ใช่ของเล่นเมื่อคนที่รู้เรื่องนี้ต้องมีคนตายเกิดขึ้นแต่กำลังโดนกำจัดทีละราย

The Exorcist (1973) หมอผีเอ็กซอซิสต์ ฉบับสยองลึก

The Exorcist (1973) | หมอผีเอ็กซอซิสต์ ฉบับสยองลึก | A
Director: William Friedkin
Genres: Horror

ถ้าจะให้พูดถึงหนังที่น่ากลัวที่สุดและน่าเครียดน่ากลัวต้องยกให้กับเรื่องนี้ที่เสนอได้เข้มข้นในความหลอนที่เปิดเรื่อง 10 นาทีแรกก็ชวนหลอนและลึกลับอย่างมาก โดยเริ่มที่อิรักที่ซึ่งกำลังขุดซากโบราณวัตถุที่จู่ๆก็มีเด็กไปเรียกชายสูงวัยคนหนึ่งว่าพบอะไรบางอย่าง และได้พบโบราณวัตถุที่น่าสงสัยเป็นอย่างมาก เริ่มจากสิ่งที่เจอมาจากคนละยุคกัน จากจุดนี้สร้างความแปลกใจเพราะไม่รู้ว่าตัวหนังต้องการแนะไปในทิศทางใดกันแน่ ที่ชัวร์ที่สุดคือการบอกเล่าอย่างน่าสงสัยเหมือนมีบางอย่างซ้อนอยู่และที่สำคัญบรรยากาศน่าเครียดน่ากลัวมากถึงแม้จะไม่มีความสยองอยู่ด้วยก็ตาม

Cyst (2020)

Cyst (2020) | C
Director: Tyler Russell
Genres: Comedy | Horror | Sci-Fi

พล็อตก็ง่ายแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่หมอคนหนึ่งที่พยายามพิสูจน์เครื่องรักษาซีสต์เพื่อผ่านการประเมิน ทว่าการทดลองเกิดความผิดพลาด เมื่อซีสต์ที่ตั้งใจกำจัดเกิดมีชีวิตเป็นสัตว์ประหลาดขึ้นมาและโตขึ้นจนกลายเป็นก้อนเนื้ออัปลักษณ์ไล่ฆ่าคน

Don't Look Up (2021)

Don't Look Up (2021) | A-
Director: Adam McKay
Genres: Comedy | Drama | Sci-Fi

"ผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด" แต่เดี๋ยวก่อน บางครั้งคำว่าโง่อาจไม่ได้หมายถึงโง่จริงๆ แต่หมายถึงการไม่ทำให้ดูฉลาดเพื่อทุกคน แต่เอาตัวรอดกอบโกยอยู่เพียงฝ่ายเดียว เช่นเดียวกันกับหนังเรื่องนี้ที่สื่อให้เห็นดาวห่างที่จะพุ่งชนโลกอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ไม่มีการเตรียมรับมือที่ปลอดภัย คิดยังก่อนไว้ที่หลัง พอจวนตัวเท่านั้นแหละที่ความชิบหายบังเกิด

Sleeping Beauty (2011) อย่าปล่อยรัก ให้หลับใหล

Sleeping Beauty (2011) | อย่าปล่อยรัก ให้หลับใหล | B-
Director: Julia Leigh
Genres: Drama | Mystery | Romance | Thriller

พึ่งจะรู้จัก Emily Browning จริงๆจังๆจากเรื่อง Sucker Punch (2011) ที่ดูสนุกอย่างมากเรื่องนึง แล้วในปีเดียวกันนั่นเองเกิดมีผลงานของเธออีกเรื่องที่ได้มาดูเอาทีหลังที่เกือบจะสะดุดสายตาตัวเองอย่างแรงกับความกล้าแสดงของเธอที่ทำเอาภาพลักษณ์สาวเบบี้ดอลหายไปซะเกลี้ยงเกลา และด้วยความกล้านี่เองที่ทำให้เห็นว่าสปิริตของเธอไม่ใช่น้ำจิ้มธรรมดากับเรื่อง Sleeping Beauty ที่นำพาให้รู้จักสาวมหาลัยลูซี่กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงกับปัจจัยรอบตัว

12 Feet Deep (2017)

12 Feet Deep (2017)
Director: Matt Eskandari
Genres: Horror | Thriller
Grade: C

การได้เห็น Tobin Bell มาร่วมแสดงในเรื่องนี้ทำให้ฉุดคิดก่อนดูจบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ เนื่องจากชอบจำภาพลักษณ์ในหนัง Saw ที่มักคิดกลไกหรือทำกับดักให้ผู้เล่นเกมเอาตัวรอดและเห็นคุณค่าของชีวิต แต่จะมีส่วนหรือไม่ต้องลุ้นเอาเอง

Mortal Kombat (2021) มอร์ทัลคอมแบท

Mortal Kombat (2021) | มอร์ทัลคอมแบท
Director: Simon McQuoid
Genres: Action | Adventure | Fantasy | Sci-Fi | Thriller
Grade: B

ถ้าเปรียบเทียบถึง Mortal Kombat (1995) ที่เป็นหนังต้นฉบับยังมีความห่างกันพอสมควรในเรื่องการเร้าอารมณ์ยังไงให้ออกมามันส์ (แม้คิวบู๊จะแปลกๆก็เหอะ) ทำให้หนังพล็อตเรื่องจับคนจากทั่วโลกมาสู้เพื่อกู้โลกยังน่าดูและพร้อมหยิบมาดูซ้ำได้เสมอ แต่น่าเสียดายที่ความเท่และดนตรีติดหูจนเป็นจุดขายต้องพังลงเพราะภาคต่ออย่าง Mortal Kombat: Annihilation (1997)

Apt Pupil (1998) พลิกหลักสูตรมรณะ

Apt Pupil (1998) | พลิกหลักสูตรมรณะ
Director: Bryan Singer
Genres: Crime | Drama | Thriller
Grade: B-

เรื่องที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นทั้งประวัติศาสตร์ต้องเรียนรู้และต้องห้ามเรียนรู้ได้เช่นกัน เมื่อ ทอดด์ โบวเดน (Brad Renfro) บังเอิญไปพบกับ เคิร์ต ดุสเซนเดอร์ (Ian McKellen) บุคคลน่าสงสัยที่น่าจะเป็นอาชญากรนาซีที่หลบหนีมาใช้ชีวิตปกติเหมือนลุงวัยเกษียณข้างบ้านที่ไม่มีพิษมีภัย ซึ่งความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าในตำราจึงบังคับให้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างละเอียด หากไม่ทำตามจะแจ้งตำรวจมาจับ ทว่าการรื้อฟื้นอดีตที่ผ่านไปนานจะทำให้ด้านที่เลวร้ายและโหดเหี้ยมถูกปลุกด้วยเช่นกัน

Shadow in the Cloud (2020) ประจัญบาน อสูรเวหา

Shadow in the Cloud (2020) | ประจัญบาน อสูรเวหา
Director: Roseanne Liang
Genres: Action | Horror | War
Grade: B+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ถ้าหนังไม่ทิ้งประเด็นในต้นเรื่อง คำถามจะเกิดตลอดทั้งเรื่องจนจบว่าสัตว์ประหลาดที่ถูกเรียกเหมือนหนูบินได้คือตัวอะไร ซึ่งนับว่ายังใจดีที่เฉลยให้คนดูเข้าใจ (บางคนไม่รู้อะไรเลย) เพราะตัวนั้นคือ"เกรมลิน"หรืออีกนัยหนึ่งคือเจ้าตัวปัญหาที่ถูกทหารนำมาอ้างเพื่อปัดความรับผิดชอบหรือข้อผิดพลาด

Rocky Balboa (2006) ร็อคกี้ ราชากำปั้น ทุบสังเวียน

Rocky Balboa (2006) | ร็อคกี้ ราชากำปั้น ทุบสังเวียน
Director: Sylvester Stallone
Genres: Action | Drama | Sport
Grade: A-
 
หลังจากปิดตำนานไปใน  Rocky V (1990) ที่แม้จะเป็นการปิดเรื่องราวที่ไม่ถึงกับดีหรือแย่จนเกินไปเพียงไม่เป็นที่น่าจดจำเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ แต่ถือว่าชีวิตของร็อคกี้ บัลบัวร์ (Sylvester Stallone) ได้มาถึงความปุถุชนเดินดินได้สำเร็จโดยไม่ต้องพึ่งพาความร่ำรวยหรือชื่อเสียงใดๆ เดิมทีนั้นการปิดจบในภาคที่ 5 จะต้องลงเอยด้วยการตายของร็อคกี้ แต่ถูกเปลี่ยนใจเพราะสตูดิโอไม่เห็นด้วย นั้นเองจึงเป็นการแก้มือให้กับ Sylvester Stallone ที่อยากแก้ไขตอนจบของหนัง Rocky ที่ไม่ใช่แค่การเผชิญกับอุปสรรคชีวิตที่ต้องปรับตัวเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ มันจะต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นเมื่อตัวเองแก่ตัวลง ด้วยความไม่สบายใจที่หนังจบเช่นนั้นในภาค 5 จึงอยากแก้ตัวอีกครั้งในปี 1999 ทว่าเพราะจบไม่สวยเนื่องจากเสียงวิจารณ์และรายได้ตกต่ำจึงไม่ได้รับอนุมัติให้สร้างภาคต่อ จนกระทั่งต้องรอต่ออีก 6 ปีถึงจะสร้างภาคต่อได้ ซึ่งกว่าจะได้สร้างทำให้บทหนังที่ Sylvester Stallone เขียนเอาไว้เข้ากับตัวตนจริงๆของเขาพอดี

Rocky V (1990) ร็อคกี้ 5 หัวใจไม่ยอมสยบ

Rocky V (1990) | ร็อคกี้ 5 หัวใจไม่ยอมสยบ
Director: John G. Avildsen
Genres: Drama | Sport
Grade: C+
 
 ต้องเกริ่นก่อนว่าภาคนี้เป็นเสมือนตราบาปของ Rocky ที่มาผิดพลาดทำเอาความหวังของแฟนๆบ่นเสียดายกันไม่น้อย แล้วอะไรทำให้หนังภาคต่อที่มีดีกรีความสนุกไม่มีท่าทีลดหย่อนต้องมาถึงจุดต่ำสุดคืออะไร คำตอบคือความสมเหตุสมผล การที่ภาคนี้มีข้อเสียมากกว่าข้อดีจึงไม่ต่างกับชีวิตของร็อคกี้ บัลบัวร์ (Sylvester Stallone) ที่ต้องย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของชีวิตอีกครั้ง ชีวิตที่เคยเป็นคนธรรมดาใช้กินแค่พอประทังในแต่ละวัน เรื่องราวในภาคนี้จะเล่าย้อนเหตุการณ์หลังจากไปชกที่รัสเซียและได้รับชัยชนะกลับมาแต่เกิดความผิดปกติบางอย่างในตัวร็อคกี้ทำให้เขาเริ่มเห็นว่าร่างกายไม่เหมือนเคย ซึ่งภายหลังได้รับเข้าตรวจร่างกายและพบว่าได้การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงทำให้ส่งผลต่อสมอง ด้วยเหตุนี้เองจุดจบของการเป็นนักมวยได้จบลงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เพราะปัญหาสุขภาพ ซึ่งเป็นความต้องการของเอเดรียน (Talia Shire) ด้วยส่วนหนึ่งที่อยากให้ร็อคกี้ได้พักจากการต่อสู้เพื่อนคนอื่นบ้าง ทว่าปัญหาที่เหมือนจะทุเลาแก้ไขด้วยการแขวนนวมยังไม่จบเมื่อร็อคกี้กลายเป็นคนล้มละลายต้องสูญเสียทุกอย่างที่สั่งสมมาตลอดชีวิตการต่อสู้ ไม่ว่าจะบ้าน รถ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ แทบจะไม่มีอะไรเหลือในชีวิตที่บ่งบอกถึงความร่ำรวยมาก่อนอีกเลย สิ่งเดียวที่ร็อคกี้ทำได้คือกลับมาสู้ชีวิตอีกครั้งในฐานะปถุชนอีกครั้งหนึ่ง เขาจะไม่ใช่นักมวยที่ได้รับโอกาสให้สู้บนสังเวียน แต่จะเป็นการสู้บนชีวิตที่ไร้ตัวช่วยโดยเขาจะต้องทำโอกาสด้วยตัวเอง

Rocky IV (1985) ร็อคกี้ 4

Rocky IV (1985) | ร็อคกี้ 4
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
Grade: B-
 
ตามตรงภาคนี้มีความเอนเตอร์เทนผู้ชมสูงมากจนกลายเป็นอีกภาคที่ชอบไม่ด้อยไปกว่าสามภาคก่อนทั้งที่เนื้อเรื่องแทบจะไม่มีอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการเดิมของ Sylvester Stallone ที่ตอนแรกตั้งใจทำเป็นภาคแรกภาคเดียวก่อน พอประสบความสำเร็จทั้งรายได้และรางวัลจึงสามารถสานต่อเรื่องราวทำเป็นไตรภาค แต่ด้วยความที่ตัวหนังยังรักษามาตรฐานความสนุกอยู่จึงต้องมีภาคต่อออกมาและครั้งนี้โยงนัยยะไปไกลจากคนธรรมดาสู้ชีวิตกลายเป็นการต่อสู้เพื่อชาติที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี ในความรู้สึกก่อนจะมาถึงเรื่องราวในภาคนี้ยังคงคิดเสมอว่าการต่อสู้นั้นไม่ได้มีแค่บนสังเวียนเพียงอย่างเดียว ในชีวิตบนถนนหนทาง การกินอยู่อาศัย และดำเนินชีวิตยังคงเป็นความลำบากที่มีอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะรวยหรือจนแม้แต่การมีคนรอบข้างมากน้อยเพียงใดก็ไม่อาจชดเชยความทรหดอดทนที่ตัวเองต้องฟันฝ่า สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเองที่เลือก ไม่ใช่กับคนอื่นที่มาชี้ทางให้เพราะสุดท้ายคนที่มีสิทธิ์สูงที่สุดคือเราเอง ต้องยอมรับอย่างหนึ่งถึงข้อคิดมากมายของการใช้ชีวิตคือวิ่งเข้าหาปัญหาและเผชิญกับสิ่งนั้นพร้อมกับแก้ไขไปด้วย ไม่ใช่วิ่งเข้าปัญหาเพื่อก่อสร้างขึ้นหรือวิ่งหนีปล่อยมันไปจนสักวันหนึ่งปัญหาก็ไล่ตามทัน สำหรับปัญหาเสมือนโอกาสที่เกิดมาทดสอบว่ามีวิธีจัดการยังไง บางทีปัญหาทำให้เราชนะ บางทีทำให้เราแพ้ นั้นก็แล้วแต่ความใจสู้ที่จะยืนหยัดจนวินาทีสุดท้ายยังไง ผลลัพธ์อาจออกมาแพ้แต่ไม่เสมอไปเลยที่จะไม่มีคำว่าชนะอยู่ในนั้น

Rocky III (1982) ร็อคกี้ 3 ตอน กระชากมงกุฎ

Rocky III (1982) | ร็อคกี้ 3 ตอน กระชากมงกุฎ
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
Grade: B+
 
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"การเป็นแชมป์มันยาก แต่เทียบไม่ได้เลยกับการรักษาแชมป์"
 
หลังจากโค่นอพอลโล ครีด (Carl Weathers) ลงได้สำเร็จก็สร้างปรากฎการณ์ทำให้ร็อคกี้ บัลบัวร์  (Sylvester Stallone) กลายเป็นคนดังและเป็นขวัญใจประชาชนชาวอเมริกาในแบบที่ใครก็ร้องเรียกชื่อเขาไม่ขาดสาย ซึ่งนั้นทำให้ร็อคกี้ได้ค้นพบตัวเองอีกครั้งว่าอาชีพมวยเหมาะสมกับตัวเขามากที่สุด จึงตัดสินเลือกเส้นทางนี้ต่อไปด้วยการรักษาแชมป์ต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงจุดอิ่มตัวและคงถึงเวลาต้องแขวนนวมอย่างจริงจังเสียที ทว่าเกิดเรื่องขึ้นเมื่อคลับเบอร์ แลง (Mr. T) มาขอท้าชกเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งกว่า ถ้ามองเนื้อเรื่องภาคนี้จะเห็นได้อย่างหนึ่งคือความไม่สมหวังของร็อคกี้ที่อยากจะพักลาวงการมวยแต่ไม่เคยได้เลยสักครั้งเดียวเพราะใครๆก็อยากเข้ามาท้าชกเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นเก่งกว่าและร็อคกี้เป็นเพียงนักมวยที่เคยไร้ชื่อเสียงที่ได้เป็นแชมป์เพราะโชคช่วย ถึงอย่างงั้นตัวร็อคกี้ได้แสดงความสามารถตัวเองชัดเจนในการรักษาตำแหน่งที่ยาวนานจนคิดว่าสมควรแก่เวลาเปลี่ยนมือให้คนอื่นได้เป็นแชมป์กันเสียบ้าง ด้วยเหตุนี้เองจึงสร้างความไม่พอใจให้กับคลับเบอร์ผู้พยายามฝึกซ้อมหนักและชกมวยชนะมาตลอดเพื่อหวังไต่อันดับอย่างเขาต้องถึงกับไม่พอเป็นอย่างสูง เนื่องจากสิ่งที่พยายามมาโดยตลอดกำลังจะสูญเปล่า เมื่อร็อคกี้กำลังจะประกาศอำลาวงการเท่ากับสิ่งที่คลับเบอร์ทำคือหมดความหมาย สำหรับคลับเบอร์แล้วร็อคกี้เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งเพียงอย่างเดียวที่ต้องโค้นให้ได้และคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกที่คิดว่าเหมาะสมกับเขาที่สุด ทางด้านร็อคกี้ที่จะเลิกชกสุดท้ายต้องกลับมาขึ้นสังเวียนอีกครั้งโดยจะเป็นการปิดฉากด้วยชัยชนะที่แท้จริงของเขาเองและให้คำตอบว่าตัวเขาสามารถชนะได้ทุกคนไม่ว่าจะอันดับไหนก็ตาม แต่แล้วความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ร็อคกี้คิดเมื่อเขาแพ้ แพ้อย่างหมดรูปทั้งกายและจิตใจ
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)