แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 1970's แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 1970's แสดงบทความทั้งหมด

The Exorcist (1973) หมอผีเอ็กซอซิสต์ ฉบับสยองลึก

The Exorcist (1973) | หมอผีเอ็กซอซิสต์ ฉบับสยองลึก | A
Director: William Friedkin
Genres: Horror

ถ้าจะให้พูดถึงหนังที่น่ากลัวที่สุดและน่าเครียดน่ากลัวต้องยกให้กับเรื่องนี้ที่เสนอได้เข้มข้นในความหลอนที่เปิดเรื่อง 10 นาทีแรกก็ชวนหลอนและลึกลับอย่างมาก โดยเริ่มที่อิรักที่ซึ่งกำลังขุดซากโบราณวัตถุที่จู่ๆก็มีเด็กไปเรียกชายสูงวัยคนหนึ่งว่าพบอะไรบางอย่าง และได้พบโบราณวัตถุที่น่าสงสัยเป็นอย่างมาก เริ่มจากสิ่งที่เจอมาจากคนละยุคกัน จากจุดนี้สร้างความแปลกใจเพราะไม่รู้ว่าตัวหนังต้องการแนะไปในทิศทางใดกันแน่ ที่ชัวร์ที่สุดคือการบอกเล่าอย่างน่าสงสัยเหมือนมีบางอย่างซ้อนอยู่และที่สำคัญบรรยากาศน่าเครียดน่ากลัวมากถึงแม้จะไม่มีความสยองอยู่ด้วยก็ตาม

Rocky II (1979) ร็อคกี้ 2

Rocky II (1979) | ร็อคกี้ 2
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
Grade: A
 
ความสำเร็จของภาคแรกกลายเป็นสิ่งยืนยันว่า Sylvester Stallone สามารถเอาชนะความยากลำบากมาได้ ทั้งเป็นชัยชนะที่เหนือความคาดหมายอย่างมหาศาลไม่ว่าจะรายได้หรือรางวัลก็ล้วนไหลเทหาตัวจนเปลี่ยนจากคนธรรมดาเป็นคนดัง เช่นเดียวกับเนื้อเรื่องในภาคนี้ที่สะท้อนตัวตนออกมาคล้ายเป็นสิ่งเตือนใจในยามมีทรัพย์สินเงินทองว่าควรจะใช้อย่างไรให้มีความสุขและคุ้มค่า ก่อนจะเข้าประเด็นหลักต้องเริ่มจากย้อนความไปหาภาคแรกเริ่มจากสิ่งที่ชายธรรมดาคนหนึ่งเป็นนักมวยไร้อันดับที่ถูกครูมองเป็นเพียงคนตกรุ่นที่ไม่รู้จักขวนขวาย แต่แล้วก็เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายกับชีวิตเมื่อถูกเลือกเป็นคู่ชกกับนักมวยอันดับหนึ่งของโลกตามวัตถุประสงค์การให้อิสรภาพแก่คนที่ไร้หนทางในวงการได้มีสิทธิ์ได้ทดสอบความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ทว่าใช่จะตอบยอมรับขึ้นชกเลยทันทีเพราะในใจลึกๆแล้วรู้ดีว่าไม่อาจสู้ได้และคิดเกี่ยวกับมวยที่ตัวเขาไม่เป็นมวยควรจะแขวนนวมเพื่อให้ค่ายมวยที่ตัวเองอาศัยไม่แปดเปื้อนจากการทำผิดๆของเขาไปกว่านี้ แต่นั้นไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องเพราะไม่ว่าเขาหรือคนรอบข้างก็ต่างคิดว่านี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่สมควรจะลองดู คำว่าลองคือความจริงจังและไม่ว่าจะแพ้หรือชนะยังไงก็ตาม ถ้าได้ขึ้นเวทีและชกสุดวามสามารถที่ตัวเองทำได้ก็ไม่ต่างกับได้ประกาศให้ทุกคนได้รู้ถึงคนที่ไม่มีอะไรเลยก็มีความพยายามไม่ท้อถอยและสู้เป็น สู้เพื่อชัยชนะ สู้ให้กับตัวเองถึงความกลัวที่อยู่ตรงหน้าที่จะไม่หันหลังให้อีกต่อไป ให้ทุกคนรับรู้นี่แหละเขา "ร็อคกี้"

Rocky (1976) ร็อคกี้

Rocky (1976) | ร็อคกี้
Director: John G. Avildsen
Genres: Drama | Sport
Grade: A+
 
"ความสำเร็จของ Rocky คือการทำให้ร็อคกี้ได้กลับมาสู้ชีวิตสานต่ออาชีพนักมวยอีกครั้ง เฉกเช่นกับ Sylvester Stallone ที่ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองได้สู้ชีวิต ถ้าว่ากันตามตรงนี้คือหนังที่สะท้อนตัวตนของผู้เขียนบทจากชีวิตจริงร่วมด้วยส่วนหนึ่ง ฉะนั้นจะเพื่อใครก็ตามนี้คือหนังเพื่อ Sylvester Stallone ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวเองเพื่อความพยายามของเขาที่ทุ่มหมดหน้าตัก"

The Texas Chain Saw Massacre (1974) สิงหาสับ


The Texas Chain Saw Massacre (1974) | สิงหาสับ
Director: Tobe Hooper
Genres: Horror
http://www.imdb.com/title/tt0072271/
Grade: A

ประสาทไปข้างหนึ่งกับเรื่องวิปริตสุดจิตตกที่ไล่ล่ากันได้อย่างไม่ทิ้งห่างความน่ากลัวกับครอบครัวสุดระทึกขวัญกับเจ้าหน้ากากหนังคนกับเลื่อยตัดเฉพาะตัวพร้อมไล่กวดแบบไม่เหน็ดเหนื่อย เมื่อหนุ่มสาว 5 คนอันประกอบด้วยแซลลี่ (Marilyn Burns) กับแฟรงคลิน(Paul A. Partain) พี่ชายขาพิการของเธอ และเพื่อนอีกสามคน เดินทางหวังไปพักผ่อนกันอย่างมีความสุขสไตล์วัยหนุ่มสาวแต่ก็พลัดพลูหลงเข้ามาเจอบ้านหลังหนึ่งแบบไม่คิดฝันว่าจะเกินธรรมดาเมื่อทั้งบ้านเป็นความจริงของความวิปริต

Carrie (1976) แครี่ สาวสยอง

Carrie (1976) | แครี่ สาวสยอง
Director: Brian De Palma
Genres: Horror| Mystery
Grade: A-
 
"เด็กมีปัญหาไม่ใช่เพราะตัวเด็ก แต่มาจากสิ่งรอบข้างที่ทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองคือแกะดำที่กลายเป็นอสุรกายได้" 
 
ดัดแปลงมาจากนิยายของ Stephen King หรือราชาเขย่าขวัญที่เขียนหนังสือสะท้อนความหวาดกลัวจากใจมนุษย์ในแบบไม่ซับซ้อนแต่เกินคาดเดากับด้านมืดในใจที่อยู่นอกเหนือสิ่งเหนือธรรมชาติ และนี้ก็เป็นหนังเรื่องแรกที่ดัดแปลงมาจากหนังสือของเขาก่อนภายหลังจะมีการดัดแปลงมาเป็นหนังยาวเป็นหางว่าว แต่ถ้าพูดถึงงานที่มีคุณภาพน่าจับตามองจริงๆต้องเริ่มที่เรื่องนี้ที่ดัดแปลงออกมาเป็นหนังได้อย่างแยบยลและไม่น่าเบื่อแถมยังทรงพลังอีกต่างหาก และเรื่องของเรื่องก็มาจากจุดเริ่มต้นของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ท่าทางขี้กลัว อ่อนแอ และไร้เดียงสาต่อโลกภายนอกราวกับคนที่ถูกมองข้ามเสมอและยังเป็นตัวตลกในสายเพื่อนๆอย่างปฏิเสธไม่ได้ และเธอคนนั้นชื่อแครี่ ไวท์ (Sissy Spacek) ที่ถูกกีดกั้นจากทุกสิ่งจากมาร์กาเรต (Piper Laurie) แม่ที่คลั่งศาสนาจนมองสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบาปไปเสียเกือบหมด ซึ่งแม่ของแครี่คือต้นเหตุในหลายๆเรื่องที่ไม่ยอมบอกอะไรเลยและวันๆก็ทรมานลูกให้ท่องสวดมนต์ในห้องแคบเชิงการสารภาพบาป แต่แล้วเมื่อเวลานั้นมาถึงก็กลายเป็นเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นกับตัวแครี่เมื่อระหว่างอาบน้ำหลังเล่นบอลเลย์เสร็จก็เกิดประจำเดือนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ที่สำคัญคือมันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้หญิงทั่วไป ทว่ากับแครี่นั้นไม่รู้ว่าอะไรคือประจำเดือนมาก่อนเนื่องจากแม่ของเธอไม่เคยบอกถึงมาก่อนเพราะเรื่องแบบนี้คิดว่าคนในครอบครัวคงรู้กันอยู่แล้วเมื่อลูกโตเป็นสาว กระนั้นกับครอบครัวไวท์ที่มีเพียงแม่กับลูกสาวดูจะไม่ใช่แบบนั้นเลยเมื่อคนที่เป็นแม่ดันบ้าศาสนาเข้าเส้นจนมองว่าการมีประจำเดือนคือบาปที่ทำให้ลูกสาวกลายเป็นเหยื่อของบรรดาผู้ชาย นี่จึงเป็นต้นเหตุที่ว่าแครี่เริ่มถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมากขึ้นและยังโดนกลั่นแกล้งจากเพื่อนเสมอเพราะเธอคือตัวประหลาด แต่แครี่ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปเมื่อเธอเริ่มจะมีพลังจิตและจะแสดงออกมาเมื่ออารมณ์ของเธอแปรปรวน เมื่อไรที่คุมอารมณ์ไม่อยู่ก็เมื่อนั้นคงถึงคราวระบายอารมณ์ไม่เลิกรา

Coma (1978) โคม่า ธนาคารคนดิบ

Coma (1978) | โคม่า ธนาคารคนดิบ
Director: Michael Crichton
Genres: Drama | Horror | Mystery | Thriller
Grade: B+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ดร.ซูซาน วีลเลอร์ (Genevieve Bujold) แพทย์สาวที่บังเอิญพบข้อสงสัยบางอย่างในโรงพยาบาลของเธอ หลังพบว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการโคม่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและผิดปกติ ซึ่งเธอไม่อาจหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ เนื่องจากทุกรายล้วนมาด้วยสาเหตุและวิธีรักษาที่แตกต่างกัน แทบไม่มีประเด็นไหนหรือจุดเชื่อมโยงเข้าหากัน ทว่าความสงสัยนี้ทำให้ไม่ละทิ้งหาความจริง แล้วนั่นนำสู่เรื่องราวที่คาดไม่ถึง

Suspiria (1977) ดวงอาถรรพ์

Suspiria (1977) | ดวงอาถรรพ์
Director: Dario Argento
Genres: Horror
Grade: B+
 
"จุดสยองขวัญของเรื่องนี้คือ 15 นาทีแรกอันน่าสะพรึง กับ 12 นาทีสุดท้ายอันน่าหวาดผวา"

ซูซี่ แบนเนี่ยน (Jessica Harper) หญิงสาวผู้เดินทางตรงจากนิวยอร์คมาสู่เยอรมันเพื่อเข้าเรียนบัลเล่ต์ยังสถาบันชื่อดังของยุโรป แต่ต้องพบเรื่องแปลกประหลาดหลายอย่างเมื่อซาร่า (Stefania Casini) เพื่อนที่ร่วมเรียนบัลเล่ต์เหมือนกันมาเล่าถึงความผิดปกติของสถานที่แห่งนี้ แม้พล็อตไม่ได้แปลกประหลาดจนน่าคัลท์อะไรแต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้เต็มไปด้วยความน่ากลัวคือเทคนิคการเล่าเรื่องในแบบฉูดฉาดมากสีสัน ซึ่งสีดังกล่าวไม่ได้ทำมาเพื่อให้แสบตาหรือโดดเด่นแต่น่าจะหมายถึงความหมายของสีกับอารมณ์ร่วมเสียมากกว่า แม้สีจะเป็นสิ่งแรกที่เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเพราะสะดุดตากันเหลือเกินจนไม่คิดว่าจะเป็นหนังเพราะคลับคล้ายกับการดูเวทีการแสดงที่มีแสงสีเข้ามาผสมผสานชวนน่าหลงใหล ถ้าว่ากันแล้วเรื่องของสีอาจไม่ใช่อะไรที่น่าแปลกใจแต่ทว่าองค์ประกอบของเรื่องมีการวางแสงสีได้เกินจริงอยู่ตลอดเวลาคล้ายมีนัยยะของความเป็นไปไม่ได้ซึ่งก็เข้ากับความลี้ลับของเรื่องนี้ที่ค่อยๆเพิ่มความน่ากลัวตั้งแต่เปิดเรื่อง ความไม่ธรรมดาของการใช้แสงสีคือการทำให้สถานที่ดังกล่าวผิดธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องพึ่งการเอฟเฟคให้ยุ่งยากหรือแม้กระทั่งการพยายามเล่นจังหวะตกใจ อันที่จริงการเล่นจังหวะตกใจเรื่องนี้ก็มีอยู่แต่ไม่จัดว่าเซอร์ไพรส์จนสะดุ้งโหยงเนื่องจากใช้วิธีสะสมความกลัว ไม่ว่าจะการฆ่าหรือการไล่ล่าก็ล้วนเป็นไปอย่างช้าๆให้ระแวงหน้าระวังหลังอยู่เสมอเนื่องจากสิ่งที่เผชิญไม่ใช่ฆาตกรหรือสัตว์อสูรตนใดแต่คือแม่มดที่ใช้คำสาปแช่งที่อาจจะเจออะไรก็ได้

The Andromeda Strain (1971) แอนโดรเมด้า สงครามสยบไวรัสล้างโลก

The Andromeda Strain (1971) | แอนโดรเมด้า สงครามสยบไวรัสล้างโลก
Director: Robert Wise
Genres: Mystery | Sci-Fi Thriller
Grade: B+

เรื่องเกิดจากดาวเทียมตกแล้วชาวบ้านเอากลับไปที่หมู่บ้านของตน ด้วยความไม่รู้จึงเปิดแล้วทำให้ทุกคนจบชีวิตลงอย่างปริศนาทันที มีผู้เหลือรอดเพียง 2 รายเท่านั้น โดยทั้งสองมีความแตกต่างด้านอายุและร่างกาย คือคนแก่และเด็กทารก ทว่าสิ่งที่ฆ่าคนทั้งหมู่บ้านกำลังระบาดสู่วงกว้าง ทำให้ต้องรีบหาสาเหตุและยับยั้งการแพร่กระจายก่อนที่จะมีคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

The Poseidon Adventure (1972) เรือนรก

The Poseidon Adventure (1972) | เรือนรก
Director: Ronald Neame
Genres: Action | Adventure | Drama | Thriller
Grade: B+

สิ่งที่ชอบมากคือการจัดฉาก แต่ละฉากเหมือนจะทำง่ายแค่ให้ดูเหมือนเกิดความวินาศสั่นตะโร แต่จริงๆแล้วต้องทำให้ทุกอย่างดูกลับหัวกลับหาง ไม่มีอะไรแน่นอนและคงที่เหมือนเดิม ซึ่งเข้ากับสถานการณ์เรือล้ม ที่ไม่ใช่แค่เอียง แต่เป็นคว่ำบนลงล่าง เท่ากับว่าใต้ท้องเรือจะขึ้นมาอยู่ข้างบนเสียแทน การไปจากเรือจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและออกได้ตามปกติ เมื่อหนทางรอดถูกปิดตายอยู่ใต้ทะเล

Westworld (1973) คาวบอยคอมพิวเตอร์

Westworld (1973) | คาวบอยคอมพิวเตอร์
Director: Michael Crichton
Genres: Action | Sci-Fi | Thriller | Western
Grade: B-

เป็นหนังที่ใช้เทคนิค CGI (Computer-generated imagery) เป็นเรื่องแรกเลยก็ว่าได้ คำถามคือใช้ไปกับฉากไหนเพราะดูยังไงก็ล้วนเป็น Special Effect ไปซะทั้งหมด คำตอบอยู่ที่ภาพแทนการมองเห็น หรือภาพที่หุ่นยนต์ในหนังเรื่องนี้มองเห็นนั้นเอง ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นลักษณะ 2D เป็นภาพสีแดงที่แบ่งสีเข้มอ่อนเป็นก้อนสี่เหลี่ยมหรือบิท ดูผ่านๆคงไม่มีใครสังเกต จนกระทั่งภาคต่อใน Futureworld (1976) ที่พัฒนาใช้ภาพ 3D สร้างเป็นรูปมือและใบหน้าบนจอคอมพิวเตอร์ แม้เป็นฉากสั้นๆ แต่หลังจากนี้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะมีบทบาทมากขึ้นในเวลาต่อมา

Monty Python and the Holy Grail (1975) มอนตี้ ไพธอน ป่วนจอกศักดิ์สิทธิ์

Monty Python and the Holy Grail (1975) | มอนตี้ ไพธอน ป่วนจอกศักดิ์สิทธิ์
Director: Terry Gilliam,Terry Jones
Genres: Adventure | Comedy | Fantasy
Grade: A

เห็นว่าเป็นหนังตลกที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง แต่การจะให้มาส่งเสียงหัวเราะตามไปด้วยอาจจะต้องยกสมองออกจากหัวกันก่อน หรือไม่ต้องยกไปไหนแค่เอามาปรับทัศนะคติกันนิดนึงเกี่ยวกับมุขต่างๆที่ต้องเจอแต่ละครั้ง เพราะอย่างแรกคือไม่เน้นเอาฮา แล้วมันจะตลกได้ยังไง? อันนี้แหละที่คิดว่าทำให้หนังเรื่องนี้ตลกโดยที่ไม่ต้องใช้มุขตลก แค่ทำให้เหมือนเป็นหนังตลกก็เท่านั้น ไม่เชื่อเดี๋ยวอธิบายให้ฟังในย่อหน้าถัดไป ส่วนอีกอย่างคือความไม่ปกติ เดี๋ยวดูไปเรื่อยๆไม่กี่วินาทีจะพบความกวน ซึ่งกวนแบบไม่มีใครที่ไหนเล่นกันและออกมาเจ๋งมากๆ

The Enforcer (1976) มือปราบปืนโหด 3

The Enforcer (1976)
มือปราบปืนโหด 3
Director: James Fargo
Genres: Action | Crime | Thriller
Grade: B

สองภาคก่อนทำไว้ดีก็ต้องมีต่อ แต่เหมือนภาคนี้เล่าเรื่องเฉพาะตัวไปหน่อย พอดูแบบไม่คิดอะไรจะรู้สึกเอื่อยช้าไม่เข้มข้นแบบภาคก่อนๆ กระนั้นพอจับจุดประเด็นของหนังจะรู้สึกมีอะไรให้พูดถึงมากกว่าเสียอีก ยิ่งเรื่องของ แฮร์รี่ คัลลาแฮน (Clint Eastwood) ตำรวจสายสืบจอมลุยจะเห็นว่ามีการพูดถึงความสัมพันธ์การทำงานของตำรวจ ทั้งเรื่องคู่หูใหม่ที่เป็นตำรวจหญิง เคท มัวร์ (Tyne Daly) เรื่องการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องในแง่นโยบาย และการแทรกแซงของหน่วยงานรัฐเพื่อหาช่องทางปิดคดีอย่างรวดเร็ว

Battle for the Planet of the Apes (1973) สงครามพิภพวานร

Battle for the Planet of the Apes (1973)
สงครามพิภพวานร
Director: J. Lee Thompson
Genres: Action | Sci-Fi
Grade: C+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

สำหรับภาคนี้คือภาคที่เทียบกับภาคก่อนไม่ค่อยได้ ด้วยที่ว่าเรื่องราวไม่ค่อยมีประเด็นวิพากษ์วิจารณ์สังคมเท่าไรแล้ว อีกทั้งเนื้อเรื่องมีเพียงนิดเดียวทำให้ดูจบเร็วไม่เหมือนภาคก่อนๆที่สั้นแต่หนักแน่น ส่วนภาคนี้จบแล้วยังรู้สึกโล่งๆไม่ค่อยมีอะไรให้ฉุกคิด อาจเพราะเป็นภาคจบบริบูรณ์เลยตั้งใจให้ดูซีเรียสน้อยลงทำให้ความสนุกลดลงไปด้วย ให้เรียงลำดับตามความชอบก็ว่าตามตรงยังชอบภาคแรกมากที่สุด ก็จะเป็น 1>3>4>2>5 ถ้าอยากจะดูต่อจะเป็นฉบับซีรีส์ปี 1974 ความยาว 14 ตอน

Conquest of the Planet of the Apes (1972) มนุษย์วานรตลุยพิภพ

Conquest of the Planet of the Apes (1972)
มนุษย์วานรตลุยพิภพ
Director: J. Lee Thompson
Genres: Action | Sci-Fi
Grade: B

ไวรัสที่พูดถึงในภาคที่แล้วใน Escape from the Planet of the Apes (1971) เกิดขึ้นจนได้และฆ่าสัตว์เลี้ยงหมาแมวจนหมด เมื่อไม่มีสัตว์เลี้ยงเคียงข้างก็ต้องหาสัตว์ชนิดอื่นแทน ซึ่งก็เป็นวานรอย่างที่เกริ่นเอาไว้ในภาคก่อน ทว่าคำว่าสัตว์เลี้ยงดูจะบานปลายเกินขอบเขต ถ้าเป็นหมาหรือแมวเสมือนเพื่อนคู่ใจเอาไว้คลายเหงา มีใช้งานบ้างเล็กน้อยแต่ยังคงความเป็นสัตว์เลี้ยงอยู่เสมอ แต่วานรที่นำมาทดแทนนั้นไม่ได้มาเพื่อคลายเหงาหากมาเป็นทาสรับใช้เสียแทน

Escape from the Planet of the Apes (1971) หนีนรกพิภพวานร

Escape from the Planet of the Apes (1971)
หนีนรกพิภพวานร
Director: Don Taylor
Genres: Action | Sci-Fi
Grade: B+

สปอยล์กันสักนิดว่าทำไมถึงมีภาคต่อทั้งที่ในตอนจบภาคสองหรือ Beneath the Planet of the Apes (1970) ได้ระเบิดโลกทั้งใบไม่มีเหลืออีกแล้ว คำตอบอยู่ที่นักวิทยาศาสตร์วานรทั้งสอง ซึ่งไม่ใช่ใครหากจำกันได้ดีใน Planet of the Apes (1968) เพราะเป็นตัวละครสำคัญอย่างยิ่งยวด นั้นคือ คอร์นีเลียส (Roddy McDowall) และ ซีร่า (Kim Hunter)  โดยกู้ยานอวกาศของมนุษย์แล้วนำมาซ่อมแซม จากนั้นทดลองใช้แต่โดนลูกหลงจากกรระเบิดของโลกทำให้เดินทางข้ามกาลเวลาย้อนอดีตตอนที่มนุษย์ยังครองโลก

Beneath the Planet of the Apes (1970) ผจญภัยพิภพวานร

Beneath the Planet of the Apes (1970)
ผจญภัยพิภพวานร
Director: Ted Post
Genres: Action | Adventure | Sci-Fi
Grade: B-

จะบอกว่าภาคแรกใน Planet of the Apes (1968) ทำเอาไว้ดีมากแล้ว วิพากย์วิจารณ์สังคมมนุษย์กับวานรได้ดุเด็ดเผ็ดมันส์ แม้จะเรื่อยๆหนักไปกับบทสนทนามากมายก็ตาม กระนั้นแล้วด้วยคำวิจารณ์กับรายได้ที่ดีย่อมสร้างภาคต่อ โดยภาคนี้ยังคงคอนเซ้ปต์เนื้อหาสาระเกี่ยวกับสังคมเช่นเดิม แต่เรื่องมนุษย์ที่ประหนึ่งสัตว์ล้างโลกจะกลายเป็นประเด็นที่ตกไปเพราะกล่าวมามากพอแล้วในภาคแรก เช่นกันกับอีกหลายประเด็นจะไม่เอ่ยถึงให้มากความเพื่อความสดใหม่ ซึ่งประเด็นหลักของเนื้อหาภาคนี้คือ"ความรุนแรงกับสันติ"

The Deer Hunter (1978) เดอะ เดียร์ ฮันเตอร์

The Deer Hunter (1978) | เดอะ เดียร์ ฮันเตอร์
Director: Michael Cimino
Genres: Drama | War

ขอร้องอย่างหนึ่งเกี่ยวกับชั่วโมงแรกที่อาจจะน่าเบื่อสำหรับบางคนว่าอย่าได้ข้ามหรือเปลี่ยนไปไหน เพราะอะไรนั้นคือช่วงชีวิตที่ดีและสวยงามที่สุดในเรื่องแล้ว หลังจากนั้นคำว่าความสุขจะไม่ปรากฎให้เห็นอีกต่อไป จะรู้สึกถึงความหดหู่ที่แม้จะยินดีหรือเบิกบานยังไงก็ค้างคาใจตลอดเวลา ไม่ต่างกับสงครามเวียดนามที่ไม่ประกาศว่าแพ้ แต่เมื่อถอนทัพก็เหมือนแพ้โดยไม่ต้องบอกให้ฟัง จึงเป็นคำถามที่ไม่อาจตอบในสิ่งที่ทำลงไปว่าตกลงแล้วไปรบเพื่ออะไร

Exorcist II: The Heretic (1977) หมอผีเอ็กซอร์ซิสต์ 2

Exorcist II: The Heretic (1977)
หมอผีเอ็กซอร์ซิสต์ 2
Director: John Boorman
Genres: Horror

"ภาคแรกคือตำนานความสยองขึ้นหิ้ง ส่วนภาคนี้คือตำมั่วที่เละลงเหวอย่างสิ้นเชิง"

ไม่ทันได้ลงรายละเอียดก็ขอขึ้นต้นด้วยความย่ำแย่ของหนังกันก่อนเพราะเมื่อเทียบกับ  The Exorcist (1973) แล้วจะกลายเป็นหนังคนละม้วนที่เหมือนจะได้อารมณ์เดียวกันแต่เอาเข้าจริงแตกต่างกันไปไกลโข ซึ่งจะโทษอะไรไปไม่ได้นอกจากความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเนื้อเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนกันแน่ เดี๋ยวจะวิทยาศาสตร์ ไสยศาสตร์ ผจญภัย และที่น่าตกใจสุดคือเมื่อมองรวมๆกันไม่ต่างกับแฟนตาซี! นึกแล้วยังแปลกใจไม่น้อยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่หาความแน่นอนไม่ได้ราวกับต่างคนต่างเขียนแล้วนำมาสรุปในตอนจบให้กลายเป็นเนื้อเรื่องเดียวกัน จริงๆถ้าดีคือดี แต่เรื่องนี้ไม่แตะคำว่าดีด้วยซ้ำเพราะออกทะเลโดนพายุพัดไปติดเกาะที่ไหนไม่รู้

Magnum Force (1973) มือปราบปืนโหด 2

Magnum Force (1973)
มือปราบปืนโหด 2
Director: Ted Post
Genres: Action | Crime | Mystery | Thriller
Grade: A-

โดยส่วนตัวชอบภาคแรกที่เล่าความเป็นตำรวจได้สมจริงสมจัง และภาคนี้ก็เช่นกันที่ยังให้ความเป็นธรรมชาติแก่เหล่าตำรวจที่ตกอยู่ในสถานะสีเทาที่บอกไม่ได้ว่าตำรวจที่ดีควรมีลักษณะอย่างไรกันแน่ สำหรับเนื้อหาภาคนี้จะนำไปสู่อีกด้านหนึ่งของตำรวจที่ดำสนิท เมื่อมีตำรวจอ้างตัวเป็นศาลเตี้ยคอยจัดการปิดบัญชีพวกคนร้ายที่กฎหมายไม่สามารถทำอะไรลงได้ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าตำรวจที่ไล่เก็บคนทำผิดกฎหมายคือใคร ทำให้งานนี้ต้องเรียกแฮร์รี่ คัลลาแฮน (Clint Eastwood) ตำรวจมือหนึ่งเรื่องจัดการคนร้ายให้กลับมาแผนกฆาตกรรมอีกครั้งหลังจากลดหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมเพราะสิ่งที่แฮรี่ทำในภาคแรกเกินขอบเขตหน้าที่ไปพอสมควร ผลเลยต้องคุมความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากตัวแฮรี่ให้มีหน้าที่สอดแนมแทนที่จะปล่อยให้ใช้ปืนลุยผู้ร้าย

Dirty Harry (1971) มือปราบปืนโหด

Dirty Harry (1971)
มือปราบปืนโหด
Director: Don Siegel
Genres: Action | Crime | Thriller
Grade: A+

มีตำรวจที่ไหนที่ควักปืนประจำตัวออกมาจากร้านอาหารแล้วเดินบนถนนอย่างไม่รีบร้อนไปหาคนร้ายที่กำลังหนีจากธนาคารที่ตัวเองปล้นโดยไม่สนใจว่าใครจะเป็นใครตายนอกจากจัดการคนร้ายเหล่านั้นที่พกอาวุธและกำลังหนีเสียก่อน แต่นั้นยังไม่เด็ดเท่าเป็นปืนแม็กนั่มจุด 44 ให้อยู่ในมือของตำรวจที่ถูกใช้ได้อย่างร้ายกาจและเท่เกินบรรยายกับคนร้ายพวกนั้นซะอยู่หมัด แค่นั้นยังไม่พอเมื่อเทียบกับลีลาจัดการคนร้ายที่พยายามขัดขืนด้วยแล้วยิ่งบอกถึงความร้ายกาจที่มากขึ้นไปอีก ด้วยประโยคง่ายๆที่ใช้วัดดวงกันไปเลยว่าใครแน่กว่าใคร ประโยคที่กล่าวถึงอย่างมีเล่ห์นัยและคมคาย บอกเลยถ้าไม่ใช่ Clint Eastwood รับบทนี้จะดูไม่ขลังและน่าจดจำขนาดนี้แน่นอน
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)