Jacob's Ladder (1990) ไม่ตาย ก็เหมือนตาย

Jacob's Ladder (1990)
ไม่ตาย ก็เหมือนตาย
Director: Adrian Lyne
Genres: Drama | Horror | Mystery
Grade: A+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"Movies You Must See Before You Die"

การไม่รู้อะไรเลยอาจเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่รู้ไปตลอดย่อมไม่เจอคำตอบ สำหรับเรื่องนี้การไม่รู้อะไรเลยว่าต้องเจอกับอะไรช่วยให้เราสงสัยตลอดเวลา แล้วมันอาจจะดีกว่าถ้าเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จะดีกว่ามากถ้ารู้และยอมรับสิ่งนั้นได้ เฉกเช่นความสงสัยของ นายจาคอร์ป (Tim Robbins) ที่เริ่มเห็นภาพหลอนมากขึ้นจนเป็นปัญหาการดำเนินชีวิตประจำวันจนส่งผลกระทบชีวิตคู่กับ เจสซี่ (Elizabeth Peña) ที่ต้องทะเลาะเป็นบางครั้ง เขาพยายามหาคำตอบให้กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ยิ่งหายิ่งสร้างความลำบากใจมากขึ้นเพราะความจริงนั้นยากเกินจะรับได้ไหว นั้นทำให้จาคอร์ปต้องเลือก?


เป็นหนังสยองขวัญที่สร้างอารมณ์หลอนได้สุดขั้วพอสมควร ไม่ว่าจะสัตว์ประหลาด ลักษณะที่ผิดเพี้ยน หรือความผิดปกติมากมายล้วนทำให้คาดเดาได้ยากว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงมีภาพหลอนคอยก่อกวนชีวิตจิตใจ มาได้อย่างไรไม่มีใครบอกนอกจากฉากเปิดเรื่องที่เหมือนมีส่วนส่งผลกระทบจิตใจจากการทำสงครามเวียดนาม อดีตนั้นเป็นทหารร่วมต่อสู้ก็เป็นไปได้ว่าความโหดร้ายในครั้งนั้นคอยหลอกหลอนรบกวนจิตใจ การกลับมาใช้ชีวิตหลังสงครามจึงไม่เหมือนเดิมเพราะสภาพจิตใจที่อ่อนแอ

แม้เป็นข้อมูลเพียงเล็กน้อยที่หนังบอกในฉากเปิดเรื่องแต่ยังเต็มไปด้วยความสงสัยว่าเป็นไปได้ขนาดไหนที่มองเห็นภาพหลอนออกมาในแปลกประหลาดขนาดนี้ ขณะเดียวกันไม่มีอะไรที่ชี้ไปยังเรื่องการทำสงคราม สิ่งนี้เหมือนเป็นเพียงฉากประกอบว่าเขาผ่านความเลวร้ายมาแล้วและสิ่งนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยกับความเลวร้ายที่เขาเจอในตอนนี้ บางครั้งเหมือนกำลังถูกกลั่นแกล้งให้ผิดจากเรื่องปกติที่ตัวเองเคยทำอยู่ประจำ ยิ่งนั้นทำให้ต้องหาความจริงให้เร็วก่อนจะกลายเป็นคนเสียสติในที่สุด


"ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย"

แม้จะต้องทนทุกข์กับอาการหลอนเสมือนจริงราวกับถูกควบคุมชีวิตก็ยังมีคนที่ให้กำลังใจอยู่เสมอ นั้นคือ หลุยส์ (Danny Aiello) หมอนวดประจำตัวของจาคอร์ป ไม่ว่าจะเกิดอะไรจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับชีวิตอยู่เสมอ เป็นบุคคลเดียวที่พยายามดึงจากห้วงเวลาที่มืดบอดมาสู่หนทางสว่างอีกครั้ง ขณะเดียวกันเหมือนกำลังบอกใบ้บางอย่างเกี่ยวกับตัวจาคอร์ปที่ยังหาคำตอบไม่พบ ซึ่งผู้ชมอาจจะรู้เป็นนัยๆอยู่บ้างแล้วแต่ยังประติดประต่อเนื้อเรื่องไม่ได้

สำหรับหมอหลุยส์ไม่ใช่ใครอื่นใดหากเป็นผู้ช่วยแก่คนที่หลงทาง หรืออีกนัยหนึ่งคือ"เทวทูต" แต่เรื่องของสวรรค์นรกมาเกี่ยวข้องกับจาคอร์ปได้อย่างไรไม่สามารถให้คำตอบได้จนกว่าจะรู้เรื่องอาการที่มาของภาพหลอนนี้ โดยอาการเหล่านี้มาจากผลข้างเคียงของยาที่ใช้ตอนทำสงครามเวียดนาม วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสู้รบให้กับทหารที่ยังมีความกลัว ผลคือมีความก้าวร้าวแต่อยู่เกินขอบเขตควบคุมไว้ได้ ทั้งนี้ส่งผลกระทบระยะยาวแก่จาคอร์ปที่วนเวียนเห็นภาพหลอนแม้จะกลับมาใช้ชีวิตในเมืองแบบคนธรรมดาทั่วไปก็ตาม

Flashback คือสิ่งสำคัญของเรื่องที่พยายามเข้ามาทุกช่วงทุกเวลาเหมือนให้ตระหนักอะไรสักอย่าง ซึ่งมีทั้งเรื่องตอนสงครามเวียดนามและตอนก่อนสงครามกับครอบครัวเดิมที่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วย ซาราห์ (Patricia Kalember) ภรรยาคนรักและลูกทั้งสาม แต่คนที่คิดถึงมากที่สุดคือ เกบ (Macaulay Culkin) ลูกชายคนสุดท้องที่ต้องเสียไปด้วยอุบัติเหตุรถชน ซึ่งเป็นปมในใจเกี่ยวกับข้อผิดพลาดบางอย่างที่กัดกินจิตใจมาตลอด เป็นสิ่งที่ไม่เชื่อว่าเกิดขึ้นและไม่อยากให้เกิดขึ้น


"ปล่อยวาง"

สถานการณ์ไม่สู้ดีนักต่อให้กระจ่างในข้อสงสัยมากมายก็ตามเพราะติดอยู่กับความกังวลและสับสน อนึ่งยังไม่พร้อมจะยอมรับความจริงเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด นั้นทำให้ย้อนกลับมายังสถานที่เก่าอย่างบ้านที่เคยอยู่กันครบทั้งครอบครัว นั่งคิดตระหนักถึงเรื่องทั้งหมดและยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น ในฉากนี้จะมีลูกชายของจาคอร์ปที่สูญเสียไปแล้วมานั่งรอตรงหน้าบันไดราวกับว่ามาต้อนรับและชวนขึ้นบันไดที่ไม่เห็นปลายทางนอกจากแสงสว่าง หลังจากนั้นกลายเป็น Flashback สุดท้ายที่ไม่ได้หมายถึงระลึกความหลังแต่เป็นปัจจุบันของจาคอร์ปที่นอนบนเตียงในชุดทหาร โดยหมอบอกว่าเขานั้นเสียชีวิตแล้ว

เรื่องราวของจาคอร์ปกลายเป็นตอนจบที่หักมุมอยู่หลายขุมเพราะดั้งเดิมนั้นคิดว่าเป็นเพียงฤทธิ์ของยาที่ส่งผลกระทบต่อการรับรู้จนเห็นภาพหลอน ซึ่งอาจจะจริงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เมื่อลองย้อนกลับไปจะเห็นสภาพย่ำแย่ของจาคอร์ปที่ถูกแทง ทว่าการถูกแทงจนได้รับบาดเจ็บเกิดจากทหารฝ่ายเดียวกันเพราะยาที่กระตุ้นเกินควบคุม สิ่งนี้เผยเรื่องราวที่มาของภาพหลอนที่คิดว่าใช่เพราะเพื่อนที่เคยเป็นทหารมีอาการเดียวกัน ประเด็นนี้พูดถึงยาที่นำมาใช้กับทหารในทางที่ผิดและเป็นเรื่องต่อต้านยาอย่างหนึ่ง


แต่แล้วเรื่องราวยังค้างคาอยู่ตลอดเกี่ยวกับการพูดของตัวละครเหมือนบอกใบ้อะไรสักอย่างที่ไม่เอ่ยถึงตรงๆ บางครั้งพูดเหมือนไม่ใช่โลกที่เขาอยู่แล้วจะทำอะไรก็ได้เหมือนเรื่องปกติหรือจะการให้คำแนะนำที่ดีที่เผอิญพูดถึงเรื่องความตายของหมอหลุยส์ ซึ่งคำพูดนั้นต้องการแสดงถึงการอย่ากลัวความตาย ให้ยอมรับเพราะเป็นชะตากรรมแล้วหนทางจะดีเอง ถ้ากลัวที่จะตายจะเห็นสิ่งชั่วร้ายพวกปีศาจมากวนจิตใจ นั้นเป็นนัยยะที่ว่าจาคอร์ปตายไปแล้วตามที่เห็นในฉากสุดท้ายของหนัง

ส่วนวิญญาณยังคงดำเนินต่อไปโดยยึดติดการใช้ชีวิตหลังสงคราม มีคนรักใหม่ มีชีวิตแบบคนทั่วไป แต่ต้องประสบกับภาพหลอนที่หนีไม่พ้น ทว่าภาพหลอนที่คิดว่าคือฤทธิ์ยาที่ตกค้างนั้นไม่ใช่ความจริงแต่เป็นปีศาจที่คอยดึงรั้งให้ทุกข์ทรมานนั่นหมายความว่าแทบทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องแต่งโดยสิ่งชั่วร้ายเพื่อให้ จาคอร์ปไม่สามารถไปสู่หนทางแห่งความจริงหรือทางสว่างในตอนจบ ซึ่งเรื่องราวนี้ไปอิงในพระคัมภีร์ไบเบิลตามพระธรรมปฐมกาล (28:11-19) เกี่ยวกับจาคาร์ปหาที่พักนอน จากนั้นฝันเห็นบันไดที่พื้นดินทอดยาวไปถึงท้องฟ้าและบนสุดคือพระเจ้า


ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 มีนักบุญจอห์น คลิมาคัส (John Climacus) เป็นที่นับถือทั่วยุโรปไม่ว่าจะนิกายไหนก็ตาม ด้วยความเป็นผู้คนเคารพนับถือและยึดเป็นแบบอย่างจึงเสมือนผู้นำก้าวขึ้นบันไดหาพระเจ้าในขั้นสุดท้ายเพื่อไปสู่สวรรค์ ทั้งนี้การขึ้นบันไดยังได้เทวทูตช่วยร้องสรรเสริญและให้กำลังใจแก่ทุกคน ทางกลับกันมีสิ่งชั่วร้ายพยายามทำทุกวิธีทางให้คนตกจากบันได ฉะนั้นบันไดนี้จึงเสมือนการฝึกฝนร่างกายและคุณธรรมเพื่อระดับจิตวิญญาณให้สูงสู่พระผู้เป็นเจ้า

เปรียบกันแล้วใน Jacob's Ladder ก็มีเทวทูตให้เห็นคือหมอหลุยส์ที่พยายามให้คำแนะนำช่วยเหลือแก่จาคอร์ปตระหนักถึงผลที่ตามมา ส่วนเจสซี่และอื่นๆคือความชั่วร้ายที่ดึงให้จาคอร์ปหลงใหลและกลัวในความตาย สังเกตได้ว่าเจสซี่เป็นตัวดึงสู่กิเลสและผลักส่วนที่มีความสุขของจาคอร์ปทิ้งไปด้วยการเผารูปเก่าๆสมัยอยู่กับซาราห์และลูกทิ้งไป กระนั้นการไปสู่สวรรค์หรือการขึ้นบันไดไม่มีนักบุญหรือคนชักพา จะมีแค่ตัวเองเท่านั้นที่สามารถทำได้ เนื่องจากจาคอร์ปยังไม่เชื่อว่าตัวเองตายจึงเป็นเหตุผลที่หมอหลุยส์บอกว่าอย่ากลัวความตายเพราะจะเห็นปีศาจ เมื่อจาคอร์ปยอมรับความจริงนี้จึงนำพาไปสู่บันไดที่มีลูกรออยู่(สังเกตว่าลูกในโลกความจริงตายไปแล้ว ฉะนั้นการเจอลูกเป็นคำตอบว่าจาคอร์ปตายแล้วจริงๆ)


Jacob's Ladder เป็นหนังสยองขวัญที่เต็มไปด้วยฉากหลอนประสาทชวนให้ตื่นเต้นตลอด ความแน่ไม่แน่นอนล้วนน่ากลัว จึงไม่แปลกใจถ้าความน่าสะพรึงจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเกม Silent Hill อีกทั้งความประหลาดที่บอกไม่ถูกว่าคือตัวอะไรก็ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปินวาดรูปของ Francis Bacon และอีกสัญลักษณ์มากมายในหนังที่ซ่อนเอาไว้แต่ไม่รู้ก็ไม่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องหลัก สิ่งต้องรู้คือนี่คือหนังสยงอขวัญที่มีชั้นเชิงมากที่สุดเรื่องหนึ่ง การเล่าเรื่อง อารมณ์ ตัวละคร จังหวะ ทั้งหมดนี้ล้วนแสดงถึงคุณภาพที่บอกเลยว่ายอดเยี่ยม จะเสียดายฉาก Deleted Scene เพราะที่ตัดไปมีแต่ฉากสยองขวัญเด็ดๆทั้งนั้นและเฉลยตัวละครอย่างเจสซี่ว่าจริงแล้วคืออะไร ถ้าเฉลยมันคืออีกด้านหนึ่งของจาคอร์ปนั้นแหละ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)