Planet of the Apes (1968) พิภพวานร

Planet of the Apes (1968)
พิภพวานร
Director: Franklin J. Schaffner
Genres: Adventure | Sci-Fi
Grade: S

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"บ่อยครั้งที่เรามักพูดถึงตัวเองว่าเกิดมาจากไหน เราก็จะมีคำตอบตามความเชื่อว่าพระเจ้า แล้ววิทยาศาสตร์ล่ะ..วานร"

สร้างจากนิยายของ Pierre Boulle โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับ จอร์จ เทย์เลอร์ (Charlton Heston) นักบินอวกาศชาวอเมริกันพยายามเดินทางกลับโลก แต่ต้องประสบอุบัติเหตุยานอวกาศตกลงบนดาวดวงหนึ่ง สำหรับดาวดวงนี้สามารถดำรงชีวิตได้ปกติ ทว่าที่น่าประหลาดใจคือการเจอคนและไม่ใช่คนธรรมดาแต่ที่มีพฤติกรรมแบบสัตว์ พูดไม่ได้หรือตอบโต้ด้วยปัญญา ราวกับหลุดมาจากยุคหินที่ยังไม่เจริญสติปัญญา ทางกลับกันพบวานรที่ทำตัวเหมือนคน ใส่เสื้อผ้า ขี่ม้า ใช้อาวุธ และพูดเป็นภาษาคน กระนั้นศัตรูของวานรกลุ่มนี้คือมนุษย์


พอวานรเจอมนุษย์ก็ทำเหมือนสัตว์คือกำจัดและจับเป็น แน่นอนว่าความไม่รู้เรื่องรู้ราวทำให้จอร์จต้องพบชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นั้นคือการยอมสยบแก่วานรกลุ่มนี้เพราะอาวุธที่ใช้คือปืนบรรจุกระสุนที่น่าเชื่อว่าวานรจะใช้ของสิ่งนี้เป็น เมื่อถูกจับก็กลายเป็นสิ่งแปลกเพราะเขาไม่เหมือนมนุษย์คนอื่นมาก่อนและกลายเป็นเรื่องน่าสนใจแก่นักวิทยาศาสตสองร์ผัวเมียที่เป็นวานรทั้งคู่ชื่อว่า คอร์นีเลียส (Roddy McDowall) และ ซีร่า (Kim Hunter) อีกทั้งได้สร้างความเซอร์ไพรส์เสมือนการค้นพบอันใหญ่หลวงเมื่อจอร์จพูดและเขียนเป็นภาษาเดียวกับที่วานรใช้

ทว่าเมื่อจอร์จเล่าความจริงเกี่ยวกับที่มาที่ไปก็กลายเป็นเรื่องตลกสำหรับวานรในทันที ไม่มีความเชื่อเรื่องการบิน ไม่เชื่อว่ามาจากจุดที่ยานอวกาศตก ไม่เชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เล่ามาทั้งหมดที่เกี่ยวกับมนุษย์และวานรในมุมที่แตกต่าง ในฉากขึ้นศาลวานรเสมือนศูนย์รวมของความเชื่อแบบหัวชนฝา จะเสนออะไรก็ไม่ยอมรับทั้งสิ้นเพราะมีความเชื่อที่ถูกต้องผ่านการสั่งสอนหลายชั่วอายุคน ขนาดว่ามีการจดบันทึกในลักษณะคัมภีร์ไบเบิลที่แปรสภาพเป็นของวานร มีคำสอนเกี่ยวกับมนุษย์ประดุจสิ่งชั่วร้ายที่อยู่แห่งใดจะพาหายนะมาสู่ที่นั้น


"วิวัฒนาการกลับหัวกลับหาง"

ไม่นึกว่าการเถียงกันที่ฟังดูตลกแต่สมจริงในศาลวานรจะดุเดือดเลือดพล่านมากขนาดนี้มาก่อน เป็นการโต้วาทีระหว่างหลักวิทยาศาสตร์กับความเชื่อราวกับคนละยุคสมัยมานั่งสนทนาและไม่มีใครยอมใคร สำหรับคัมภีร์ไบเบิลเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของความเชื่อเรื่องพระเจ้าที่ให้กำหนดวานรทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ตามคำสอน ส่วนมนุษย์นั้นคือสิ่งชั่วร้ายราวกับปรสิตกัดกินทำลายพืชพรรณธรรมชาติ(ไม่มีกระบวนการคิดนอกจากสัญชาตญาณดำรงชีวิตคือกินไปวันๆ) แล้วจอร์จจะทำยังไงกับความเชื่อที่ฝังรากลึกเหล่านี้ อธิบายก็แล้ว แสดงให้เห็นก็แล้ว ไม่มีใครเชื่อเขาเพราะกลัวการเปลี่ยนแปลง

เมื่อปี ค.ศ.1859 ชาลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) มีทฤษฎีอยู่อย่างหนึ่งที่ทำเอาปั่นป่วนไปทั่วโลก นั้นคือทฤษฎีวิวัฒนาการ (Evolutionary Theory) ซึ่งได้เสนอสู่สาธารณะพร้อมแนวคิดที่ว่ามนุษย์กับวานรมีบรรพบุรุษร่วมกัน(วานร แทนคำว่า Ape ส่วน ลิง แทนคำว่า Monkey ซึ่งลิงมีหาง) เมื่อกล่าวกระนั้นได้ทำลายความเชื่อการเกิดที่มาแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะคริสตจักรเนื่องจากแนวคิดนี้ได้ล้มล้างความเชื่อเดิมตามไบเบิลที่บอกว่า"พระเจ้าสร้างมนุษย์" เช่นนี้แล้วมนุษย์จึงเป็นสัตว์ประเสริฐเพียงสายพันธุ์เดียว แล้วที่นี่ใครจะไปยอมรับว่าตัวเองเกิดมาจากสัตว์ป่า


ก็เหมือนกันที่จอร์จพยายามแสดงความคิดที่แตกต่างออกไป พยายามบอกถึงความเป็นไปได้ที่ช่วยไขข้อกระจ่าง ทว่าความน่าเชื่อถือนี้เป็นตัวการทำลายระเบียบที่สร้างมาอย่างยาวนานและไม่ดีถ้าเชื่อสิ่งใหม่นี้เพราะจะเป็นการหลบหลู่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง ฉะนั้นแล้วคือเรื่องไร้สาระที่ไม่ควรเชื่อต่อทุกคำพูดของจอร์จ อีกทั้งมนุษย์ก็มนุษย์ที่นิยามเอาไว้ชัดเจนว่าคือสิ่งชั่วร้าย แต่ถึงเช่นนั้นยังมี คอร์นีเลียส และ ซีร่า นักวิทยาศาสตร์วานรที่เชื่อในสิ่งที่จอร์จพูดมาทั้งหมดด้วยความคิดตามหลักเหตุและผลที่น่าเป็นไปได้ แต่แบบไหนจะชนะระหว่างความเชื่อที่ปิดหูปิดตาปิดปากไม่รับสิ่งใหม่กับการค้นพบที่นำไปสู่เรื่องราวต่อยอดที่มนุษย์อาจคือบรรพบุรุษของวานร

Planet of the Apes ไม่ใช่หนังแนวไซไฟที่ล้ำยุคสมัยแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังเป็นพลิกตลบคืนสู่อารยธรรมดั้งเดิมที่มนุษย์กลายเป็นวานรก็เป็นได้ ด้วยความคิดแบบสลับนี้อาจไม่ใช่เรื่องแปลกแต่การนำไปต่อยอดถกเถียงเรื่องสังคมชวนให้คิดไม่สิ้นสุด ทุกการดำเนินเรื่องชวนให้ติดตามในเชิงวิพากย์วิจารณ์ระหว่างมนุษย์กับวานรในแบบที่คล้ายกัน แค่เปลี่ยนสถานะของมนุษย์ให้ต่ำกว่าเหมือนวานรที่เป็นเพียงสัตว์ชนิดหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้อาจไม่เหมาะกับใครก็ตามที่อยากสนุกแบบผจญภัยหรือมีแอ็คชั่นเพราะสิ่งนี้หามีไม่


ทั้งเรื่องเห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มวานรว่าอยู่กันแบบไหน มีแนวคิดปฏิบัติยังไงต่อการดูแลสังคม ซึ่งสิ่งนี้เสมือนกรอบที่สร้างเอาไว้เพื่อระบบระเบียบแม้เนื้อแท้บางครั้งคือการหยุดสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเพื่อไม่ให้สิ่งเก่าตายจาก นอกจากเนื้อหาสาระที่หยิบมาชวนคิดก็ยังสอดแทรกความจริงที่ซ่อนเอาไว้และค่อยๆคลายปมเกี่ยวกับที่มาของมนุษย์และวานร ความจริงที่ต่างฝ่ายต่างสงสัยและได้คำตอบที่ค้างคาใจ ทว่าคำตอบนี้สมควรมากแค่ไหนที่ให้ทุกคนรู้หากไม่ใช่อย่างที่เชื่อมาตลอด

จนเมื่อถึงจุดหนึ่งในตอนจบทำให้รู้ว่าการเดินทางของจอร์จไม่ใช่ดาวดวงอื่นแต่อย่างใด หากคือโลกที่ไกลออกไปในอนาคต คำตอบนี้มาจากทฤษฎีการยืดของช่วงเวลา (Time Dilation) มาใช้อธิบายว่าสุดท้ายแล้วเผ่าพันธุ์ที่ถอยหลังคือมนุษย์นั้นเอง คำตอบที่ได้จากการเห็นเทพีเสรีภาพที่ทรุดพังริมทะเล สิ่งนี้ไม่สามารถอธิบายอะไรไปมากกว่าการล่มสลายของอารยธรรมที่อาจเกิดจากการกระทำของมนุษย์ด้วยกันเองภายใต้สงครามที่ไม่มีสิ้นสุดและไม่อาจคงไว้ซึ่งเสรีภาพดังที่เห็นในฉากจบ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)