Ready Player One (2018) เรดดี้ เพลเยอร์ วัน สงครามเกมคนอัจฉริยะ

Ready Player One (2018) | เรดดี้ เพลเยอร์ วัน สงครามเกมคนอัจฉริยะ
Director: Steven Spielberg
Genres: Action | Adventure | Sci-Fi
Grade: A+

เวด (Tye Sheridan) เด็กชายวัยรุ่นที่เป็นส่วนหนึ่งของโลกโอเอซิส พยายามทำความเข้าใจกับโลกจำลองอันไร้ขีดกำจัดนี้กับปริศนาที่ฮาลลีเดย์ (Mark Rylance) ผู้สร้างได้ทิ้งไว้ก่อนอำลาโลกนี้ไป ซึ่งไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว แต่โลกทั้งโลกพยายามไขความลับนี้เพื่อนำไปสู่สมบัติมหาศาล ทว่าไม่มีใครรู้คำตอบนี้ จนกระทั่งเวดได้ลองผิดลองถูกจากความน่าจะเป็นของคำตอบที่เขาได้มา นั่นทำให้ปริศนาถูกคลี่คลายแล้วบางส่วน เวดจึงตกเป็นเป้าหมายของซอร์เรนโต้ (Ben Mendelsohn) ผู้หวังครอบครองสมบัติและโอเอซิส


ยอมในความเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง นี่คือสุดยอด Easter Egg ที่หยิบรวบรวมความทรงจำสารพัดนึก ตั้งแต่ของเล่น เกม หนัง เพลง วัฒนธรรมป๊อป ทุกสิ่งที่อยู่ในจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นอารมณ์ 70-90's มาเต็มที่มาก ใครผ่านจุดนั้นมาหรือหลงใหลช่วงเวลานั้นจะซึมซับได้อย่างดี แต่ไม่ได้แปลว่าทิ้งยุคปัจจุบันเพราะใส่เข้ามาไม่ยั้งเช่นกัน

การได้เห็นหนังที่มีเนื้อหาและตัวละครไฟแรงขนาดนี้ไม่ได้เกิดจากผู้กำกับหน้าใหม่ หากเป็นหน้าเก่าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานักต่อนักอย่างผู้กำกับ Steven Spielberg ที่มีอายุขณะทำเรื่องนี้ก็ขึ้นเลข 7 นำหน้าแล้ว ทว่ายังอุดมด้วยวิธีเล่าผ่านมุมมองของเด็กวัยรุ่น มีความฝัน ความรัก และความสนุกสนานตามประสาของเด็กในวัย Coming of age แต่เนื้อหาไม่ได้เน้นย้ำประเด็นนี้เท่าไรนัก เพราะพูดถึงทุกช่วงวัยบนโลกที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิต


ชีวิตจริงไม่สามารถเป็นอย่างฝันหรือมีสิ่งที่เกินจริง ดังนั้นการทำให้เป็นจริงคือการสร้างโลกใบใหม่ ภายใต้ชื่อ"โอเอซิส"เพื่อสนองความต้องการที่โลกจริงที่ไม่อาจให้ได้ ทำให้โลกเสมือนนี้เป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก เนื่องจากทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ มีอิสระเลือกใช้ชีวิตได้ตามความพึงพอใจ เสมือนเล่นเกมที่สวมบทเป็นใครหรือตัวอะไรก็ได้ สามารถทำภารกิจเก็บเงินเพื่อแลกซื้ออุปกรณ์หรือชุดเพื่ออัพเกรดตัวเอง เป็นได้ทุกอย่างเหมือนเข้าไปเล่นเกมจริงๆ

ประเด็นเทคโนโลยีเข้ามาพัวพันกับชีวิตจริงทำให้ใครหลายคนเลือกเข้าสู่โลกจำลอง แล้วจะเข้าไปสู่โลกที่ไร้ความรู้สึกจริงแบบนั้นทำไม ถ้าดูจากที่เกริ่นจะเห็นความไม่ราบรื่นของผู้คนด้านการใช้ชีวิต ยังมีความไม่เท่าเทียมกีดกั้นแบ่งแยกกันอยู่ การที่หนังเลือกตัวละครจากสลัมทำให้เห็นถึงความเป็นอยู่ในลักษณะที่จำกัด แต่ถ้ามาอยู่ในโอเอซิสทำให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกันหมด เริ่มจากศูนย์เหมือนกันหมด ไม่มีสิทธิ์แบ่งชนชั้น และอยู่ได้ด้วยฝีมือ


การได้เห็นอะไรหลายอย่างไม่รู้สึกว่าล้น แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้เพิ่มมากกว่านี้อีกด้วยซ้ำ แม้จะเศษเสียวโผล่กันมาคนละวิสองวิก็เพียงพอต่อความรู้สึกที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นจริง คิดดูสิว่าการได้เห็นตัวละครจากคนละเรื่องมาสู้กันเป็นเรื่องที่แปลกตาและตื่นเต้นมากแค่ไหน อีกทั้งเป็นการเซอร์ไพรส์ที่นึกไม่ถึงว่าจะมีตัวละครเช่นนี้อยู่ในหนังด้วย คงไม่มีอะไรดีไปกว่าบอกว่า Ready Player One เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ติดตามข่าวสารบันเทิง จะยุคไหนช่วงใด ความสัมพันธ์ของใคร สื่อชนิดไหน ทั้งหมดดัดแปลงเป็นเรื่องราวที่เข้ากันอย่างลงตัว

Ready Player One เป็นหนังที่สนุกมากกับคนที่รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ แต่กับขาจรจะสนุกไม่สุดและไม่เข้าใจสิ่งที่ยัดใส่เข้ามา ประเด็นบางอย่างค่อนข้างเฉพาะตัวและบอบบางจนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแบบนี้ด้วยล่ะ ขณะเดียวกันประเด็นของโลกจริงจะดูด้อยกว่าโลกจำลองที่จัดเต็มไปซะทุกด้าน ปมของตัวละครจึงไม่หนักแน่นเพราะไม่ให้โอกาสแทรกในจุดนี้ สิ่งที่ทำได้คือพยายามไปต่อข้างหน้าให้สุดสักทางเพื่อให้ทุกอย่างออกมาลงตัว ทำให้ตอนจบดูง่าย แต่ยอมรับสไตล์ผู้กำกับ Steven Spielberg ที่จบแบบนี้ก็สมเหตุสมผลและประทับใจตั้งแต่หนังเริ่มเรื่องแล้ว

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)