Love, Simon (2018) อีเมลลับฉบับ, ไซมอน

Love, Simon (2018) | อีเมลลับฉบับ, ไซมอน
Director: Greg Berlanti
Genres: Comedy | Drama | Romance
Grade: A+

รู้สึกละมุนอย่างบอกไม่ถูก มีความ Feel Good เกือบตลอดทั้งเรื่องทั้งที่เป็นปัญหาเก็บกด ซึ่งปัญหาดังกล่าวคือสุดยอดความลับของไซมอน (Nick Robinson) เด็กหนุ่มที่รู้ตัวว่าเป็นเกย์ แต่ไม่มีใครรู้ความลับนี้เลยสักคน และเขายังคงเก็บเอาไว้เสมอเพื่อไม่ให้สิ่งนี้ย้อนมาทำร้ายตัวเองและคนรอบข้างที่เขารัก จนกระทั่งมีใครที่ไหนไม่รู้มาประกาศว่าตัวเองเป็นเกย์ในบล็อกเกอร์ของโรงเรียน โดยใชัชื่อว่า"บลู" นั่นทำให้ไซมอนคิดว่าเขาไม่ใช่เกย์คนเดียวของโรงเรียนอีกต่อไปและพยายามติดต่อพูดคุยผ่านอีเมล์ด้วยชื่อ"ฌาคส์"


เรื่องง่ายๆที่ตัดสินใจยาก การจะบอกคนอื่นให้รับรู้สภาพเพศของตัวเองที่แตกต่างจะมีใครที่รับฟังแบบเปิดใจ ยิ่งเป็นสิ่งที่เกิดในวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงหรือ Coming of Age ด้วยแล้วจะทำยังไง การปกปิดเพื่อใช้ชีวิตกับเพื่อนๆและครอบครัวอย่างปกติ แม้ลึกๆจะรู้สึกอึดอัดในบางเรื่องก็ต้องทำเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ สำหรับไซมอนการให้ความลับนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะมีผลต่ออนาคตและคนรอบตัว ซึ่งนั้นหมายถึงการยอมรับเพราะใช่ทุกคนจะพอใจที่มีเพื่อนหรือลูกเป็นเกย์

ไซมอนมีเพื่อนสนิท 3 คนคือ นิก (Jorge Lendeborg Jr.), ลีอาห์ (Katherine Langford) และแอ๊บบี้ (Alexandra Shipp) แต่ละคนต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ทว่าทุกคนต่างมีสถานะของเพศที่ปกติทั้งหมด ชายรักหญิง หญิงรักชาย แต่กับไซมอนเป็นเกย์และแตกต่างจากเพื่อน ในฉากแต่ละคนออกมาสารภาพกับคนในครอบครัวว่าตัวเองชอบเพศตรงข้ามเป็นการจี้ใจไซมอนอย่างหนึ่ง เนื่องจากทุกคนพูดได้และผลตอบรับออกมาดีเพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ แล้วไซมอนล่ะ?


"ผมชอบผู้ชาย"

บลูคือตัวละครปริศนาที่หนังพยายามบอกว่าคือใคร กระนั้นทุกครั้งที่ทำให้เชื่อว่าเป็นใครต้องกลายเป็นคำตอบที่ผิดอยู่เสมอ นั่นทำให้การหาตัวตนของบลูไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอย่างที่รู้ว่าทั้งคู่ปกปิดความเป็นเกย์ ฉะนั้นบลูจึงมีความคล้ายคลึงกับไซมอนที่ยังไม่กล้าแสดงสถานะเพศตัวเอง การพูดคุยอย่างเปิดเผยผ่านอีเมลล์คือที่ปลอดภัยเพราะไม่เห็นหน้าหรือสิ่งที่บ่งบอกว่าคือเขาคนนั้น แต่จะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

วิธีเล่าแบบเนิบๆที่รู้สึกลื่นไหลทำให้ประเด็นทางเพศดูเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างมาก การพูดถึงเพศแต่ไม่รู้สึกอารมณ์ทางเพศเป็นสิ่งที่นำเสนอได้ตรงประเด็น ทำให้เรื่องกว้างถูกบีบให้เล็กและเข้าใจง่ายขึ้น แม้การบอกว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ไซมอนเป็นเกย์จะฟังดูบอบบาง ทว่าการสนใจเพศเดียวกันจนไม่รู้สึกในเพศตรงข้ามก็เพียงพอต่อการบอกสถานะเพศตัวเอง ซึ่งจะทำยังไงให้เป็นตัวของตัวเองคือปมของหนังเรื่องนี้


ทุกอย่างดูราบรื่นไปกับครอบครัวไซมอนที่ดีพร้อมทุกอย่าง ความสมบูรณ์นี้จึงดูเป็นข้อเสียของหนังที่หลายคนมองว่าไม่น่าเป็นสาเหตุให้กล้าบอกความลับนี้ แต่เมื่อมองในแง่ความสมบูรณ์จะให้เห็นไซมอนคือปมด้อยที่แยกออกมา การไม่ยอมบอกว่าเป็นเกย์เพราะอาจทำให้คนในครอบครัวเปลี่ยนไปจากเดิม ความสมบูรณ์อาจพังทลายเพราะความผิดปกติทางเพศอย่างที่บางคนมอง ความกล้าที่ต้องเลือกบนเส้นทางความเสี่ยงนี้จึงดูเป็นการก้าวข้ามความกลัว ไม่ใช่ทุกครั้งที่ความจริงจะออกมาแย่ ถ้าเก็บเอาไว้มีแต่แย่กว่าเดิม

Love, Simon คือหนังที่พูดเรื่องเพศที่ฟังดูไม่ใช่เรื่องไกลตัวและยากที่จะเข้าใจ อันที่จริงเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและบอบบางอย่างมาก โดยเฉพาะการปกปิดความจริงเพราะเชื่อว่าไม่เป็นที่ยอมรับและกลายเป็นตัวตลกเพราะความแปลก แต่ใครจะไปรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ ขอแค่ความกล้า กล้าที่จะเผชิญ กล้าที่จะบอกว่าตัวเองเป็นอะไร สำหรับเพศไม่ใช่ทุกสิ่งที่บอกถึงความดีหรือความเลวแต่อย่างใด ทุกคนเป็นคนดีได้เพราะการกระทำ บอกไปเลยว่าตัวเองเป็นเกย์ เป็นเลสเบี้ยน ชอบเพศเดียวกัน ถึงจะไม่เข้าใจในทันที แต่อยากให้มองเป็นเรื่องของโอกาส หลายคนที่ดูจบต้องรู้สึกปลื้มปริ่มแน่นอน

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)