แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 1980's แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 1980's แสดงบทความทั้งหมด

Alligator (1980) โคตรไอ้เคี่ยม

Alligator (1980) | โคตรไอ้เคี่ยม | B+
Director: Lewis Teague
Genres: Horror | Sci-Fi | Thriller

การมีจระเข้ยักษ์อยู่ในท่อระบายน้ำของเมืองใหญ่อาจว่าแปลก แต่พอได้เห็นวิธีเล่าที่สะท้อนการเลี้ยงสัตว์แบบไม่ยั้งคิดและความไม่แคร์จรรยาบรรณในด้านต่างๆ ทำให้เป็นหนังที่สะท้อนสังคมด้านแย่ออกมา

The Delta Force (1986) แฝดไม่ปรานี

The Delta Force (1986) | แฝดไม่ปรานี | C+
Director: Menahem Golan
Genres: Action | Adventure | Drama | Thriller | War

ถ้าบทเขียนให้จบก็จบได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่เห็นคือการดึงเวลาและกั๊กเพื่อไปสู่ฉากสุดท้ายที่มีแอ็คชั่นจัดเต็มตอนท้าย ซึ่งไม่ได้เร้าใจขนาดต้องเอ่ยคำชม ยกเว้นความโม้ของ Chuck Norris ที่ขี่มอเตอร์ไซค์เอามันส์อยู่เดียว (ฉากจอดรอหน้าประตูให้คนร้ายเห็นก่อนจะอันตรธานอย่างลึกลับราวกับหนังสยองขวัญ)

The Beastmaster (1982) ดาร์ เจ้าชีวิตแดนเถื่อน

The Beastmaster (1982) | ดาร์ เจ้าชีวิตแดนเถื่อน | C+
Director: Don Coscarelli
Genres: Action | Adventure | Fantasy

แม็กซ์ (Rip Torn) ตัวร้ายให้แม่มดทำนายชีวิตตัวเองในอนาคต พบว่าต้องตายด้วยฝีมือของคนที่ยังไม่เกิด ดังนั้นจึงกำจัดคนที่น่าจะฆ่าตัวเองตั้งแต่ในครรภ์ ทว่าโชคดีที่เด็กคนนั้นรอดจากฝีมือแม่มดและถูกชุบเลี้ยงจากคนที่พบเจอกลายเป็นนักรบนามว่า ดาร์ (Marc Singer) ซึ่งจะกลับมาตามคำทำนายให้เป็นจริง

Rocky IV (1985) ร็อคกี้ 4

Rocky IV (1985) | ร็อคกี้ 4 | B-
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
 
ตามตรงภาคนี้มีความเอนเตอร์เทนผู้ชมสูงมากจนกลายเป็นอีกภาคที่ชอบไม่ด้อยไปกว่าสามภาคก่อนทั้งที่เนื้อเรื่องแทบจะไม่มีอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการเดิมของ Sylvester Stallone ที่ตอนแรกตั้งใจทำเป็นภาคแรกภาคเดียวก่อน พอประสบความสำเร็จทั้งรายได้และรางวัลจึงสามารถสานต่อเรื่องราวทำเป็นไตรภาค แต่ด้วยความที่ตัวหนังยังรักษามาตรฐานความสนุกอยู่จึงต้องมีภาคต่อออกมาและครั้งนี้โยงนัยยะไปไกลจากคนธรรมดาสู้ชีวิตกลายเป็นการต่อสู้เพื่อชาติที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี ในความรู้สึกก่อนจะมาถึงเรื่องราวในภาคนี้ยังคงคิดเสมอว่าการต่อสู้นั้นไม่ได้มีแค่บนสังเวียนเพียงอย่างเดียว ในชีวิตบนถนนหนทาง การกินอยู่อาศัย และดำเนินชีวิตยังคงเป็นความลำบากที่มีอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะรวยหรือจนแม้แต่การมีคนรอบข้างมากน้อยเพียงใดก็ไม่อาจชดเชยความทรหดอดทนที่ตัวเองต้องฟันฝ่า สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเองที่เลือก ไม่ใช่กับคนอื่นที่มาชี้ทางให้เพราะสุดท้ายคนที่มีสิทธิ์สูงที่สุดคือเราเอง ต้องยอมรับอย่างหนึ่งถึงข้อคิดมากมายของการใช้ชีวิตคือวิ่งเข้าหาปัญหาและเผชิญกับสิ่งนั้นพร้อมกับแก้ไขไปด้วย ไม่ใช่วิ่งเข้าปัญหาเพื่อก่อสร้างขึ้นหรือวิ่งหนีปล่อยมันไปจนสักวันหนึ่งปัญหาก็ไล่ตามทัน สำหรับปัญหาเสมือนโอกาสที่เกิดมาทดสอบว่ามีวิธีจัดการยังไง บางทีปัญหาทำให้เราชนะ บางทีทำให้เราแพ้ นั้นก็แล้วแต่ความใจสู้ที่จะยืนหยัดจนวินาทีสุดท้ายยังไง ผลลัพธ์อาจออกมาแพ้แต่ไม่เสมอไปเลยที่จะไม่มีคำว่าชนะอยู่ในนั้น

Rocky III (1982) ร็อคกี้ 3 ตอน กระชากมงกุฎ

Rocky III (1982) | ร็อคกี้ 3 ตอน กระชากมงกุฎ | B+
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
 
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"การเป็นแชมป์มันยาก แต่เทียบไม่ได้เลยกับการรักษาแชมป์"
 
หลังจากโค่นอพอลโล ครีด (Carl Weathers) ลงได้สำเร็จก็สร้างปรากฎการณ์ทำให้ร็อคกี้ บัลบัวร์  (Sylvester Stallone) กลายเป็นคนดังและเป็นขวัญใจประชาชนชาวอเมริกาในแบบที่ใครก็ร้องเรียกชื่อเขาไม่ขาดสาย ซึ่งนั้นทำให้ร็อคกี้ได้ค้นพบตัวเองอีกครั้งว่าอาชีพมวยเหมาะสมกับตัวเขามากที่สุด จึงตัดสินเลือกเส้นทางนี้ต่อไปด้วยการรักษาแชมป์ต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงจุดอิ่มตัวและคงถึงเวลาต้องแขวนนวมอย่างจริงจังเสียที ทว่าเกิดเรื่องขึ้นเมื่อคลับเบอร์ แลง (Mr. T) มาขอท้าชกเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งกว่า ถ้ามองเนื้อเรื่องภาคนี้จะเห็นได้อย่างหนึ่งคือความไม่สมหวังของร็อคกี้ที่อยากจะพักลาวงการมวยแต่ไม่เคยได้เลยสักครั้งเดียวเพราะใครๆก็อยากเข้ามาท้าชกเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นเก่งกว่าและร็อคกี้เป็นเพียงนักมวยที่เคยไร้ชื่อเสียงที่ได้เป็นแชมป์เพราะโชคช่วย ถึงอย่างงั้นตัวร็อคกี้ได้แสดงความสามารถตัวเองชัดเจนในการรักษาตำแหน่งที่ยาวนานจนคิดว่าสมควรแก่เวลาเปลี่ยนมือให้คนอื่นได้เป็นแชมป์กันเสียบ้าง ด้วยเหตุนี้เองจึงสร้างความไม่พอใจให้กับคลับเบอร์ผู้พยายามฝึกซ้อมหนักและชกมวยชนะมาตลอดเพื่อหวังไต่อันดับอย่างเขาต้องถึงกับไม่พอเป็นอย่างสูง เนื่องจากสิ่งที่พยายามมาโดยตลอดกำลังจะสูญเปล่า เมื่อร็อคกี้กำลังจะประกาศอำลาวงการเท่ากับสิ่งที่คลับเบอร์ทำคือหมดความหมาย สำหรับคลับเบอร์แล้วร็อคกี้เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งเพียงอย่างเดียวที่ต้องโค้นให้ได้และคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกที่คิดว่าเหมาะสมกับเขาที่สุด ทางด้านร็อคกี้ที่จะเลิกชกสุดท้ายต้องกลับมาขึ้นสังเวียนอีกครั้งโดยจะเป็นการปิดฉากด้วยชัยชนะที่แท้จริงของเขาเองและให้คำตอบว่าตัวเขาสามารถชนะได้ทุกคนไม่ว่าจะอันดับไหนก็ตาม แต่แล้วความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ร็อคกี้คิดเมื่อเขาแพ้ แพ้อย่างหมดรูปทั้งกายและจิตใจ

เงินปากผี (1981)

เงินปากผี (1981)
Director: ชนะ คราประยูร
Genres: Horror
Grade: C+

บรรยากาศแบบไทยๆจากชาวบ้านต่างจังหวัดที่เต็มไปด้วยป่าเขาและความเชื่อ ซึ่งรวมไปถึงสิ่งที่ต้องการสะท้อนชนชั้นของสังคมที่ต้องการเงินทอง แต่ความต้องการของผู้ใหญ่คงเป็นเรื่องปกติจากหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากได้ การเลือกตัวละครเด็กวัยเรียนที่มีความคิดง่ายๆแต่ซื่อตรงแสดงให้เห็นว่าเงินนั้นเป็นที่อยากได้เช่นกัน ทว่ากับชาวบ้านนอกเมืองจะหาเงินได้สักเท่าไรเชียว

Back to the Future Part II (1989) เจาะเวลาหาอดีต ภาค 2

Back to the Future Part II (1989) | เจาะเวลาหาอดีต ภาค 2
Director: Robert Zemeckis
Genres: Adventure | Comedy | Sci-Fi
Grade: A

ภาคแรกจบไปซะแบบนั้นแล้วจะไม่ให้มีภาคต่อคงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อลงทุนไป 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ได้กำไรมาถึง 381 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันจริงตั้งใจทำเป็นไตรภาคเดินเรื่องรวดเดียวแบบไม่ต้องพักต่างหาก นี่สิถึงจะมันส์ขนาดแท้ กลับมาเข้าที่เนื้อเรื่องที่สานต่อจากตอนจบภาคแรกที่ว่าด้วยดร.เอ็มเมท บราวน์ (Christopher Lloyd) ใช้รถเจาะเวลาไปอนาคตในปี 2015 ก่อนจะกลับมาในปี 1985 อีกครั้งเพื่อมาบอกมาร์ตี้ (Michael J. Fox) เรื่องลูกในอนาคตที่กำลังจะพบปัญหาชิ้นใหญ่ที่จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตไป ทำให้งานนี้ทั้งด็อกทั้งมาร์ตี้ต้องเดินทางไปอีก 30 ปีข้างหน้าเพื่อไปแก้ไขปัญหานี้ให้จบลงด้วยดี ทำให้การผจญภัยครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทว่าปัญหาของการไปอนาคตครั้งนี้ได้ส่งผลไปยังอดีตจนผิดเพี้ยนไปจากเดิมอย่างมหาศาลเมื่อด็อกกับมาร์ตี้ได้ย้อนกลับมาเวลาเดิมในปี 1985 แล้วพบว่าทุกอย่างผิดปกติไปหมดทั้งบ้านเมืองที่ตอนนี้ถูกคุกคามจากเหล่าอาชญากรรมจนไร้วี่แววของความสงบสุข โรงเรียนแหล่งความรู้ถูกทำลาย สังคมมีความป่าเถื่อน แต่เพราะอะไรแม้แต่ด็อกยังแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสักนิดเดียว จะมีเบาะแสอยู่อย่างคือผู้นำแห่งโลกความรุนแรงนี้คือบีฟ เทนเนนท์ (Thomas F. Wilson) แล้วทำไมเขาคนนี้ถึงกลายเป็นผู้นำที่มีอำนาจรวยล้นฟ้าได้ทั้งที่หลังจากกลับมาจากอดีตพร้อมแก้ไขปัญหาไปแล้วก่อนหน้านี้ยังเป็นคนใช้อยู่เลย จึงเป็นเหตุสงสัยที่ด็อกกับมาร์ตี้ต้องช่วยกันหาเบาะแสตัวการว่าทำไมเวลาถึงเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ ทั้งยังต้องสืบให้ได้ว่าควรทำยังไงจึงจะเปลี่ยนเวลานี้ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง กระนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง และพวกเขาก็หยุดคิดเฉยๆไม่ได้ด้วย

Back to the Future (1985) เจาะเวลาหาอดีต

Back to the Future (1985) | เจาะเวลาหาอดีต
Director: Robert Zemeckis
Genres: Adventure | Comedy | Sci-Fi
Grade: S

"ขอรับประกันว่าถ้าพูดถึงหนังไซไฟสักเรื่องที่เกี่ยวกับเวลาต้องมี Back to the Future ติดโผล่ในอันดับหนังที่อยากแนะนำอย่างแน่นอน"

เรื่องได้เกิดขึ้นในปี 1985 กับหนุ่มมาร์ตี้ แมคฟลาย (Michael J. Fox) ที่มีชีวิตครอบครัวอันตกต่ำเพราะถูกกดดันจากบีฟ เทนเนนท์ (Thomas F. Wilson) ผู้เป็นหัวหน้างานเจ้าบงการให้จอร์จ แมคฟลาย (Crispin Glover) พ่อของเขาทำงานให้แทน ซึ่งนั้นกลายเป็นปัญหาสุดหน่ายของมาร์ตี้ที่น่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ทว่าเหมือนเรื่องราวกำลังจะเปลี่ยนไปจากการรู้จักดร.เอ็มเมท บราวน์ (Christopher Lloyd) นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง ผู้สามารถค้นคิดประดิษฐ์อุปกรณ์ทดลองต่างๆมากๆไม่ต่างกับของเล่น แต่วันนี้ได้อุปกรณ์ชิ้นใหม่ที่ไม่เหมือนอย่างเคยเพราะสิ่งนั้นคือไทม์แมชชีน เป็นยานเจาะเวลาที่สร้างขึ้นมาจากรถยนต์ธรรมดาคันหนึ่งที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานอะตอมนิวเคลียร์ โดยคืนนี้จะมีการทดลองใช้รถข้ามเวลานี้ว่าสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ ทว่าหลังจากผ่านการทดลองไปได้ด้วยดีก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้าจนเป็นเหตุบังเอิญทำให้มาร์ตี้เจาะเวลาข้ามไปอดีตอย่างไม่ทันตั้งใจ และเวลาที่มาร์ตี้ย้อนกลับไปคือ 30 ปีก่อน เป็นปี 1955 นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่เขายังไม่เกิดแน่ๆ ซึ่งรวมถึงพ่อกับแม่ (Lea Thompson) ของเขายังไม่รักกันด้วย ซึ่งปัญหามันอยู่หลังจากนี้ที่ว่าเขาจะกลับบ้านยังไงในเมื่อพลังงานหมด

Basket Case (1982) มันแอบอยู่ในตะกร้า

Basket Case (1982) | มันแอบอยู่ในตะกร้า
Director: Frank Henenlotter
Genres: Comedy | Horror
Grade: B

"เพราะฉันนั้นคือเนื้องอก"

ภาพที่เห็นบางทีตัดสินใจบางเรื่องได้ไม่ตรงตามจริงเสมอไป อย่างหนังเรื่องนี้ที่ภายนอกคือหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง ไม่ได้ทำองค์ประกอบให้ดูดีหรือสมจริงสักเท่าไร บางฉากไม่เนียนแล้วดูเหมือนมือสมัครเล่นด้วยซ้ำ แต่ด้วยความคัลท์เนื้อเรื่องไม่เหมือนคนอื่นหรือหาเปรียบเทียบได้ยากจึงไม่ใช่หนังธรรมดาอย่างที่เห็นเสมอไป

Poltergeist (1982) ผีหลอกวิญญาณหลอน

Poltergeist (1982) | ผีหลอกวิญญาณหลอน
Director: Tobe Hooper
Genres: Horror | Thriller
Grade: A

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"ว่ากันว่าเป็นหนังต้องคำสาปที่คร่าชีวิตและการงานจนไม่เหลืออะไรเลยนอกจากหนังเรื่องนี้"

เหตุที่ต้องประเดิมแบบนั้นเพราะมีเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นกับคนที่มีส่วนในหนังเรื่องนี้จนในเวลาต่อมาไม่มีใครรุ่งสักคนแม้เสียงวิจารณ์เรื่องนี้จะดีมากแค่ไหนก็ตามแต่ก็พบว่าทั้งนักแสดงและผู้กำกับก็ล้วนมีช่วงชีวิตที่ดิ่งลงจนถึงขั้นจบชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งนี้กว่าเหตุการณ์ร้ายๆจะเกิดขึ้นจนหลายคนเรียกว่าอาถรรพ์นั้นก็ทำให้ Poltergeist ถูกสร้างครบไตรภาคก่อนจะลงเอยด้วยการถูกลืมเลือนยกเว้นภาคแรกที่ดีที่สุดและเป็นที่น่าจดจำฐานะหนังสยองขวัญที่เป็นแบบอย่างที่ดีแต่ยังคงเป็นหนังคำสาปแห่งวงการฮอลลีวู้ดไม่เคยเปลี่ยนแปลง โดยเรื่องราวก่อนจะมาเป็นหนังเรื่องนี้มาจากความริเริ่มของ Steven Spielberg ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นที่มีครอบครัวหนึ่งถูกวิญญาณร้ายตามหลอกหลอนและเล่นงานพวกเขาอยู่ จึงได้นำพล็อตนี้มาดัดแปลงเป็นบทหนังซึ่งผลคือครอบครัวนั้นไม่พอใจอย่างมากและขอให้เลิกทำแบบนั้นแต่กลายเป็นว่ายังคงทำต่อไปจนสร้างเรื่องนี้ออกมาสำเร็จ สิ่งนี้ทำให้ครอบครัวดังกล่าวไม่พอใจอย่างรุนแรงเพื่อเกรงกลัวต่อวิญญาณที่คุกคามจะไม่พอใจและดุร้ายมากขึ้น จึงเกิดการสาปส่งกับผู้มีเอี่ยวในเรื่องนี้จนกระทั่งกลายเป็นผลลัพธ์อันน่าสะพรึงกลัวทั้งนักแสดง ผู้กำกับ ที่ต่างมีชะตากรรมอันไม่น่าเป็นไปได้แม้หลายคนจะไม่เชื่อเพราะคิดว่าเป็นเหตุบังเอิญก็ตามที ในที่นี่ขอยกตัวอย่างผู้กำกับ Tobe Hooper ที่สร้างหนังในระดับมาสเตอร์เป็นที่น่าจดจำที่ไม่ใช่แค่เรื่องนี้แต่ยังรวมถึง The Texas Chain Saw Massacre (1974) ฆาตกรหน้ากากหนังมนุษย์นามเลเทอร์เฟซ ผู้มีเอกลักษณ์ทางรูปลักษณ์และอาวุธอย่างเลื้อยไฟฟ้าที่สร้างความเขย่าขวัญมามากนักต่อนัก ด้วยความสามารถในทางแนวสยองขวัญทำให้เราได้เห็นมุมมองที่น่าทึ่งหลายอย่าง ทว่าหลังจากเรื่องนี้ที่ประสบความสำเร็จก็ไม่อาจสร้างหนังดีๆที่น่าจดจำได้อีกเลย นี้อาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผลงานแรกๆมักออกมาดีแต่การไม่มีหนังที่น่าจดจำอีกเลยกับการงานที่ไม่รุ่งโรจน์อาจไม่ใช่เหตุบังเอิญก็เป็นได้

Kickboxer (1989) สังเวียนแค้น สังเวียนชีวิต

Kickboxer (1989) สังเวียนแค้น สังเวียนชีวิต
Director: Mark DiSalle,David Worth
Genres: Action | Sport | Thriller
Grade: C+

อนึ่งน่าดูเพราะบรรยากาศช่วงแรกของหนังที่มาถ่ายทำกันที่ประเทศไทยให้สมกับชื่อหนัง ทำให้เห็นกรุงเทพฯสมัยก่อนหน้าตาเป็นยังไง รวมไปถึงการพูดถึงศิลปะป้องกันตัวอย่างมวยไทย แน่นอนว่าไม่มีใครเข้ากับคุณลักษณะนี้ได้ดีเท่า Jean-Claude Van Damme ที่พิสูจน์ทักษะฝีมือและแจ้งเกิดมาแล้วใน Bloodsport (1988)

ลูกอีสาน (1982)

ลูกอีสาน (1982)
Director: วิจิตร คุณาวุฒิ
Genres: Drama | History
Grade: S

อันที่จริงไม่กล้าดูเลยด้วยซ้ำ เพราะน่าจะหดหู่และยากลำบากกับสภาพความเป็นอยู่ เนื่องจากอีสานเป็นถิ่นแห้งแล้งอย่างมากของประเทศไทย แต่เอาเข้าจริงกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง คำว่าหดหู่หรือสิ้นหวังเป็นเพียงภาพที่คิดเท่านั้น ขณะที่สภาพจิตใจของผู้อาศัยจริงไม่ได้ย่ำแย่สิ้นหวังขนาดนั้น เพระทุกคนอยู่ด้วยความหวัง แม้ในวันนี้จะลำบาก หากไม่ขี้เกียจทำกินย่อมอยู่ได้แม้พื้นดินแตกระแหง

The Funhouse (1981)

The Funhouse (1981)
Director: Tobe Hooper
Genres: Horror
Grade: C+

มองในแง่ความสนุกคงไม่แนะนำสักเท่าไร อย่างแรกคือเดินเรื่องช้าพอสมควร กว่าจะฆ่ากว่าจะตายต้องทนรอเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่หมดเวลาไปกับการเที่ยวเล่น เช่นเดียวกันอย่างที่สองคือพล็อตไม่มีเนื้อหาเท่าไรด้วย แค่กลุ่มวัยรุ่น 4 คน ได้แก่ เอมี่ ฮาเปอร์ (Elizabeth Berridge),บัซ ดอว์สัน (Cooper Huckabee),ลิซ ดันแคน (Largo Woodruff) และ ริชชี อัทเทอร์เบอรี่ (Miles Chapin) ที่เข้าไปในสวนสนุกก่อนจะเจอเรื่องสยองขวัญเข้า

The Hidden (1987) เชื้อชั่วไม่ยอมตาย

The Hidden (1987) | เชื้อชั่วไม่ยอมตาย
Director: Jack Sholder
Genres: Horror | Sci-Fi | Thriller
Grade: B+

มุมกล้องและภาพนั้นดูธรรมดาสมหนังเกรดบี แต่ภายใต้ความไม่น่าสนใจแฝงความเป็นเกรดเอและคัลท์พอสมควร สามารถทำให้พล็อตธรรมดาเปลี่ยนเป็นไม่ธรรมดา เมื่อ ลอยด์ แกลลาเกอร์ (Kyle MacLachlan) เจ้าหน้าเอฟบีไอมาขอความช่วยเหลือจาก ทอม เบ็ก (Michael Nouri) ให้ช่วยตามสืบคดีที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ แต่ยิ่งสืบยิ่งพบเงื่อนงำที่ผิดปกติ เพราะคนที่ตามจับเกิดมาตายซะก่อน กระนั้นเรื่องไม่จบลงง่ายๆ เมื่อมีผู้ต้องหารายใหม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน แต่เมื่อรายใหม่ตายจะเกิดผู้ต้องหาอีกคนก่อเหตุขึ้นอีกครั้ง ซึ่งแต่ละคนล้วนไม่มีประวัติความรุนแรงหรือก่อเหตุใดๆมาก่อนราวเปลี่ยนเป็นอีกคน

Airplane II: The Sequel (1982) บินเลอะมั่วแหลก ภาค 2

Airplane II: The Sequel (1982) | บินเลอะมั่วแหลก ภาค 2
Director: Ken Finkleman
Genres: Comedy | Sci-Fi
Grade: B-

ถ้าไม่ดูภาคแรกก่อนคงจะสนุกและเรียกเสียงหัวเราะได้มากกว่านี้ แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะดูภาคสองโดยที่ภาคแรกยังไม่ได้ดู(เว้นแต่จะหาดูไม่ได้จริงๆ) สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะพล็อตเรื่องและมุกตลกแทบจะลอกกันมาเลย ความสดใหม่ที่หาได้จากภาคแรกถูกใช้อีกครั้งในภาคนี้ ทำให้เกิดความซ้ำที่อาจตลกแต่ไม่สุด จริงๆก็แอบคิดในใจด้วยซ้ำว่าจะสร้างภาคนี้มาทำไมถ้าจะเหมือนกันซะขนาดนั้น

Airplane! (1980) บินเลอะมั่วแหลก

Airplane! (1980) | บินเลอะมั่วแหลก
Director: Jim Abrahams,David Zucker,Jerry Zucker
Genres: Comedy
Grade: A+

ต่อให้เส้นลึกเส้นหนายังไงก็ไม่น่ารอด ยิ่งกับคนเส้นตื้นยิ่งแล้วยิ่งไปกันใหญ่ เพราะมุกตลกทุกอย่างที่ปรากฏในหนังล้วนมาได้ถูกจังหวะและใช้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ ย้ำว่าประสิทธิภาพจริงๆ เหมือนรู้ว่าตรงไหนควรเล่นตรงไหนผ่อน ที่สำคัญไม่คาดหวังให้มุกออกมาตลกจนเกินไป ทำให้ไม่เป็นการบังคับคนดูต้องรู้สึกหัวเราะ แค่ให้ยิ้มได้ก็เพียงพอ แต่โดยส่วนตัวไม่รู้สึกแค่นั้นเพราะฮาตั้วแต่วินาทีแรกจนวินาทีสุดท้ายไปเรียบร้อย

The Goonies (1985) กูนี่ส์ ขุมทรัพย์ดำดิน

The Goonies (1985) | กูนี่ส์ ขุมทรัพย์ดำดิน
Director: Richard Donner
Genres: Adventure | Comedy | Family
Grade: A-

นี่คือหนังผจญภัยที่ครบเครื่อง แม้หน้าตาจะดูเป็นหนังเด็กไม่เหมาะกับผู้ใหญ่ แต่ถ้าปล่อยว่างสักนิดจะพบว่าไม่ได้ดูเด็กน้อยจนเกินไป หลายอย่างแสดงถึงช่วงเปลี่ยนแปลงของวัยได้เป็นอย่างดี ทำให้เป็นอีกเรื่องที่แสดงถึงความเป็น Coming of Age ซึ่งเป็นไปได้ไม่อยากให้พลาดรับชมเลยด้วยซ้ำ

The Princess Bride (1987) นิทานเจ้าหญิงทะลุตำนาน

The Princess Bride (1987) | นิทานเจ้าหญิงทะลุตำนาน
Director: Rob Reiner
Genres: Adventure | Family | Fantasy | Romance
Grade: B-

ต้องโทษตัวเองอย่างหนึ่งเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ที่ไม่สอดคล้องกับอายุของตัวเอง ขณะที่ดูเรื่องนี้ก็อายุ 24 ปีเข้าไปแล้ว ความรู้สึกที่ต้องนั่งดูหนังแฟนตาซีแล้วว้าวคงไม่เหมือนแต่ก่อน โดยเฉพาะแนวโลกสดใส เริ่มต้นยังไงจบแบบไหนล้วนรู้หมด ทุกอย่างเหมือนจะไม่สนุกเพราะไม่ตื่นเต้นอย่างที่หวัง

The Forest (1982)

The Forest (1982)
Director: Don Jones
Genres: Horror / Thriller
Grade: F

เป็นหนังฆาตกรอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องเป็นหนังผีด้วย สภาพที่เห็นจึงดูทะแม่งหาเหตุผลไม่ได้เลย อันที่จริงควรเป็นเรื่องของคนไปตั้งแคมป์ในป่าแล้วเจอฆาตกรแค่นั้นพอ จะใส่ปมประเด็นในอดีตอะไรก็เล่ากันไป แต่ไม่ควรมีเรื่องตายแล้วเป็นผีบอกทาง เพราะไม่เข้ากับลักษณะหนังเลยสักนิด ยกเว้นจะมีเรื่องของคำสาปและพิธีมนต์ดำก็พอสมเหตุสมผลหน่อย ยังไงก็ช่างเถอะ..มองเป็นหนังคัลท์อีกเรื่องล่ะกัน

Prom Night (1980)

Prom Night (1980)
Director: Paul Lynch
Genres: Horror / Thriller
Grade: C+

ความน่าสนใจอยู่ที่นักแสดง Leslie Nielsen และ Jamie Lee Curtis เพราะคนแรกมักคุ้นชินในหนังตลกเป็นส่วนใหญ่ พอเป็นหนังสยองขวัญจึงดูแปลกตาเพราะแทนที่จะทำหน้าเล่นมุขก็กลายเป็นซีเรียสแทน ส่วนคนหลังไม่พูดถึงคงเป็นไปไม่ได้ เพราะมีบทบาทที่โดดเด่นมาแล้วใน Halloween (1978) ซึ่งต่อมารับเล่นหนังสยองขวัญอีกหลายเรื่องจนบางครั้งถูกขนานนามว่า"ราชินีหนังสยองขวัญ"
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)