![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWhz96aV1NqGPN4WdzMpLaOZX6imjlL_K5-oXLpv6cjIBL282pZm-es93HHEjrR_Z3iFhh885KPo3s-91DGDnYdf58bjjfv3ahBT65DE66LWIGjGA-btR4xQ3h7e4rTynNlc7umAE_sF8vz2ZqY1-vhbyOKhl8KqnMVwFuiIcSWvbr6RTnU6Ai0J5w/w438-h640/DoctorStrangeInTheMultiverseOfMadnessPoster.webp)
Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) | จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย | B+
Director: Sam Raimi
Genres: Action | Adventure | Fantasy | Horror | Sci-Fi
เดิมทีคิดว่าซีรีส์ของ MCU จะดูเมื่อไรก็ได้เพราะเป็นการเก็บตกสิ่งที่ไม่ได้เล่าในหนังหรือมาอุดช่องว่างที่ไม่สมเหตุสมผล แต่ไม่ใช่อีกต่อไปกับซีรีส์ WandaVision (TV Mini Series 2021) ที่พลาดแล้วจะไม่เข้าใจการเปลี่ยนไปของตัวละครหรือบางสิ่งที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งเชื่อว่าเนื้อหาในซีรีส์อีกหลายเรื่องไม่อาจพลาดได้อีกต่อไปแล้ว
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgpFuGhkq04IkM4_uW_5uDtU5zpxXSwp5piX5vAAvHm8dlMU47To7Vr5dIOJnQnLyea-bVWep7s69cXXikETxZpQvFuShJla04VPdfJKs_DDwiCbnrvuEOEGDKZ5xzpeWLCWPZbrDyS-qW6NPa4Vl7fbvun0gIRmjEFuNLyOebAr79aWDPZsW7ttVDp/w640-h268/AnxiousEmptyAfricanaugurbuzzard-size_restricted.gif)
หลังจากดู Doctor Strange (2016) หรือภาคแรก ความรู้สึกหลังดูคือชอบพอสมควร มีอะไรหลายอย่างที่แปลกตาและสดใหม่ โดยเฉพาะเรื่องมิติที่แสดง CGI ได้ตระการตามาก รวมไปถึงความสำคัญของตัวละครที่บ่งบอกถึงหน้าที่รับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่กว่าซูเปอร์ฮีโร่คนอื่น เช่นเดียวกันกับ Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) ทำหน้าที่แบกดูแลจักรวาลและสู้กับศัตรูที่น้อยคนรับมือได้
สำหรับครั้งนี้ ดร.สเตรนจ์ (Benedict Cumberbatch) ต้องเผชิญวิกฤตระดับจักรวาลที่ส่งผลกระทบต่อจักรวาลอื่นนับไม่ถ้วน เมื่อ วานด้า แม็กซิมอฟฟ์ (Elizabeth Olsen) หรือที่เปลี่ยนเป็น“สการ์เล็ตวิทช์” ต้องการพลังของ อเมริกา ชาเวซ (Xochitl Gomez) ที่สามารถเดินทางข้ามไปจักรวาลอื่นได้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhh01L8-wHrZZRr1DFivBiS3FoDS8976ISnZrkWk3PklY3d4JDuffrT7bWKjX8CwWHR04-cNVD46XRvdeg3ew1nk93GxDZ9XUXX2AZdOY7NZ43SZFHk-QbddEKSpNtf9wKlazgLmJ0OWglWTmuoHDt7_vrZkdra3BBKl1HIy8W2AkhPFTWGhYIO8GOM/w640-h268/2203f3343cc04eca9ae78a626531450a-1.jpg)
พล็อตเรื่องไม่ได้มีอะไรมาก ทำให้เรื่องราวดูสั้นกระชับเพียงแค่ไล่ล่าตะลุยจักรวาลอื่นๆ ซึ่งการไปจักรวาลที่ไม่รู้จักทำให้รู้ว่ายังมีความน่าจะเป็นอีกมากมายเกิดขึ้น ดังนั้นโอกาสที่ MCU จะทำอะไรที่ขัดหน้าขัดหลังก็พร้อมมีคำอธิบายได้อยู่เสมอ
ในมุมของหนังเดี่ยวมีเรื่องราวที่สั้น ทำให้การดูเพียงลำพังคือข้อเสียที่ดูเอาบันเทิงแต่ไร้อรรถรส ซึ่งเป็นข้อเสียของหนัง MCU ที่เริ่มเฉพาะกลุ่มมากขึ้นหรือกับคนที่ติดตามมาตั้งแต่ต้น ลองนึกสภาพคนที่ไม่เคยดูหรือดูไม่ต่อเนื่องจะเกิดคำถามหลายข้อเกี่ยวกับที่มาที่ไป แล้วที่น่ากังวลสุดคือการมีชื่อหนังเดียวกันก็ไม่ได้แปลว่าคือภาคต่อของตัวเอง แต่ไปต่อกับหนังหรือซีรีส์คนอื่นที่ทิ้งปมเอาไว้ หากไม่ทำการบ้านมาก่อนอาจดูสลับไปมากับไทม์ไลน์ที่ชวนมึน
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgjErI6rAkcChAL7698Xghi25ErKkq1lBuAVVOCv0sknCZ4Q8ZzxkZMb3KYrcZkDSXU_1l_CIwaFIy2KHS71JuksqCFgyEkk1qgn8D8dR0gj5kT97oMfaxl4C22bDDCVzbu7Wgz5lLLE7WqhMOU4bNahLhtFFB8Ubx1j9VMpa2Z5eUXXVhiZ-IWmxRm/w640-h268/FHOe-59WYAIfrjk.jpg)
ครั้งนี้ได้ผู้กำกับ Sam Raimi ที่มีผลงานขึ้นหิ้งจากตระกูล Evil Dead ดังนั้นสิ่งที่คาดหวังเอาไว้สูงคือจะทำหนังซูเปอร์ฮีโร่ยังไงให้ออกมาสยองขวัญ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ทั้งสมหวังและผิดหวังพอสมควร โดยเฉพาะการนิยามสยองขวัญที่หนังใส่ไว้ประเภทนี้ แต่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ว่าจริงๆ หากทลายข้อจำกัดเปลี่ยนจากเรท PG-13 เป็น R ถึงจะสาแก่ใจขาโหดของจริง
แม้ไม่สมหวังเรื่องความสยองขวัญ แต่ผู้กำกับ Sam Raimi ยังไม่ทิ้งลายเซ็นตัวเองกับมุมกล้องชวนวิตกและภาพลักษณ์ที่โหดกว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นใน MCU ทำให้หลายครั้งเซอร์ไพรส์กับความกล้าทำอยู่ไม่น้อย ขณะที่วิธีการเล่าเรื่องยังลื่นไหลไม่มีสะดุด น่าเสียดายที่เนื้อเรื่องมีมิติน้อยเกินไป แต่คิดในแง่สะสมเก็บแต้มจากหนังที่ผ่านมาจะเห็นพัฒนาการตัวละครมาตลอด
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgBzem-1ua9I5Qc6hbfLiHYM1Z3u51CYykz7yJY7q6vmQe0UoVHJH_NwWDMlM2hmqebWeLM5OtgZJb2qzk3xJ_nFtZDB7lKOG31ha6wicYPJLu-P6KptTHww96Ii8uznOUNB4NYxndF79hl6Yv4RSW7X_1Kwcb5s2arTM9oO2avPsRaiiI6MAll1Y9J/w640-h268/rppnpnphbl61cb5884e5826.jpg)
ทุกอย่างยังคงมาตรฐานของ MCU ทุกเรื่องดูสนุกและเก็บทุกอย่างได้ครบ แต่จะได้อรรถรสและความสดใหม่แบบไหนเป็นหน้าที่ของผู้กำกับถ่ายทอดออกมา สำหรับ Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) คืออีกเรื่องที่ชอบมาก แม้ไม่ใช่ที่สุดเพราะคาดหวังไว้สูง แต่อุดมด้วยความเพลิดเพลินที่พร้อมเสิร์ฟไม่หยุดพัก
ปล.อย่าลืมสังเกตว่านี่คือหนังของผู้กำกับ Sam Raimi ดังนั้นที่ขาดไม่ได้คือ Bruce Campbell เพื่อนรักที่เล่นเป็นพระเอกให้กับหนังตระกูล Evil Dead รวมไปถึงสไปเดอร์แมนฉบับ Tobey Maguire ที่โผล่มาทุกภาค แต่ครั้งนี้มาในบทที่เซอร์ไพรส์ทีเดียว (หรือเปล่า)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEil1ioaDstmkwtM_GY70upllpwvSc8_UGsjn7fuQgOWhVBl6It_N-Jq_UIWpdb57S2Fay2QC2UEw3Fs4QTZFlPnLR9_Uh6XhFPkWNjD5f-Q9f8l9_RNXSlwH2wQOCvFBW1NsKwsF3B010xZKO1M6Or2YcGH1R1rZInFHm5K89K6XraYQ-ACdEjuZSFn/w432-h640/doctor_strange_in_the_multiverse_of_madness_ver4_xlg.jpg)