![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhA-MK7DeL8CK6JZtoUCC8h93k-ngFww3wLPoZDmUr0o9t1ISAye0DvTyCNwmKnao0MxFs7wk44ghVIhaDVh43f-7SG0ZIUsWXIA8ZZgoo8vjMtDCqYVdH8_V5Yiw0nobiXMxrg111tfDpIVrX_ucDreAkWfrSkzjnO9KK7cO-R4PXJXDKq_Wk2ewDpsF0/w432-h640/Carter-433069336-large.jpg)
Carter (2022) | คาร์เตอร์ | C
Director: Byung-gil Jung
Genres: Action | Thriller
“ตาจะมึน หัวจะปวด”
จากใจที่ชอบ The Villainess (2017) โดยเฉพาะฉาก Long Take ที่ผสมจริงผสมปลอมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แม้จะไม่แนบเนียนก็ยังสนุกเร้าใจ แต่กับ Carter (2022) อัดฉาก Long Take ทั้งเรื่องชนิดที่ปลอมก็ช่างหัวมัน ทุกฉากต้องต่อเนื่อง ตั้งแต่บนเตียงนอนถึงเครื่องบินบนฟ้า ตกลงมาบนพื้นขึ้นรถไฟ เกาะเฮลิคอปเตอร์ ทั้งหมดห้ามหยุด! (ปวดหัวยิ่งกว่า Hardcore Henry (2015) ซะอีก)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjgLYWRz71etzb8vUUjddoWLKf7nP01QTpizuK8bkbzEB0BLsftL6SjLPu362Az9BnJ41vIcl43PtopTOGG4m4SLhYIx6dUmi2b0Uhvka44h4Yl2kMeETi4anoACo75eB3ZRZ9AXaJZtMvXd8OIxMrPAZY5zwA0UyFd2Oke3e4_sO3AIHQjBtWFAWKifPU/w640-h268/vlcsnap-2022-08-05-02h36m56s823.png)
เนื้อเรื่องไม่ต้องไปอะไรกับสิ่งนี้เยอะ รู้แค่ชายที่น่าจะชื่อ คาร์เตอร์ (Joo Won) ตื่นมาแล้วจำอะไรไม่ได้ มีเพียงเสียงจากอุปกรณ์ในหูสั่งให้ทำตามสิ่งต่างๆ แม้จะงงที่ไม่รู้อะไรเลย แต่เพื่อหาความจริงจึงทำภารกิจหาเด็กที่มีภูมิคุ้มกันไวรัสที่แพร่ระบาดในเกาหลีเหนือและใต้
ทั้งเรื่องมีแต่ฉากแอ็คชั่นที่พักไม่กี่นาทีต้องสู้กันอีกล่ะ ทำให้เกิดอาการเอียนที่ไม่ยอมพักกันบ้างเลย อีกทั้งมาพร้อมกับความโม้แหลกลาญ จะถูกตามล่ากี่คนหรือสถานการณ์ย่ำแย่แค่ไหนก็เอาอยู่ได้หมด ความไม่สนไม่แคร์สามารถสร้างแอ็คชั่นที่เกินจริงและเกินมนุษย์มนาไปไกลมาก
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg4lvIDf6T8dZV6JAEPtpr13LqinzweHv_AeTeuel1mO3cQawgH5bpg2tPVyy3MbXjQgKsl07IyS-6fTG5zseAmj48g4Hp5m2spXB2JXNs27jkd1YW4qoMJg9piUeTxRo0E3aW2QxO1LiIv_potvx7T8ku5pV1CwTh_IT7T3xk7dKypqpifJzXjJ-6iqlk/w640-h268/AnTcaUi.jpeg)
ฉากแอ็คชั่นมาไม่พักเหนื่อยและฉาก Long Take ที่พยายามประติดประต่อให้ต่อเนื่องมากที่สุด ทั้งสองสิ่งนี้ทำให้สนุกแค่ช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นคือความมึนเมาล้วนๆ กล้องมีการขยับไปมาที่ถี่ยิ่งกว่าหนังประเภท Found Footage ทำให้รอยต่อมีสะดุดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งขัดใจไม่น้อยที่ต้องเห็นจนจบ
ทั้งเรื่องพยายามหามุมกล้องให้พริวไหวอยู่เสมอ โยกไปนั้นโยนไปนี้ ไม่มีการแช่ภาพจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งดูแล้วมีการใช้ CGI ค่อนข้างมากจนภาพออกมาลอย เอาจริงๆไม่เหมือนดูหนังเพราะรวมๆแล้วกำลังนั่งดูแคสท์เกมมากกว่า
โดยรวมคือยิ่งดูนานยิ่งเมาตาลาย แต่ถามว่าแอ็คชั่นมันส์มากแค่ไหน น่าจะทำมาเพื่อผู้กำกับที่สนุกกับการตัดต่อและคิดค้นพลิกแพลงมุมกล้องไม่รู้จบ ส่วนสาระพอมีให้เห็นการเสียดสีการเมือง ไว้ใจมากแค่ไหนก็ยังไม่รู้ใจอีกฝ่ายคิดอะไร และดราม่าอีกนิดหน่อยให้ตัวละครยังมีมิติอยู่บ้าง กระนั้นเป็นเพียงความสัมพันธ์หลวมๆที่ถูกแอ็คชั่นแทรกแซงตลอดเวลา
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjxAzKQxc29U3zriE_AqiRxoseatGLpYrgptQKCL4a9BPusPULKxQ7Kx1_8zMURGeZLoW8IZ707Pj_J6uIJIyIpiGVJk_abbQOnmAvQ890AHhomcEwyGzrv9XRph9rTsPWFxHmt5VEpeEmlmnI_QoTpqhYODgJfkPW-2UcwzBk9do4qkU716i6_hEuSqVE/w432-h640/Carter%20kdrama%20netflix.jpg)