Sleeping Beauty (2011) อย่าปล่อยรัก ให้หลับใหล

Sleeping Beauty (2011) | อย่าปล่อยรัก ให้หลับใหล | B-
Director: Julia Leigh
Genres: Drama | Mystery | Romance | Thriller

พึ่งจะรู้จัก Emily Browning จริงๆจังๆจากเรื่อง Sucker Punch (2011) ที่ดูสนุกอย่างมากเรื่องนึง แล้วในปีเดียวกันนั่นเองเกิดมีผลงานของเธออีกเรื่องที่ได้มาดูเอาทีหลังที่เกือบจะสะดุดสายตาตัวเองอย่างแรงกับความกล้าแสดงของเธอที่ทำเอาภาพลักษณ์สาวเบบี้ดอลหายไปซะเกลี้ยงเกลา และด้วยความกล้านี่เองที่ทำให้เห็นว่าสปิริตของเธอไม่ใช่น้ำจิ้มธรรมดากับเรื่อง Sleeping Beauty ที่นำพาให้รู้จักสาวมหาลัยลูซี่กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงกับปัจจัยรอบตัว


เป็นผลงานชิ้นแรกของผู้กำกับ Julia Leigh จึงไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักจนกระทั่งได้ดูเรื่องนี้ถึงรู้ใจของผู้กำกับคนนี้เลยว่าชอบอิสระ การถ่ายทอดผ่านมุมกล้องที่นิ่ง ขรึมไปด้วยบรรยากาศความเป็นธรรมชาติ การตัดต่ออันแสนเชื่องช้า สิ่งเหล่านี้ชวนให้คิดถึงเวลาที่ผ่านพ้นไปอย่างยาวนานทั้งที่ผ่านไปไม่นาน เช่นเดียวกับลูซี่ (Emily Browning) ต้องต้องหลับอย่างยาวนานก่อนจะตื่นขึ้นมากับเวลาที่หายไปทั้งที่ไม่ได้ใช้ทำอะไรนอกจากนอนบนเตียงอย่างแน่นิ่งเพื่อคอยบางอย่างที่กำลังมาเท่านั้น แต่เพราะเรื่องนี้มีจุดการดำเนินเนื้อเรื่องที่ไปเรื่อยๆขาดความเร้าใจ นอกจากจุดสนใจในนักแสดง Emily Browning ที่ยอมลงทุนเปลืองผ้ากันจะๆที่พอกระตุ้นผู้ชมได้ตั้งแต่รู้ข่าว ดูเหมือนจากจุดความเป็นอีโรติคนี้ได้ดึงดูดให้อยากชมกันไม่น้อย แต่หลังจากที่รับชมจนจบมีใครพอจะบอกได้ไหมว่าเป็นหนังอีโรติคเกี่ยวกับเซ็กซ์ เปล่าเลยที่หนังที่มีการแก้ผ้าก็ไม่ได้หมายความว่าทุกสัดส่วนที่เห็นนั้นจำเป็นต้องกระตุ้นอารมณ์ในกาม และไม่จำเป็นกระทั่งรู้สึกถึงความอยากสนองตัณหาใดๆ ซึ่งนี่คืออิสระอย่างหนึ่งของเนื้อหาที่เอาชีวิตประจำของเด็กที่มีประสบการณ์อยู่คนเดียวมาใช้ ถ้าสังเกตให้ดีลูซี่มีอิสระกับชีวิตมากมายจนแทบไม่ยึดติดกับสิ่งใด เว้นแต่งานที่ต้องทำ แม้จะต้องเสียภาพลักษณ์ของสาวบริสุทธิ์

สิ่งแรกกับการขอเป็นหนึ่งในคนที่อยากทดลอง หนทางที่ต้องมีชีวิตกับงาน และความรักที่ไม่ถาวร ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ลูซี่ได้พบเพราะตัวเองเลือก แต่ในแง่ลึกๆเธอต้องเลือกเพราะภาระการเลี้ยงดูตัวเอง เริ่มจากความเป็นอยู่อาศัยที่กำลังโดนให้ออกเข้าสักวันบวกกับงานเดิมๆที่มีแววว่าการกระทำที่นอกทางไปขัดจังหวะการประกอบหน้าที่เป็นแผนกพิมพ์เอกสารที่อาจทำให้ถูกไล่ออกได้ แต่สุดท้านหนทางที่เธอต้องทำล้วงหน้าคือการประกอบรายจ่ายให้ตัวเองอยู่รอดในสังคม เธอหางานในหนังสือพิมพ์เพื่ออนาคตตัวเองจากการเรียนมหาลัย โดยงานดังกล่าวได้เจอในหนังสือสำหรับนักศึกษาและเธอก็สนใจเป็นพิเศษ แล้วรู้ได้ไงว่าพิเศษจริง เริ่มจากชีวิตของเธอที่เป้นอยู่นั้นก็มีงานให้ทำอยู่แล้ว ซ้ำยังเรียนมหาลัยก็ไม่แน่ว่าจบมาอาจได้งานดีคงเป็นได้ หลังจากการสัมภาษณ์ และการตรวจสอบที่ทำงานทำให้ผู้ชมได้ลิ้มรสถึงความแปลกของงานนี้ในระดับที่น่าสงสัย ด้วยการถามถึงสิ่งที่เกี่ยวกับเจ้าตัวโดยตรงทางร่างกายรวมถึงพฤติกรรมบางส่วนที่ไม่ค่อยพูดถึงกัน หลังจากพูดคุยได้สักพักก็เป็นการตรวจสอบร่างกายที่เช็คถึงภายนอก พยายามหารอยตำหนิต่างๆไม่ว่าจะรอยสัก หรือจุดต่างสีผิว แต่ที่น่าสนใจคือการประกันถึงเรื่องเพศที่บอกตามตรงว่าจะ"ไม่มีสอดใส่" หรืออีกความหมายหนึ่งคือการไม่มีเพศสัมพันธ์ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ฉะนั้นงานนี้ไม่มีการรุกล้ำแต่อย่างใด ปัญหาคืองานนี้ต้องทำอะไรบ้างล่ะ


งานของลูซี่ที่เลือกทำเป็นเหมือนจุดอิ่มตัวของร่างกายที่เวลาเหนื่อยควรพักผ่อน ในทางตรงกันข้ามถ้าพักผ่อนตอนที่ไม่เหนื่อยจะเกิดอะไรขึ้น ก็เกิดเป็นงานชิ้นนี้ที่ลูซี่ได้ทำ ความจริงก่อนจะได้งานชิ้นนี้เธอเริ่มต้นจากสาวสาวเสิร์ฟในชุดชั้นในที่โดดเด่นด้วยสีขาว ในขณะที่รอบตัวล้วนเป็นเพียงเงาที่แต่งกายเหมือนกันในคราบของสีดำ และยังต้องเปิดอกเป็นการบ่งบอกถึงการเปิดใจอย่างหนึ่ง เริ่มแรกอาจไปได้ดีในงานแม้จะเกิดปัญหาอุบัติเหตุกลางคันขึ้นมา แต่ปรากฏว่าแทนที่จะกลายเป็นตำหนิกลับกลายเป็นการบอกจากเสียงใหญ่และเล็กว่าไม่เป็นไร จากนั้นได้พัฒนาก้าวขึ้นมาอีกระดับหนึ่งที่แทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากการพักผ่อนหรือนอนหลับบนเตียงอย่างเปล่าเปลือยที่ต้องไปเยือนคฤหาสน์ในชนบทแห่งหนึ่ง ทั้งนี่ก่อนจะให้เธอนอนหลับได้นั้น คลารา (Rachael Blake) ได้อธิบายให้ลูซีฟังว่า"เธอจะถูกทำให้หมดสติ" การหมดสติหมายถึงการนอนหลับอย่างไม่รู้ตัว เป็นมากกว่าการนอนธรรมดาที่รู้สึกตัวได้ งั้นระหว่างที่หลับกึ่งเป็นกึ่งตายเธอโดนอะไรเข้ากันแน่

การนอนของลูซี่คือการหลับไหลของหญิงนิทราที่ไม่รู้สึกรู้สาอย่างใด งานแปลกชิ้นนี้คืองานของเศรษฐีที่ชอบปฏิบัติกัน ลูซี่ต้องกลายเป็นหุ่นเชิดที่ไร้หนทาง มีความเปล่าเปลี่ยวเกินจะอธิบายกับตัวเอง การที่เธอหลับนั้นเป็นการเรียกเหล่าเศรษฐีชราดังกล่าวเข้ามาร่วมอีโรติคที่ไร้การล่วงละเมิดทางเพศ เพราะข้อห้ามเพียงข้อเดียวคือห้ามสอดใส่ ฉะนั้นลูซี่จะมีพรมจรรย์ของเธอต่อไป แต่เหตุที่ว่าจริงคือพรมจรรย์ของลูซี่โดนล่วงล้ำไปก่อนรับงานชิ้นนี้ เนื่องจากวิถีชีวิตของเธอเองที่โยงสัมพันธ์ของหัวและก้อยจากการทอยเหรียญ ที่เริ่มในบาร์กับฝ่ายชายด้วยการตั้งคำถาม ถ้าทายถูกโอกาสที่ประสบการณ์ทางเพศจะเกิดขึ้น ทว่าเธอเองมีความอดทนมากกว่าพอจะไม่ปริปากขอแต่อย่างใดกับการสุ่มที่อาจมีสิทธิ์หรือไม่มี ประเด็นทางเพศถูกนำเข้ามาเหมือนการไขว่คว้าในการทำงาน ลูซี่มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะไร้ซึ่งอารมณ์ร่วมแต่อย่างใดนอกจากการดำเนินชีวิตแบบคนธรรมดาที่กำลังใกล้ตาย แม้ตัวหนังไม่ได้บอกว่าลูซี่คบกับชายนี้ได้ยังไงหรือเพราะทำไมถึงทนอยู่ แต่สิ่งที่เห็นได้คือความอดทนในชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ ความสุขที่ได้โดยไม่มีเซ็กซ์ ทว่าใจจริงก็อย่างที่รู้ข้างต้นว่าเธอมีอารมณ์มากน้อยแค่ไหนแม้จะมีภาพลักษณ์ที่นิ่งๆ และตั้งใจหางานเพื่อเงินก็ตามที


ตัวหนังได้เผยถึงความกล้าของนักแสดง Emily Browning ที่ปล่อยโล่งมาหลายฉาก ถ้าถามว่าเรื่องนี้อีโรติคมาแค่ไหน พอจะเป็นหนังโป้หรือเปล่า งั้นให้มองย้อนกลับที่กฎเหล็กของงานชิ้นนี้ที่ไม่มีการละเมิด รวมถึงการหลับที่ไม่มีปฏิกิริยาใดเกิดขึ้นได้ แม้จะไม่การใส่เสื้อผ้านุ่งห้มแต่อย่างใด อารมณ์ของหนังไม่ชวนให้รู้สึกในทางเพศเลยสักนิดรวมถึงความสงบที่บอกเป็นนัยถึงชีวิตฝ่ายชายที่ยามแก่ตัวแล้วพวกเขาทำอะไรได้ยามหนุ่ม ตัวหนังเริ่มให้เห็นการกระทำของชายแก่คนแรกด้วยการเดินเข้าห้องมาพร้อมกับคลารา ทั้งคู่สนทนากันก่อนจะเริ่มปฏิบัติ ชายแก่คนแรกบอกถึงเรื่องราวของกระดูกที่แตกละเอียดทั้งร่างกายจากเรื่องแต่งที่เสมือนเชิดชูความงาม ชายคนที่สองปลดปล่อยสิ่งที่ทำไม่ได้ในวัยชราด้วยอารมณ์ของซาดิส และคนที่สามที่เหมือนตั้งใจทำเธอตกเตียงมากกว่าจะให้อยู่บนเตียง แล้วพวกเศรษฐีแก่พวกนี้ทำไปเพื่ออะไรกันแน่ หรือบางทีเป็น"อุดมคติ"จากการไม่ยอมรับอายุวัยที่ล่วงเลย ถ้างั้นพวกเขาไม่ต่างอะไรกับคนที่แพ้ต่อกามอารมณ์แม้จะเสื่อมสภาพไปแล้วก็ตาม

ชายชราคนแรกดูจะเป็นมิตรมากที่สุดจากการกระทำที่ละเอียดอ่อนต่อผิวสีขาวที่กลัวว่าจะมีความหมองมัวเข้ามา เริ่มแรกเข้าเล่าบางสิ่งที่น่าจะเกี่ยวกับตัวเขานั้คือการบอกถึงความเสื่อมบางอย่าง เขาบอกว่า"มันเป็นเรื่องผู้ชายคนหนึ่ง เช้าวันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาแล้วไม่สามารลุกขึ้นจากเตียงนอน เขาหลับตาลงเป็นกลไกป้องกันตัว เขาคิดทบทวนชีวิตตัวเองที่ถูกความวุ่นวายยึดครอง เขาจัดเก็บกระเป๋า ตัดพันธะทั้งหมด เขาไม่อาจทนอยู่กับทุกคนที่ไม่อาจรู้จัก คนเหล่านั้นทำให้เขาขยับไปได้ เขาเป็นคนมีเงิน เขาไปโรม เขาอยากขุดโพรงอยู่ใต้ดินเหมือนหัวผัก รากพืช แม้แต่ในกรุงโรมเขาไม่สามารถหลบหนีคนในอดีตไปได้ เขาจึงตัดสินกลับบ้านเกิดแล้วเรียนหนังสือ แต่เขาไม่สามารถเรียกมันว่าบ้านอีกแล้วคือการย้ายหนีไม่ได้ช่วยอะไร เขารู้สึกว่าเขาไม่มีสิทธิ์กลับไปมากกว่าคนตาย แล้วเขาจะทำยังไง เขาต้องหาทางแก้ปัญหาสำหรับวิกฤตนี้ เขาปรารภนาแรงกล้าที่จะมีโลกใหม่ ภาษาใหม่ ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปได้ ในเมื่อมันไม่มีความแตกต่างเขาคิดไม่ออกว่าจะมีอะไรดีกว่านั้น เขาตัดสินไปจากบ้านเกิดอีกครั้งนึง พเนจรโบกรถ มีคนรับเขาขึ้นรถ ขับรถกลางคืน เปรี้ยง ขับรถชนเข้ากับกำแพง คนขับตายคาที่ ชายคนนี้เขาโรงพยาบาล กระดูกหักทั้งตัว หลายเดือนผ่านไปบาดแผลเขาหาย ตอนนี้เขาปรารถนาที่จะมีชีวิต เขามีความมั่นใจในตัวเองในหลายสิ่งที่เขาไม่ต้องอธิบายอย่างเช่นรูขุมขนบนผิวหนัง ทุกอย่างที่เกี่ยวกับร่างกาย เขาอยากออกจากโรงพยาบาลโดยเร็วไปให้ไกลความเจ็บปวด และใกล้ตาย ข้าขอสั่งให้เจ้าลุกเดินและไม่มีกระดูกชิ้นใดในตัวเจ้าแตกหัก"


"ผมอ่านคำพูดนั้นซ้ำ ลุกขึ้นแล้วเดินไม่มีกระดูกในตัวเจ้าแตก ผมรู้สึกเศร้าเกินบรรยาย คุณรู้ไหมประโยคเปิดเรื่องนี้ว่ายังไง เมื่อมนุษย์ย่างวัยเข้าสู่วัยสามสิบ ผู้คนจะมาหยุดเรียกเขาว่าคนหนุ่ม สามสิบ ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ในวันเกิดปีที่สามสิบ ฉะนั้นผมได้ยิน ผมได้รับคำบอกเล่า ผมรู้มาตลิดถึงแม้ผมจะไม่รู้จริงๆ ความจริงที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้น่าประหลาดใจ แล้วตอนนั้นผมทำอะไรเหรอ ผมใช้ชีวิตต่อมา ใช้ชีวิตราวกับมันเป็นหน้าที่ เราเป็นชีวิตคู่ที่มีความสุข เรากับอลิซาเบธคือภาพที่คนอื่นเห็น แต่ในความจริงผมไม่ได้น่าชื่นชมภรรยาผม ผมไม่ได้ชื่นชมเพื่อนๆผม หรือแม้แต่ลูกๆของผม ผมแค่อยู่มีชีวิต ผมประสบความสำเร็จ ผมสร้างวิถีตัวเอง แต่ละย่างก้าวผมต้องกลบเท้ากลับ ต้องคอยระแวกระวังป้องกัน และเวลานี้ คืนนี้ เป็นครั้งแรกที่ผมจะพูดว่ากระดูกของผมหัก แตกหัก วันนึงผมจะต้องให้คุณช่วยเหลือ กระดูกทุกชิ้นหัก"

ประโยคข้างต้นนี้คือการบอกถึงสิ่งที่เป็นจากมุมความคิดของคนที่มากวัยที่กำลังสื่อถึงเวลาที่ผ่านมา โดยใช้กระดูกเป็นข้อเปรียบเทียบของชีวิตที่อยู่บนเส้นด้ายอีกครั้ง จริงที่ว่าหนังมานิ่งกับมุมกล้องที่ไม่สั่นเลยสักนิด แต่ความในใจของหนังทำได้วุ่นวายเหลือเกิน คล้ายชีวิตไม่สิ้นต้องดิ้นกันต่อไป พอมาเป็นชายชราคนที่สองก็แสดงพฤติกรรมอันแสนโหดร้ายออกมาภายใต้การกระทำที่รุนแรง คำพูดที่ส่อถึงอีตัว ความอยากที่ต้องการแต่ทำไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นยังวัยหนุ่ม พวกเขายังทำเรื่องแบบนี้ได้ด้วยวัยที่ยังไม่แก่ชราก็แล้วยังไงเมื่อพวกเขาแก่การทำในสิ่งที่อยากกลับตรงกันข้ามให้ทำไม่ได้เหมือนกฎที่ห้ามสอดใส่ ถามจริงว่าพวกเขามีความสามารถที่แข็งแรงอย่างครั้งหนุ่มหรือไม่ หรือเป็นการบอกว่าตัวเองยังมีไฟเพื่อกระตุ้นตัวเอง พอมาคนที่สามที่ดูจะเป็นคนที่มีปัญหาความเข้าใจมากที่สุดจากการกระทำของขาที่พาลูซี่ตกเตียงแล้วพยายามอุ้มขึ้นแต่สุดท้ายก็ขึ้นไม่หมดคล้ายหมดแรง แล้วทำไมต้องพาตกเตียงแต่เริ่มด้วยล่ะ คำตอบคือการเริ่มนั้นเอง เมื่อครั้งยังหนุ่มพวกเขาสามารถใช้พละกำลังตัวเองแบกผู้หญิงเข้าห้องได้อย่างสบาย พอมาในวันนี้กลับหมดแรง ไร้เรี่ยวแรงที่จะจูงขึ้นเตียงได้ด้วยสองมืออย่างเคย ส่วนหนึ่งที่ Sleeping Beauty สื่อออกมาเห็นจะเป็นเรื่องของสังขารชีวิตที่ให้ลูซี่เป็นตัวเชื่อมโยง ปัญหาคือตัวหนังนั้นแหละที่ขาดการนำพาสู่ความเข้าใจ ถ้าไม่ใช่เพราะมาดูเฉยๆแล้วล่ะก็ คงมองว่าเรื่องนี้จบได้งงเอามากๆ และคิดว่าเป็นแบบนั้นจิงๆ
 

สาระของหนังนั้นมีการอธิบายไม่ชัดเจนเท่าที่ควร โดยเฉพาะตอนจบที่แปลกใจกับตัวละครอย่างลูซี่ที่ตื่นขึ้นมาแล้วส่งเสียงคล้ายท่าทางตกใจอย่างหนัก คำถามคือเธอช็อกแบบนี้เพราะอะไร หรือการตื่นขึ้นมาเอามือไปสัมผัสชายชราดังกล่าวคล้ายรู้สึกหมดชีวิตคือเรื่องน่าตกใจกันแน่ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเธอได้นอนกับคนที่ตายไปเมื่อครู่อย่างงุนงง สิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะยากเกินเข้าใจอยู่มาก เนื่องจากการดำเนินเนื้อเรื่องที่กำลังมาเรื่อยๆนั้นกลับใช้ตอนจบที่ห้วนเกินรับได้ ฟังเหมือนหักมุมแต่ก็แค่มาตรงๆที่ตัดประเด็นเนื้อหาที่ชัดเจนออกไป ปล่อยให้ผู้ชมคิดเอาเองกับสิ่งที่เกิดขึ้น บางทีการนอนหลับอาจหมายถึงการตื่นของใครบางคนที่เข้ากำลังมาที่มีเจตนารมย์แอบแฝงอยู่ไม่มากก็น้อย Sleeping Beauty คือหนังเสียดสีคนชั้นสูงที่ใช้อำนาจผิดแปลก ในความแปลกไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายเพียงหมายถึงสิ่งที่สนองตัวเองจนเยียวยาจากความเป็นจริง รวมถึงสภาพชีวิตสังคมที่มุ่งกับการหางานทำเพื่อเงินจนบางทีการมีศักดิ์ศรีไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป ถ้าอยากมีชีวิตที่อยู่ต่อไปได้ด้วยเงินจงลืมข้อผูกมัดที่ขวางทางตัวเอง  อีกทั้งให้พึงระวังประสงค์ในความอยากของอารมณ์ตัวเองว่าก่อนและหลังมีความเสี่ยงต่อวันข้างหน้ามากแค่ไหน เพราะชีวิตคนเรามีโอกาสมากกว่าเหรียญเสี่ยงท้ายถ้าคิดให้ดีๆ ไม่งั้นอาจจะต้องนอนเสียเวลาไปกับเรื่องภายนอกที่ปิดตัวเองจากภายในให้หลับไหล

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)