The Pool นรก 6 เมตร (2018)

The Pool นรก 6 เมตร (2018)
Director: พิง ลำพระเพลิง
Genres: Action | Drama | Horror | Thriller
Grade: B-

เวลาดูหนังประเภทสถานที่ปิดตายหรือเอาตัวรอดจะอยากรู้ที่มาที่ไปเป็นอันดับแรก เพราะอย่างน้อยการทำให้ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างสมเหตุผลช่วยให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งพูดตามตรงการต้องมาติดสระน้ำลึก 6 เมตรเพียงเพราะเผลอหลับดูง่ายเกินไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพื่อนมาเตือนว่าปล่อยน้ำออกแล้ว จากนั้นทำท่าจะออกจากสระ แต่ตัดฉากมาอีกทีกลับไปนอนลอยกลางสระน้ำอีกครั้ง พอรู้สึกตัวอีกทีตะเกียกตะกายขึ้นไม่ได้ซะแล้ว


จะเดินเรื่องไวก็ไม่ควรหาเหตุผลให้ง่ายขนาดนี้ ทั้งนี้มองในแง่ความจริงจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นย่อมไม่ใช่สิ่งแปลก เพราะความประมาทเป็นหนทางสู่ความตาย บางครั้งสิ่งง่ายที่สุดอาจเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เหมือนเรื่องง่ายๆที่ทำกันได้แต่ไม่ทำ เช่น อุบัติทางรถยนต์จากการที่คนขับรถมีอาการเมาแอลกอฮอล์ ทั้งที่รู้ว่าแอลกอฮอล์ส่งผลต่อประสาทการรับรู้ แต่เลือกจะขับรถทั้งที่มีโอกาสเกิดอุบัติได้สูง หรือการเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเกิดจากการกินหวาน มัน เค็ม เป็นปริมาณมากและสะสมมานาน กระนั้นยังคงกินตามใจปากทั้งที่รู้แก่ใจว่าก่อโรคเรื้อรังได้แม้เหตุผลของการติดสระน้ำจะง่ายไปหน่อย แต่ส่วนของจระเข้มาโผล่ที่สระน้ำได้ยังไงนั้นก็ง่ายไปแพ้กัน ซึ่งจังหวะเอาตัวรอดเป็นสิ่งที่คนดวงซวยไม่อยากเจอ เพราะยิ่งแก้ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ขนาดที่ติดคนเดียวว่าปวดหัวมากพอแล้ว ยังมีมาติดเพิ่มอีกคน ทำให้สถานการณ์ดูเลวร้ายเข้าไปทุกทีจนดูแทบไม่ออกว่าจะรอดจากสระน้ำลึก 6 เมตรไปได้อย่างไร


การเลือก ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ มารับบทติดสระน้ำเป็นจุดที่น่าสนใจและคิดว่าเข้ากับคาแรคเตอร์มากที่สุด ด้วยรูปร่างหน้าตาและการแสดงทำให้ความล้นออกมาพอดี(เหมือนเล่นเป็นตัวเองซะมากกว่า) เวลาเจอเรื่องผิดหวังหรือกดดันสามารถคุมอารมณ์ให้ดูน่าเชื่อถือ ขณะที่ รัชย์ณมนทร์ รัชย์จิราธรรม รับบทเป็นแฟนสาวไม่ค่อยน่าดึงดูดสักเท่าไร อาจด้วยบทบาทมีน้อยทำให้ขาดความน่าสนใจ ซึ่งจะดีกว่านี้ถ้าให้ช่วยกันหาทางเอาชีวิตรอด ไม่ใช่ปล่อยให้คิดและทำอยู่คนเดียว เรื่องเดินไวจนขาดมิติตัวละครที่หนักแน่น แม้จะมีปูเล่าความสัมพันธ์แสดงความรักที่มีต่อกัน ทว่าเป็นช่วงเวลาที่น้อยและนำมาใช้ได้ไม่มาก ประเด็นที่วางไว้จึงดูเลื่อนลอย แต่ยังดีที่ความรักยังเป็นของถนัดของผู้กำกับ พิง ลำพระเพลิง ทำให้ช่วงสำคัญดูเร้าอารมณ์เต็มที่ ใครจะเสียสละ ใครจะเป็นยังไง จังหวะไคล์แม็กซ์ดึงอารมณ์ได้เต็มที่พอสมควร เป็นการกลบข้อเสียที่ดูเบาให้กลับมาหนักแน่นอีกครั้ง


อาจจะไม่ใช่หนังไทยที่ดีมาก แต่ถือเป็นสิ่งที่อยากเห็นแนวอื่นบ้างในวงการหนังไทย เพราะยุคนี้ส่วนใหญ่พล็อตจะวนเวียนกับหนังผี หนังรัก และหนังตลก พอเห็นแนวสยองขวัญกับสถานที่ปิดตายแล้วเน้นเอาตัวรอดทำให้เกิดความน่าสนใจ และ CGI ที่เนรมิตรจระเข้มาทั้งตัว(แต่ไม่เนียนเวลาทำฉากแอ็คชั่น) ดังนั้นไม่ใช่แค่ขายแนวที่แตกต่างจากตลาดแล้วยังร่วมถึงความก้าวหน้าที่นำเทคโนโลยีมาใช้อย่างจริงจัง นับเป็นความแปลกที่มีข้อเสียเรื่องความน่าเชื่อถือ แต่ด้วยความลุ้นเอาใจช่วยทำให้ออกมาคุ้มค่ากว่าที่คาดหวังเอาไว้เลยล่ะนะ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)