Creed II (2018)

Creed II (2018)
Director: Steven Caple Jr.
Genres: Drama | Sport
Grade: A-

การนำของเก่ามากินใหม่ ถ้าปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นย่อมออกมาสดอร่อย แล้วจะดีมากกว่านี้หากนำประเด็นมาต่อยอด สำหรับภาคนี้ผิวเพินไม่ต่างกับหนังที่ไร้เนื้อหาและความสดใหม่ เพราะเสมือนหยิบ Rocky IV (1985) มารีบูทอีกครั้ง แม้เรื่องราวยังคงก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยตัวละครใหม่และมุมมองของคนรุ่นหลัง แต่ปฏิเสธไม่ได้ถึงการนำวิธีเล่าเดิมๆกลับมาอีกครั้ง ตลอดทั้งเรื่องจึงไม่ยากแก่การเดาที่รู้ๆกันอยู่

 

ตอนที่ดู Creed (2015) ทำให้เห็นเรื่องราวที่ยังมีชีวิตอยู่ของ ร็อคกี้ บัลบัวร์ (Sylvester Stallone) แล้วอดคิดไม่ได้ว่าเขาคือชายที่แข็งแกร่ง แม้จะหมดยุคที่รุ่งเรืองก็ยังวนเวียนในกีฬามวย ถึงจะอายุมากหมดรุ่นก็ยังถ่ายทอดทักษะแก่ อโดนิส จอห์นสัน หรือ ครีด (Michael B. Jordan) ที่เปรียบเสมือนลูกชายอีกคนจนสามารถคว้าแชมป์ไปได้สำเร็จ แต่หลังจากนี้คือสิ่งที่ยากเหมือนใน Rocky III (1982) เพราะการรักษาแชมป์ยากกว่าการเป็นแชมป์ พล็อตแทบไม่รู้สึกแปลก แต่รู้สึกเซอร์ไพรส์ที่นำตัวละครเก่าและนักแสดงหน้าเดิมมาอยู่ในหนัง ทำให้สิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปไม่รู้ว่านี่คือ Rocky ภาคเสริมอีกภาคหนึ่ง เพียงเรื่องราวหลักถูกเปลี่ยนตามอายุของตัวละคร ชื่อหนังจึงเปลี่ยนตามไปด้วย ฉะนั้นการจะดูเพราะเห็นเป็นภาคสองอาจไม่ใช่ความคิดที่ดี กรณีเดียวกับภาคแรกที่ไม่รู้ชีวิตของคนนี้เป็นมายังไงและสำคัญขนาดไหน จะรู้แค่เพียงปากเปล่าเท่านั้น ดังนั้นการเข้าไปสัมผัสช่วงชีวิตเต็มๆตามหนังแต่ละภาคเพื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงคือเรื่องที่ดีที่สุด


Rocky IV (1985) คือภาคต่อลำดับที่ 4 ของหนังชุด Rocky และกลายเป็นภาคที่มีฉากชกมวยอันดุเดือดที่สุด แม้จะเนื้อหาจะบอบบางเพราะมุ่งเน้นที่แอ็คชั่นจนเรื่องชีวิตดราม่าแทบไม่ได้แตะ กระนั้นการเทียบกันระหว่างสหรัฐอเมริกากับรัสเซียก็เพียงพอเป็นนัยได้ไม่น้อย ทำให้ภาคนี้ถูกมองเกินกว่าหนังชกมวยอิงชีวิตความเป็นอยู่ของคนเป็นนักมวย แต่เป็นการพูดถึงการปกครองประเทศที่ให้ความคาดหวังแตกต่างกัน อิวาน ดราโก้ (Dolph Lundgren) คือคนที่สามารถล้ม อพอลโล ครีด (Carl Weathers) จนถึงแก่ชีวิต และเป็นคู่ปรับที่เกือบคว่ำร็อคกี้ได้สำเร็จ แต่ต้องพ่ายแพ้ให้กับความฮึดสู้ของร็อคกี้ หลังจากนั้นเกิดอะไรกับนักสู้สายเลือดรัสเซียคนนี้ คำตอบถูกนำมาขยายในภาคนี้ในฐานะคนที่ถูกทอดทิ้ง ทุกคนลืมและไร้เยื่อใยต่อเขา จากดาวเด่นกลายเป็นดาวดับเพราะความคาดหวังที่จะชนะเพียงอย่างเดียว แต่เขายังมี วิคเตอร์ ดราโก้ (Florian Munteanu) ลูกชายที่เขาปลุกปั้นให้เกิดมาต่อสู้และชนะเพื่อใช้เอาคืนความพ่ายแพ้ในอดีต


เมื่อรุ่นพ่อต่างมีอายุและหมดวาระ ภาระจึงตกสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน เหตุผลการขึ้นสังเวียนในภาคนี้เหมือนต้องการกลับมาคืนบัลลังก์เพื่อแก้แค้น ต้องการศักดิ์ศรี ต้องการชีวิตที่เสียสูญให้กลับมาสง่าผ่าเผยอีกครั้ง ความคาดหวังมากมายถ่ายทอดสู่ลูกจนความสัมพันธ์ไม่เหมือนพ่อกับลูก ตลอดทั้งเรื่องการฝึกจึงดูเข้มงวดและกดดัน มีแต่ต้องชนะและชนะเพียงอย่างเดียว เพราะความพ่ายแพ้นั้นเจ็บปวดและเดี่ยวดาย นอกจากเรื่องคู่ปรับก็เห็นจะเป็นเรื่องครอบครัวที่น่ากังวลไม่แพ้กัน สำหรับ บิอันกา (Tessa Thompson) ที่ตั้งท้องและจะมีลูกจึงมองอาชีพชกมวยเป็นความเสี่ยง การเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อทำให้ครีดอยากต่อสู้ ซึ่งนั้นอาจนำมาสู่ข้อผิดพลาดซ้ำรอยเช่นอดีตอย่างที่พ่อเขาเคยเป็น การต่อสู้จึงกลายเป็นคำถามว่าทำไปเพื่ออะไรและเพื่อใคร


บทบาทของร็อคกี้ถูกลดน้อยลงจากภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่กลายเป็นว่ายิ่งน้อยยิ่งต่อยหนัก แทบทุกฉากกลายเป็นช่วงสำคัญที่น่าจดจำ โดยเฉพาะเรื่องครอบครัวที่เขาเองก็มีปัญหากับ โรเบิร์ต บัลบัวร์ (Milo Ventimiglia) ลูกชายเพียงคนเดียวของเขา แม้จะไม่บอกว่าปัญหานั้นมาจากไหนและเป็นไปอย่างไร แต่ถ้าติดตามหนังชุดนี้มาเป็นอย่างดีจะเห็นว่าใน Rocky Balboa (2006) แสดงถึงการดำเนินชีวิตที่แตกต่างระหว่างพ่อลูก ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของใครเลย Creed II อาจไม่เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้น เพราะตัวละครและเรื่องราวต่างๆล้วนอิงมาจากหนังของ Rocky แทบทั้งสิ้น รวมถึงความคุ้นเคยหรือฉากบางฉากที่ชวนให้นึกถึงจากหนังภาคนั้นๆ แต่กับคนที่ติดตามมาเป็นอย่างดีจะเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกของตัวละคร ซึ่งเป็นข้อดีที่น่าชื่นชมที่ตัวหนังยังรักษาเรื่องราวทุกอย่างเอาไว้ได้อย่างคุ้มและมีความหมาย ส่วนฉากชกนั้นไม่ต้องกล่าวอะไรให้มากความ ถ้าให้บวกกันก็เกือบเต็ม เพราะเรื่องดีก็กินใจไปเกินครึ่งแล้ว

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)