Rocky V (1990) ร็อคกี้ 5 หัวใจไม่ยอมสยบ

Rocky V (1990) | ร็อคกี้ 5 หัวใจไม่ยอมสยบ | C+
Director: John G. Avildsen
Genres: Drama | Sport
 
 ต้องเกริ่นก่อนว่าภาคนี้เป็นเสมือนตราบาปของ Rocky ที่มาผิดพลาดทำเอาความหวังของแฟนๆบ่นเสียดายกันไม่น้อย แล้วอะไรทำให้หนังภาคต่อที่มีดีกรีความสนุกไม่มีท่าทีลดหย่อนต้องมาถึงจุดต่ำสุดคืออะไร คำตอบคือความสมเหตุสมผล การที่ภาคนี้มีข้อเสียมากกว่าข้อดีจึงไม่ต่างกับชีวิตของร็อคกี้ บัลบัวร์ (Sylvester Stallone) ที่ต้องย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของชีวิตอีกครั้ง ชีวิตที่เคยเป็นคนธรรมดาใช้กินแค่พอประทังในแต่ละวัน เรื่องราวในภาคนี้จะเล่าย้อนเหตุการณ์หลังจากไปชกที่รัสเซียและได้รับชัยชนะกลับมาแต่เกิดความผิดปกติบางอย่างในตัวร็อคกี้ทำให้เขาเริ่มเห็นว่าร่างกายไม่เหมือนเคย ซึ่งภายหลังได้รับเข้าตรวจร่างกายและพบว่าได้การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงทำให้ส่งผลต่อสมอง ด้วยเหตุนี้เองจุดจบของการเป็นนักมวยได้จบลงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เพราะปัญหาสุขภาพ ซึ่งเป็นความต้องการของเอเดรียน (Talia Shire) ด้วยส่วนหนึ่งที่อยากให้ร็อคกี้ได้พักจากการต่อสู้เพื่อนคนอื่นบ้าง ทว่าปัญหาที่เหมือนจะทุเลาแก้ไขด้วยการแขวนนวมยังไม่จบเมื่อร็อคกี้กลายเป็นคนล้มละลายต้องสูญเสียทุกอย่างที่สั่งสมมาตลอดชีวิตการต่อสู้ ไม่ว่าจะบ้าน รถ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ แทบจะไม่มีอะไรเหลือในชีวิตที่บ่งบอกถึงความร่ำรวยมาก่อนอีกเลย สิ่งเดียวที่ร็อคกี้ทำได้คือกลับมาสู้ชีวิตอีกครั้งในฐานะปถุชนอีกครั้งหนึ่ง เขาจะไม่ใช่นักมวยที่ได้รับโอกาสให้สู้บนสังเวียน แต่จะเป็นการสู้บนชีวิตที่ไร้ตัวช่วยโดยเขาจะต้องทำโอกาสด้วยตัวเอง


สิ่งเดียวที่ยังมีอยู่คือโรงยิมฝึกมวยที่ร็อคกี้เติบโตมา แน่นอนว่าเสมือนเครื่องเตือนใจไม่ให้ลืมที่มาของความลำบาก ตั้งแต่ร็อคกี้ได้รับโอกาสขึ้นชกหลายต่อหลายครั้งทำให้เขาได้พิสูจน์การต่อสู้ที่เกิดจากคนธรรมดาไร้ชื่อเสียงมีความพยายามมากน้อยเพียงใด ยิ่งร็อคกี้ไต่อันดับเรื่อยๆก็ยิ่งโด่งดังและกลายเป็นขวัญประชาชนให้ทุกคนรัก เมื่อมาจุดอิ่มตัวก็มีความสุขสบายกับชื่อเสียงเงินทองที่มากมาย พอชีวิตได้ดีและพร้อมในทุกอย่างก็ถึงคราวต้องเสียสิ่งนั้นไป สิ่งนี้ไม่ต่างกับความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราวจากชื่อเสียงและทรัพย์สิน ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิมได้หรือไม่ บทสรุปการดำเนินชีวิตที่ต้องอยู่ด้วยกำลังของตัวเองคือโอกาสการของการต่อสู้บนเวทีชีวิต เทียบกันแล้วไม่ต่างกับเวทีชกมวยที่ต้องชก ป้องกัน เคลื่อนที่หลบหลีก การวางแผนชีวิตคือแก่นของเนื้อหาภาคนี้ที่ต้องสู้ต่อไป

ความสมเหตุสมผลบางอย่างเป็นความไม่เข้าทางเท่าไรสำหรับชีวิตร็อคกี้ที่มีแต่ความยากลำบากเป็นของทุนเดิมอยู่แล้ว ฉะนั้นผลตอบแทนที่ได้คือการผ่านความยากลำบากนั้นและมีความสุขกับบั้นปลายการแขวนนวม ต่อให้ร็อคกี้ได้รับความเสียหายจากการถูกชกที่รุนแรงจนเสียความสมบูรณ์ของร่างกายไปแต่อะไรคือผลตอบแทนความชอบธรรมที่กลายเป็นคนล้มละลาย ดีใจที่ได้รับชัยชนะและแก้แค้นให้เพื่อนได้สำเร็จแต่ต้องเสียหลายอย่างด้วยเช่นกัน ความผิดพลาดเพราะไม่รอบคอบเรื่องการเงินทำให้เสียทุกอย่างหลังจากกลับจากรัสเซีย ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงเสียใจนอนจมลงกับการเป็นคนจนหาเช้ากินค่ำทั้งที่อุตส่าห์เหนื่อยแทบตายเพื่อแสวงหาความสุขสบาย แต่กับร็อคกี้ไม่เป็นแบบนั้น ด้วยท่าทีที่ลึกๆยังเสียดายกับสิ่งที่ตัวเองได้มาและต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่ ด้วยความเข้าใจบางอย่างทำให้เขาไม่รู้สึกเสียใจที่ต้องขายข้าวของที่ตัวเองสะสมมา นั้นเพราะสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตร็อคกี้คือครอบครัวที่ยังคงอยู่กับเขาเสมอ และนี้คือสิ่งที่มีค่าสำหรับเขาที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าทั้งเอเดรียน,พอลลี่ (Burt Young) และคนสำคัญที่สุดคือร็อคกี้จูเนียร์ (Sage Stallone) ลูกชายสุดที่รัก


หลังจากต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบสามัญชนไม่มีความร่ำรวยอีกต่อไป สิ่งที่คงเหลือคือชื่อเสียงที่ยังเป็นขวัญประชาชน และคนที่ศรัทธาในตัวร็อคกี้คือทอมมี่ กันน์ (Tommy Morrison) หนุ่มวัยรุ่นไฟแรงที่เข้ามาขอร้องให้ช่วยฝึกซ้อมมวย แน่นอนว่าร็อคกี้ปฏิเสธที่จะเป็นเทรนเนอร์ให้เพราะความใจร้อนของทอมมี่ทำให้เสียมวยได้ง่าย แต่จนแล้วจนรอดก็รับทอมมี่เข้ามาและเป็นเทรนเนอร์ให้เพราะให้คนรุ่นหลังได้ต่อสู้ต่อไป สิ่งที่เห็นระหว่างการฝึกซ้อมคือร็อคกี้มองว่าทอมมี่เป็นเสมือนตัวเองในอีกด้านหนึ่งที่สมบูรณ์พร้อม เอาตามจริงในใจร็อคกี้ยังคงมีไฟแห่งการต่อสู้อยู่และยังอยากขึ้นชก กระนั้นด้วยปัญหาต่างๆจึงจำยอมแขวนนวมแล้วยอมรับความเป็นจริงของชีวิต ทอมมี่คืออีกร่างหนึ่งของร็อคกี้ที่ให้ความหวังของการเอาชนะ ร็อคกี้ได้ให้โอกาสทอมมี่ด้วยการเป็นเทรนเนอร์เพื่อขึ้นสังเวียนชกให้คนรุ่นหลังได้ฝันเป็นจริง แน่นอนว่าการฝึกจากผู้มีประสบการณ์ที่ผ่านอุปสรรคมานักต่อนักช่วยให้ทอมมี่มาได้ไกลกว่าที่คาดเอาไว้ ทอมมี่ได้แสดงศักยภาพชกชนะหลายยกและไม่แพ้ใครจนกลายเป็นขวัญใจหน้าใหม่ของประชาชน ทว่าปัญหาก็เริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจของทอมมี่ที่เริ่มไม่ใช่อย่างที่ตัวเองปรารถนา เนื่องจากทุกคนจดจำทอมมี่ในฐานะร็อคกี้ ทุกครั้งที่ชนะจะมีคนเรียกร็อคกี้ทั้งที่ควรเป็นชื่อของเขาเอง


ช่วงแรกๆของการเอาชนะเต็มไปด้วยความดีใจของร็อคกี้กับทอมมี่เสมือนได้เกิดใหม่ในอีกมุมหนึ่ง แต่ยิ่งเอาชนะมากขึ้นเท่าไรก็ไม่ใช่อย่างที่ตัวเองต้องการจริงๆ ทอมมี่เริ่มอึดอัดทุกครั้งที่ใครๆจดจำร็อคกี้มากกว่าจนเหมือนตัวเองเป็นแค่ตัวประกอบ และอีกอย่างคือเมื่อไรจะได้ชกกับแชมป์แล้วเป็นแชมป์เสียที ประเด็นนี้เหมือนสะท้อนภาคแรกออกมาเกี่ยวกับการขึ้นชกของร็อคกี้ เหมือนกับว่าเป็นการแย่งตำแหน่งที่จู่ๆนักมวยหน้าไหนไม่รู้ไร้ชื่อเสียงกระโดดมาชกกับแชมป์หน้าตาเฉยทั้งที่บางคนเหนื่อยมานานแต่ไม่มีโอกาสได้ขึ้นสังเวียนที่ยิ่งใหญ่เสียที ทอมมี่ก็เริ่มรู้สึกแบบนั้นว่าเมื่อไรจะได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของตำแหน่งมวย ทำไมในเมื่อชนะมาเยอะขนาดนี้ยังไม่สมควรเป็นคู่ต่อสู้กับแชมป์ ด้วยความอึดอัดเป็นได้แค่เงาของวงการมวยจากที่คิดว่าตัวเองต้องผงาดยิ่งใหญ่ทำให้ทอมมี่ไม่พอใจและหันเข้าข้างกับจอร์จ วอชิงตัน ดุ๊ก (Richard Gant) ผู้ซึ่งเป็นจ้าวแห่งการโปรโมทกีฬามวย ปลุกปั้นด้วยการโกงและสูบเงินจากนักมวย แน่นอนว่าดุ๊กเป็นอริเก่าของร็อคกี้เพราะหลังจากกลับจากรัสเซียก็หาเรื่องจับคู่ชกทันที แน่นอนว่าร็อคกี้ไม่เล่นด้วยและขอแขวนนวมโบกลาวงการมวย ซึ่งนี่เองทำให้ดุ๊กเสียโอกาสคว้ากำไร และในตอนนี้คือช่วงเวลาของการเอาคืนร็อคกี้

การเข้ามาของดุ๊กทำให้ทอมมี่เปลี่ยนไปเพราะช่วยตอบสนองต่อความต้องการของทอมมี่ด้วยอำนาจของเงินทอง ชื่อเสียง และผู้หญิงได้ แต่จะอะไรนั้นไม่เท่ากับการนำไปสู่จุดสูงสุดของตำแหน่งมวยให้พาไปชกกับแชมป์ได้เลยทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เองทอมมี่ต้องยอมตกลงเซ็นสัญญากับดุ๊กว่าจะเป็นนักมวยในสังกัด ผิดกับร็อคกี้ที่ไม่ได้อะไรเลยนอกจากการเอาชนะที่ไม่รู้เป็นแชมป์เมื่อไรกับบาดแผลหลังชกที่มีค่าแค่การเจ็บตัว ในความหมายของทอมมี่อาจไร้ค่าและดูมีหนทางมากขึ้นเมื่ออยู่กับดุ๊ก แง่ของร็อคกี้เองกลับมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องฝ่าฟันถึงจะถูกต้องสำหรับนักมวยที่หวังจะเป็นแชมป์ สิ่งนั้นก็เพื่อฝึกฝนตัวเองจากคู่แข่งที่มากหน้าหลายตา ในตอนที่ร็อคกี้ขึ้นชกกับแชมป์ไม่เคยคาดหวังจะอยากสู้เพราะรู้ว่าฝีมือไม่มีอันดับพอ ไม่มีแม้กระทั่งชื่อเสียงหรือสถิติการชกในวงการมืออาชีพเสียด้วยซ้ำ แล้วจู่ๆมาชกกับแชมป์จึงไม่ต่างฟ้ากับเหวที่มีฝีมือที่แสนห่างไกล นี่จึงเป็นข้อเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวงของชีวิตร็อคกี้และเขาต้องฝึกหนักกว่าใครๆเพื่ออย่างน้อยจะได้สู้อย่างเต็มที่โดยไม่สนหรอกว่าผลจะชนะหรือแพ้


Rocky V ปรับเปลี่ยนทิศทางการเล่าเรื่องเป็นสไตล์เดียวกับสองภาคแรกที่เน้นหนักด้านการสู้ชีวิตและยังหวังด้านรางวัลขนาดให้ผู้กำกับ John G. Avildsen ที่เคยทำภาคแรกมาจัดการถึงที่ ทว่าน่าเสียดายที่การสู้ชีวิตครั้งนี้ของร็อคกี้ดูจะบอบบางและเกินจริงไปพอสมควร อารมณ์ประมาณว่าได้เห็นความลำบากของคนๆหนึ่งมาทั้งชีวิตและกำลังได้ดีเป็นผลตอบแทนที่อดทน แต่แล้วเกิดเหตุสุดวิสัยเหนือความคาดหมายต้องตกกระไดพลอยโจนในสิ่งที่พยายามสร้างต้องพังทลายลงกลายเป็นคนฐานะธรรมดา ไหนจะเรื่องปัญหาสุขภาพที่ส่งผลเป็นพักๆอย่างทรมาน และที่เจ็บปวดคือการปลุกปั้นนักมวยหน้าใหม่ด้วยการเป็นเทรนเนอร์เพื่อหวังจะสร้างชื่อให้ในอนาคตก็ยังถูกหักหลังเพียงความไม่รู้จักพอและสำนึกเข้าใจมากพอ กระนั้นปัญหาที่ถาโถมเข้ามามากเกินไปยังไม่มากพอเมื่อร็อคกี้ต้องเจอหนึ่งปัญหาที่เกิดจากคนในครอบครัว จากร็อคกี้จูเนียร์ลูกของเขาที่ไม่อาจทนต่อพฤติกรรมของผู้พ่อที่ไม่ให้ความสนใจเพราะมัวแต่ฝึกซ้อมแต่ทอมมี่จนไม่ต่างกับคนนอกสายตาที่เรียกร้องยังไงก็ได้แต่คำพูดลอยๆที่ขอจบทีไว้ต่อที่หลัง

แม้จะเสียดายเรื่องบทที่ใส่ปัญหามามากจนไม่น่าจะเป็นเรื่องของร็อคกี้เพียงคนเดียว ทว่าสิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุดคือการมองโลกที่เปลี่ยนไปในทางร้ายยังมีแง่ดีอยู่เสมอ จะไม่เห็นร็อคกี้รู้สึกเศร้าเสียใจจนร้องไห้เพราะเขามองว่าความสุขที่ได้นั้นเกิดจากเขาสร้างขึ้นและหลายคนได้รับสิ่งนั้นจากความพยายามของเขา ไม่จำเป็นเลยที่รู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียเพราะยังสร้างขึ้นใหม่ได้ ที่สำคัญร็อคกี้อาจรู้สึกดีใจเสียด้วยซ้ำที่กลับไปใช้ชีวิตธรรมดาไม่มีความวุ่นวาย จะได้มีความส่วนตัวมากขึ้นกับครอบครัว จะได้เห็นได้ชัดว่าร็อคกี้ยังคงเป็นหนังสู้ชีวิตที่ยังยึดมั่นในโอกาสเสมอ ในภาคนี้คือโอกาสชีวิตเริ่มต้นใหม่ที่ต้องดีกว่า ถึงงั้นยังเสียดายที่หนังเล่าเรื่องได้เรื่อยๆไม่มีจุดน่าดึงดูดมากเท่าไรทำให้ตลอดการเล่าเรื่องดูแบนราบไปบ้าง


พอจะเข้าใจ Sylvester Stallone ที่อยากเขียนชีวิตร็อคกี้ให้กลับสู่สามัญชนเป็นนักสู้ที่มากกว่าแค่บนเวทีชกมวย ถึงงั้นบางทีก็มากเกินไปสำหรับชีวิตหนึ่งที่จะถึงคราวเคราะห์ติดกันหลายเรื่อง อีกประเด็นที่น่าสนใจคือบทดั้งเดิมเขียนให้ร็อคกี้ออกมาตายในตอนจบของเรื่องเสียด้วยซ้ำ แต่ความคิดนี้ถูกเปลี่ยนใจไปก่อน ซึ่งถ้าร็อคกี้ตายจริงๆคงเป็นหนังสู้ชีวิตที่สู้จนตัวตายเลยทีเดียว เอาจริงๆการเล่าเรื่องยังคงความน่าติดตามได้เรื่อยๆเว้นกับตัวละครที่มีมิติไม่หนักแน่นพอ เช่น ปัญหาพ่อลูกที่คลี่คลายง่ายเกินไป ก็ถือจะเอาดีมีพลังแต่ดึงมาไม่สุดก็ว่าได้ ส่วนดราม่าหนักขนาดนี้ยังได้เห็นร็อคกี้ชกหรือไม่ คำตอบคือยังมีอยู่เพียงเปลี่ยนจากบนเวทีเป็นข้างถนนใช้หมัดไม่มีนวม เป็นฉากการต่อสู้ด้วยจิตวิญญาณที่ต้องการจะสื่อการสู้กันระหว่างคนสองรุ่นสองแนวคิด ที่มีทั้งความซื่อสัตย์ ความมานะ ปะปนอยู่กับการชกครั้งนี้ด้วย เรียกว่าเป็นการปิดตำนานร็อคกี้ที่เกือบจะไปได้สวยถ้าไม่ติดตรงขาดน้ำหนักหมัดที่ยังไม่มีพลังพอ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)