Crocodile Dundee (1986) ดีไม่ดี ข้าก็ชื่อดันดี

Crocodile Dundee (1986) | ดีไม่ดี ข้าก็ชื่อดันดี
Director: Peter Faiman
Genres: Action | Adventure | Comedy
Grade: B+

"ใช่ว่าทุกคนจะสนุกกับเรื่องนี้ แต่บางคนดูแล้วมีความสุข"

อย่างที่บอกข้างต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะกับใครก็ตามที่ใจร้อนอาจจะมองเป็นหนังน่าเบื่อไม่มีอะไรที่รู้สึกตื่นตาตื่นใจเพราะเล่าเรื่องแบบเรื่อยๆจนหนังจบ ซึ่งไม่แปลกหากจะมีคนชอบหรือไม่ชอบอยู่บ้าง แต่โดยส่วนตัวชอบความเนิบนาบที่ไม่ช้าหรือเร็วจนเกินไป อารมณ์แบบหนังเก่าที่เน้นเก็บรายละเอียดของมิติตัวละครจึงทำให้ความไม่รีบร้อนของเรื่องนี้มีตอนจบที่มหัศจรรย์ทั้งที่ตัวหนังแทบไม่ทำอะไรนอกจากพยายามเชื่อมความสัมพันธ์ของตัวละคร นั้นเองที่ทำให้ตอนจบของเรื่องนี้ไปได้สุดทางแม้จะยังค้างคาอยู่บ้าง


เรื่องเริ่มต้นที่ซู ชาร์ลตัน (Linda Kozlowski) นักข่าวสาวที่จะไปทำข่าวเรื่องจระเข้ที่ว่านายพรานไมเคิล เจ ครอกโคไดล์ ดันดี (Paul Hogan) ได้เข้าต่อสู้กับจระเข้เพื่อเอาชีวิตรอดจนเป็นที่เลื่องลือ ด้วยความสนใจเกี่ยวกับตัวนายดันดีที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างจึงเดินทางไปทำข่าวเขียนสกู๊ปชีวิตเรื่องการเอาชีวิตจากการจู่โจมจระเข้อย่างไม่ทันตั้งตัว ซึ่งหลังจากพบนายดันดีแล้วก็พาเข้าป่าเพื่อชี้จุดที่โดนจระเข้ทำร้ายพร้อมกับเล่าเรื่องดำเนินชีวิตในป่า แน่นอนว่าพล็อตเรื่องธรรมดาจืดสนิทไม่มีอะไรที่ดูแปลกประหลาดแถมยังจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ แต่ต้องบอกก่อนว่าอะไรที่ดูธรรมดาของเรื่องนี้มีหลายอย่างที่พิเศษ

ต้องบอกก่อนว่าเรื่องนี้ได้แบ่งเป็น 2 ช่วงใหญ่ๆเกี่ยวกับนายพรานดันดีและนักข่าวซูในมุมมองระหว่างคนบ้านนอกและคนในเมือง สำหรับครึ่งแรกจะเล่าเรื่องกันที่ป่าเพื่อเล่าถึงความเป็นธรรมชาติของชีวิตชาวชนบทที่อยู่กันอย่างเรียบง่าย ไม่มีอะไรที่หวือหวาไปมากกว่าการพูดคุยกันอย่างชาวบ้านกับเรื่องของสัตว์รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างดันดีกับซูที่เป็นไปอย่างเรียบง่ายเหมือนเดินป่าเขียนข่าวธรรมดา แต่ที่พิเศษคือนายดันดีมีสิ่งที่เหนือกว่าพรานทุกคนคือการเข้าถึงสัตว์ป่าแบบจิตต่อจิต ซึ่งเห็นได้จากการหยุดควายป่าล้มลงนอนทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากทำมือบางอย่างแล้วมองที่สายตาควายราวกับสะกดจิต กระนั้นมีบางอย่างที่บอกว่านายดันดีเป็นคนทะเล้นอยู่ไม่น้อยราวกับใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นเรื่องบังเอิญ


ระหว่างช่วงครึ่งแรกจะได้เห็นถึงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวนายดันดีทีละเล็กละน้อยจากพรานคนหนึ่งที่ตัวหนังพยายามสร้างลักษณ์ที่ขัดแย้งด้วยมุมมองปลอมๆก่อนจะค่อยบอกว่านายดันดีไม่ได้หลอกและเป็นพรานมืออาชีพที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่โอ้อวด ซึ่งนั้นทำให้ซูประทับใจอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับชายที่ใช้ชีวิตควบคู่กับป่าที่ไม่มีความวุ่นวายอะไรเลยนอกตัวเราเอง นั้นทำให้ซูนึกชวนนายดันดีเข้าเมืองที่พึ่งมาเป็นครั้งแรกของชีวิตเพื่อสานต่อข่าวของเธอให้รู้จักในสังคมวงกว้างยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นลองดูว่านายดันดีจะใช้ชีวิตยังไงในสภาพที่แตกต่างออกไปสิ้นเชิงระหว่างป่าธรรมชาติกับป่าคอนกรีต

ในส่วนครึ่งหลังจะเล่าถึงชุมชนชีวิตเมืองพร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างนายดันดีกับนักข่าวสาวซูที่เริ่มซับซ้อนยิ่งขึ้นจากที่แค่สัมภาษณ์การเอาชีวิตรอดจากจระเข้ก่อนจะขยายเรื่องราวการผจญภัยที่พบอุปสรรคและความแปลกตาประสาคนเมือง ซึ่งสิ่งที่เกิดในป่าสำหรับดันดีเป็นเรื่องปกติตั้งแต่การกินการนอนตลอดถึงการอาศัยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับวัฒนธรรมคนป่า ส่วนในเมืองแตกต่างกันยังไงนั้นต้องบอกว่าตัวหนังเล่าเสียดสีและกัดจิกสังคมคนเมืองในแบบเชือดนิ่มๆตั้งแต่เรื่องเพศที่สาม รูปแบบสังคมในเมือง ความเป็นอยู่ และที่เด็ดสุดเรื่องหญิงขายบริการที่เผอิญตามบ้านนอกไม่มีให้เห็นแล้วนายดันดีไปพูดคุยตีสนิทตามประสาชาวบ้านที่ต้องผูกมิตรไว้ก่อนทำให้ไปมีเรื่องกับเจ้าถิ่นเพราะคิดว่ามารังแกผู้หญิง


อาจจะดูเว่อร์ไปหน่อยที่ตัวละครจะมีความเป็นบ้านนอกชาวป่าชาวเขาสูงไปนิดเพราะไม่เคยมาอยู่เมืองทำให้สิ่งที่นายดันดีทำดูแปลกตากว่าคนอื่นจนเรียกว่าเป็นจุดเด่นที่ไม่มีใครทำกัน แต่ด้วยความแตกต่างนี่เองกลายเป็นเสน่ห์ความน่ารักของคนบ้านนอกที่ทำอะไรก็สร้างรอยยิ้มแก่ผู้ชมได้เสมอ ถึงเช่นนั้นไม่ได้แปลว่าหนังจะดูเอาฮาเพราะเน้นไปที่ความเป็นกันเองกับผู้ชมจึงไม่แปลกที่ดูจบแล้วจะรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าดูเอาตลกหัวเราะขำ นอกจากความฮาเล็กผสมน้อยที่ดูแล้วเพลิดเพลินก็ไม่คงไม่พ้นเรื่องความรักระหว่างนายดันดีกับสาวซู ซึ่งเรื่องจะพยายามไม่หวือหวากับประเด็นนี้และให้คิดไปว่าเป็นเพียงองค์ประกอบเสริมเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้คนบ้านนอกกับคนเมืองมีพอดีเข้ากันอย่างลงตัว

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้ดูธรรมดากับความรักแต่ไม่ธรรมดาคือความละเอียดอ่อนที่ค่อยเป็นค่อยไปชวนให้สัมผัสถึงความสัมพันธ์จากทั้งสองแม้จะไม่มีการบอกรักกันเลยสักครั้ง จะบอกอีกนัยคือมีความโรแมนติกที่เข้าถึงมิติตัวละครที่เข้าหากันอย่างละมุนละไม ทั้งยังเป็นเรื่องของนักแสดง Linda Kozlowski กับ Paul Hogan ที่มีเคมีเข้าหากันจากที่มองว่าเฉยๆแต่รู้สึกเหมาะสมกันดี ที่สำคัญเป็นหนังใหญ่เรื่องแรกของทั้งสอง ถือว่าแสดงได้ดีทั้งคู่หรืออาจเพราะความเข้ากันจึงทำให้ทุกอย่างลงตัว แต่จะเข้ากันหรือไม่เข้ากันต้องบอกว่าฉากไคล์แม็กซ์ทำได้ประทับใจและแปลกใหม่ไม่เหมือนใครกับฉากสารภาพความในใจที่รถไฟใต้ดินภายใต้ผู้คนนับร้อย ทั้งลุ้นทั้งอมยิ้มมีความสุขกับตอนจบของหนังเรื่องนี้จริงๆ


Crocodile Dundee เป็นหนังเปรียบคนบ้านนอกกับคนเมืองที่เห็นภาพได้อย่างชัดเจนและไม่รู้สึกน่าเบื่อหรือน่ารำคาญ ทุกอย่างที่หนังเล่าล้วนดูลื่นไหลจนไม่แปลกใจถ้าคว้าหนังทำเงินบนบ็อกซ์ออฟฟิศปี 1986 ทำเงินสูงสุดอันดับสองด้วยจำนวน $328 ล้าน เป็นรองให้กับ Top Gun (1986) ที่ทำไป $356 ล้าน นี่ขนาดเป็นหนังเบาสมองดูง่ายแต่กับเป็นที่พูดถึงและรู้จักกันพอสมควร ซึ่งไม่แปลกใจหากได้ดูหนังเรื่องนี้จะพบว่ามีหลายอย่างที่พอดีจนอิ่มเอมใจ ตัวละครพรานดันดียิ่งเป็นที่น่าสนใจและจำจดด้วยความซื่ออันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ความซื่อในที่นี้หมายถึงซื่อสัตย์กับตัวเองและซื่อเอาตัวรอดเก่งขนาดที่ว่ามีการพูดถึงในเชิงของ Rambo หรือ Chuck Norris เนื่องจากทำอะไรก็ดูง่ายไม่เป็นอุปสรรคต่อตัวเองแต่ไม่ขนาดโม้เว่อร์ทำได้ไปหมดทุกเรื่อง และที่ไม่อยากให้พลาดเลยคือฉากจระเข้ที่ดันดีเข้าไปช่วยซูเพราะฉากนี้เป็นที่พูดถึงและน่าจดจำที่สุดของเรื่องนี้

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)