Misery (1990) คลั่งสุดโหด

Misery (1990) | คลั่งสุดโหด
Director: Rob Reiner
Genres: Drama | Thriller

ในวันที่เหน็บหนาวนักเขียนชื่อดัง พอล แชลดอน(James Caan)จากหนังสือมิเชอร์รี่จะไปส่งต้นฉบับ แต่แล้วเกิดอุบัติเหตุทำให้พอลเกิดอาการสาหัสจากรถคว่ำ และเวลานั้นได้มีคนมาช่วยเหลือเขาออกมาจากรถ การหายตัวไปของพอลทำให้ไม่มีข่าวคราว ไม่มีใครรู้ว่าเสียชีวิตหรือยังอยู่ จนกระทั่งเมื่อพอลตื่นขึ้นมาพบกับแอนนี่(Kathy Bates)ที่บอกว่าเป็นแฟนอันดับหนึ่งของผลงานของเขา และแสดงท่าทางโจ้งแจ้งอย่างมีไมตรี แต่ใครจะรู้ล่ะว่าชีวิตนักเขียนชื่อดังกำลังตกอยู่ในอันตรายภายใต้นิยายเรื่องที่เขาเขียน มิเชอร์รี่


ไม่มีใครอยากรู้ตอนจบของหนังสือที่ตัวเองรัก หรือไม่มีใครอยากให้หนังสือที่ตัวเองรักจบ มิเชอร์รี่นวนิยายที่แต่งขึ้นจากนักเขียนที่เริ่มจะเข้าใจในตอนจบของเรื่องที่แต่งว่ามาถึงสุดทางของเนื้อเรื่องที่ต้องรีบส่งต้นฉบับให้ถึง บก. โดยเร็ว แต่กลายเป็นว่าพอลนักเขียนมือดีต้องประสบอุบัติเหตุท่ามกลางพายุหิมะที่ไร้การช่วยเหลืออย่างใด จนกระทั่งมีผู้ช่วยใจดีที่ช่วยเอาไว้จากรถที่กลิ้งตกถนนที่ทำให้เขาต้องนอนหมดสติ พอลตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนเล็กน้อยจากการหลับยาว 2 วัน สิ่งแรกที่ทำให้เขาตื่นคือเสียงผู้หญิงที่เรียกด้วยความลุ่มหลงว่า"ฉันเป็นแฟนเบอร์หนึ่งของคุณ" อะไรคือแฟนเบอร์หนึ่ง ก็นิยายที่พอลแต่งขึ้นนั้นไง เรื่องมิเชอร์รี่ที่ทำให้ผู้หญิงร่างใหญ่แอนนี่ต้องหลงรักเพราะความสมบูรณ์แบบที่เธอต้องการจนไม่อยากให้จบ ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม!

พอลคิดว่าเรื่องราวของมิเชอร์รี่ต้องตัดใจจบกันเสียทีหลังจากที่เขียนมานานเพราะการใช้ชีวิตที่หมกหมุ่นในการเขียนที่ยาวนานจนลืมเรื่องครอบครัวไป พอลจะติดต่อครอบครัวโดยการคุยกับลูกผ่านโทรศัพท์ทุกครั้งที่เขียนเสร็จ เป็นการบ่งบอกได้ว่าพอลห่างจากสิ่งที่ตัวเองมีมานาน ด้วยอารมณ์ที่ดีใจจากการเขียนจบทำให้ตั้งหน้าตั้งตาออกจากบ้านอย่างรวดร็ว และหยิบก้อนหิมะที่หนาแน่นบนรถมาปั้นแล้วขว้างลูกหิมะใส่ต้นไม้เป็นการเปรียบนัยๆว่า"ถึงเวลาต้องทิ้งเรื่องนี้เสียที แล้วกลับบ้านไปหาลูกสาว"


เพราะความภาคภูมิใจที่ตัวเองเขียนเรื่องจบ ทำให้พอลรีบเร่งที่จะส่งต้นฉบับเพื่ออยู่กับลูกสาว แค่ด้วยวิสัยท์ที่กำลังเลวร้ายเพราะพายุหิมะจึงเกิดอุบัติที่เกิดคาดเอาไว้ แต่โชคดีที่มีคนช่วยจากซากรถก่อนที่จะหนาวตายในรถทั้งอย่างนั้นและคนๆนั้นใจดีอย่างมากกับการช่วยเหลือพอลในบ้านที่ทำเป็นพี่เลี้ยงพยาบาลป้อนข้าวป้อนน้ำให้ และเธอมีชื่อว่าแอนนี่ที่อยากเจอตัวจริงคนเขียนเรื่องมิเชอร์รี่มานาน

แอนนี่เป็นแฟนพันธุ์แท้พอลและติดใจกับนิยายมิเชอร์รี่อย่างสูงถึงขั้นเก็บฉบับที่พิมพ์ครั้งแรกมาหมดทุกตอน และรู้รายละเอียดกิจวัตรที่พอลชอบทำบ่อยๆอย่างการเขียนนิยายที่กำลังจะจบ ที่ต้องมีบุหรี่ ไฟแช็ค และไวน์ เป็นการยอมรับในรางวัลที่เขียนเสร็จ พอลรู้สึกดีอย่างมากกับการกระทำของแอนนี่ที่จัดการทุกอย่างให้อย่างดีโดยที่ตัวเองยังคงนอนบนเตียงเพียงอย่างเดียวเพราะอาการสาหัสทางรถยนต์ และชื่นชมในตัวแอนนี่ที่เป็นคนดีมาตลอดจนไปจี้จุดเพราะเรื่องที่ตัวเองไม่คิดว่าจะจริงจังขนาดนี้เลยกับมิเชอร์รี่ตอนจบ


แอนนี่มีอาการที่อาจจะโกรธง่ายแต่ยังรู้ตัวว่าทำอะไรเหมือนเป็นพวกเก็บกดที่อยู่คนเดียวห่างจากสังคมผู้คน จึงเป็นการระบายอารมณ์ในใจบางครั้งขณะที่คุยกับพอล จนพอลยังแปลกใจและกลัวอยู่ว่าเธอคนนี้มีปัญหาอะไรกันแน่ถึงได้ใส่อารมณ์ได้เร็วและแรงขนาดนั้น ความโกรธเกิดขึ้นได้รุนแรงกับแอนนี่จากเรื่องอดีตที่ตัวเองไม่พอใจ และเรื่องที่ไม่พอใจมักเกิดขึ้นจากตอนจบของหนัง ละคร ชีวิตจริง ที่แอนนี่ไม่ต้องการและมองว่าเป็นเรื่องชั่วร้าย ไร้ปัญญาแก้ไข และต่อต้านสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการจากคำว่าว่าไม่ยุติธรรม

พอลได้รับการดูแลอย่างดีภายในบ้านของแอนนี่ และไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้เพราะแอนนี่บอกว่าถนนยังไม่เปิด และรถพยาบาลจะมาหาเมื่อพร้อมเพราะติดพายุหิมะ จนกระทั้งแอนนี่ได้เปิดปากขอในสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตพอลอย่างสมบูณ์แบบคือการขออ่านต้นฉบับมิเชอร์รี่ที่ตัวเองตามอ่านมาตลอด ซึ่งพอลได้เขียนใส่กระเป๋าเอาไว้เพื่อส่งฝ่าย บก. และจุดนี้เองที่แอนนี่จะไม่ใช่แอนนี่อีกต่อไป เพราะสิ่งที่พอลทำคือสิ่งชั่วร้ายสำหรับแอนนี่


กลางดึกคืนที่มีฟ้าผ่าตอนฝนตก พอลตกใจอย่างแรงและมึนงงในตัวแอนนี่ที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับด่ามาร้ายใส่แบบเสียๆหายๆเดี่ยวกับมิเชอร์รี่ที่ไม่สมควรมีเนื้อเรื่องแบบนั้น เพราะความไม่ยุติธรรมที่มิเชอร์รี่ต้องตายและแอนนี่ไม่พอใจอย่างรุนแรง จนพอลเปลี่ยนสีหน้าปรับตัวไม่ถูกในสิ่งที่เจอ และในเช้าต่อมากับวันแห่งการแปรเปลี่ยนได้เริ่มขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่เมื่อแอนนี่บังคับพอลให้เขียนนิยายต่อ ซึ่งเธอจะต้องอ่านก่อนทุกตอนที่เขียนเสร็จเพื่อข้อตกลงในการเรื่องราวอย่างถูกต้องที่เป็นไปด้วยความต้องการ

พอลจมปลักอยู่ในบ้านที่ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ตามที่ต้องการเพราะอาการสาหัสจากขาทั้งสองข้างที่ไม่สามารถเดินได้และต้องนั่งเก้าอี้เข็นที่ไม่อิสระเพราะโดนขังเพียงในห้องเท่านั้น แต่ด้วยโอกาสและเวลาที่แอนนี่ไม่อยู่ พอลตัดสินใจจะทำตามแผนของตัวเองให้รอบคอบที่สุดเท่าที่ทำได้ และการบีบบังคับของแอนนี่ทำให้พอลรู้แล้วว่าแฟนเบอร์หนึ่งอาจหมายถึงตัวอันตรายที่สุดในชีวิตพอลด้วยเช่นกัน


Misery มีลูกเล่นแน่นด้วยชั้นเชิงจิตวิทยาเล่นหูเล่นตาแบบต่างคนต่างวางแผนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ตามสูตร เพราะตัวละครในเรื่องล้วนฉลาดทั้งสิ้นและต่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน จัดได้ว่าชมแล้วไม่มีเบื่อมีเรื่องราวชวนระทุกขวัญตลอดเวลาและความหวาดเสี่ยวน่าขนลุก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักแสดงที่รับบทแอนนี่ที่เล่นตีบทแตกกระจุยกระจายจนกลมกลืนยิ่งกว่าธรรมชาตินั้นคือ Kathy Bates ที่เวลาต่อมาได้คว้ารางวัลออสการ์ไปครองฐานะนักแสดงหญิงที่เล่นได้ดีมากๆ เพราะใน Misery จะมีการถ่ายทอดตัวละครแอนนี่อย่างประชิดใกล้ตัวอย่างมาก และมักจะโฟกัสเข้าหน้าเพื่อบอกอารมณ์ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งจุดนี้เดาได้ยากเป็นตัวละครที่ว่าดีก็มาดี มาร้ายก็ว่ามาร้าย คิดอะไรอยู่ก็น่าสงสัย แถมยังจัดว่าเป็นตัวละครที่ร้ายที่สุดที่เคยมีมา ส่วนพอลชายผู้โชคเกือบจะดีเล่นโดย James Caan ที่บอกได้ว่าสาหัสเอาการเพราะบทส่วนใหญ่จะต้องเล่นโดยไม่ให้ขาขยับ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าลุ้นมากเมื่อไปไหนมาไหนโดยไม่พึ่งขาที่ต้องแข่งกับเวลาเสมอ และสีหน้าที่เรียกว่าได้เหงื่อกันไปเลยกับคำว่า"นั่งเกร็ง"


จะบอกว่าคนเขียนบทนั้นสุดยอดมากกับเนื้อหาที่ไม่มีช่องว่าง อัดเต็มแน่นด้วยเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างจำกัดแต่ไม่จำเจและสดใหม่ในการเสนอตลอดเวลาและยังมีเรื่องน่าระทึกขวัญตกใจกันหลายฉาก และคนเขียนบทไม่ใช่ใครอื่นใดแต่เป็นเจ้าพ่อนักเขียนสยองขวัญ Stephen King ที่ได้ Rob Reiner มาสร้างเป็นหนังมีชีวิตขึ้นมา

Rob Reiner สามารถเก็บรายละเอียดในส่วนต่างๆได้มิดชิด ทำให้ชวนน่าติดตามในเรื่องราวตลอดเวลา มีบรรยากาศที่น่าหดหู่ผสมกับชั่นเชิงที่เนื้อหาคมกริบ แต่ Misery ไม่ใช่หนังสยองขวัญเต็มตัวเพียงเป็นแนวระทึกขวัญสั่นประสาทออกแนวทริลเลอร์ที่ต้องมีเนื้อหาหนักๆและเล่นกันแบบสุดๆ


ในบางจุด Misery คงมีความอืดอยู่บ้างเป็นเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างที่สามารถเสริมเติมได้กับนักวิจารณ์ที่อยากให้มีเหตุผลมากกว่านี้ และนั้นก็เป็นแนวน่าตื่นเต้นอย่างมากเพราะเนื้อเรื่องเริ่มเปิดปมประเด็นทีละน้อยผ่านตัวละครพอลที่พยายามหนีแอนนี่ตอนที่เธอไม่อยู่

นับเป็นช่วงที่น่าสนใจเพราะการมีชั้นเชิงระหว่างแอนนี่กับพอลที่ห่ำหั่นกันแบบไม่มีใครยอมจนเป็นเรื่องสงครามเย็นที่ดุเดือด ในขณะที่พอลก็พยายามสืบหาข้อมูลจากแอนนี่ผ่านภายในบ้านและเก็บข้าวของเพื่อวางแผน แอนนี่ที่มีท่าทีไม่รู้ก็จงใจทำเป็นเรื่องอุบัติเหตุและคอยจับผิดพอลอยู่ห่างๆ ตรงจุดนี้แหละที่สนุกและลุ้นไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น


การนำนิยายของ Stephen King มาทำเป็นหนังถือเป็นจุดยากเพราะเรื่องการอ่านมักจะใช้จินตนาการควบคู่ แต่ Misery ที่เป็นหนังแล้วเพียงแต่สัมผัสชมก็รับรู้ถึงความน่ากลัวระทึกขวัญชวนหายใจไม่ออกที่ไม่ต้องพึ่งจินตนาการก็หลอนติดตาแล้ว

ตอนดูเรื่องนี้บอกได้คำเดียวว่าชัดโครตชัดมากๆไม่ได้ดู Bluray หรือ DVD แต่เป็น VCD ที่เก่ามากดูจากกล่องที่ต้องเปิดหน้าเปิดหลัง เป็นตอนที่ยังใช้ VDO กันอยู่เลยและยังไม่มีแผ่น DVD กันอีกด้วย ซึ่งแปลงจาก VDO ลงแผ่น VCD ก็เลยคมชัด พอภาพชัดๆเข้ารายละเอียดส่วนต่างๆก็ดีตามไปด้วย เห็นสัดส่วนชัดเจนเรียกว่าสมัยก่อนคุณภาพชัดมาก ผิดกับสมัยนี้ที่ไม่ค่อยคมชัดเท่าไหร่ แอบมีภาพแตกด้วย

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)