ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ (2019)

ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ (2019)
Director: นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์
Genres: Drama | Romance
Grade: B+

ทุกคนต้องมีของที่ตัวเองเก็บไว้ทั้งนั้นแหละ อย่างน้อยเป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับตัวเองเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน หรือเป็นเครื่องบันทึกความทรงจำที่ลืมไปแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องต้องเก็บหรือจำ เมื่อถึงเวลาที่ไม่ต้องการก็คือทิ้ง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามคือการจัดระเบียบให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น แม้ต้องแลกหรือสละให้หายไปเลย


ไม่ปกติหรือปกติ คือสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังของผู้กำกับ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ มักมีความคิดที่ยุ่งยากจากสิ่งที่ง่าย จำเป็นมากแค่ไหนที่ต้องมีตรรกะมีเหตุผลมากกว่าความรู้สึก การทิ้งสิ่งของที่เก็บมาครึ่งชีวิตหรือมากกกว่าหรือน้อยกว่ามีความคุ้มค่าแค่ไหน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ จีน (ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ที่ต้องการจัดการของทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในบ้านเพื่อรีโนเวทใหม่ ซึ่งวิธีนั้นคือการทิ้ง...

ถุงขยะหรือถุงดำเสมือนหลุมดำที่หนังต้องการสื่อถึงสิ่งที่เข้าไปจะไม่กลับมา สามารถดูดกลืนรับได้ทุกอย่าง แค่โยนหรือใส่เข้าไปข้างในก็หายไปทันที แล้วน้อยครั้งหรือเป็นไปได้ยากที่จะรื้อฟื้นหยิบจับของที่อยู่ในถุงดำออกมา ดังนั้นเมื่อเข้าไปแล้วจะกลับมาก็ยากจะคืน


ของบางอย่างที่ไม่ได้จับมานานหรือเก็บเข้ากล่องจะถูกลืมในปัจจุบัน ของเหล่านี้จะมีความหมายเมื่อหยิบจับขึ้นมาอีกครั้ง แต่คนที่ตัดสินว่าสิ่งนั้นมีความสำคัญแค่ไหนคือผู้ครอบครอง ดังเช่น จีน ที่ไม่ได้มองความหลังของสิ่งต่างๆ เพราะคิดว่าทิ้งให้หายไปจากบ้านแค่นั้นคือจบ การรีโนเวทบ้านจะได้ทำเร็วขึ้น ทว่ายิ่งทิ้งยิ่งแยกจากกันก็เริ่มเห็นคุณค่าที่ไม่ควรจบด้วยการทิ้ง เมื่อไม่ได้ใช้หรือไม่ต้องการแล้วก็ควรทำให้มีคุณค่ามากกว่านี้

ความพยายามที่จะขจัดข้าวของในบ้านให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อบ้านใหม่นั้นมีปัญหา โดยเฉพาะของบางสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองแล้วมีความหลังเก็บซ่อนอยู่ ซึ่งนั้นคือของของแม่จีน (อาภาศิริ นิติพน) ที่อยากเก็บเอาไว้ แม้จะดูไร้ประโยชน์และเกะกะ แต่มีความหมายที่ลึกซึ้ง ไม่ว่าจะดีเอยหรือทุกข์เอยก็ตามแต่ ความขัดแย้งรหว่างสองฝ่ายที่เลือกเก็บกับทิ้งต้องเผชิญหน้ากันอย่างไม่ลงรอย 


การจัดการข้าวของตัวเองนั้นไม่ใช่ปัญหาที่จะทำอะไรก็ได้ แต่หากเป็นคนที่ได้มาอีกทีเนื่องในโอกาสใดก็ตามก็ย่อมมีความหมายที่มอบให้ ดังนั้นการทิ้งไปเฉยๆจึงไม่อาจตัดสินได้เด็ดขาด เพราะในเมื่อไม่ต้องการแล้วควรลองคืนเจ้าของหรือทำให้เป็นประโยชน์มากกว่าทิ้งไปเฉยๆ ต่อให้รีบอยากให้หมดไปจากบ้านไวๆก็ตาม

เมื่อของบางสิ่งทิ้งเฉยๆจะหายไปจากชีวิต การคืนเจ้าของเพื่อเรียกความทรงจำกาลครั้งหนึ่งอาจเป็นหนทางที่ดี เพราะอย่างน้อยยังเคยเป็นผู้ให้ แม้สิ่งเหล่านั้นในอดีตจะไม่สำคัญหรือน่าใช้ในปัจจุบันแล้วก็ตาม กระนั้นบางอย่างยากจะคืน เพราะเป็นการรื้อฟื้นความทรงจำที่ไม่สวยหรู ดังเช่นของ เอ็ม (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) แฟนเก่าของจีน จะทิ้งก็กลัวจะกลายเป็นของที่หายไปจากชีวิตไร้ความหมาย จะคืนก็กลัวอดีตย้อนมาทำร้ายตัวเอง


ประเด็นของหนังไม่ได้ก้าวไกลหรือล้ำความคิดไปไหนเลย เป็นสิ่งใกล้อย่างมาก ทุกวันนี้ต่างคนต่างมีของที่ได้รับมาและทิ้งออกจากชีวิต มีความสำคัญบ้างไม่สำคัญบ้าง เสมือนส่วนหนึ่งของชีวิตที่ต้องมีประดับช่วงเวลา ดังเช่นรูปถ่ายที่บันทึกช่วงเวลาขณะนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน สิ่งที่อยู่ในรูปยังเป็นเช่นนั้นเสมอ อีกทั้งยังมีคุณค่าทางจิตใจที่มอบทั้งสุขหรือทุกข์ก็ได้

ความพยายามที่จะรีโนเวทบ้านเพื่อชีวิตใหม่ๆของตัวเอง แต่ต้องทิ้งข้าวของมากมายจนเหมือนคนไม่แคร์ความทรงจำที่เคยสัมผัสสิ่งนั้นมาก่อน ถ้าเป็นของตัวเองหรือเรื่องของตัวเองจะไม่ใช่ปัญหาเท่าการไปยุ่งของคนอื่น ความต้องการไปต่อในสิ่งใหม่กับสิ่งที่ใหม่ในทุกอย่างเป็นปัญหาการร่วมอาศัยกับคนอื่นที่ยังอยู่กับสิ่งเก่า ในแง่ของการทำงานคงต้องเปลี่ยนให้ดีขึ้น แต่มุมของความรู้สึกจะเปลี่ยนกันได้ไหม หากทิ้งไปแล้วจะหาสิ่งไหนมาทดแทนได้หรือเปล่า


ตลอดทั้งเรื่องมีความซึมเป็นส่วนมาก รู้สึกเปล่าเปลี่ยวทั้งที่ข้าวของมีล้นบ้าน อีกทั้งอึดอัดไม่สบายใจเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับของที่ตัวเองมี คืนดีไหม หรือทิ้งดีกว่า หรือที่ได้ประโยชน์ขึ้นมาหน่อยคือการขายไปเลย แต่ทางที่เร็วและง่ายสุดคือการทิ้งทีเดียวจบ ไม่ต้องมาคิดราคาหรือประมวลเวลาให้ยุ่งยาก

การได้เห็นวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับของที่มีอยู่นั้นมีความเหน็ดเหนื่อย แต่สามารถจัดการได้ทั้งหมดด้วยตัวเอง ทว่ากับของที่ไม่ใช่ของตัวเองซะทีเดียวจะทำยังไง ขออนุญาตหรือให้เหตุผลยังไงก็เปล่าประโยชน์ เพราะไม่ใช่แค่ว่าของสิ่งนี้จะใช้ได้หรือไม่ได้ แต่เป็นความรู้สึกความหลังในสิ่งที่ของชิ้นนี้ประสบพบเจอมา หากจะหาเครื่องบันทึกคงไม่พ้นอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น ฮาร์ดไดร์ แฟลชไดร์ หรือคลาวน์บนเว็ปไซต์ต่างๆ แล้วความรู้สึกที่จับต้องไม่ได้จะบันทึกเก็บไว้ตรงไหนได้


มีความเจ็บปวดไม่น้อยที่ต้องรู้สึกดีและทุกข์ แต่ไม่ได้ทางไหนก็ตามก็ดูเหมือนการขจัดของให้ออกจากบ้านไม่ต่างกับผู้ร้ายหรือคนที่อยากมีชีวิตที่ใหม่เกินไป ไม่เคยผ่านหรือมีความหลัง มีเพียงห้องว่างๆกับสไตล์มินิมิลที่ตัวเองอยากได้ ทั้งที่ดูแล้วไม่มีของตกแต่งอะไรเลย มีแค่ตัวเองกับโต๊ะหรือของไม่กี่ชิ้นจากที่มีเต็มห้อง เหมือนถูกขโมยความรู้สึก เหมือนที่ถูกบอกว่า"อย่ามาจัดการชีวิตคนอื่น"

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)