Ao oni (2014) | C
Director: Daisuke Kobayashi
Genres: Horror | Sci-Fi
เคยได้ยินชื่อเสียงทางด้านเกมจนต้องไปดูที่เขาเล่นกันว่าน่ากลัวแค่ไหน ซึ่งรูปแบบเกมไม่มีอะไรมาก ให้เดินสำรวจพร้อมกับไขปริศนาตามจุดต่างๆ แต่ระหว่างที่เดินต้องระแวงระวังปีศาจสีน้ำเงินตัวใหญ่ (ค่อนไปทางม่วง) ที่โผล่ออกมาตอนไหนก็ได้ ถ้าเจอตัวเมื่อไรจะตามติดเป็นตังเม วิธีรอดคือต้องหนีสถานเดียว แน่นอนว่าเกมไม่ได้แปลกพิสดาร แต่อยู่ที่ความน่ากลัวที่ไม่รู้จะต้องหนีตอนไหนและไปไหนต่อ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnHhR3ffSSPvZvDWeQQ4WIY1y6qI-DhwSZyHxqEz98MeXawCnz8O2kC__8Dqktla_nJfq4kHVnRmW_ehU5Kj0VVd2nsL5r-qa6wswYJWa-tK6tX-ETLLF_r3hbTBD48RMw_Ut9Tqm1Lj1x--CL4siUi1qCSwd-3zj2ygN1b7Z-u5pfJQcdxXYJSrm-/w640-h476/attach-1481689335538.jpg)
ไม่นึกว่าจะมีฉบับหนังอยู่ด้วย จึงคาดหวังรูปแบบที่เหมือนหรือแตกต่างจากฉบับเกมจะไปได้สักแค่ไหน ซึ่งดูเหมือนเนื้อเรื่องจะไม่ค่อยมีรายละเอียดเท่าไรนัก จับพลัดจับผลูพากันเดินเข้าอาคารร้างโดยที่ไม่รู้เลยว่าที่ตัวเองกำลังเข้าสู่โลกของเกม แล้วที่พลิกแพลงไปอีกคือคนเขียนเกมดันมาอยู่ในเกมที่ตัวเองสร้าง ทำให้ภารกิจที่ต้องปั่นหัวสมองช่วยกันคิดได้ข้ามออกไป ฉะนั้นจึงเป็นการลุยไปตรงๆเหมือนคนที่เล่นมาบ่อยที่สนใจแค่ทำเวลาจบเกมเท่านั้น
เนื้อหาพอประมาณระดับหนึ่งจากที่คิดว่าคงไม่มีแล้วล่ะมั้ง แต่ยังสรุปแบบหักมุมได้อีก ทำให้ยกระดับความดีของหนังมาอีกขั้น จากที่เดิมทีตัวละครล้วนเปราะบางอย่างมาก เดาทางง่ายไปหมดทุกตัวเพราะไม่มีการปูพื้นตัวละคร มีแค่ตัวหลักนิดหน่อยให้รู้ว่าคนนี้สร้างเกมนะ คนนี้เคยสูญเสียน้องนะ ขณะที่เหลือมาเติมสีสันการหลบหนีและเป็นเหยื่อให้กับปีศาจสีน้ำเงินเขมือบเล่น
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEglGt9_SXwIfgIxPzekAfG5qL1V45LJovRzXkgly1WHUCEqzvrr3FPt1fdFmCI8qKj-Lfy5trp-yxJg86tRcwwuouRlsDtqx5jQQlqCiLmbb6QBK_s1r3IKHiu2oLG9ahMEI2qCqOH2lfequ99mniDiW4J-TAHcUPMVyOJvGcoZvtXPI-HXbjYs25EX/w640-h372/Blue_Demon_(Ao_Oni)-002.jpg)
ในเกมมีความน่ากลัวระดับหนึ่ง แต่เกมเป็นประเภทเดิน 2 มิติ พอเห็นบ่อยๆก็เริ่มชินไปเอง เพราะการขยับมีข้อจำกัด พอเป็นหนังปรับให้ทำได้มากกว่าแค่เดินหน้าหรือถอยหลังจึงรู้สึกน่ากลัวกว่ากันมาก (แต่คาใจอย่างมากเรื่องขนาดตัวที่ใหญ่แต่โผล่ไปไหนมาไหนก็ได้) แล้วที่หลอนหน่อยคือฉากทำลายประตูที่โผล่หน้าออกมาทักทายอย่างกับ Jack Nicholson ใน The Shining (1980)
ปล.ไหนๆดูภาคแรกจบแล้วให้ต่อ Ao oni ver. 2.0 (2015) ไปเลยทันที เนื่องจากหนังยาวแค่ชั่วโมงเดียว ถ้าดูจบครบ 2 ภาคก็ไม่ต่างกับดูหนังเรื่องหนึ่ง