Lock Up (1989) ล็อคอำมหิต

Lock Up (1989) | ล็อคอำมหิต
Director: John Flynn
Genres: Action | Crime | Drama | Thriller
Grade: C+

แฟรงค์ ไลโอเน่ (Sylvester Stallone) นักโทษที่จะพ้นโทษในอีก 6 เดือนข้างหน้า แต่ช่วงเวลาที่รอคอยต้องพังทลายลงเพราะถูกพาไปจองจำในคุกสุดโหดอีกสถานที่หนึ่งตามคำสั่งของ วาร์เดน ดรัมกูล (Donald Sutherland) ผู้คุมเรือนจำที่เป็นอริแค้นเพื่อให้ทนทุกข์ทรมานกับความผิดหวัง ทำทุกวิถีทางให้แฟรงค์อยู่ไม่เป็นสุขในฐานะนักโทษที่ไม่มีทางเลือก นั่นทำให้แฟรงค์ต้องสู้เพื่อความอยู่รอดและเสรีภาพ


หนังสายดราม่าที่ผสมความเป็นแอ็คชั่นเพื่อให้น่าลุ้นน่าตื่นเต้น แต่พอเอาเข้าจริงไม่ค่อยจะลงตัวสักเท่าไรเพราะจังหวะยังขาดๆเกินๆอยู่หลายอย่าง โดยเฉพาะในส่วนของดราม่าที่พยายามเล่นกับความน่าเห็นใจของตัวละครที่ไม่ได้มีเพียงแฟรงค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวละครอื่นๆที่มีปมให้ผู้ชมได้สัมผัสมุมมองต่างๆของนักโทษที่ไม่ได้เลวร้ายไปซะทีเดียว ซึ่งบางเรื่องก็เหมือนจะเล่าดีแสดงให้เห็นอย่างสมเหตุสมผลตามตัวละคร แต่พอถึงจุดที่ต้องแสดงออกมากลับไม่เป็นผลอย่างที่หวัง เหมือนบทเขียนมาดีแต่การถ่ายทอดอารมณ์ยังไม่มากพอ

ด้วยความเป็นหนังเกี่ยวกับคุก สิ่งที่เห็นบ่อยครั้งคือปัญหาของนักโทษที่ไม่ถูกกันสักเท่าไร หรือการแบ่งแยกดินแดนเพื่อแสดงว่าตัวเองมีพรรคพวก ซึ่งแฟรงค์อยู่ตัวคนเดียวไม่ค่อยเข้ากับใคร แต่สุดท้ายต้องเลือกว่าอยู่ตัวคนเดียวจะอยู่ได้นานแค่ไหน เพราะทุกคนที่เข้ามาในคุกล้วนไม่ใช่คนดีแน่นอน จะแตกต่างกันที่สำนึกใครจะรู้ตัว ซึ่งในหนังก็เห็นชัดเจนว่ามีหลายคนที่เข้าคุกแล้วไม่ทำอะไร แต่ก็หลายคนที่ปรับตัวยอมรับและสำนึกในความผิด แน่นอนว่าคนที่สำนึกในความผิดกลับตัวกลับใจย่อมอยู่ฝ่ายเดียวกับแฟรงค์ แม้จะค่อนข้างง่ายและลงตัวตามสูตรอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะช่วงเวลาที่ไม่มีใครก็คือเพื่อนนี่แหละที่ช่วยเหลือกันได้


ชีวิตที่ต้องอยู่ในคุกทำให้ต้องปรับตัวใหม่หลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องสังคมที่มักจะสรรหาเรื่องมาให้ตลอดเวลา ซึ่งแฟรงค์ไม่ใช่คนพิเศษที่มีความสามารถเก่งกว่าคนอื่นๆ แต่สิ่งที่มักจะเหนือกว่าคือความใจเย็นจากประสบการณ์ที่บอกว่าอะไรควรหรืออะไรไม่ควร สำหรับ Sylvester Stallone ยังแสดงได้ดีและรู้สึกเข้ากับคาแรกเตอร์ได้ง่าย(แทบไม่ต้องแสดงอะไรเลยก็ได้สีหน้าตามนั้นแล้ว) นั่นทำให้ดูน่าเชื่อถือเป็นหนังสู้ชีวิตที่ชวนให้นึกถึง Over the Top (1987) แม้จะคนละเรื่องคนละราว กระนั้นคอนเซ็ปต์สู้ชีวิตไม่ต่างกัน

Lock Up อาจจะไม่ครบรสเต็มอารมณ์ แต่ได้มุมมองหลายๆอย่างของคนที่อยู่ในคุก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือมิตรภาพที่เกิดขึ้นได้แม้อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายที่แสนเลวร้าย น่าเสียดายที่อารมณ์ไปไม่สุดและพูดไม่หมด โดยเฉพาะเรื่องความรัก เนื่องจากตอนจบควรได้อารมณ์ที่เปี่ยมล้นมากกว่านี้ สิ่งที่เห็นเลยดูจืดชืดไปซะหน่อย ส่วนฉากแอ็คชั่นพอหอมปากหอมคอไม่ได้บู๊มันส์อะไรมากเพราะเกิดเรื่องกันในคุก จะไปจับปืนถือระเบิดคงไม่ใช่ นอกจากวัดกันด้วยกำลังหรือกีฬาอย่างรักบี้ที่ทำเอา Sylvester Stallone เกือบขาหักเพราะเป็นฉากทุ่มด้วยกำลังกายกันเต็มที่จึงไม่แปลกถ้าจะมีเจ็บตัวกันบ้าง


นับเป็นหนังที่ไม่น่าผิดหวัง แต่อาจจะมีบางช่วงขัดใจอยู่บ้างเพราะทักษะการถ่ายทอดอารมณ์ยังไม่สุด ส่วนที่เหลือถือว่าทำได้ดีพอดูได้เพลินๆ แล้วยังมีเพลงประกอบมาเป็นตัวเร้าอารมณ์ที่ร้องโดยวง Survivor ในชื่อเพลงว่า Ever Since The World Began ซึ่งจะว่าไปแล้ววงนี้ก็เคยร้องประกอบหนังที่ Sylvester Stallone เล่นใน Rocky III (1982) ด้วยชื่อเพลง Eye of the Tiger อีกด้วย

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)