Birds of Prey: And the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn (2020) ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด

Birds of Prey: And the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn (2020) | ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด
Director: Cathy Yan
Genres: Action | Adventure | Comedy | Crime
Grade: B+

ตอนได้เห็น Suicide Squad (2016) คือความคาดหวังที่จะมาฉีกแนวซูเปอร์ฮีโร่ ได้เห็นตัวร้ายมากอบกู้โลกด้วยวิธีแบบร้ายๆบ้าง แต่คาดหวังไว้สูงจึงต้องเจ็บมากตามไปด้วย ทั้งที่มีของให้ใช้หลายอย่างก็ดูเหมือนยังขาดแล้วขาดอีก ทำให้ตัวละครที่มีเสน่ห์มากสีสันไม่ได้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องที่น่าจะมีมิติมากกว่านั้น พอผิดหวังทำให้ความอยากดูต่อไปจึงน้อยลง


ตอนที่ได้ดู Suicide Squad (2016) แล้วสิ่งที่สัมผัสได้คือความโดดเด่นของ Margot Robbie ในบท ฮาร์ลีย์ ควินน์ ซึ่งเด่นกว่าทุกคนในเรื่องของหน้าตาและการแสดง ทำให้บางครั้งความมีเสน่ห์นี้ได้กลายเป็นจุดดึงดูดอย่างมาก ต่อให้หนังย่ำแย่แค่ไหนก็บอกว่าเธอคนนี้คือส่วนที่น่าติดตาม อีกทั้งความไม่ธรรมดาอยู่ที่การสวมบทบาท มีการแสดงออกถึงตัวตนชัดเจน ฉะนั้นการจะมีหนังสักเรื่องเป็นของตัวเองคงไม่ใช่เรื่องแปลก

ฮาร์ลีย์ ควินน์ ในคอมมิคอาจไม่ถึงกับเด่นหรือเก่งกาจในระดับวายร้ายแถวหน้า แต่ความที่เป็นคนรักของโจ๊กเกอร์หรือตัวร้ายระดับต้นๆที่ทำให้แบทแมนปวดหัวบ่อยครั้ง ดังนั้นต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ แน่นอนว่าเป็นคนปกติ ไม่มีพลังพิเศษ แต่มีทักษะด้านการแพทย์ที่จบเฉพาะด้านจิตเวช ฉะนั้นการปั่นหัวสับขาหลอกคือทีเด็ดอย่างหนึ่งก็ว่าได้ แล้วจะแตกต่างจากโจ๊กเกอร์ตรงไหน คงเป็นที่เรื่องเพศเพราะคือผู้หญิง อีกทั้งมีทักษะการต่อสู้ด้วยนะเออ


การได้เห็น Margot Robbie ในบท ฮาร์ลีย์ ควินน์ ในหนังที่ตัวเองเป็นตัวนำเรื่องมีความเซอร์ไพรส์พอประมาณ เนื่องจากเล่าเรื่องได้ไม่เครียดและอุดมด้วยความบันเทิงพอสมควร ซึ่งเข้ากับคาแรคเตอร์ทีเล่นทีจริง บางทีเดาใจง่ายบางทีเดาใจยาก แต่ไม่ถึงกับดูยากหรือสะท้อนสังคมในเชิงเอาจริงเอาจัง หากให้เทียบกับโจ๊กเกอร์ที่คู่กันแล้วเป็นสิ่งที่ตรงข้าม แม้จะมีคาแรคเตอร์ชอบปั่นหัวให้สับสนเหมือนกัน ทว่าความสนุกสนานต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ความบันเทิงที่ได้จาก Birds of Prey: And the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn (2020) คือการเล่าเรื่องในองค์แรกที่ไม่ปล่อยเป็นเส้นตรง แต่จะสลับไปมาถึงที่มาที่ไปว่าทำไมเป็นแบบนี้ พยายามเก็บรายละเอียดให้สมเหตุสมผลมากที่สุด โดยระหว่างนั้นจะพูดถึงตัวละครอื่นตามไปด้วย พอมาถึงจุดเคลียร์ประเด็นทำให้พล็อตธรรมดาออกมาสนุกตามประสาตัวตลกอย่าง ฮาร์ลีย์ ควินน์ ที่เสมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ชีวิตเต็มไปด้วยสีสันบันเทิงให้ตื่นเต้นตลอดเวลา


พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่เริ่มเข้าใจถึงปมต่างๆที่หนังต้องการจะผูกว่าใคร ทำอะไร และยังไง หลังจากนั้นคืออาการค้างที่อาจเล่าเรื่องได้สนุกและลื่นไหล ปัญหาองค์ที่สองการเชื่อมโยงที่ง่ายเกินไป พร้อมกับดึงทุกสิ่งทุกอย่างให้บรรจบในองค์ที่สาม ซึ่งดูแล้วเข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามสูตรสำเร็จ เพราะสุดท้ายตัวละครที่เด่นบ้างไม่เด่นบ้างจะมารวมตัวเป็นทีมในตอนท้าย แม้หมดพลังไปกับการเล่าเรื่องซะเกือบหมด แต่มาถึงไคล์แม็กซ์คือแอ็คชั่นปล่อยวางเต็มเหนี่ยว

อันที่จริงเนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนเท่าไรเลยนะ อาศัยตัวละครที่หลากหลายจนไม่น่ารวมเป็นทีมในตอนท้าย แต่ละอย่างมีความขัดใจเต็มไปหมด ซึ่งความขัดแย้งสามารถรวมอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะ เฮเลน่า เบอร์ติเนลลี หรือ ฮันเทรส (Mary Elizabeth Winstead) มีความลึกลับตลอดทั้งเรื่อง กว่าจะแนะนำตัว กว่าจะเฉลยปม แล้วสิ่งที่เฉลยดันเป็นสิ่งที่โยงเรื่องราวให้เติมเต็ม ประกอบกับคาแรคเตอร์ตัวละครนี้เก่งที่ฝีมือ แต่ฝีปากอ่อนจนเถียงใครไม่ได้ มองในแง่การลำดับเนื้อเรื่องถือว่ากวนเลยแหละ


นอกจากวิธีเล่าเรื่องก็คือความเป็นหนังทุนไม่สูง เพราะใช้ทุนสร้าง $84 ล้าน (ทำรายได้เพียง $201 ล้าน แอบเศร้าที่หนังดีมากสีสันกลับไม่ทำเงินตามเป้า เพราะความหวังในหนังจักรวาล DC เริ่มไม่เป็นที่น่าติดตาม) ดังนั้นความโม้ความเว่อร์จะน้อยกว่าทุกเรื่อง มีความเป็นมนุษย์มากที่สุด สิ่งที่ทดแทนมาคือการต่อสู้ที่งัดทักษะศิลปะป้องกันตัว (แม้จะไม่ค่อยเป็นวิชาก็ตาม) และไหวพริบแก้สถานการณ์ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าหาตรงๆ

ฮาร์ลีย์ ควินน์ คือตัวหลักของเรื่องที่ต้องการเล่าถึงการอยู่ด้วยตัวเอง พึ่งพาคนอื่นให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะสุดที่รักอย่างโจ๊กเกอร์ที่ขอเลิกคบ ทำให้การอยู่คนเดียวแล้วไม่มีใครคุ้มครองจึงเป็นที่อยากเอาคืนจากใครหลายคนที่ยอมสยบ ซึ่งหนึ่งในนั้นที่อยากเอาคืนมากที่สุดคือ โรมัน ซิโอนิส หรือ แบล็คมาสก์ (Ewan McGregor)


ไม่ปฏิเสธว่า Ewan McGregor คือนักแสดงที่เล่นได้สมบทบาท มีความร้ายกาจอยู่ลึกๆและพร้อมจะวีนแตกทุกครั้งในสิ่งที่ต้องการไม่เป็นอย่างหวัง แต่ไม่รู้ว่าในคอมมิคมีความเป็นตัวร้ายแค่ไหน เพราะจากที่เห็นในหนังจะเป็นประเภทออกคำสั่งเสียมากกว่า (จะเก่งหรือไม่เก่งนั้นดูไม่ค่อยออก คนอื่นทำแทนเกือบหมด) อีกอย่างหนึ่งที่น่าฉงนใจมากที่สุดคือรสนิยมทางเพศกับท่าทางสนิทสนมลูกน้องคนสำคัญที่เป็นเพศเดียวกันซะเหลือเกิน (คิดอยู่ว่าแอบใส่ประเด็น LGBT ด้วยหรือเปล่า)

คงไม่มีอะไรมากนอกจากเสพงานบันเทิง และการเล่าเรื่องที่สนุกสนานตามคาแรคเตอร์ตัวนำเรื่องที่ต้องการมอบสีสันในชีวิต แม้จะมีทื่อๆอยู่บ้างก็ไม่ใช่ปัญหาสักเท่าไร เพราะสุดท้ายกลบด้วยแอ็คชั่นที่ครบเครื่องและสนุกกับการพลิกแพลงที่เหมือนอัดอั้นอยากระบาย หากจะติดคงติดอยู่อย่างเดียวคือตัวร้ายช่วยทำให้ดูเหี้ยมโหดสมชื่อหรือฉากเปิดตัวหน่อย ใครจะไปคิดว่าจะหักอารมณ์ได้กระชากใจขนาดนี้ (แอบเหวอเลยทีเดียว)

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)