One for the Road วันสุดท้าย…ก่อนบายเธอ (2022)

One for the Road วันสุดท้าย…ก่อนบายเธอ (2022) | B+
Director: นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
Genres: Drama

การได้รู้อายุขัยตัวเองที่ใกล้จากโลกนี้ไปช่างน่าเศร้า ไม่ใช่ทุกคนที่ยอมรับในความจริงนี้ได้ แต่บางคนเลือกจะไม่ฝืนชะตากรรมด้วยการทำสิ่งที่ไม่เคยหรือไม่สุดมาก่อน แม้กระทั่งการหาแฟนเก่าที่เลิกไปแล้วเพื่อบอกลาหรือเผยความในใจอย่างจริงจัง


ถ้าไม่ใช่เพราะป่วยเป็นมะเร็งจะไม่ยอมกลับไปหาแฟนเก่าใช่หรือไม่ สิ่งที่ทำคือสิ่งที่คนใกล้ตายอยากทำเพื่อหลุดพ้นจากความคาใจ ส่วนตัวมองว่าการกลับไปหาแฟนเก่าเพื่อบอกลาเพราะเคยเป็นคนรักและเจอกันอีกคือเรื่องที่ดี แต่ต้องย้อนกลับไปถึงสาเหตุที่เลิกคืออะไร หากเลิกกันด้วยความเข้าใจก็ดีต่อกัน หากเลิกกันเพราะความขัดแย้งจะอยากเจอทำไมอีก

สิ่งสุดท้ายที่อยากทำก่อนจากโลกนี้ไป แต่ไม่ใช่สิ่งที่คนอยู่อยากได้ (หรือเปล่า) เนื้อหาค่อนข้างบวกและลบในเวลาเดียวกัน ทำให้ไม่มั่นใจในช่วงแรกของการหาแฟนเก่าคือเรื่องที่ถูกที่ควร แต่พอได้เจอคนแรกและส่งคืนของสำคัญ สิ่งที่เห็นคือช่วงเวลาดีๆแก่กัน การเลิกกันอาจเจ็บปวดจนกระทั่งพบกันอีกครั้งถึงเปลี่ยนไป ซึ่งรู้สึกประทับใจพอสมควร


เมื่อคนแรกผ่านไปย่อมมีคนที่สอง ซึ่งคนแรกเป็นยังไงคนต่อมาต้องไม่ใช่แบบนั้น ทำให้เห็นความแตกต่างอีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นด้านตรงข้าม ทว่าแฝงข้อคิดที่จริงจังกับชีวิตมากกว่าเดิม มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งดีใจและเสียใจ รวมไปถึงการก้าวต่อไปข้างหน้าโดยใช้อดีตเป็นแรงผลักดัน

หลังจบแฟนเก่าสองคนแรก ต่อไปคือคนที่สามที่น่าจะซับซ้อนมากกว่าเดิม แต่เรียบง่ายและเข้าใจง่ายกว่าซะงั้น ไม่ได้มีพลังการเล่าด้วยเรื่องอดีตที่แสนหวานและขมขื่น แค่กลางๆตรงกับสถานะของทั้งสองที่เหมือนใช่แต่ไม่ใช่ ทำให้สมหวังและสิ้นหวัง


หลังจากจบภารกิจหาแฟนเก่าเป็นที่เรียบร้อยก็เป็นอันแปลกใจที่หนังมีเวลาเหลือเฟือ จนกระทั่งนำไปสู่อีกพล็อตหนึ่งที่เติมส่งท้ายระหว่างคนขับรถกับคนนั่งรถ ทำให้พล็อตหาแฟนเก่าเพื่อสะสางความในใจเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ความในใจระหว่างเพื่อนยังมีอยู่และถูกระบายออกมาให้ฟังกันแบบหลังหัก

ระหว่างที่ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆเหมือนได้รสชาติที่หลากหลาย แทบจะไม่มีคำว่าซ้ำกับความรู้สึกที่ค่อยเติมแล้วเติมอีก จนเติมอีกไม่ไหวแล้วล้นออกมาด้วยความผิดหวัง เจ็บปวด และร้องไห้ จากนั้นทุกอย่างปล่อยไปตามอารมณ์ให้ระเหยจนหมดแก้ว เมื่อเข้าใจทุกอย่างที่ผ่านมาและปล่อยวางจึงไม่ต่างกับแก้วเปล่าที่พร้อมเติมใหม่อีกครั้ง

รู้สึกโดนระเบิดเวลาที่อยู่ดีๆมาจากไหนไม่รู้ ทำให้ทุกอย่างพังไม่เหลือก่อนจะสร้างใหม่ขึ้นมา จากเรื่องแย่ๆกลายเป็นสิ่งสอนใจที่ไม่ใช่ทุกคนจะสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่ทุกคนตัดสินใจเหมือนกันแล้วไปด้วยกันได้ อาจรู้สึกแปลกๆที่หนังมีมุมมองและความคิดเข้าข้างตัวเอง แต่มันดีเลยนะ ไม่ใช่กับทุกคนที่ต้องรู้สึกเช่นนั้น แค่กับบางคนที่อยากให้รู้สึกและรับรู้ได้ก็ยังดี

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)