Curse of Chucky (2013) คำสาปแค้นฝังหุ่น

Curse of Chucky (2013) | คำสาปแค้นฝังหุ่น
Director: Don Mancini
Genres: Horror | Thriller

นิก้า (Fiona Dourif) หญิงพิการแต่กำเนิดที่ต้องนั่งรถเข็นมาตลอดชีวิตกลับต้องเจอเรื่องแปลกประหลาดใจเมื่อมีวัสดุส่งของส่งตรงมาถึงบ้านโดยไม่รู้ว่าเป็นใครที่ส่งของชิ้นนี้มาเว้นแต่เมื่อเปิดกล่องดูถึงรู้ว่ามันคือตุ๊กตาตัวขนาดกลางที่มีชื่อเรียกว่ากู๊ดกาย แต่นิก้าไม่ได้สนใจอะไรกับตุ๊กตามาแปลกตัวนี้มากนักจนเกิดเรื่องสะเทือนใจไม่คาดฝันเมื่อซาราห์ (Chantal Quesnelle) แม่ของนิก้าได้เสียชีวิตลงโดยไม่แน่ชัดในสาเหตุ ทว่านิก้ายังคงทำใจยอมรับชะตากรรมต่อไปแม้จะอยู่เดี่ยวดายในบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ก็ตาม แต่ด้วยข่าวการตายของแม่นิก้าจึงทำให้ญาติๆพี่สาวอย่างบาร์ (Danielle Bisutti) มาเยี่ยมเยียนพร้อมกับครอบครัวของเธอที่มีเอียน (Brennan Elliott) สามีของบาร์,จิลล์ (Maitland McConnell) พี่เลียงเด็ก และเด็กตัวน้อยอายุน้อยสุดกับอลิซ (Summer H. Howell) ทว่าการมาของบาร์ไม่ได้มาแค่เยี่ยมนิก้าเพื่อให้กำลังใจเรื่องการสูญเสียแม่แต่เป็นการขายบ้านหลังนี้ต่างหาก กระนั้นกว่าที่ทุกอย่างจะลงรอยกันได้เสร็จนั้นก็เผอิญเมื่ออลิซเห็นตุ๊กตาหน้ารักเข้าจึงมุ่งเข้าไปกอดและเล่นตามประสาเด็กอย่างสนุกสนานโดยหารู้ไม่ว่ามันคือตุ๊กตากู๊ดกายชัคกี้ที่เคยมีอดีตเที่ยวฆ่าคนเป็นว่าเล่น และตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ชัคกี้อยากเล่นสนุกด้วยการฆ่าอีกครั้งให้หนำใจทั้งบ้าน


มันกลับมาอีกแล้วในครั้งนี้ครั้งที่ 6 ของตำนานตุ๊กตากู๊ดกายนามนี้ว่า"ชัคกี้"ที่มาแบบทุนต่ำๆส่งลงแผ่นทันทีโดยไม่ต้องเข้าโรงแต่อย่างใดคล้ายเป็นการบอกด้วยว่าการกลับมาครั้งนี้จะดีมากหรือดีน้อยนั้นมันวัดกันที่กึ๋นความนิยม ถ้าการกลับมาของแฟรนไชส์ครั้งนี้ดีย่อมได้รับผลตอบรับจากแฟนๆอย่างงามแน่นอนเพราะการทิ้งช่วงจากภาค 5 นั้นเป็นการบอกแล้วอย่างหนึ่งถึงการขอเวลาไปสร้างบทให้แน่นกว่าเดิมและกลับมาเข้มข้นสยองขวัญเช่นภาคแรกๆ เนื่องจากระยะหลังๆมานี้โดยเฉพาะภาค 4-5 นั้นเป็นอะไรที่ก่ำกึ่งกับแฟนๆว่าควรจะชอบแนวนี้ดีหรือไม่ในเมื่อกลายเป็น Family cult ไปแล้วแถมเสน่ห์แบบเคยๆก็หายไปจนกลายเป็นหนังตลกร้ายซะมาก แต่ก่อนจะกล่าวเอยถึงภาคนี้ที่เป็นการกลับมาอีกครั้งหาใช่การรีเมคหรือรีบู๊ตใดๆทั้งสิ้นต้องขอย้อนความกลับที่ภาคเริ่มต้นกันก่อนเพื่อประเดิมน้ำจิ้มในภาคนี้ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างกับเรื่องราวตุ๊กตาชัคกี้ตัวนี้ ถ้างั้นเริ่มตั้งแต่ต้นเรื่องตั้งแต่ชัคกี้ได้ถือกำเนิดจากอะไรและทำไมจึงชอบฆ่าเป็นชีวิตจิตใจ

ดังนั้นก่อนจะเล่ารายละเอียดในเนื้อเรื่องจริงๆจึงอยากบอกว่า"มีการพูดถึงเนื้อหาในบางส่วนตั้งแต่ภาคก่อนๆจนภาคนี้ ดังนั้นใครยังไม่ดูให้ข้ามไปก่อนได้เลย"


เริ่มกับ Child's Play (1988) ที่เป็นต้นเรื่องราวเกือบทั้งหมดของชัคกี้ที่ก่อนจะมาเป็นตุ๊กตาได้นั้นเขาเคยเป็นคนอย่างเราๆมาก่อนชื่อชาร์ลส ลี เรย์หรืออีกนัยหนึ่งคือฆาตกรโรคจิตที่ตำรวจกำลังต้องการตัว โดยมาถึงไม่ทันไรแค่เปิดเรื่องก็ไล่ล่ากันแล้วกับตำรวจจนชาร์ลส ลี เรย์โดนยิงแล้วสุดท้ายตายจบชีวิตลงที่ร้านขายของเล่น แต่เรื่องกลับไม่ท้ายที่สุดเมื่อก่อนจะตายได้ร่ายมนต์วูดูใส่ตุ๊กตาที่หยิบได้แถวนั้นโดยไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไร และแล้ววิญญาณของชาร์ลส ลี เรย์ก็บรรจบที่ตุ๊กตาอย่างไม่มีใครสงสัยใดๆทั้งสิ้นจนได้ไปถึงมือเด็กน้อยผู้หนึ่งในชื่อแอนดี้ที่ได้มาจากแม่เนื่องในวันเกิด ซึ่งตุ๊กตานั้นไม่ใช่อะไรแต่เป็นตุ๊กตากู๊ดกายที่กำลังฮิตในขณะนั้นและดูกลายเป็นว่ามันจะไม่ Good แต่ Bad เข้าซะแล้วเมื่อหนูน้อยแอนดี้ที่ยังไม่รู้ประสีประสาต้องอยู่กับฆาตกรโรคจิตที่มารู้ความจริงในภายหลังว่าถ้าอยู่ในร่างตุ๊กตานานๆร่างนั้นจะกลายเป็นร่างที่มีเลือดเนื้อขึ้นมาจริงๆ แล้วเรื่องอะไรจะอยู่ในร่างตุ๊กตาที่ตัวเล็กเช่นนั้นงานนี้จึงวางแผนยึดร่างแอนดี้เพื่อกลับเป็นเด็กอีกครั้ง แต่สุดท้ายแอนดี้ก็รอดเงื้อมมือจากชัคกี้ได้สำเร็จและกำจัดชัคกี้ด้วยการยิงหัวใจที่เกิดขึ้นในร่างตุ๊กตา

สำหรับภาคแรกยังไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรมากนอกจากบอกที่มาที่ไปของชัคกี้ในต้นเรื่องก่อนจะไปอยู่ในมือเด็กแอนดี้แล้วความสยองก็บังเกิดขึ้นมาเรื่อยๆทั้งในบ้าน ในโรงเรียน หรือแม้กระทั่งนอกสถานที่ กระนั้นแอนดี้ยังคงพยายามบอกอยู่ตลอดว่าเป็นฝีมือของชัคกี้ว่าเป็นคนทำไม่ใช่เขา ซึ่งแน่นอนว่าใครจะไปเชื่อเด็กแถมยังบอกอีกด้วยว่าตุ๊กตาเป็นฝ่ายทำเองนั่นแหละ นับเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่าทำไมผู้ใหญ่ไม่ยอมเชื่อเด็กทั้งที่พูดความจริงแต่กลับคิดว่าโกหก หรือคนฝ่ายแม่ที่เห็นว่าลูกเป็นเช่นนั้นควรจะยังไงต่อไปดี เป็นมุมเล็กที่หนังกำลังสื่อเหตุผลที่ผู้ใหญ่ไม่เชื่อเด็กไม่ใช่ว่ามันเกินจริงเพียงอย่างเดียวแต่เป็นเพราะความเป็นเด็กนี่แหละที่อาจจินตนาการคิดเอาเองก็ได้ อีกอย่างที่แน่นอนคือตัวผู้สร้างก็เดิมตั้งใจจะเสียดสีของเล่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพียงประเด็นนี้ถูกตัดไปเพื่อเห็นแก่เด็กๆเพราะแค่นี้ก็ทำให้เด็กชังตุ๊กตาพออยู่แล้ว


ไม่แปลกใจถ้าภาคแรกดีย่อมมีภาคต่อให้ติดตามอีกกับ Child's Play 2 (1990) ที่หนนี้ยังคงเป็นชัคกี้ตัวเดิมที่ถูกรีไซเคิลใหม่ด้วยการเอาชิ้นส่วนมาประติดประต่อจนวิญญาณเข้าร่างอีกโดยไม่ต้องท่องมนต์ดำอีกต่อไป พอมาภาคนี้ยังคงตัวละครหลักเป็นแอนดี้คนเดิมที่ได้ครอบครัวใหม่เพราะแม่ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากไปบอกว่าตุ๊กตามีชีวิตและฆ่าทุกคน และอีกครั้งใครจะไปเชื่อเรื่องตุ๊กตามีชีวิตไล่ฆ่าคน พอมาภาคนี้เนื้อเรื่องจะลดลงไปจนไม่มีเค้าอะไรนอกจากความแค้นของชัคกี้ที่มีต่อแอนดี้ เนื่องจากเจ้าตัวยังคงต้องการร่างของแอนดี้ด้วยเหตุผลที่ว่าใครรู้ร่างจริงเป็นคนแรกเขาคนนั้นจึงจะแลกเปลี่ยนวิญญาณกัน ดังนั้นโดยหลักแล้วภาคนี้จะเป็นการต่อสู้ของแอนดี้ที่ต้องประสบชีวิตใหม่จากครอบครัวที่ไม่คุ้นเคยและการเผชิญชัคกี้แบบตัวต่อตัวมากขึ้นเพราะมีเพียงแอนดี้เท่านั้นที่รู้ว่าเป็นฝีมือชัคกี้และเรียนรู้จากครั้งก่อนแล้วว่าคงยากจะมีคนเชื่ออะไรง่ายๆโดยเฉพาะตุ๊กตาฆ่าคน

หลังจบภาค 2 ด้วยความพ่ายแพ้อีกครั้งของชัคกี้เรื่องราวก็ได้ทิ้งช่วงระยะเวลาไปอีกนานจนแอนดี้ได้โตเป็นวัยรุ่นเข้าประจำการค่ายทหารใน Child's Play 3 (1991) ที่ดูเหมือนว่าตัวเขายังต้องรู้จักปรับตัวอีกมากในการรับมือประสบการณ์ใหม่ ทว่าชัคกี้ก็ยังอุตส่าห์กลับมาได้อีกครั้งและได้สืบค้นหาแอนดี้จนรู้ว่าอยู่ที่ไหนจนได้ ซึ่งภาคนี้จะแตกต่างกว่าครั้งก่อนที่พล็อตเรื่องไม่ได้มาเอาร่างแอนดี้แต่เป็นเด็กที่อยู่ในค่ายทหารที่มารู้ตัวจริงของชัคกี้ที่เกิดใหม่เสียก่อน ส่วนจะยังไงต่อนั้นคงไม่ต้องบอกเพิ่มเพราะหลังจากแอนดี้รู้ว่าชัคกี้กลับมาก็หาวิธีจัดการชัคกี้ก่อนจะย้ายร่างได้สำเร็จ สำหรับภาค 2 และ 3 ต่างมีจุดที่เหมือนกันคือแอนดี้เป็นผู้ที่รู้ว่าตัวเองต้องเจอกับอะไรโดยอย่างยิ่งกับชัคกี้ที่ทำตัวเป็นตุ๊กตาที่ไม่มีใครสังเกต เห็นได้ชัดมากเมื่อแอนดี้ต้องเจอกับศัตรูตัวฉกาจที่ตายแล้วฟื้นกลับมาใหม่ซึ่งเขาต้องรีบจัดการก่อนจะมีใครตายมากขึ้น ดังนั้นอารมณ์ของทั้งสองภาคนี้จะหนักทางไล่ล่าและอาจมีใช้หัวกันบ้าง แต่ยังไงสุดท้ายแล้วชัคกี้ยังคงแพ้เด็กตัวเองเช่นทุกครั้งอีกตามเคยและเป็นการปิดไตรภาคที่ไม่ค่อยจะสนุกเต็มที่เท่าไหร่ด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยยังคงสนุกในระดับหนึ่งในฐานะหนังสยองขวัญที่เรียกความตื่นตัวจากตุ๊กตาได้ไม่มากก็น้อย เกือบลืมบอกไปอย่างด้วยว่าสำหรับตอนจบของภาค 3 นั้นจะเป็นอะไรที่เข้าใจได้อย่างดีถ้าคิดจะดูภาคต่อกับ Bride of Chucky (1998) ที่งวดนี้ชัคกี้หน้าไม่เนียนซะแล้ว


ว่าเหมือนจะปิดไตรภาคไปได้สักพักหนึ่งก่อนจะกลับมาอีกครั้งในหนที่ 4 ที่ไม่ได้มีแค่ชัคกี้แต่รวมถึงทิฟฟานี่ที่คล้ายจะบอกว่าเป็นแฟนสาวที่ได้สืบเรื่องราวต้นตอจนรู้ลึกด้วยว่าชัคกี้คือชาร์ลส ลี เรย์ที่ถอดจิตย้ายไปอยู่ตุ๊กตาจนได้ แต่กว่าจะรู้ว่าตุ๊กตากู๊ดกายที่สถิตวิญญาณของคนรักได้นั้นก็มารู้อีกทีก็ตอนที่ชัคกี้โดนหั่นด้วยใบมีดจนเละกระจุยไปแล้วกับการไล่กวดแอนดี้ที่ค่ายทหาร ซึ่งชิ้นส่วนยังไม่ได้หายไปไหนเพียงแค่ถูกเก็บเป็นของกลางหลักฐานเท่านั้น และเรื่องก็มีอยู่ว่าทิฟฟานี่ไปเอาชิ้นส่วนเหลือๆของเศษร่างชัคกี้มาประกอบใหม่ด้วยวิธีการแบบบ้านๆหรือจะเรียกว่าเย็บตุ๊กตาคงไม่ผิด ดังนั้นสภาพใบหน้าอันแนบเนียนด้วยพลาสติกจึงมีแต่รอยด้ายที่เข็มทะลวงใบหน้าจนได้เอกลักษณ์ใหม่ที่เอาเหี้ยมไม่ดูน่ารักแบบหลอกๆอีกต่อไป ไม่ใช่แค่หน้าตาที่เปลี่ยนไปแต่รวมถึงพล็อตเรื่องตลอดจนการดำเนินเรื่องก็ล้วนถูฏปรับเปลี่ยนไปอีกแนวที่ทำออกมาได้ตลกร้ายยิ่งกว่าเพียงแค่ลดความดั้งเดิมออกไปเมื่อไม่ได้มีแค่ชัคกี้ที่ย้ายวิญญาณเข้าตุ๊กตาได้

ไม่รู้ว่าเพราะชัคกี้กำลังคิดเล่นตลกอะไรหลังจากถูกทิฟฟานี่ปลุกฟื้นคืนชีพมาอีกครั้งแต่ที่แน่ๆคือการฆ่าทิฟฟานี่แล้วค่อยท่องคาถาวูดูนำวิญญาณทิฟฟานี่มาใส่ตุ๊กตาอีกตัว ส่งผลให้ภาคนี้มีตุ๊กตานักฆ่าถึง 2 ตัวจนสร้างความแปลกใหม่ให้กับภาคก่อนๆหน้านี้อย่างสิ้นเชิง แต่คงไม่เท่าที่มันกลายเป็นหนังตลกร้ายสุดกู่ที่ยังวางคราบเลือดและความสยองอยู่ตามทางไม่เปลี่ยนแปลงได้จนจะขำก็ขำไม่ออกเพราะความโหดนี่แหละ ในขณะที่เนื้อเรื่องยังหนีไม่พ้นการคืนร่างเป็นคนอีกครั้งเพียงแค่คราวนี้มีการเล่นของกันหน่อย เพราะชัคกี้มาระลึกขึ้นได้ว่าก่อนตายตัวเองมีของขลังห้อยติดตัวอยู่ซึ่งจะสามารถทำให้ย้ายวิญญาณได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้กฎเกณฑ์เรื่องที่ว่าใครรู้ความลับของเขาก่อนเป็นคนแรกจึงจะย้ายได้เฉพาะคนนั้น ทำให้งานนี้ต้องหาคนมาหลอกใช้ด้วยการไปที่สุสานเพื่อเอาสร้อยแล้วย้ายร่างให้สำเร็จ ซึ่งคนนั้นคือเพื่อนของทิฟฟานี่ที่กำลังจะหาทางหนีไปกับแฟนเพราะพ่อไม่ยอมให้คบ แต่ทว่าทั้งชัคกี้และทิฟฟานี่ต่างถูกขัดขวางได้เสียก่อนเพราะมาทะเลาะกันเองกันในท้ายเรื่องก่อนจะมีการปล่อยของจบเรื่องราวตรงที่ทิฟฟานี่คลอดลูก ตุ๊กตาคลอดลูก?!
 

Jennifer Tilly เป็นนักแสดงที่สร้างสีสันให้กับหนังได้อย่างดีคงเพราะทั้งหน้าตาบวกกับลีลาอันเซ็กซี่แล้วจึงไม่แปลกถ้าสาวทรงโตจะกลับมาเล่นหนังตุ๊กตาชัคกี้อีกครั้งในบทใหม่แต่นักแสดงเดิมกับตอนที่ 5 ชื่อว่า Seed of Chucky (2004) ที่เรื่องราวจะมุ่งเน้นไปที่เกลนลูกของชัคกี้กับทิฟฟานี่ที่รู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากชาวบ้านชาวช่องเพราะเขาคือตุ๊กตาที่มีชีวิตและมันคงแปลกมากว่าทำไมตัวเองถึงเป็นเช่นนี้ได้ ด้วยความสงสัยอันแสนเก็บกดมานานจึงพยายามสืบข่าวคราวจนรู้ความจริงเกี่ยวกับพ่อและแม่ว่าไปอยู่ที่ฮอลลีวู้ด ทว่าการไปถึงได้นั้นกลับต้องประหลาดเมื่อพ่อและแม่เป็นแค่เพียงตุ๊กตาเฉยๆหาใช่ขยับได้อย่างเขาเลยสักนิดก่อนจะบังเอิญไปปลุกชีพทั้งสองให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งแล้วบอกความจริงว่าตัวเองคือลูกที่เกิดขึ้นจากพ่อและแม่อย่างภาคภูมิใจ ฟังดูดราม่าพิลึกแต่อย่าลืมไปว่าภาคนี้ค่อนข้างเซอร์ไพร์สเล็กน้อยเมื่อคนเขียนบทที่เป็นเจ้าของไอเดียกำเนิดชัคกี้อย่าง Don Mancini มากำกับเอง แน่นอนว่าเจ้าตัวยังรับมือเขียนบทต่อและกำกับเองอีกด้วยทั้งสองงานจากที่แล้วๆว่าทำแค่เพียงเขียนพล็อตเรื่อง ซึ่งการกำกับเองนั้นไม่ใช่ปัญหาอะไรใหญ่หลวงเท่ากับเนื้อเรื่องอีกแล้วที่พล็อตเรื่องมาหนักยิ่งกว่าภาค Bride of Chucky เสียอีก ทั้งตลกร้ายที่เพี้ยนสยองจนครื้นเครง การเพิ่มตัวละครเกลนเข้ามาจนกลายเป็นหนังครอบครัว หรือแม้กระทั่งการวางเอกลักษณ์นิสัยของชัคกี้กับทิฟฟานี่ที่เป็นพ่อกับแม่จริงๆแต่ต่างกันคนละขั้วในการอบรมลูก ทว่าสิ่งสุดท้ายที่ยังหนีไปไม่พ้นสักทีคือการอยากได้ร่างใหม่ที่ไม่เอาร่างตุ๊กตาแต่อยากได้ร่างคน เป็นประเด็นที่ติดมาเป็นขบวนตั้งแต่ภาคแรกว่าเป็นจุดไคล์แม็กซ์สำคัญที่ต้องมีและเป็นหัวใจหลักที่พอยกมาเป็นเหตุผลอธิบายความอยากของชัคกี้กับทิฟฟานี่

แต่เหมือน Don Mancini จะเริ่มเข้าใจในความซ้ำซากจุดนี้ดีจนเกิดฉากจบทะเลาะพ่อแม่ลูกด้วยเหตุผลไม่หลงรอยเมื่อทิฟฟานี่ปรารถนาจะกลับร่างย้ายวิญญาณไปเป็นคนต่ออีกครั้ง ในขณะที่ชัคกี้เริ่มเห็นบางอย่างกับตัวเองแล้วว่าจะเปลี่ยนไปทำไมในเมื่ออยู่ร่างตุ๊กตาที่เป็นพลาสติกไม่แก่ตายและยังอมตะดีกว่า ด้วยความเห็นที่ต่างกันอาจจะไม่พอเป็นแรงจูงใจให้ทะเลาะกันได้เว้นแต่เจ้าตัวจะพาลูกให้เป็นไปตามแบบของตัวเอง สำหรับชัคกี้เกลนคือลูกชายที่ต้องใช้ชีวิตแบบเสี่ยงๆชอบฆ่าคนด้วยวิธีการที่โหดจึงจะสมเป็นลูก ส่วนทิฟฟานี่คิดว่าเกลนคือลูกสาวที่น่ารักน่าเอ็นดู ด้วยความเห็นที่ต่างกันคนละขั้วจึงมีบทสรุปความเห็นที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง แล้วสุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของชัคกี้ที่ยังคงเป็นตุ๊กตาต่อไปในขณะที่ทิฟฟานี่กับเกลนก็ได้ร่างกายกลับคืนเป็นคนสมความอยากในท้ายที่สุด นี่นับว่าเป็นภาคแรกที่จบลงได้แฮปปี้ไม่เต็มร้อยชนิดที่ว่าไม่แคร์เรื่องการมีพระเอกหรือนางเอกใดๆเลย


หลังจากบอกรายละเอียดอันแสนไม่น้อยในการรื้อฟื้นความทรงจำในอดีตตั้งนานก็กลับมาเข้าเค้ากันเสียทีกับ Curse of Chucky ที่เนื้อเรื่องจะมุ่งเน้นกันที่ชัคกี้ตัวเดียวโดดๆเสมือนได้ลิ้มรสชาติความสยองในบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง ซึ่งภาคนี้ดูผิวเผินแล้วเนื้อเรื่องจัดว่าหลวมอย่างมากเพราะมันไม่มีอะไรเลยนอกจากมีวัสดุส่งของเข้าบ้านแล้วพบว่าของสิ่งนั้นคือชัคกี้ที่ลงเอยด้วยการฆ่าและฆ่าเท่านั้น ทว่าพล็อตเรื่องง่ายๆก็ทำให้มีมิติขึ้นได้เมื่อชัคกี้มาบ้านนี้ด้วยเหตุผลในวันวานน่ะสิ ต้องเริ่มกันที่ตัวละครนิก้าที่ชักเริ่มสงสัยตุ๊กตาคุ้นหน้าตัวนี้จึงพยายามหาข้อมูลอย่างเร่งด่วนจนพบว่าเจ้าตุ๊กตาตัวนี้เคยมีประวัติก่อคดีลึกลับนับไม่ถ้วนโดยที่มีพยานที่รู้แจ้งเห็นจริงคือเด็กน้อยแอนดี้ในขณะนั้นที่อธิบายว่ามีวิญญาณของฆาตกรโรคจิตชาร์ลส ลี เรย์สถิตอยู่ ถึงแม้นิก้าจะสืบจนรู้ถึงจุดนี้แล้วอาจจะเป็นแค่เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันเท่าไหร่จนหารู้ไม่ว่าชาร์ลส ลี เรย์คือคนที่ทำให้นิก้าพิการเดินไม่ได้จนถึงทุกวันนี้เพราะไปแทงแม่นิก้าตั้งแต่นิก้ายังอยู่ในท้องน่ะสิ ที่สำคัญชาร์ลส ลี เรย์ไม่ใช่คนไกลตัวเพราะแม่ของนิก้ารู้จักกันมาตั้งนานแล้วและนิก้าก็รู้ว่าชาร์ลส ลี เรย์คือใครแต่ยังไม่รู้ว่าเคยทำอะไรไว้บ้าง ฟังดูแล้วเนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นมาทันทีอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่เท่าที่ความเข้มข้นระหว่างนิก้ากับชัคกี้ที่สู้กันแบบตายไปข้างด้วยเหตุผลที่ว่านิก้าเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น ขณะที่ชัคกี้เดินไปมาได้อย่างสบายๆเช่นเคยแถมยังเป็นพวกชอบดักซุ่มซะด้วย

ที่น่าประทับใจคือการย้อนอดีตไปเล่าเรืองราวของชาร์ลส ลี เรย์ว่ามีความผูกพันอะไรกับแม่ของนิก้าและคืนก่อนถูกจะตายเข้าร่างตุ๊กตากู๊ดกายได้นั้นเขาไปทำอะไรมาบ้าง ทำให้เนื้อเรื่องดูมีมิติมากขึ้นจนไม่แปลกใจทันทีว่าเพราะอะไรการกลับมาของชัคกี้คราวนี้ถึงดีจนเสียงส่วนใหญ่เทให้ทางบวก ทั้งนี้ต้องขอบคุณ Don Mancini ที่ยังคงทำหน้าที่เขียนบทและกำกับอีกครั้งอย่างเคยเพียงแค่หนนี้มีความจริงจังมากกว่าคราวก่อนตรงที่กลับมาเป็นชัคกี้เช่นใน Child's Play อีกครั้ง ดังนั้นในด้านบรรยากาศกับความสยองจึงได้ใจคอแฟนๆไปอย่างมิต้องสงสัยแถมการกลับมาครั้งนี้ลูกเล่นโหดใช่ได้เลยแม้จะตะหงิดที่เป็นหนังแผ่นเพราะทุนน้อยไปหน่อยก็เถอะ แต่โดยรวมนับว่าโอเคในการกลับมาที่อยากบอกเจ้าตัวว่าขออีกสักภาคหน่อยเถอะ


ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะนี่จะทำให้ผู้ชมยิ่งชอบภาคนี้มากขึ้นเมื่อมีการดึงนักแสดงคู่บุญมาร่วมแจมอย่าง Brad Dourif ในบทชาร์ลส ลี เรย์ที่เคยเล่นมาแล้วใน Child's Play ภาคแรก และที่เด็ดสุดคือ Jennifer Tilly ก็มาร่วมวงกับเขาด้วยในช่วงท้ายๆของเรื่องกับสไตล์เช่นเดียวกับตอนเปิดเรื่องใน Bride of Chucky กับฉากเชือดคอพร้อมกับกัดจิกตัวเองในทำนองที่ว่า"ยังไม่ทันมุขนี้อีกเหรอ ฉันเคยเล่นมุขมาก่อนแล้วนะ" นับว่ากรี๊ดแฟนๆเอาเรื่องพอสมควรเสมือนกับเป็นการจงใจดึงตัวละครที่ไม่น่าร่วมวงให้กับมามีส่วนให้เกิดวงจรการฆ่าชนิดเซอร์ไพร์สกันเลยทีเดียวเชียว แต่นั้นแหละที่ทำให้ผู้ชมอาจจะงงได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใครมาจากไหนและมีส่วนเกี่ยวข้องยังไงกับชัคกี้ เนื่องจากการกลับมาหนนี้ต้องเฉพาะคนเคยชมภาคเก่าๆมาก่อนแล้วโดยอย่างยิ่งภาคแรกจะได้เข้าใจในข้อมูลที่นิก้าหามาและสำคัญคือตอนจบในภาค Seed of Chucky ที่จบลงด้วยการทิฟฟานี่ได้ร่างกายคนมาครอง นั่นแหละผู้หญิงคนนั้นคือทิฟฟานี่ที่มารับตัวชัคกี้และส่งชัคกี้ต่อไปให้กับคนที่เหลือๆที่ยังมีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อครั้งอดีตเพื่อตามเก็บให้สิ้นซาก

นอกจากนี้ยังมีการกัดจิกแง่ปมลึกๆในใจของชัคกี้อีกด้วยเกี่ยวกับหนูน้อยแอนดี้ที่ไม่สามารถตามเก็บได้ซะทีจนเสมือนแผลในใจที่ทำให้เขาอาจจะรักแอนดี้เข้าให้ ประเด็นนี้เป็นการคิดของนิก้าที่เผอิญเรียนจิตวิทยาจึงวิเคราะห์เอาว่าชัคกี้อาจไม่ใช่ผู้ชาย(ฮา) และนั่นแหละเป็นเหตุผลที่ไม่อยากให้ผู้ชมพลาดฉาก End Credit เพราะตัวละครเก่าแก่อย่างแอนดี้ที่พบเจอชัคกี้เป็นคนแรกยังกลับในตอนเป็นผู้ใหญ่แล้วซึ่งชัคกี้กำลังจะคิดบัญชีเก่าที่ค้างไว้นาน แต่ทว่า...

แต่ทว่าอะไรนั้นไม่ขอเอ่ยปากแค่ขอให้เปิดดูฉากอย่างว่าจะดีกว่า ถึงแม้จะมาแค่แปปๆไม่นานแต่สะใจนะขอบอก


มาเอ่ยถึง Curse of Chucky ในแง่ตัวหนังกันดีกว่าว่าเป็นยังไงบ้างในครั้งนี้ ถ้างั้นคงต้องเริ่มกันที่ภาคนี้เป็นสไตล์หนังแผ่นทุนต่ำทำให้การดำเนินเรื่องยังคงปิดตายและวนอยู่กับบ้านหลังเดียว ดังนั้นตลอดทั้งเรื่องจึงไม่ค่อยเห็นอะไรนอกจากวิ่งไล่กวดกันในบ้านซะมากกว่าแต่ก็ดีตรงที่การประติดประต่อเรื่องราวทำได้น่าสนใจน่าติดตามบวกกับบรรยากาษไม่น่าไว้วางใจแม้จะเป็นบ้านของตัวเองก็ตาม ตลอดทั้งเรื่องไม่ใช่ปล่อยให้ชัคกี้มาฆ่าตามสูตรอย่างเบ็ดเสร็จซะทีเดียว เพราะยังมีเรื่องคนในครอบครัวผสมเข้ามาอีกอย่างระหว่างเอียนกับบาร์ที่เหมือนจะไม่ค่อยลงเรือลำเดียวกันเท่าไหร่คล้ายจับผิดกันตลอดเวลา สำหรับผู้ชมแล้วคงเห็นว่าบาร์กำลังหึงหวงเอียนในฉากกินข้าวที่เอียนส่งอาหารให้จิลล์โดยลืมภรรยาไป ใช่ครับตอนแรกคงเป็นเช่นนั้นจนมาหักมุมตรงที่ว่าบาร์ไม่ได้หวงเอียนแต่อย่างใดแต่เป็นการหึงหวงจิลล์ซะงั้น สรุปว่าเจอเลสเบี้ยนเข้าให้กลายเป็นว่านี่คงเป็นตลกร้ายที่เก็บไว้ใช้ให้เนื้อเรื่องเข้มข้นในตอนเกือบท้ายให้ออกมาสะใจผู้ชม ซึ่งการเพิ่มมิติความสนุกตรงนี้นับว่าเรียบเรียงออกมาได้เร้าอารมณ์ดี ไม่เหมือนกับภาคก่อนที่ตัวละครจะไม่ค่อยมีมิติมากมายอะไรเท่าไหร่นักโดยอย่างยิ่งเรื่องความลับประมาณนี้ ถือว่าเป็นการกลับมาที่เกือบจะดีพร้อมแทบทุกอย่างเลยก็ว่าได้ถ้าไม่ติดที่ตัวหนังเป็นสไตล์ทุนต่ำที่ขายบรรยากาศกับความโหดเชิงอรรถรสขายความคัลท์เข้าว่าอ่ะนะ

ที่ชอบคือนักแสดงของเรื่องที่อาจไม่คุ้นหน้าตาดีนักแต่รู้สึกเข้ากับบทบาทได้ดีโดยเฉพาะ Danielle Bisutti ในบาร์สาวเลสเบี้ยนที่มีสามีลูกพร้อมครอบครัวแล้ว จะบอกว่าทั้งหน้ากับกิริยาบททำได้สมจริงสมจังแถมยังชวนให้เห็นว่ามีความตลกร้ายปะปนกันไปจนเนื้อเรื่องไม่ถึงขั้นกับจริงจังจนซีเรียส เป็นคนที่แสดงได้ดีเหมาะกับคาแรกเตอร์บวกกับบรรยากาศหนังออกผีๆได้เข้าดีแท้ แล้วยังมีนางเอกของเราที่เล่นโดย Fiona Dourif โดยตลอดทั้งเรื่องไม่ต้องเล่นบทเดิน เพราะทั้งเรื่องพิการเดินไม่ได้และต้องเป็นคนที่พยายามทำในหลายๆอย่างด้วยความมุมานะตน ไม่พึ่งอาศัยใครให้ต้องลำบาก ขนาดทำกับข้าวยังขอทำคนเดียวเลย จะว่าในเรื่องก็เข้ากับคาแรกเตอร์ดีพอประมาณอย่างหนึ่งอย่างเรื่องที่เรียนสายจิตวิทยามา ดังนั้นจึงไม่ใช่ผู้หญิงที่เรียบเนียบไปซะทุกอย่างแต่ออกดูดาร์คนิดๆตามสภาพทรงผมที่ฟูไม่ต่างกับนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง ในเรื่องเล่นได้ดีเล่นได้เร้าอารมณ์ดีไม่มีปัญหาอะไรเลย ส่วน Brennan Elliott ในบทสามีบาร์ดูมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ชิวๆไม่เข้มงวดอะไร แต่พอมารู้เรื่องแอบวางแผนจับผิดบาร์นี่สิทำได้สะใจดีแท้ แล้วยังมี Maitland McConnell ที่ในเรื่องไม่ได้โดดเด่นอะไรเท่าไหร่แถมการแสดงยังนิ่งๆอยู่บ้างแต่โดยรวมถือว่าโอเค และที่ดึงดูดสุดๆคือหนูน้อย Summer H. Howell ในเรื่องเล่นเป็นเด็กผู้หญิงตามประสาเด็กไม่ต่างกับแอนดี้ตอนเด็กเลยแตกต่างกันที่เพศเท่านั้น จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่มีตัวละครเป็นเด็กผู้หญิงไม่ใช่เด็กผู้ชาย เป็นการเปลี่ยนมุมมองให้กว้างขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยการไม่จำกัดของเล่นชิ้นนี้ว่าจะต้องเป็นเด็กชายเสมอไป


การดำเนินเรื่องอาจไม่ถึงขั้นกับเร็วในช่วงแรกเพราะต้องการแนะนำตัวละครให้พร้อมเสียก่อนแล้วจึงบรรเลงความต่อเนื่องชนิดไม่ต้องเสียเวลาอีกต่อไปเมื่อชัคกี้เริ่มฆ่า มีอยู่ฉากหนึ่งที่ชอบมากคือฉากโต๊ะกินข้าวที่ชัคกี้ได้แอบวางยาเบื่อลงในอาหารจานใครบางคนที่ไม่รู้ว่าใครได้กันแน่ จังหวะนี้ทำได้น่าลุ้นพอสมควรเพราะตัวหนังกินเวลาฉากนี้พร้อมกับปล่อยเวลาไปเรื่อยๆจนคนที่เหมือนจะโดนยากลับไม่ใช่กลายเป็นคนที่กำลังออกอาการต่างหาก Curse of Chucky มีความสยองจัดว่าเข้าท่าเข้าทางแม้เล่นสถานที่ปิดตายแต่โดยรวมจัดว่าเป็นหนังสยองเกรดบีลงแผ่นที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งเลยนะ สรุปว่าใครที่เคยชมผลงานภาคเก่าๆมาก่อนไม่ควรจะพลาดภาคนี้อย่างเด็ดขาด และถ้าใครไม่เคยดูเลยสักภาคก็แนะนำว่าลองชิมดูรับรองไม่เสียหายแน่นอนเว้นแต่ท่านจะรักตุ๊กตา เพราะเรื่องนี้ตุ๊กตาจะกลายเป็นฝันร้ายไปในทันที

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)