Rocky II (1979) ร็อคกี้ 2

Rocky II (1979) | ร็อคกี้ 2 | A
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
 
ความสำเร็จของภาคแรกกลายเป็นสิ่งยืนยันว่า Sylvester Stallone สามารถเอาชนะความยากลำบากมาได้ ทั้งเป็นชัยชนะที่เหนือความคาดหมายอย่างมหาศาลไม่ว่าจะรายได้หรือรางวัลก็ล้วนไหลเทหาตัวจนเปลี่ยนจากคนธรรมดาเป็นคนดัง เช่นเดียวกับเนื้อเรื่องในภาคนี้ที่สะท้อนตัวตนออกมาคล้ายเป็นสิ่งเตือนใจในยามมีทรัพย์สินเงินทองว่าควรจะใช้อย่างไรให้มีความสุขและคุ้มค่า ก่อนจะเข้าประเด็นหลักต้องเริ่มจากย้อนความไปหาภาคแรกเริ่มจากสิ่งที่ชายธรรมดาคนหนึ่งเป็นนักมวยไร้อันดับที่ถูกครูมองเป็นเพียงคนตกรุ่นที่ไม่รู้จักขวนขวาย แต่แล้วก็เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายกับชีวิตเมื่อถูกเลือกเป็นคู่ชกกับนักมวยอันดับหนึ่งของโลกตามวัตถุประสงค์การให้อิสรภาพแก่คนที่ไร้หนทางในวงการได้มีสิทธิ์ได้ทดสอบความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ทว่าใช่จะตอบยอมรับขึ้นชกเลยทันทีเพราะในใจลึกๆแล้วรู้ดีว่าไม่อาจสู้ได้และคิดเกี่ยวกับมวยที่ตัวเขาไม่เป็นมวยควรจะแขวนนวมเพื่อให้ค่ายมวยที่ตัวเองอาศัยไม่แปดเปื้อนจากการทำผิดๆของเขาไปกว่านี้ แต่นั้นไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องเพราะไม่ว่าเขาหรือคนรอบข้างก็ต่างคิดว่านี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่สมควรจะลองดู คำว่าลองคือความจริงจังและไม่ว่าจะแพ้หรือชนะยังไงก็ตาม ถ้าได้ขึ้นเวทีและชกสุดวามสามารถที่ตัวเองทำได้ก็ไม่ต่างกับได้ประกาศให้ทุกคนได้รู้ถึงคนที่ไม่มีอะไรเลยก็มีความพยายามไม่ท้อถอยและสู้เป็น สู้เพื่อชัยชนะ สู้ให้กับตัวเองถึงความกลัวที่อยู่ตรงหน้าที่จะไม่หันหลังให้อีกต่อไป ให้ทุกคนรับรู้นี่แหละเขา "ร็อคกี้"


ร็อคกี้ บัลบัวร์  (Sylvester Stallone) ได้ขึ้นชกกับอพอลโล ครีด (Carl Weathers) จนในท้ายเรื่องผลลัพธ์ออกมากลายเป็นอพอลโลที่ชนะด้วยคะแนนที่สูงกว่า สังเวียนที่แสนดุเดือดที่ไม่อาจน็อกใครลงได้แม้จะยกสุดท้ายกลับกลายเป็นขวัญใจของประชาชนให้เชื่อมั่นความพยายามของชายธรรมดาคนหนึ่งที่ถูกหยิบยกจากหลายๆคนว่าจะพิเศษหรือธรรมดาต่างล้วนเท่าเทียม ในฉากเปิดเรื่องได้ย้อนเล่าความหลังการชกในไคล์แม็กซ์ที่แสนเข้มข้นก่อนจะลงเอยด้วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะและแพ้ ทว่าในภาคแรกตัวหนังได้เล่าความใจสู้ของร็อคกี้จนไม่สนว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไรทั้งที่ประกาศก้องชัดเป็นที่เรียบร้อย กระนั้นชัยชนะของอพอลโลกลับกลายเป็นสิ่งเล็กๆเมื่อเทียบกับความพ่ายแพ้ของร็อคกี้ที่ดันไปชนะใจใครหลายคนขนาดที่ว่าการได้ตำแหน่งแชมป์อันดับหนึ่งของโลกยังถูกเมิน ซึ่งผลสรุปการขึ้นชกมวยกลับส่งผลกระทบที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเนื่องจากไม่สมศักดิ์ศรีพอสำหรับอพอลโลที่น่าจะคว่ำคู่แข่งลงได้และการสู้ถึง 15 ยกก็หมายถึงตนเองไม่ได้เก่งไปกว่าเลยสักนิดทั้งที่มีความมั่นใจเต็มล้นเกี่ยวกับนักมวยไร้อันดับคงไม่คณามือเท่าไร การได้ขึ้นชกจริงบนเวทีสิ่งหนึ่งที่ทำให้อพอลโลรับรู้คือความอวดเก่งของตัวเองที่เคยโอ้อวดมานั้นกลับกลายเป็นเรื่องเกินจริงและได้ส่งผลกระทบด้วยความอับอายในที่สุด


การชกระหว่างร็อคกี้กับอพอลโลผลออกมาประจักษ์ชัดเจนด้วยคะแนนของแชมป์โลกมากกว่า กระนั้นชีวิตของร็อคกี้กลับกลายเป็นผู้ชนะในหลายๆด้านจนทำให้ชีวิตที่แสนธรรมดาและยากจนในห้องเล็กกลายเป็นคนที่สามารถมีความสุขด้วยฐานะที่สูงขึ้นได้ หลังจากร็อคกี้ขึ้นชกตามข้อตกลงของอพอลโลก็ได้รับเงินรางวัลจำนวนหนึ่งเป็นค่าขึ้นสังเวียนและมากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตได้ แม้การได้เงินจะไม่ถึงกับมหาศาลสร้างฐานะเป็นคนรวยแต่เพียงพอที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตเดิมๆให้กลายเป็นชีวิตที่ใหม่ยิ่งกว่า ร็อคกี้เริ่มจัดการเงินเหล่านั้นด้วยการซื้อของมากมายตั้งแต่รถยนต์(ฝีมือการขับนั้นกลายเป็นมุมขำๆของเรื่องที่ทำให้ผู้ชมอมยิ้ม) บ้านใหม่ที่มีเนื้อที่กว้างขวางเหมาะกับครอบครัว เครื่องประดับ และสิ่งสุดท้ายที่ร็อคกี้ได้ทำกับเอเดรียน (Talia Shire) คือการแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกัน นับแต่การชกครั้งนั้นทำให้การดำเนินชีวิตได้เปลี่ยนแปลงไปราวกับหน้ามือหลังมือที่เทียบกันไม่ติด ทว่าด้วยเงินที่ได้จากการชกนั้นมีจำกัดและจำเป็นต้องหามาเพิ่มเพื่อเลี้ยงชีพในวันข้างหน้า สำหรับร็อคกี้ที่ตัดสินใจแขวนนวมเลิกมวยหลังจากได้ชกกับอพอลโลต้องเจอกับปัญหาการทำงานที่สาหัสและลำบากในชีวิต เดิมร็อคกี้เป็นเพียงนักมวยธรรมดาที่เลี้ยงชีพด้วยการแบ่งปันจากงานทวงหนี้ เมื่อไม่มีงานเดิมและมวยไม่ได้ใช้ก็กลายเป็นว่าต้องหางานใหม่ทำ กระนั้นร็อคกี้ไม่อาจหางานทำดีๆได้สักอย่างเดียวแม้จะพยายามสมัครหลายที่แล้วก็ตาม สาเหตุนั้นเพราะการศึกษาที่น้อย จะเห็นคือนอกจากมีทักษะเรื่องชกมวยก็ไม่มีสิ่งอื่นที่ทำให้ร็อคกี้ประสบความสำเร็จได้อีก ขณะเดียวกันเอเดรียนที่มีงานประจำในร้านขายของสัตว์ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่เพราะอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ดังนั้นปัญหาครอบครัวไม่ได้อยู่ที่ความสัมพันธ์ของคน แต่เป็นคนที่ขาดงานที่สัมพันธ์กับตัวเองในขณะนี้


พอลลี่ (Burt Young) ได้ทำงานแทนร็อคกี้แต่ไม่ได้ช่วยส่งเสริมให้ร็อคกี้หรือเอเดรียนมีค่าใช้จ่ายเพียงพอเพราะแต่เดิมคืองานที่ร็อคกี้ใช้ประทังชีวิตด้วยตัวเขาเพียงคนเดียว แม้ในส่วนของภาคนี้พอลลี่จะมีบทบาทน้อยลงแต่ยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยร็อคกี้ ซึ่งการช่วยหางานนั้นไม่ได้มีส่วนให้ห่างเหินจากภาคแรกแต่อย่างใดเพราะเป็นงานในโรงเนื้อวัวที่เดิมเป็นสถานที่ฝึกซ้อมชกเนื้อแทนกระสอบทราย แต่แล้วงานที่ได้กลับเป็นงานที่หนักเพราะใช้เพียงกำลังอย่างเดียว ไม่ว่าจะแบกหามเนื้อ จัดเก็บเนื้อ ทำความสะอาดปัดกวาด อีกสารพัดอย่างที่ร็อคกี้ทำได้ จากมุมนี้การถ่ายทอดเรื่องราวความลำบากของร็อคกี้ทำให้เห็นว่าการมีเงินในช่วงแรกเป็นเพียงความสุขชั่วคราวเท่านั้นเพราะไม่ว่ายังไงเงินจำนวนนั้นต้องหมดลงในที่สุด อีกประการหนึ่งในความสู้ชีวิตคือการดิ้นรนบนสังคมด้วยงาน ข้อเสียของร็อคกี้คือเป็นคนธรรมดาที่ไร้การศึกษาสูง สำหรับเขาแล้วเป็นเพียงคนที่เก่งด้วยกำลังและความขยันเท่านั้น บางทีนัยยะอย่างนึงที่ตัวหนังไม่ได้บอกตรงๆแต่สื่อเห็นชัดคือประเภทของคนที่แม้หัวจะไม่ดีหรือฉลาดเยี่ยมยอดเท่าคนอื่นแต่ไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนไม่ดี อีกด้านนึงเป็นการสื่อเรื่องหางาน ถ้าอยากได้งานดีเงินดีตามต้องขยันตั้งใจเรียนให้สูงเพื่อเป็นการเปิดโลกของงานที่หารับสมัครได้กว้างยิ่งขึ้น นี่อาจเป็นความทรหดของร็อคกี้ที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว กระนั้นเขาเองไม่เคยบอกว่าเหนื่อยจนท้อเลยสักครั้งเพราะทุกสิ่งที่ทำก็เพื่อครอบครัวที่ต้องดีกว่าในอนาคต


Rocky II จะยกให้เป็นหนังเกี่ยวกับพ่อที่สู้ชีวิตก็ไม่ผิดเพราะได้เห็นความอุตสาหะมากมายทั้งทางกายและทางใจ แต่ยามนี้ร็อคกี้มีตัวเลือกเพียงไม่กี่ทางที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขสบายด้วยกำลังของตัวเองหลังจากตัดขาดจากสังเวียน ทว่าอพอลโลไม่ดีใจกับชัยชนะเพราะไม่อาจน็อกร็อคกี้ได้จนเกิดเป็นกระแสในตัวของเขาที่เริ่มไม่น่าเชื่อถือในความเป็นแชมป์อีกต่อไป ด้วยความเป็นถึงอันดับหนึ่งของโลกจึงไม่แปลกเมื่อเจอกับคนที่สูสีและชนะด้วยคะแนนที่มากกว่าก็ไม่ต่างกับความพ่ายแพ้ที่ตัวเองไม่อาจเหนือกว่าได้ ฉะนั้นอพอลโลจึงจัดศึกหนัดล้างตาอีกครั้งเพื่อจะชี้ขาดไปเลยว่าใครคือแชมป์ตัวจริงที่สามารถโค้นอีกฝ่ายลงได้ ด้านร็อคกี้ที่เลิกลาไปนั้นได้ตัดสินจะขึ้นชกอีกครั้งเพื่อชัยชนะและเพื่อชีวิตที่ดีของครอบครัว ซึ่งยังคงได้รับการสนับสนุนจากมิคกี้ (Burgess Meredith) มาเป็นเทรนเนอร์ให้เช่นเคย ด้วยความพร้อมที่จะสู้อีกครั้งทำให้เอเดรียนเป็นห่วงร็อคกี้ที่กลัวจะสูญเสียมากกว่าได้ การที่เอเดรียนกลัวเพราะครั้งแรกอาจเป็นเพราะโอกาสและโชค ต่อให้ไม่ถึงกับต้องชนะแต่ถือว่าคุ้มค่ามากพอแล้ว อีกประเด็นคือฐานะชีวิตในตอนนี้แตกต่างจากตอนแรกอย่างมาก ซึ่งความเสี่ยงจะดีขึ้นและอาจแย่ลงหากได้ขึ้นชกอีกครั้ง ด้วยความเป็นห่วงนี้เองจึงไม่ต่างกับโซ่ตรวนที่พันธนาการร็อคกี้เอาไว้ เมื่อร็อคกี้ไม่สามารถเปล่งศักยภาพออกมาได้เต็มที่ก็เท่ากับแพ้ตั้งแต่ยังไม่ชก


ความลำบากในการดิ้นรนชีวิตทำให้เอเดรียนต้องทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวไม่แตกต่างกับร็อคกี้ ทว่าเอเดรียนทำงานหนักมากเกินไปทั้งที่ตัวเองกำลังตั้งครรภ์ ในช่วงที่ใกล้คลอดก็เกิดอาการช็อกหมดสติไปกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับร็อคกี้ที่แม้แต่มิคกี้ที่สนิทสนมมากที่สุดไม่อาจช่วยผ่อนเบาจิตใจที่แตกสลายลงได้ สิ่งที่ร็อคกี้ทำได้เพียงอย่างเดียวคือการนั่งสวดภาวนากับนั่งเฝ้าในโรงพยาบาลอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่ารอบข้างจะเป็นเช่นไร เดิมทีร็อคกี้มีปัญหาทางใจทำให้การฝึกซ้อมที่น่าจะเข้มข้นกลายเป็นความปวกเปียกเหมือนไม่อยากขึ้นชก พอมาเจอปัญหาคู่ชีวิตนอนโรงพยาบาลหมดสติไม่ฟื้นตัวก็ยิ่งทำให้ร็อคกี้หมดกำลังใจไม่อยากซ้อมหรือขยับตัวนอกจากเฝ้าดูเอเดรียนอยู่ใกล้ๆเพื่อรอให้ฟื้นตัวกลับมา ในฉากนี้จะเห็นว่า Sylvester Stallone ได้มีการแสดงที่ยกระดับมาอีกขั้นหนึ่งด้วยอารมณ์เศร้าและหดหู่(แต่ถ้าว่ากันตามตรงก็แทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากปล่อยให้ตัวเองหน้าตายกับแสดงสีหน้าเศร้านิดนึงเนื่องจากใบหน้าเดิมเหมือนคนอมทุกข์อยู่แล้ว ผลออกมาจึงดูสมจริงโดยไม่ต้องใส่อารมณ์มาก) แต่ถ้าวิเคราะห์ในส่วนของภาคนี้จะเห็นว่าเนื้อเรื่องจะไม่แตกต่างจากภาคแรกเท่าไรนักที่คงยังวนเวียนกับพล็อตการชกมวยของแชมป์กับคนธรรมดาโดยมีศักด์ศรีเป็นเดิมพัน สิ่งที่แตกต่างไปคือการขยายเรื่องราวให้จริงจังมากขึ้นเกี่ยวกับชีวิตครอบครัว จากภาคแรกเป็นชีวิตต่างคนต่างอาศัยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในชีวิต หลังจากร็อคกี้กับเอเดรียนแต่งงานเริ่มสร้างครอบครัวด้วยการสร้างลูกก็พบว่าชีวิตนี้ไม่ได้ง่ายขนาดที่คนเดียวจะเพียงพออยู่ได้ ชีวิตครอบครัวจะเพิ่มอะไรหลายอย่างในชีวิตและนั้นคือภาระที่ต้องแบกรับไว้


กำลังใจคือเรื่องหลักที่ต้องจะสื่อว่าต่อให้ร่างกายแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจเท่าจิตใจที่สำคัญกว่า ไม่ว่าจะอพอลโลที่ต้องการความมั่นใจของตัวเองกลับคืนมาหรือร็อคกี้ที่หวั่นไหวต่อเดเดรียนก็ล้วนมีผลกระทบต่อชีวิตด้วยกันทั้งคู่ ในภาคนี้จะได้เห็นชีวิตอพอลโลที่มากขึ้นจากที่คิดว่าโอกาสที่เสนอแก่นักมวยไร้อันดับจะเป็นเพียงการชกที่ไม่ต่างกับชกทั่วไปกลับกลายเป็นความพ่ายแพ้ในความชนะที่รับไม่ได้ ฉะนั้นอพอลโลที่เห็นกันว่าเป็นคนอารมณ์ดีเอนเตอร์เทนเก่งจะผิดแปลกจากเดิมที่เพิ่มมิติใจใจตัวละครให้ออกมาดูซีเรียสจริงจังกับการชนะร็อคกี้มากขึ้น จะได้เห็นการฝึกซ้อมจากทั้งคู่จากภาคแรกเห็นแค่ร็อคกี้ฝึกซ้อมเพียงฝ่ายเดียวทำให้มุมมองภาคนี้การต่อสู้ออกมาดูสูสีขึ้นบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไงการฝึกซ้อมยังคงมุ่งไปที่ตัวร็อคกี้กับมิคกี้เช่นเคยกับการฝึกซ้อมที่ยังถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างมีพลัง แต่มีการปรับมุมมองจากเดิม เช่น การวิ่งในภาคแรกแสดงถึงความเด็ดเดี่ยว พอมาภาคนี้ปรับทัศนคติกลายเป็นวิ่งแล้วมีเด็กเข้ามารวมแจมด้วย โดยจำนวนเด็กที่เข้ามาวิ่งนั้นมีทั้งหมด 800 คนที่วิ่งกับ Sylvester Stallone โดยส่วนตัวชอบสไตล์แบบภาคแรกมากกว่าเพราะดูมีจุดหมาย ขณะที่เนื้อหาภาคนี้จะเกี่ยวโยงตรงที่ร็อคกี้เป็นขวัญใจประชาชน เมื่อร็อคกี้วิ่งก็เหมือนประชาชนวิ่งอยู่ด้วย เป็นการบ่งบอกถึงร็อคกี้เป็นที่รักของประชาชนและยินดีทั้งดีใจที่จะให้โอกาสอีกครั้งในการขึ้นชก การขึ้นชกต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นด้วยการกลบข้อด้อยของตัวเองจากการชกครั้งก่อนให้มาเป็นข้อเด่น ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนหรือฝึกหนักแค่ไหนแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาไม่เคยยอมแพ้หรือท้อถอยเลยคือกำลังใจจากคนที่รัก ซึ่งคือเอเดรียนที่จะมอบให้เขาได้


Rocky II ในร่างแรกของสคริปต์การต่อสู้เกิดขึ้นที่โคลอสเซียมเพื่อเป็นการตัดสินครั้งใหญ่แต่ด้วยความเกินจริงและหลุดอารมณ์ของหนังจึงเลือกตามแบบภาคแรกที่ยังดูเป็นกันเองกับผู้ชมและไม่อลังการเกินตัวละคร สำหรับภาคนี้ Sylvester Stallone ไม่ใช่แค่แสดงแต่ยังรวมถึงเป็นผู้กำกับเองในภาคนี้ และแน่นอนว่ารวมถึงบทที่เขียนขึ้นเองเช่นเคยและยังคงเขียนมาเพื่อสะท้อนตัวเองทั้งไว้เตือนสติอีกด้วย ในมุมมองของภาคนี้แม้ว่าจะมีนัยยะที่น้อยลงแต่ประเด็นยังคงครบถ้วน มีการขยายเรื่องราวที่มากขึ้นจากจุดเล็กๆกลายเป็นจุดหลายจุดที่รวมกันเป็นจุดใหญ่ น่าเสียดายที่บางช่วงหนังออกจะยาวไปบ้างและย้ำอยู่กับที่นานไปหน่อย เช่น ฉากร็อคกี้มาเฝ้าอาการเอเดรียนที่วนอยู่กับฉากเดิมๆจนเรียกว่าแทบไม่ไปไหนเลยนอกจากโรงพยาบาลกับโบสถ์ อีกแง่จะมองเป็นข้อเสียของเรื่องก็ไม่เชิงเพราะการเฝ้ารอคนที่รักที่ไม่รู้เมื่อไรจะฟื้นนั้นเป็นเรื่องน่าหดหู่และบั่นทอนจิตใจเรื่อยๆตามวันเวลาที่มากขึ้น การดำเนินเรื่องยังคงเล่าถึงชีวิตที่ต้องสู้ต่อไป เพียงคราวนี้แตกต่างจากภาคแรกที่เป็นเรื่องราวของร็อคกี้ร่วมกันต่อสู้ จะไม่ใช่สู้เพื่อตนเองเพียงคนเดียวอีกต่อไป ฉะนั้นร็อคกี้จึงภาระที่มากขึ้นสำหรับชีวิตที่เปลี่ยนไป เมื่ออยากได้ชีวิตที่สุขสบายก็ต้องยอมเจ็บยอมลำบากเพื่ออนาคตที่ดีกว่า ต้องฝึกซ้อมหนักยิ่งขึ้น เพื่อตัวเขาเอง เพื่อเอเดรียน เพื่อมิคกี้ เพื่อพอลลี่ เพื่อครอบครัว และโอกาสครั้งที่สอง

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)