แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 2001 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 2001 แสดงบทความทั้งหมด

Thir13en Ghosts (2001) คืนชีพ 13 ผี สยองโลก

Thir13en Ghosts (2001) | คืนชีพ 13 ผี สยองโลก | C
Director: Steve Beck
Genres: Fantasy | Horror

ปกติเป็นเรื่องธรรมดาที่ผีกับบ้านเป็นของคู่กันจนเรียกว่าบ้านผีสิง อันที่จริงเดิมนั้นใช่ว่าผีอยากจะอยู่บ้านหรือมากับบ้านอยู่ก่อนแต่ถ้าคิดกลับกันว่าผีโดนจับมาเอาไว้ในบ้านล่ะจะว่ายังไง และเรื่องนี้ก็เป็นเช่นนั้นที่เกิดเริ่มเรื่องเมื่อไซรัส (F. Murray Abraham) มหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งชอบสะสมของอยากจะลองสะสมผีทั้ง 13 ตนเพื่อพิธีกรรมบางอย่าง ทว่าเกิดพลาดพลั้งชิงตายก่อนจะสำเร็จผลตามที่ปรารถนากับการจับผีตนที่ 12 ดังนั้นเมื่อเจ้ามหาเศรษฐีได้เสียชีวิตลงพินัยกรรมจึงได้เปิดขึ้นเพื่อให้ผู้สืบทอดได้รับมรดกไป โดยคนนั้นไม่ใช่ใครแต่เป็นอาร์เธอร์ คริติดอส (Tony Shalhoub) พ่อม่ายที่เมียพึ่งเสียชีวิตไปจากอุบัติเหตุไฟไหม้ที่มีลูกติด 2 คนคือแคธี่ (Shannon Elizabeth) ลูกสาวคนโตและบ็อบบี้ (Alec Roberts) ลูกชายคนเล็ก ในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นเป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนใจแก่อาร์เธอร์เป็นอย่างมากที่ไม่ใช่แค่เสียคนรักไปแต่ยังรวมถึงทรัพย์สินต่างๆจากที่เดิมทีอยู่อย่างพอมีพอใช้อย่างสุขสบายกลับต้องกลายเป็นอยู่ห้องแคบๆที่เกินไปสำหรับคนมีครอบครัวไม่เล็กอย่างอาร์เธอร์ ด้วยความที่ไม่อาจอยู่สบายได้อย่างเมื่อก่อนจึงเป็นปัญหาที่ต้องอยู่กินอยู่ใช้อย่างจำกัดและเมื่อได้รู้ว่าไซรัสลุงของเขาได้เสียชีวิตลงแล้ว มรดกทั้งหลายจึงถ่ายโอนมาที่เขาโดยมอบทรัพย์สินคฤหาสน์หลังโตให้แก่ครอบครัวอาร์เธอร์ ซึ่งหลังจากที่อาร์เธอร์พาสมาชิกครอบครัวมาที่คฤหาสน์หลังโตดังกล่าวก็ต่างไม่คิดจะจากที่นี้ไปเลยแม้แต่น้อยเพราะที่นี่ทำให้จากคนที่แทบไม่เหลือบ้านกลายเป็นอยู่คฤหาสน์ก็ไม่ต่างอะไรกับมาอยู่สวรรค์งามๆนี่เอง

Cowboy Bebop: The Movie (2001)

Cowboy Bebop: The Movie (2001) | B+
Director: Shin'ichirô Watanabe
Genres: Animation | Action | Crime | Drama | Sci-Fi

ส่วนตัวอยากแนะนำให้หาแบบเป็นตอนทั้ง 26 ตอนมาดูก่อน อย่างน้อยเป็นการปรับรสนิยมตัวเองที่มีต่ออนิเมะเรื่องนี้ เพราะมีความตะวันตกค่อนข้างสูง อีกทั้งการเล่าเรื่องจะเนิบๆไม่รีบร้อนไปไหน หรือบางทีว่างเว้นตัดเป็นฉากถัดไปซะดื้อๆ แต่ละอย่างชวนให้สัมผัสถึงหนังคาวบอยที่ดูง่าย แต่แฝงอารมณ์ลุ่มลึกตลอดเวลา ฉะนั้นถ้าชอบจะไม่รู้สึกผิดหวังเลย

Donnie Darko (2001) ดอนนี่ ดาร์โก

Donnie Darko (2001) | ดอนนี่ ดาร์โก | A
Director: Richard Kelly
Genres: Drama | Mystery | Sci-Fi | Thriller

"อ้าวนี่คือหนังไซไฟด้วยเหรอ"

โดยส่วนตัวเป็นคำถามแรกที่เกิดกับตัวเองอย่างคาดไม่ถึงด้วยเหตุผลที่ว่ามีการเล่นกับเวลา ทีแรกหนังก็เกริ่นเป็นนัยๆอยู่แล้วกับวิทยาศาสตร์ที่ดอนนี่ (Jake Gyllenhaal) อยากรู้นักรู้หนากับการเดินทางผ่านด้วยเวลา ซึ่งในความเห็นส่วนตัวการจบแบบนั้นเท่ากับตัวหนังประสบความสำเร็จจากการเป็นเอกเทศ มีความเป็นตัวเองที่ค่อนข้างสูง เริ่มจากสิ่งที่น่าขบขันที่มองว่าอาจเป็นตลกร้ายเรื่องส่วนเครื่องบินตกใส่ห้องของดอนนี่ แต่ดอนนี่กลับไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเองด้วยซ้ำ เพราะเขาไปนอนหลับอยู่ที่สนามกอล์ฟที่เกิดจากโรคประจำทางจิต หรือที่ว่าการนอนละเมอ คิดว่าเด็กคนนี้โชคดีแค่ไหนที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องที่ถูกส่วนของเครื่องบินลงมาทับตาย แต่ก่อนหน้านั้นเขาละเมออะไรของเขากันน่ะถึงเห็นคนส่วมชุดกระต่ายที่คอยอยู่หน้าบ้านแล้วบอก"28 วัน 60 ชม. 42 นาที 12 วินาที โลกแตก" ใครจะเชื่อว่าโลกแตก แล้วถ้าไม่ใช่โลกแตกเวลาที่เหลือดังกล่าวกำลังบอกอะไรเราอย่างนั้นรึ

Godzilla, Mothra and King Ghidorah: Giant Monsters All-Out Attack (2001) ก็อตซิลล่า, ม็อททร่า และคิง

Godzilla, Mothra and King Ghidorah: Giant Monsters All-Out Attack (2001) | ก็อตซิลล่า, ม็อททร่า และคิงส์กิโดรา สงครามจอมอสูร | A
Director: Shusuke Kaneko
Genres: Action | Adventure | Fantasy | Sci-Fi | Thriller

ในหมู่ก็อตซิลล่าทั้งหมดที่ผ่านมาคงมีภาคนี้ที่เรียกว่ามาแหวกแนวที่สุดเลยก็ว่าได้โดยเฉพาะการทำให้ก็อตซิลล่ากลับมาน่าเกรงขามและน่ากลัวเฉกเช่นสมัย Godzilla (1954) หรือมากกว่าในการออกมาทำลายบ้านเมืองเพื่อตอกย้ำคนญี่ปุ่นถึงการกระทำในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนส่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรงจากการโดนระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโระชิมะและนะงะซะกิเพียงตัวเองอยากฝักใฝ่เป็นใหญ่ครอบครองประเทศเพื่อเป็นมหาอำนาจ สิ่งเหล่านี้คือแผลในใจของเหล่าชาวแดนอาทิตย์อุทัยที่สร้างความเจ็บปวดและรอยร้าวคนในประเทศด้วยการสูญเสียยิ่งกว่าได้หลายเท่า และก็กลายเป็นคำสอนอย่างดีเยี่ยมนับแต่นั้นมาเพื่อเตือนใจในความอัปยศว่าอย่าทำผิดอีกครั้งเด็ดขาด ทว่าดูเหมือนคำสอนนี้ได้จางหายไปเรื่อยๆจากคำบอกเล่าที่เจือจางไปตามเวลาพร้อมกับยุคสมัยที่วิ่งเข้าพัฒนายิ่งขึ้นจนเป็นการแข่งขันระหว่างประเทศที่อาจไม่ถึงกับต้องเสียอย่างเช่นสงคราม แต่เราอาจต้องเจ็บปวดกลับมาในแบบสงครามเย็นที่เหมือนจะว่างเปล่าไร้กังวลแต่หนักหน่วงเสียยิ่งกว่าสงครามโลกด้วยมหาอำนาจที่ครอบครองระเบิดนิวเคลียร์ ทว่าประเด็นนี้ได้จบลงไปแล้วใน The Return of Godzilla (1985) คงเหลือเอาไว้กับตอนจบที่แสนเศร้า ข่มขื่น สะเทือนใจ มันคงแปลกที่จบลงแบบนั้นหากหนังสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ถล่มเมืองสร้างหายนะแบบทั่วๆไป แต่นี่แตกต่างออกไปเพราะนัยนะที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าทำให้การจบลงด้วยเสียงแฮปปี้ไม่มีความหมาย ไม่มีใครดีใจที่เห็นก็อตซิลล่าลงปล่องภูเขาไฟแล้วจางหาย
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)