Under Siege (1992) ยุทธการยึดเรือนรก

Under Siege (1992)
ยุทธการยึดเรือนรก
Director: Andrew Davis
Genres: Action | Thriller
Grade: B+
 
 เคซี่ย์ ไรแบ๊ค (Steven Seagal) พ่อครัวบนเรือประจัญบานที่ไม่มีใครทำอาหารได้อร่อยเท่าเขาที่มีเอกลักษณ์ร่างกายใหญ่โตและไม่ยอมใครง่ายๆกำลังทำอาหารชุดพิเศษให้เนื่องในวันเกิดของกัปตันอดัม (Patrick O'Neal) แต่แล้วก็เกิดเหตุชุลมุนในงานปาร์ตี้ขึ้นจากผู้ก่อการร้ายที่บุกยึดเรืออย่างไม่ทันตั้งตัวโดยมีกบฏทหารคริลล์ (Gary Busey) เป็นคนบงการวางแผนยึดเรือรบอย่างไม่มีใครระมัดระวังตัวและได้รับการร่วมมือกับวิลเลี่ยม  (Tommy Lee Jones) อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่อยากล้างแค้นกับองค์กรด้วยการยิงจรวดถล่มทั้งเมืองให้ราบคาบสาแก่ใจ ทว่าการยึดเรือต้องพบอุปสรรคเพราะเคซี่ย์ไม่ใช่พ่อครัวที่ทำอาหารเก่งเพียงอย่างเดียวแต่เคยเป็นถึงหน่วยซีลเก่ามาก่อน ทำให้ภารกิจทำอาหารต้องล้มเลิกมาเป็นภารกิจกู้เรือคืนกลับมา นี้จึงไม่ต่างกับ Die Hard ฉบับกู้เรือโดยมีความคล้ายคลึงที่ไปอยู่ในสถานการณ์มิควรแต่ไม่ถึงกับเหมือนไปเสียทุกอย่างแค่เป็นเหตุบังเอิญต้องเจอเรื่องร้ายทั้งที่ควรเป็นเรื่องดีเสียมากกว่า อย่างพล็อตเรื่องวันเกิดกลายเป็นวันตาย งานปาร์ตี้แสนสนุกกลายเป็นงานรวมตัวประกันแสนตึงเครียด หลายอย่างดูเป็นตลกร้ายไปเสียหมดกับพล็อตเรื่องที่จงใจทำลายงานแสนสุขเป็นแสนทุกข์อย่างมิทันตั้งตัว ก็ไม่ต่างกับผู้ร้ายในเรื่องนี้ที่มีความสุขกับแผนยึดเรือที่สำเร็จลุล่วงแต่คงลืมไปว่ายังเหลือพระเอกเคซี่ย์ที่แม้มาคนเดียวก็ป่วนกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ทั้งลำ


ไม่รู้ทำไมแต่มองในแง่ตลกร้ายก็ออกมาตลกอย่างที่คิดโดยเฉพาะการเล่าเรื่องในช่วงแรกที่มาทำนองตีเนียนไม่มีอะไรใหญ่โตและพยายามจะสร้างสีสันในงานวันเกิดแก่คนสำคัญ ว่าแล้วก็ดูไม่เป็นแนวแอ็คชั่นเท่าไรถ้าไม่นับเรื่องบรรยากาศทหารเรือกับเรือประจัญบานที่ออกจะครึ้นเครงแต่ก็เสริมการรอคอยด้วยการให้จังหวะค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบแอ็คชั่นแต่มาสไตล์ทริลเลอร์ปูตัวละครให้ครบก่อนว่าใครเป็นใครก่อนจะกระหน่ำแผนการยึดเรือม้วนเดียวจบแบบไม่มีใครตั้งตัวได้ ในการยึดเรือที่ใหญ่โตนั้นอาจจะดูเว่อร์ไปหน่อยถ้าพูดถึงจำนวนคนในเรือที่ไม่ใช่น้อยๆแต่ตัวหนังก็เลือกสร้างสถานการณ์ได้อย่างเหมาะเจาะในงานวันเกิดที่ไม่ว่าใครก็มารวมตัวกัน และเมื่อมารวมตัวกันที่จุดเดียวก็เข้าแผนยืดเรือโดยมีตัวประกันมารวมตัวให้ถึงที่แบบไม่ต้องไปไล่ต้อนให้วุ่นวาย แน่นอนว่าแผนการของผู้ร้ายไปได้อย่างสวยสดงดงามอย่างสมบูรณ์แบบไม่มีใครต่อต้านผู้ก่อการร้ายอาวุธครบมือได้แม้แต่คนเดียวและใครคิดต่อต้านก็มีอันต้องจบชีวิตลงอย่างไม่ปรานีให้เสียเวลา การจะเข้าสู่โหมดแอ็คชั่นได้ต้องใช้เวลาในการปูพื้นก่อนสักเล็กน้อยซึ่งทำให้เราเห็นสภาพตัวเรือในแต่ละซอกละซอยรวมถึงตัวละครหลักที่โชว์เอกลักษณ์ของตัวเองที่เห็นได้จากพระเอกที่เก่งเรื่องการทำอาหารจนถึงขั้นมีคนรับถือรวมถึงกัปตันอดัมที่ตามใจปล่อยให้เคซี่ย์ทำตามที่ตัวเองถนัดโดยไม่รู้สึกผิดใจ แต่คนที่รู้สึกไม่ชอบในพฤติกรรมของเคซี่ย์คือคริลล์ที่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่ปล่อยให้ทหารพ่อครัวทำตามใจทั้งที่ตำแหน่งต่ำกว่า ในส่วนนี้เหมือนศึกชิงวันเกิดกัปตันเรือที่อีกคนเรียบง่ายไม่ต้องเซอร์ไพรส์แค่พอเป็นพิธีแต่อีกคนต้องการจัดงานให้ออกมามีสีสันสนุกสนานและมีระดับเหมาะสมกับตำแหน่งจนถึงขั้นจ้างทีมงานทำอาหารจากที่อื่นมาถึงที่ ซึ่งข้อตกลงเรื่องงานวันเกิดได้ตกลงกันไว้แล้วให้เคซี่ย์จัดการแต่คริลล์ไม่ยอมจนต้องลงเอยที่เคซี่ย์ถูกขังในห้องแช่เนื้อเพราะไปวิวาทใส่คริลล์ สุดท้ายงานวันเกิดก็กลายเป็นของคริลล์ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นหนังแอ็คชั่นคงได้แต่ขำในความไม่ลงรอยของทหารที่ถูกแบ่งแยกชนชั้นด้วยตำแหน่ง จริงๆแล้วก็มีส่วนของแอ็คชั่นอยู่บ้างจากลีลาทำอาหารที่ส่อแววไปทางสายบู๊ทั้งที่เป็นฉากทำอาหารธรรมดาฉากหนึ่ง เมื่อเคซี่ย์ไม่ใช่ปัญหาของคริลล์ก็ถึงคราวจัดฉลองวันเกิดซึ่งกว่าจะถึงจุดพลิกยังอุตส่าห์ทำสนุกก่อนหักอารมณ์ได้อย่างอยู่หมัด


จอร์แดน เทต (Erika Eleniak) ตัวละครที่ไม่มีในเรื่องก็ยังได้แต่ใส่มาให้รู้ว่าพระเอกยังต้องการนางเอก แต่ไม่ได้หมายความนางเอกจะต้องใสซื่อบริสุทธิ์เสมอไปเพราะกว่าจะที่ตัวเองมีบทบาทเด่นๆก็ทำเอาสายตาเบิกกว้างอย่างไม่ตั้งใจกันเลยทีเดียว ว่ากันตามตรงในเนื้อเรื่องก็คือผู้เคราะห์ร้ายที่ติดมาเพื่อให้แผนยึดเรือไม่มีใครสงสัยและแน่นอนว่าทั้งเรื่องในเรือมีผู้หญิงแค่คนเดียวเท่านั้นแต่การมาทำอะไรในเรือนี้ก็แค่ให้ความสุขแก่ผู้ชายด้วยการโชว์ ส่วนจะโชว์อะไรนั้นในเรื่องมีเซอร์ไพรส์ให้อย่างแน่นอนเพราะ Steven Seagal เคยให้สัมภาษณ์ว่าบทดั้งเดิมไม่มีฉากนี้แต่ก็เพิ่มเข้ามาเพื่ออารมณ์ขัน

ในขณะเดียวกันการมีหรือไม่มีก็ได้ของตัวละครเพศหญิงไม่ได้หมายความว่าเป็นตัวเกินให้ออกมายุ่งยากเสมือนผู้หญิงวิ่งกรี๊ดซะทีเดียวเนื่องจากเป็นตัวละครค่อนข้างบอบบางและห้าวหาญได้ในเวลาเดียวกัน จะอีกอย่างก็คือ Under Siege เป็นหนังของเพศชายที่อุดมไปด้วยแอ็คชั่นบรรเทิงอารมณ์ การจะเหลือพื้นที่แก่เพศหญิงจึงมีน้อยโดยเฉพาะกับเรื่องที่มีทหารเรือเป็นผู้ชายทั้งลำและคงไว้แค่ผู้หญิงคนเดียวผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวของความรุนแรง การเล่าเรื่องในช่วงแรกไม่แตกต่างกับตัวละครทั่วไปที่กลัวและเลี่ยงการปะทะด้วยปืนก่อนที่ภายหลังจะมีบทบาทเคียงข้างพระเอกจนไปด้วยกันได้โดยที่ไม่ก่อความวุ่นวายให้ผิดแผน ซึ่งการทำให้ตัวละครหญิงอ่อนแอมาเป็นหญิงแกร่งได้จัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามในเรื่องของเพศที่เรื่องนี้สื่อนัยยะมาอยู่บ้าง แต่การจะมองเป็นการตีความให้ออกมาเห็นเด่นชัดคงต้องมองข้ามแล้วสนเรื่องแอ็คชั่นกันดีกว่า


อย่างน้อยไม่ได้ออกมาแนวแอ็คชั่นเอามันส์ด้วยการยิงระเบิดเผากระท่อมแต่มาแนวแอ็คชั่นยิงประหยัดกระสุนที่ไม่เน้นระเบิด ไล่ตั้งแต่เปิดเรื่องจนเกือบครึ่งชั่วโมงถึงจะเข้าโหมดแอ็คชั่นนับเป็นการรอคอยที่เหมือนจะนานแต่ไม่นานเพราะการเล่าเรื่องไม่ได้ออกมาน่าเบื่อแถมจะค่อยๆเข้มข้นขึ้นด้วยซ้ำที่เริ่มเห็นความผิดปกติ เมื่อมาถึงฉากยึดเรือทุกอย่างดูจะเข้าทางฝ่ายก่อการร้ายที่ได้เรือมานั่งสบายใจจนหารู้ไม่ยังเหลือเคซี่ย์ในห้องครัว แต่ก็ไม่พลาดเมื่อคริลล์มานึกได้ภายหลังว่ายังเหลือปัญหาหนึ่งจุดที่ยังไม่เคลียร์และไม่เคยนึกด้วยซ้ำเพราะเคซี่ย์คือพ่อครัวที่มีดีทำอาหารเก่งเท่านั้น กระนั้นคำสบประมาทมีดีแค่ทำอาหารเก่งคงใช้ไม่ได้อีกต่อไปเมื่ออดีตของเขาถูกเปิดเผย

ถ้าว่ากันตามหนังแอ็คชั่นปกติผู้ร้ายจะไม่กลัวพระเอกแต่ผิดกับเรื่องนี้ที่สัมผัสได้ถึงความเกรงกลัวอยู่บ้างเมื่อรู้อดีตของเคซี่ย์ที่เคยเป็นถึงหน่วยซีลเก่าขนาดที่ว่าเมื่อพูดถึงก็เป็นต้องรู้จักในความเก่งกาจทันที ซึ่งหนังก็เกริ่นอดีตเคซี่ย์นิดๆว่าการมาเป็นทหารเรือเพื่อลบล้างความผิดจากอดีตที่เคยทำงานผิดพลาด น่าเสียดายที่ไม่ถึงกับลงลึกอะไรมากมายทำให้ไม่ต่างกับพระเอกแอ็คชั่นยุค 80-90S ที่นอกจากทักษะความเก่งกาจแล้วก็ไม่รู้เลยว่ามีปมอะไรในใจอยู่บ้างแต่ที่แน่ๆถ้าเป็นหนังขายความมันส์ยังไงก็ต้องมันส์เป็นอันดับแรก ทว่าความมันส์ไม่ได้ยึดติดที่การยิงเพียงอย่างเดียวเพราะเน้นจังหวะที่ใครไวใครเร็ว ไม่ต่างกับการไล่ล่าระหว่างสองฝ่ายที่อีกฝ่ายคุมเรือและอีกฝ่ายตัดกำลัง ฝ่ายที่คุมเรือก็คือฝ่ายที่ยึดเรือได้และพยายามหาตัวเคซี่ย์จากที่ใดที่หนึ่งในตัวเรือและดำเนินแผนการไปด้วย ส่วนเคซี่ย์เป็นฝ่ายตัดกำลังไม่มุ่งไปสู้กับผู้ร้ายด้วยทักษะความเป็นพระเอกแต่เลือกเก็บไปเรื่อยๆจนถึงหัวหน้าหรือจะเรียกว่าซุ่มโจมตีก็ว่าได้ทำให้ความสนุกมันอยู่ตรงนี้แหละ


อาจจะดูมีเว่อร์ไปบ้างที่พระเอกของเราจะเก่งแต่ก็พอจะมีเหตุผลอยู่บ้างเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เอาตัวเข้าแลกบุกทะลวงแต่เลือกมาแนวเก็บข้อมูลแล้วโจมตีอย่างมีสัดส่วนไม่ต่างกับ Die Hard (1988) ที่ลุยคนเดียวอย่างเงียบๆค่อยจัดการทีละคนด้วยทักษะรอบตัว กระนั้นไม่ใช่ว่าการไล่ล่าจะไปที่เรือเพียงอย่างเดียวเพราะเรื่องนี้ได้จับเอาเรือดำน้ำมามีส่วนของเนื้อเรื่องด้วย โดยในส่วนของเรือดำน้ำมาเพื่อใช้หลบหนีและขนอาวุธ ดังนั้นหนังจึงไม่สั้นอย่างที่คิดเพราะว่าต้องลุยทั้งเรือรบกับเรือดำน้ำที่ไม่ใช่คนเดียวจะเอาได้อยู่เสมอไป ฉะนั้นจึงมีการเสริมพรรคพวกที่ช่วยออกมาได้ช่วยจัดการกับผู้ก่อการร้ายอีกแรง

สิ่งที่ทำให้ Under Siege สนุกและมันส์อย่างมากคือสัดส่วนของแอ็คชั่นบวกกับแผนการที่ควบคู่กันไป จะไม่ใช่ยิงกันอย่างเดียวเจอผู้ร้ายก็ยิงมีระเบิดก็ตู้ม อีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่หนักบู๊แบบกระหน่ำคงเพราะให้ความสำคัญกับตัวเรือเพราะถ้าระเบิดภายในเรือคงไม่ใช่เป็นการกู้เรือแต่เป็นพังเรือเสียมากกว่า แต่อย่าลืมว่ายังมีเรือดำน้ำที่เป็นข้าศึกซึ่งจะไม่ใช่แค่กู้เรือแล้วสู้กันบนเรือแต่ยังต้องสู้กับเรือดำน้ำอีกด้วย ที่สำคัญที่เห็นได้ตั้งแต่บอกทีแรกคือพระเอกเก่งแค่ไหนก็ไม่บุกเดียวแต่เลือกจัดการไปเรื่อยๆจนมาถึงท้ายเรื่องทุกอย่างจึงเหมือนเคลียร์ได้หมด แม้สาระจะมีน้อยและเอามันส์สไตล์ทริลเลอร์อยู่บ้างแต่ใช่จะไม่มีเสมอไปเกี่ยวกับรัฐบาล เนื้อหายังคงโยงประเด็นเรื่องอาวุธสงครามที่นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วเมื่อตกอยู่ในมือผู้ก่อการร้ายมีแต่จะซ้ำเติมตัวเองมากขึ้น ต่อให้จุดประสงค์เพื่อป้องกันประเทศแต่การใช้ความรุนแรงยับยั้งความรุนแรงมีแต่จะไร้หนทางสันติภาพที่ชัดเจน เหตุผลที่ยังไม่มีใครรุกรานก็เพราะหาโอกาสเหมาะๆเช่นเรื่องนี้ที่ถ้าไม่บังเอิญไปพบพ่อครัวนักหักกระดูกคงรู้เรื่องกันเลยแหละ


Erika Eleniak ยอมรับว่าในเรื่องค่อนข้างนักรักแต่ก็แอบเซ็กซี่อยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะฉากเปิดตัวที่มาผิดอารมณ์แต่น่าขัน แต่คนที่โดดเด่นเห็นจะเป็น Tommy Lee Jones ในบทตัวร้ายโชว์ความบ้าอย่างเต็มที่ ซึ่งไม่นึกว่าจะออกมาเป็นตัวร้ายเพราะปกติเห็นเป็นพระเอกหรือไม่ก็ฝ่ายดีเสมอถือเป็นอีกแบบหนึ่งให้เห็นกันไม่บ่อยนัก ส่วนที่ว่าบ้าจริงๆคือ Gary Busey ในเรื่องก่อนจะยึดเรือในงานปาร์ตี้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆเอาหักมุมทั้งในหนังและผู้ชมจนไม่นึกว่าท่าทางดุๆจะมาแบบนั้นได้ ที่ขาดไม่ได้คือ Steven Seagal ที่กว่าจะโด่งดังก็ปาไปเรื่องที่ห้าสำหรับสายแอ็คชั่น โดยผลงานแรก  Above the Law (1988) ยังไม่เป็นที่รู้จักกันเท่าไรแต่ประกอบกับชื่อเสียงและตัวผู้กำกับ Andrew Davis ทำให้เรื่องนี้ออกมาสนุกและมันส์ในที่สุด อันนี้ต้องชื่นชมที่เก็บบรรยากาศของเรือรบได้ครบถ้วนดีและเสริมรายละเอียดความสนุกต่างๆที่ไม่ใช่แค่กู้เรือประจัญบานก็จบแต่กว่าจะกู้ได้ต้องวางแผนคิดหลบหนีวางกับดักถือว่าทำออกมาได้ดีและมันส์มากทีเดียว อีกอย่างยังถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดของ Steven Seagal ที่เล่นบทนำอีกด้วย(เพราะนับตั้งแต่เรื่องนี้มาผลงานก็กร่อยลงทุกวัน) และชอบมากที่สุดคือฉากดวลมีดในตอนท้ายเรื่องที่จัดเป็นไคลแม็กซ์ชวนลุ้นก่อนจะสร้างเอกลักษณ์ด้วยฉากคาบมีดที่ไม่มีพระเอกคนไหนทำ ใครชอบแอนวแอ็คชั่นเรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนโดยเฉพาะกับแฟนๆนักหักหระดูกที่อาจจะหักน้อยแต่ความมันส์ไม่น้อยตาม

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)