Dead Calm (1989) ตามมาสยอง

Dead Calm (1989)
ตามมาสยอง
Director: Phillip Noyce
Genres: Horror | Thriller
Grade: B+
 
นี่คือหนังที่มีความ Underrate หรือหนังดีมีคุณภาพที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนัก สาเหตุที่มั่นใจว่าเป็นเช่นนั้นส่วนหนึ่งมาจากพล็อตเรื่องที่มีตัวละครหลักทั้งหมดเพียง 3 ตัวละครเท่านั้น ที่สำคัญยังดำเนินเรื่องภายใต้ข้อจำกัดของฉากที่มีแค่เรือกับทะเล เหตุการณ์จะเริ่มขึ้นในคืนที่โจ อินแกรม (Sam Neill) กลับจากงานราชการทหารและกำลังรอคนรักหรือเรย์ อินแกรม (Nicole Kidman) มารับที่สถานีรถไฟ ทว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อเรย์ที่กำลังขับรถเกิดเสียหลักจนต้องเสียแดนนี่ (Joshua Tilden) ลูกชายตัวน้อยของเธอ การสูญเสียในครั้งนี้ทำให้เรย์เก็บฝังใจอยู่ตลอดเวลาในความผิดพลาดของตัวเอง ทำให้โจต้องหาวิธีผ่อนคลายด้วยการพานั่งเรือใช้ชีวิตอยู่กลางทะเลสักระยะหนึ่งเผื่อว่าจะทำให้เรย์รู้สึกปล่อยวางจากอดีตลงบ้าง และทุกอย่างไปได้ดีกับการใช้ชีวิตบนเรือเสมือนบ้านที่มีสะน้ำแอ่งใหญ่จนกระทั่งเจอเรืออีกลำที่กำลังจม ระหว่างเรือของพวกเขากับเรือที่ใกล้จมได้มีชายคนหนึ่งกำลังพายเรือชูชีพเข้ามาหาด้วยอาการแตกตื่น ชื่อของเขาคือฮิวอี (Billy Zane) และต้องการบอกว่าเรือลำนั้นไม่มีเหลือใครมีชีวิตรอด อย่าได้ไปยุ่งกับเรือลำนั้นเด็ดขาด


เป็นหนังแจ้งเกิด Nicole Kidman ที่ไม่ได้แสดงอะไรที่สุดแสนทรงพลังหรือเรียกสปิริตการแสดงสุดความสามารถ จะมีเพียงแค่การแสดงแบบเอาอยู่ได้ทั้งเรื่อง ซึ่งกลายเป็นที่ชื่นชมที่สามารถประคับประคองตัวละครพร้อมกับตัวหนังได้ออกมามีมิติ แน่นอนว่าอีก 2 นักแสดงที่เหลือทั้ง Sam Neill และ Billy Zane ทำได้ดีเช่นกัน จะแตกต่างกันที่เสน่ห์ที่ไม่เท่ากันและเชื่อว่าตัวละครหญิงคือจุดเด่นของเรื่องนี้ที่ต้องเจอหนักกว่าใครในเรื่องของจิตใจ ประการแรกที่หนังต้องการจะสื่อคือเรื่องของเพศกับความรับผิดชอบ ในเริ่มแรกเรย์เสียลูกไปและเสียใจจนเก็บไปฝันร้าย ส่วนโจได้แต่ทำใจยอมรับพร้อมกับปลอบใจด้วยการเปิดหูเปิดตาหาโลกส่วนตัวตัดขาดจากสังคมใหญ่เหลือเพียง 2 คนกับเรือลำหนึ่ง แน่นอนว่าดูเป็นการส่วนตัวอย่างมากในการเริ่มต้นชีวิตใหม่

หลังจากฮิวอีได้ขึ้นเรือของโจกับเรย์ด้วยความวิตกก่อนจะเค้าความว่าสาเหตุเกิดจากสมาชิกในเรือที่ตัวเองอยู่นั้นตายด้วยสาเหตุอาหารเป็นพิษ ทั้งยังสร้างความสติแตกกับเขาเนื่องจากตายมาหลายวันจนศพมีสภาพกลายเป็นฝันร้ายที่อยากจะหนีแต่หนีไม่ได้เพราะไม่มีที่ให้ไปนอกทะเลและเรือก็พัง นี้เป็นสิ่งที่ตัวละครนี้บอกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าการจะเชื่อคนแปลกหน้าคือเรื่องที่โจไม่เชื่อใจอย่างแน่นอนและพยายามจะกลับไปดูเรือดังกล่าวเผื่อมีอะไรที่เป็นประโยชน์อยู่บ้าง ทว่าฮิวอีไม่ยินยอมให้โจไปที่เรือนั้นเด็ดขาดเพราะตัวเองกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นจะตามมาหลอกหลอนอีกครั้ง ในจุดนี้เช่นเดียวกับผู้ชมคือการสร้างความน่าฉงนใจเกี่ยวกับเรือที่ฮิวอีหนีมา สิ่งที่บอกจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น  ทำไมถึงห้ามให้ไปดูเรือนั้น และฮิวอีคือคนที่เป็นมิตรหรือเปล่า คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นเฉกเช่นความรู้สึกเดียวกับโจที่ต้องการรับรู้ความจริงด้วยสายตาตัวเอง เมื่อฮิวอีเผลอหลับทำให้โจฉวยโอกาสไปพิสูจน์ความจริง ทว่าความจริงที่ได้รับต้องแลกด้วยการทำให้เขาต้องอยู่บนเรือนั้นเพียงลำพังเพราะฮิวอีได้พาเรือของเขาหนีไปพร้อมกับจับเรย์เอาไว้ด้วยเช่นกัน


ไม่ทันไรหนังเรื่องนี้ได้สอนการไว้ใจอย่าเชื่อใครง่ายๆและที่สำคัญอย่าปล่อยคนที่รักไว้ตามลำพัง ถ้าว่ากันแล้วการเล่าเรื่องก็พอจะเดาได้อยู่บ้างเกี่ยวกับฮิวอีที่ต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่ แต่ไหนเลยจะรู้ว่าจะมาในรูปแบบนั้นที่ทิ้งโจกับเรือที่ใกล้จบและจับเรย์กับขโมยเรือแล่นหนีไป ในการเล่าเรื่องจะแยกเป็น 2 ฝ่ายระหว่างโจกับปัญหาที่ต้องแก้เฉพาะหน้าและเรย์ที่เจอวิกฤตชายโรคจิตยึดเรือและไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ ซึ่งการแยกเล่าเรื่องสลับตัดไปมาคือข้อดีที่ทำให้รับรู้เกิดอะไรขึ้นบ้างจากคนละสถานการณ์และมีการเรียบเรียงได้ดีอีกด้วย เพราะว่าต่างฝ่ายต้องแก้ปัญหาของตัวเอง สำหรับปัญหาของโจเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเพราะไม่ใช่อยู่ลำพังแต่หมายถึงเรือที่กำลังจมอีกด้วย การแก้สถานการณ์ของโจคือการกู้เรือให้กลับมาใช้งานอีกครั้งหนึ่งเท่าที่จะทำได้ แต่ก่อนกู้เรือให้กลับมาใช้ได้อีกครั้งจะเห็นความสมเหตุสมผลอย่างหนึ่งคือการคำนวณเดินเรือ นอกจากต้องแก้ปัญหาด้วยแล้วยังจะต้องใจเย็นพอเพื่อคิดว่าจะทำอะไรก้อนเป็นอันดับแรก กับโจเป็นการบันทึกเดินเรือที่ฮิวอีหนีไปเพื่อใช้ตามตัวได้แม้จะถูกทิ้งห่างไปไกลแล้วก็ตาม ทว่ากว่าจะทำเช่นนั้นได้จะต้องทำยังไงให้เรือใช้ได้อีกครั้ง นี้แหละปัญหาที่ต้องแก้ก่อนเป็นอันดับแรก

เมื่อโจต้องการให้เรือใช้ได้ก็ต้องเจอปัญหาสารพัดอย่างเมื่อเรือมีน้ำเข้าและเครื่องยนต์ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งในฉากนี้จะเห็นความพยายามอดทนที่แก้ปัญหาด้วยความใจเย็นอย่างมีสติ โดยเฉพาะการสูบน้ำในตัวเรือด้วยเครื่องสูบแบบคันโยกที่ไหลออกทีละหน่อย นับว่าน่าเห็นใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวที่ต้องลำบากกับเรื่องไม่ทันตั้งตัว หลังจากน้ำแห้งก็ต้องมาซ้อมเครื่องยนต์ที่จมน้ำให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปคงสติแตกไม่รู้จะเรียงลำดับทำอะไรก่อน อาจจะดูเก่งเวอร์ไปหน่อยถ้าไม่เห็นตอนเปิดเรื่องเพราะจะสังเกตได้อย่างหนึ่งว่าโจเป็นทหารเรือมาก่อน ฉะนั้นนี่จึงเสมือนสถานการณ์เค้นความสามารถออกมาและโจทำได้อย่างมีสติรอบคอบมาก ไม่ใช่แค่โจที่ฉลาดแต่ยังรวมถึงเรย์ที่มีไหวพริบเช่นกัน ในฉากสื่อสารด้วยวิทยุ แต่วิทยุของโจเกิดเสียไม่สามารถพูดออกเสียงได้ จะทำได้แค่ได้ยินเสียงของเรย์เท่านั้น สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่สื่อสารรู้เรื่องคือการทำรหัสสัญญาด้วยการทำเสียงกด โดยเรย์จะเป็นฝ่ายตั้งคำถามที่มีคำตอบแค่สองอย่าง เช่น เสียงกดทีเดียวคือใช่ เสียงกด 2 ครั้งคือไม่ใช่ หรือเสียงกดรัวๆคือกำลังเจอปัญหาบางอย่าง นับเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างว่องไวและฉลาดอีกด้วย


ระหว่างที่โจต้องแก้ปัญหาของตัวเอง ด้านเรย์ก็มีปัญหาที่ต้องระวังด้วยเช่นกัน การได้อยู่กับฮิวอีที่มีสภาพคุ้มดีคุ้มร้ายเพราะอารมณ์แปรปรวนทำให้ต้องระแวงระวังเป็นพิเศษ แม้ว่าฮิวอีจะไม่ทำร้ายเรย์ที่เป็นผู้หญิงก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ทำอะไรเลย ฮิวอีพยายามเข้าถึงเรย์ตลอดเวลาเพื่อโน้นน้าวให้ลืมโจ กระนั้นสิ่งที่ฮิวอีทำจะขัดต่อความสมเหตุสมผลหลายอย่างเพราะบอกเตือนแล้วห้ามยุ่งกับเรือลำนั้นและเขาไม่มีทางเลือกที่ต้องทำแบบนี้ ซึ่งสาเหตุคืออะไรนั้นจะรับรู้ความจริงได้จากโจที่กำลังกู้เรือแล้วพบเงื่อนงำสำคัญนำไปสู่การตายในเรือของคนอื่นๆ แน่นอนว่าเรย์พยายามให้ฮิวอีหันเรือกลับไปรับโจ ทว่าถูกปฏิเสธอย่างง่ายดาย ฉะนั้นสิงที่ทำได้คือจัดการฮิวอีที่คุมเรือผู้นี้ซะ ส่วนจะทำยังไงให้ฮิวอีที่มีความหวาดระแวงให้เชื่อใจต้องให้ลุ้นดูในหนังเอาเอง สิ่งนี้จะทำให้รู้ว่าสภาพของเรย์ไม่ต่างกับผู้เสียสละที่เข้มแข็งและการไล่ล่าในแบบเงียบที่มีเพียงคำว่าซุ้มรอจังหวะ ความพยายามของเรย์ที่จะให้ฮิวอีพ้นจากเรือจะไม่ได้เกิดจากการต่อต้านที่ขัดขืนเสมอไป จะมีทั้งการยินยอม การเสแสร้ง คือจะทำรูปแบบไหนก็ได้ให้ฮิวอีที่ขโมยเรือเชื่อใจจนเผยจุดอ่อนออกมา

Dead Calm มีจุดชอบหลายอย่างโดยเฉพาะการเล่าเรื่อง 2 เหตุการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นพร้อมกันและสลับกันเล่า แม้พล็อตเรื่องจะไม่มีอะไรเลยและหาความสมเหตุสมผลบางเรื่องไม่ค่อยได้ แต่นึกๆแล้วการเปิดเรื่องด้วยปมตัวละครที่สูญเสียลูกช่วยให้มีนัยยะสำคัญซ่อนอยู่ เริ่มจากโจที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องลำบากเพื่ออนาคต จะต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงชีพ ทว่าถ้ามองดีๆจะเห็นว่าสิ่งที่โจต้องเผชิญหรือทำอยู่นั้นมักความสัมพันธ์ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ส่วนจะมีความเกี่ยวข้องกับคนอื่นหรือใครนั้นมักเป็นผลภายหลังเสียมากกว่า ทั้งนี้หน้าที่สำคัญของโจที่ทำหน้าที่พ่อคือการแก้ปัญหาเพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว ในขณะที่เรย์ดำรงตำแหน่งคือแม่ที่มีลูกต้องเลี้ยงดู แต่เกิดอุบัติเหตุจึงทำให้สูญเสียลูกอันเป็นรัก เรย์จึงมองความผิดพลาดนี้เกิดจากตัวเองเป็นคนทำและทุกข์ใจ ความทุกข์ดังกล่าวคือฮิวอีที่เข้ามาก่อกวนเรย์กับโจ สาเหตุที่โจกับเรย์ไม่สามารถเผชิญปัญหาจากฮิวอีร่วมกันได้นั้นมาจากความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากเรย์เพียงคนเดียว โจไม่มีปัญหาในใจแต่มีภาระที่ต้องทำให้คนรักสบายใจ ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ในเรื่องจะเห็นความพยายามของโจด้วยทักษะของตัวเองคนเดียวและยิ่งปัญหาเบาลงก็ยิ่งเข้าใกล้กันมากขึ้นจากเดิมที่เรือทิ้งห่างกัน


ฮิวอีคือปมในอดีตที่เป็นปัญหาของเรย์ ปัญหาดังกล่าวคือการต่อสู้ของเรย์ที่ต้องเอาชนะเพียงลำพัง เสมือนกับการยอมรับการทำให้ลูกต้องตายในอุบัติเหตุ ยิ่งเสียใจมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ปมในใจทิ้งห่างความจริงมากขึ้น สาเหตุที่โจต้องแยกกับเรย์ไม่ใช่แค่เพศหรือหน้าที่ที่ต่างกัน แต่รวมถึงการแบ่งโลกความเป็นจริงกับโลกในอุดมคติด้วย การเอาชนะของเรย์ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องเจอกับความไม่แน่นอนของฮิวอีที่เหมือนกับเรื่องในอดีตที่จะปรากฎมาเมื่อไรก็ได้ ถ้าเสียใจกับเรื่องนั้นมากก็ยิ่งเป็นฝ่ายที่เสียใจและพ่ายแพ้ จนที่สุดเรือจะห่างกันมากขึ้น สัญลักษณ์ของโจคือการต่อสู้จนวินาทีสุดท้ายด้วยการพึ่งพาตัวเอง ขณะที่เรย์คือการยอมรับปัญหาและแก้ไข แน่นอนว่าฮิวอีคือปัญหาตลอดจนถึงปมด้อยที่เรื้อรังจนโตมากพอที่คุกคามความเป็นอยู่ได้ ถึงเนื้อเรื่องจะกระชับไม่มีอะไรที่ว่าแปลกนัก กระนั้นการตีความและการเล่าเรื่องถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร โดยเฉพาะการทำให้ถูกอย่างที่เรียบง่ายกลายเป็นของยาก การวางประเด็นทำได้ดีเพียงแค่ไม่ได้เล่ามุมมองออกมาตรงๆเท่านั้นเอง

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)