Blood and Ties (2013) สายสัมพันธ์แห่งนรก

Blood and Ties (2013) | สายสัมพันธ์แห่งนรก
Director: Dong-Suk Kuk
Genres: Drama | Thriller
Grade: B

ชอบช่วงแรกของหนังมากที่เล่าความสัมพันธ์พ่อลูกได้อย่างสุดซึ้งระหว่างซุนมัน  (Kap-su Kim) และดาอึน (Ye-jin Son) ที่ชีวิตอยู่กันแบบครอบครัวธรรมดาแต่เต็มไปด้วยความทุ่มเทในการให้ โดยเฉพาะพ่อที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ทำทุกอย่างชนิดที่ดาอึนเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันหยุดของพ่อตัวเองที่บอกจะไปตกปลาแต่จริงแล้วไปรับงานเสริม เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความเป็นพ่อที่ปกป้องลูกอย่างเต็มที่อย่างไม่มีวันเหนื่อยหรือท้อแต่อย่างใด ขณะเดียวกันดาอึนก็รักพ่อมากที่สุดในโลกเกินจะหาใครเทียบได้ ความสัมพันธ์ทั้งสองเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและความรักที่มีต่อกันเสมอ ถ้านี้คือหนังรักระหว่างพ่อกับลูกจะต้องประทับใจกันมากแน่ๆ ทว่าในความสัมพันธ์ที่แแน่นแฟ้นด้วยความอบอุ่นต้องสั่นคลอนเพราะหนังเรื่องหนึ่งที่ดาอึนไปดูในโรงมีส่วนที่คล้ายคลึงกับพ่อของตัวเอง หนังที่ว่านั้นสร้างจากเหตุการณ์จริงของคดีลักพาตัวเด็กจนสะเทือนทั้งประเทศ


ช่วงแรกเต็มไปด้วยความน่ารักของซุนมันกับดาอึนที่ชวนให้อิจฉาในความพ่อลูก กับพ่อทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อลูก กับลูกรักพ่อและเคารพเชื่อมั่นในตัวพ่อ ซุนมันทำงานเลี้ยงครอบครัวที่อยู่กินอาศัยกันแค่สองคน ส่วนดาอึนว่างงานและกำลังหางานเป็นอาชีพนักข่าว แต่การหางานตามต้องการไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะยังถูกปฏิเสธ แน่นอนว่าดาอึนรู้สึกเสียใจทั้งที่ทำเต็มความสามารถจนไม่น่ามีอะไรผิดพลาด ซุนมันผู้เป็นพ่อจึงทำได้แค่ปลอบใจลูกสาวตัวเองและคอยช่วยเหลือตลอดเวลาเรื่องการสอบสัมภาษณ์ด้วยการเป็นจำลองเหตุการณ์ขึ้นมา ทุกอย่างดูไม่มีอะไรเพราะชีวิตครอบครัวที่อยู่กินกันแค่สองคนเพียงพ่อกับลูกทำให้มีความผูกพันรักกันดี กระทั่งดาอึนไปดูหนังเรื่องในโรงแล้วรู้สึกสะเทือนใจแปลกๆเกี่ยวกับตัวหนังที่เล่าถึงคดีลักพาตัวที่อิงจากเรื่องจริงที่มีการนำเสียงของคนร้ายตัวจริงมาใส่ในเรื่อง ซึ่งเสียงดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกับเสียงของพ่อตัวเอง รวมถึงประโยคพูดที่พ่อมักใช้ประจำก็รวมอยู่ในนั้นอีกด้วย

หลังจากผ่านความน่ารักของพ่อที่ทุ่มเทเพื่อลูกกับลูกที่รักพ่อได้เปลี่ยนโทนของหนังไปอีกแบบทันทีที่เล่าถึงความซีเรียสของดาอึนที่รู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มแปลกจากเดิมไปหมด โดยเฉพาะการปรากฎตัวของจุนยอง (Hyung-Joon Lim) ชายแปลกหน้าที่รู้จักพ่อของดาอึนกับความลับบางอย่างไม่ยอมพูดเพื่อใช้เป็นเงื่อนไขเอาเงินจากซุนมัน ความลับที่ดาอึนไม่รู้คืออะไรและไม่ยอมเป็นที่เปิดเผยทำให้ต้องหาความจริงเกี่ยวกับพ่อตัวเองว่าปกปิดอะไรไว้กันแน่ ในทางกลับกันคดีที่ใกล้หมดอายุความเกี่ยวกับการลักพาตัวที่ถูกนำมาสร้างหนังที่ดาอึนตะหงิดใจมีส่วนเกี่ยวโยงกันหรือไม่ ความจริงที่พ่อปกปิดแต่บอกปฏิเสธคือคำพูดที่เชื่อใจได้หรือเปล่า ความสัมพันธ์พ่อลูกที่แสนน่าอิจฉากลายเป็นรอยร้าวที่ค่อยๆปริแตกจากความจริงที่รู้มากเท่าไรยิ่งทำร้ายจิตใจมาเท่านั้น


ถ้าจะไม่ชอบตรงไหนก็ตรงที่ดูจงใจและบังเอิญมากไปหน่อยที่เรื่องราวจะลงตัวในทุกอย่าง ช่วงแรกทำได้ดีในการปูความสัมพันธ์พ่อลูกที่รักกันมากแค่ไหน แต่พอเกิดปัญหาขึ้นทำให้ความรักที่มีให้กันเกิดเป็นความไม่ไว้ใจที่เกิดขึ้นในตัวลูกสาวที่ไม่อาจมองพ่ออย่างที่เคยได้ สาเหตุเริ่มขึ้นจากหนังที่สร้างจากเรื่องจริงที่ดาอึนไปดูแล้วนำเสียงข้อความข่มขู่ของจริงมาใช้ ซึ่งเสียงแทบไม่ได้ต่างจากเสียงของพ่อตัวเอง ปมตรงนี้อาจดูไม่สมเหตุสมผลที่เลือกการสร้างประเด็นที่ไม่หนักแน่นพอจะเป็นข้อสงสัยในตัวพ่อแค่เรื่องของเสียงกับประโยคการพูด แต่บทพอที่เสริมความเข้มข้นให้มากขึ้นเมื่อจุนยองเข้าก่อกวนชีวิตพร้อมกับคำพูดที่กำกวมเกี่ยวกับซุนมันที่แท้จริงมันยังไงกันแน่ ส่วนดาอึนที่มีส่วนเห็นในเหตุการณ์ยิ่งสับสนในตัวพ่อที่บางอย่างเข้าเค้าเข้าไปทุกที ที่สำคัญคือความทรงจำวัยเด็กของดาอึนที่นึกๆแล้วมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไม่เชื่อ โดยรวมเรื่องของบทที่บังเอิญไปหน่อยแต่อย่างน้อยการสานต่อเป็นเรื่องราวทำได้น่าสนใจทีเดียว

ประเด็นของ Blood and Ties ต้องการนำเสนอเกี่ยวกับปัญหาสังคมอย่างหนึ่งเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเด็กจนเป็นที่ถกเถียงในเรื่องคดีที่สมควรมีหมดอายุความหรือไม่ นั้นเพราะตราบใดที่คนร้ายยังไม่ถูกจับมาลงโทษก็ควรจะมีผลต่อไปเพื่อไม่ให้คนร้ายกลับมามีอิสระ ประเด็นนี้ได้ถูกโยงไปถึงคดีลักพาตัวเด็กที่สุดท้ายเด็กตายอย่างน่าสลดใจพร้อมกับสะเทือนจิตใจใครหลายคนไปด้วย ซึ่งคดีนี้ใกล้หมดอายุความที่อยู่ได้อีกไม่กี่วัน ในจังหวะนี้จะได้เห็นการทำงานของตำรวจที่พึ่งมาเอาจริงเอาจังตอนคดีใกล้ปิดที่ชี้ให้เห็นถึงความเรื้อรังที่ปล่อยเอาไว้นานเกือบ 15 ปี ไม่ว่าจะเรื่องของคดีหรือการทำงานของตำรวจทำให้เห็นถึงความบังเอิญที่โยงใยไปถึงดาอึนที่เติบโตหางานทำแต่ไปสะดุดเพราะหนังที่สร้างจากเหตุการณ์จริงคดีลักพาตัวเด็กแล้วฆ่าที่ใช้เสียงของคนร้ายตัวจริง อีกทั้งเป็นช่วงเวลาที่พ่อตัวเองปกปิดความลับจนดาอึนสืบหาความจริงได้ทีละเล็กทีน้อย ความจริงที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้เปลือกของพ่อที่รักลูกสาวตัวเองว่าเก็บงำอะไรไว้บ้าง


เป็นหนังที่ชวนให้รู้สึกหดหู่ไม่น้อยที่ทีแรกเต็มไปด้วยความรักอันแสนซาบซึ้งในพระคุณ แต่พอไปได้สักพักใหญ่จะเริ่มเห็นด้านมืดของความเป็นพ่อที่ปกปิดความลับเอาไว้มากมายจนแทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้ ความลับที่ปิดเอาไว้มีผลต่อดาอึนอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะเรื่องในวัยเด็กที่เป็นช่วงเวลาที่แสนงดงาม ทว่าคือเบื้องหน้าที่แท้จริงเบื้องหลังเก็บความโหดร้ายเกินคาดเดาเอาไว้ ในเรื่องจะเห็นดาอึนสืบหาความจริงเกี่ยวกับพ่อตัวเองที่ยิ่งรู้ยิ่งเจ็บปวด ขณะเดียวกันความสัมพันธ์พ่อลูกที่เชื่อใจกลายเป็นความสั่นคลอนที่ไม่อาจไว้ใจกันได้อีกเพราะความลับที่ไม่ยอมบอก กระนั้นถึงทุกอย่างจะเปิดเผยเกือบหมดแต่บทของความเป็นพ่อยังส่งผลให้ผู้ชมเชื่อใจว่าคือคนดี สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นความบังเอิญเพราะสิ่งที่ยืนยันว่าคือฆาตกรลักพาเด็กนั้นบอบบางเกินจะใช่

ในช่วงสุดท้ายจะเป็นการวัดดวงว่าใช่หรือไม่ใช่ฆาตกรที่ตามล่ากันแน่ ฉะนั้นในห้วงสุดท้ายจะเต็มไปด้วยการลุ้นข้อพิสูจน์ที่ให้ทั้งความเจ็บปวดและตื้นตันใจของดาอึนที่ผิดหวังในตัวพ่ออย่างสูงจนผิดหรือถูกก็ยังเสียใจต่อเรื่องที่แล้วมา เฉกเช่นเดียวกันในมุมของซุนมันหรือพ่อของดาอึนคือคนที่ใสซื่อที่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูก การจะมองเป็นคนลักพาตัวเด็กแล้วฆ่าอาจเป็นไปไม่ได้กับคนที่อุทิศเพื่อลูกตัวเองขนาดนี้ แต่ความจริงจะเป็นเช่นไรต้องบอกก่อนว่าไคล์แม็กซ์ทำได้ถึงอารมณ์ความเจ็บปวดพอสมควร กระนั้นน่าเสียดายที่ตัวหนังเน้นมากไปหน่อยเกี่ยวกับปมในตัวซุนมันทำให้ตอนจบพลังเหมือนหมดไปก่อน ที่น่าชื่นชมคือการเคลียร์ทุกปมทุกประเด็นให้กระจ่างชัดในฉากสุดท้ายของเรื่องที่เล่าย้อนเหตุการณ์ว่าจริงๆเกิดจากอะไรและอะไรเป็นแรงจูงใจให้ทำสิ่งนั้น นับเป็นการจบทั้งน้ำตาที่รู้ความจริงก็บอกแน่ชัดไม่ได้ว่าจะเกลียดหรือรักพ่อได้ คำถามคือจะเลือกพ่อในอดีตหรือปัจจุบัน

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)