Inferno (1980) อาถรรพณ์อำมหิต

Inferno (1980) | อาถรรพณ์อำมหิต
Director: Dario Argento
Genres: Horror
Grade: B-

ภาคต่อ Suspiria (1977) ที่มาพร้อมกับคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแม่มดที่ชั่วร้ายที่ไม่ได้มีแค่ตนเดียว แต่มีทั้งหมดถึง 3 คนผ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Three Mothers ซึ่งโรส เอลเลียต (Irene Miracle) ได้หนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญและได้อ่านจนพบว่าแม่มดทั้งสามคือพี่น้องที่กระจัดกระจายตามสถานที่ต่างๆ โดยพี่ใหญ่สุดคือแม่มดแห่งความโหยหา (Mother of Sighs) ตั้งอยู่ที่ไฟร์บวร์ก คนรองคือแม่มดแห่งน้ำตา (Mother of Tears) ตั้งอยู่ในกรุงโรม และคนเล็กสุดคือแม่มดแห่งความมืด (Mother of Darkness) ตั้งอยู่ที่นิวยอร์ค


โรสได้อ่านหนังสือปริศนาเล่มนั้นและพบว่าผู้เขียนกำลังอธิบายตัวตนและความชั่วร้ายของสามพี่น้องแม่มด ซึ่งใจความสำคัญได้กล่าวถึงที่อยู่ของแม่มดที่ตนสร้างด้วยความสำนึกผิด ทำให้โรสเกิดข้อสงสัยและตามสืบหาความจริง แล้วสิ่งที่พบคือโรงแรมที่เธออยู่นั้นเป็นของแม่มดแห่งความมืดที่ทรงพลังที่สุดในหมู่พี่น้องแม่มดทั้งสาม ทว่าความจริงนี้ทำให้โรสหายตัวไป ดังนั้นมาร์ค เอลเลียต (Leigh McCloskey) พี่ชายโรสจึงเดินทางจากกรุงโรมมานิวยอร์คเพื่อตามหาน้องสาว แล้วที่แห่งนั้นทำให้เขาต้องพบกับเหตุการณ์สุดสยองขวัญที่นึกไม่ถึงมาก่อน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือภาคต่อและสร้างโดยผู้กำกับ Dario Argento เพราะสิ่งที่เห็นชัดเจนมากที่สุดคือการออกแบบ ยิ่งแสงสีเสียงอันเป็นลักษณ์ก็เพียงพอให้ความน่ากลัวไม่น้อย ทว่าทุกอย่างดูจะอ่อนด้อยลงไปมาก ทั้งองค์ประกอบ การเล่าเรื่อง และจังหวะ ทำให้ความคาดหวังที่จะมาแบบเต็มสูบชวนสะพรึงต้องเป็นอันผิดหวังอยู่บ้าง แต่ต้องยอมอย่างหนึ่งว่าเป็นภาคต่อที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ซึ่งตอนนั้นตัวผู้กำกับมีสุขภาพที่ไม่สมบูรณ์จากโรคตับอักเสบ


แม้องค์ประกอบจะไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ทว่ามีความพยายามจัดฉากต่างๆให้ชวนลึกลับน่าค้นหา ยิ่งโครงสร้างของโรงแรมยิ่งรู้สึกลึกลับซับซ้อน มีหลายสิ่งหลายอย่างน่าสำรวจ แต่น่าเสียดายที่ความน่าสงสัยนี้ไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ ทำให้โรงแรมของแม่มดดูธรรมดา ไม่ได้น่ากลัวหรือน่าขนลุกอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่เปิดเรื่องด้วยการเล่าถึงแม่มดและสถานที่ ซึ่งควรจะมีอะไรที่เชื่อมโยงมากกว่านี้ แต่ที่สุดไม่ได้สำคัญหรืออธิบายเพิ่มเติมสักเท่าไรเลย

ด้านงานศิลป์จะลดน้อยลงก็ใช่ว่าความสยองขวัญจะลดตามไปด้วย ซึ่งต้องยอมว่ามีความโหดพอสมควรในบางฉาก โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยง ตัวอย่างเช่นแมวที่ถูกจับใส่ถุงกระสอบแล้วไปทิ้งลงแม่น้ำ การกระทำของตัวละครเต็มไปด้วยความเลือดเย็น ไม่สนเสียงร้องของแมวหรือความเจ็บปวดทรมานแต่อย่างใด ฉะนั้นคนรักสัตว์ต้องรู้สึกเจ็บปวดกับฉากนี้แน่นอน ทว่าระหว่างนั้นจะมีฉากเอาคืนที่ให้อารมณ์ทั้งเหวอทั้งขยะแขยงในเวลาเดียวกัน น่าจะเป็นฉากที่น่ากลัวและน่าเวทนาที่สุดในเรื่องแล้ว


สิ่งที่น่าสนใจคือวิธีเล่าเรื่องที่เดาไม่ถูกเกี่ยวกับชะตากรรมของตัวละคร เพราะตัวละครบางตัวทำให้เกิดความผูกพันกับผู้ชม แต่สุดท้ายตัวละครเหล่านั้นถูกฆ่าในลักษณะที่ไม่ควร ทำให้แรงเชียร์ให้รอดพ้นอันตรายกลายเป็นเรื่องหดหู่ ดังนั้นการให้เป็นไปตามสูตรอาจจะผิดที่ผิดทางกับหนังเรื่องนี้ แต่ส่วนตัวค่อนชอบลักษณะนี้ที่พยายามให้ความสำคัญกับตัวละคร เพราะยิ่งให้ความรู้สึกมากก็ยิ่งเจ็บปวดมาก ทำให้ดูสมกับแม่มดที่ร้ายกาจที่สุดในหมู่พี่น้องทั้งสาม

Inferno อาจจะเล่าเรื่องช้าและเรื่อยๆกับการหาความจริง แต่ระหว่างทางจะพบกับความพิศวงของอำนาจแม่มดที่ไม่ธรรมดา แม้จะดูเป็นการฆาตกรรมมากกว่าใช้พลังเหนือธรรมชาติ แต่เป็นพลังที่สมจริงจนดูใกล้ตัว อีกทั้งให้ความสงสัยเกี่ยวกับแม่มดมีจริงหรือไม่ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนล้วนไม่เหมือนการกระทำของแม่มดที่ต้องเสกคาถาร่ายมนต์ ในแง่ความสมจริงนับว่าระทึกและอึดอัดพอสมควร จะเสียดายแค่ตัวตนที่แท้จริงของแม่มดกับการที่เฉลยง่าย มิหนำซ้ำตอนจบยังห้วนๆมาไม่กี่นาทีก็จบ


ปล.แม้จะมีเพียงแม่มดแห่งความมืด แต่ฉากห้องเรียนดรตรีได้ปรากฏผู้หญิงลึกลับที่หนังไม่บอกรายละเอียดว่าคือใครกันแน่(เล่นโดย Ania Pieroni) แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือห้องเรียนดังกล่าวอยู่ที่กรุงโรม ความน่าจะเป็นคงไม่พ้นแม่มดแห่งน้ำตา ซึ่งถ้าใช่จะเป็นการใส่ Easter egg ที่น่าสนใจและนำพาไปสู่ The Three Mothers Trilogy ที่มีจุดเชื่อมโยงเข้าหากันได้

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)