Evil Dead Rise (2023) | ผีอมตะผงาด | C+
Director: Lee Cronin
Genres: Horror
กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปนานเลยกับหนังชุด Evil Dead เพราะครั้งล่าสุดคือ Evil Dead (2013) ที่อยากให้มีภาคต่อเพื่อมาประชันบทกับแอช (Bruce Campbell) ที่เป็นพระเอกและศัตรูคู่อาฆาตเหล่าภูตผีวิญญาณร้าย แต่กลับมาในจักรวาลของตัวเองในซีรีส์ Ash vs Evil Dead (TV Series 2015–2018) ที่แสนตลกร้าย
สำหรับภาคนี้มีความแปลกใจอยู่อย่างสองอย่างคือการเล่าเรื่องที่ง่ายและสูตรสำเร็จจนจำเจเลยก็ว่าได้ แทบไม่ต้องคิดมากเกี่ยวกับตัวละครที่ใครอยู่ใครตาย จึงเกิดความน่าเสียดายที่อยากให้เกิดการพลิกคนที่น่ารอดกลับต้องตายประมาณนั้น แต่นี่มีตัวละครเด็กน้อยที่นึกแล้วเชียวว่าต้องเป็นเช่นนั้น
แม้จะง่ายจนเหมือนกินของเก่า แต่ในเมื่อจุดขายหรือเอกลักษณ์ของหนังชุด Evil Dead ยังไม่หมดมนต์ขลัง พล็อตคนเจอหนังสือแห่งความตาย ความอยากรู้อยากเห็นจึงอ่านออกเสียงหรือเปิดจากแผ่นบันทึกเสียง โดยไม่รู้เป็นการปล่อยภูติผีวิญญาณร้ายออกมา ในครั้งนี้ผู้รับเคราะห์คือครอบครัวหนึ่งในอะพาร์ตเมนต์
สิ่งที่แตกต่างจากเดิมคือสถานที่ที่ไม่ใช่ในป่าอีกต่อไป ทีแรกคิดว่าฉากเปิดคือจุดเริ่มต้น กลับกลายเป็นวันหลังเกิดเหตุ แม้จะเข้าใจการเชื่อมโยงเรื่องราวที่มาผูกในตอนจบ แต่แอบสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรที่มากกว่าทำให้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ หรือไม่
สิ่งที่ชอบในต้นเรื่องคือความคุ้นเคยจากมุมกล้องและการการันตีความโหด แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความอลังการชื่อหนังที่ขึ้นได้ถูกจังหวะและชวนให้สะพรึง (หากมีรางวัลการปรากฏชื่อหนังคงต้องมอบให้เลย)
สถานที่เกิดเหตุคืออะพาร์ตเมนต์ ซึ่งโฟกัสไปที่ครอบครัวหนึ่งที่บังเอิญไปพบหนังสือแห่งความตาย แล้วปลุกวิญญาณร้ายอย่างไม่ตั้งใจ แน่นอนว่าเข้าสูตรสำเร็จกับฉากพุ่งเข้าใส่ใครสักคนเพื่อสิงร่าง จากนั้นความสยองขวัญจึงเริ่มต้นและทวีคูณความเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ
อย่างแรกคือการันตีเรื่องความโหดที่รุนแรง ทุกอย่างพร้อมใส่พร้อมละเลงเลือดเนื้อได้ตลอด ความไม่ลังเลที่จัดการได้ทันทีจึงทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ตัวละครพร้อมตายได้เสมอ แม้จะมีตัวละครเด็กยังไม่เว้นสิทธิ์ให้รอด ฉากที่ชอบมากและเจ็บปวดคือใช้อุปกรณ์ขูดซีสมาขูดเนื้อที่ขา แค่เห็นยังรู้สึกเสียวขา
อย่างที่สองคือเนื้อเรื่องเบาหวิว มีความเข้าใจง่ายแบบไม่ต้องตีความให้รบกวนสมอง ถ้าอยากตีความนั่งวิเคราะห์แล้วแต่ความสะดวก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความคลุ้มคลั่งที่ต้องการฆ่าเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการเอาตัวรอดและความอึด
จริงที่ว่าความสยองขวัญมาเต็มที่มาก แต่บางครั้งดูขัดใจกับพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่น่าทำเช่นนั้น หรือจะปีศาจที่เดี๋ยวเก่งเดี๋ยวอ่อน ยิ่งตอนท้ายยิ่งแปลกใจที่ทำให้ดูน่ากลัว (เหมือนดูหนัง The Thing ที่ร่างกายนำมารวมร่างกัน) ทว่าไม่ได้ช่วยให้แกร่งขึ้นเลย กลับกลายเป็นฉากให้ตัวละครโชว์ของใช้ปืนกับเลื้อยไฟฟ้าที่เป็นไอคอนของหนัง Evil Dead
ส่วนตัวชอบภาคนี้แบบไม่เต็มปาก เพราะไม่ค่อยมีสิ่งที่น่าจดจำหรือธรรมดาไปบ้าง แม้จะหยิบบรรยากาศและฉากที่คุ้นเคยมาดัดแปลงให้ดุดัน แต่ยังรู้สึกไม่ตราตรึงใจสักเท่าไร คล้ายกับทุ่มไปกับความรุนแรงให้ได้ปริมาณมาก ซึ่งสิ่งที่ได้คือความบันเทิงหฤโหดที่ขาดความพิเศษ
ยกเว้นเป็นคนไม่คิดอะไรมากและชอบความสยองขวัญเพียวๆอยู่แล้ว รับรองว่าเต็มที่กับความรุนแรงที่ได้เลือดได้เนื้อและบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจแน่นอน