Shin Kamen Rider (2023) | A-
Director: Hideaki Anno
Genres: Action | Adventure | Drama | Fantasy | Sci-Fi
ทาเคชิฮอนโก (Sôsuke Ikematsu) ถูกองค์กรช็อคเกอร์ผ่าตัดร่างกายให้เป็นมนุษย์ดัดแปลง ต่อมาได้รับการช่วยเหลือจากรุริโกะ มิโดริคาวะ (Minami Hamabe) ที่เคยทำงานให้องค์กรช็อคเกอร์แล้วเปลี่ยนใจเป็นปรปักษ์เพราะความชั่วร้ายขององค์กร ซึ่งเขาเห็นด้วยและตัดสินใจต่อสู้ในฐานะ“คาเมนไรเดอร์ หมายเลข 1”
สมัยเด็กได้ดูแล้วรู้สึกสนุกจนติดงอมแงม แต่ไม่เคยรู้เรื่องจำนวนตอนหรือความสัมพันธ์ตัวละครสักเท่าไร รู้เพียงแค่ใครคือพระเอกที่แปลงร่างได้กับตัวร้ายที่เปลี่ยนทุกตอน พอกลับไปดูอีกครั้งพบว่ายังคงสนุกอยู่บ้าง แต่ด้วยวัยที่เปลี่ยนไปจึงรู้สึกแตกต่างออกไป ที่น่าตกใจคือมีจำนวน 98 ตอน ซึ่งไม่น่าดูถึงครึ่งเพราะกระจัดกระจายไปดูกับคาเมนไรเดอร์อื่นๆ ในยุคนั้น
สำหรับฉบับหนังที่ผ่านมือผู้กำกับ Hideaki Anno ทำให้หลายอย่างสมเหตุสมผลเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยการหาคำอธิบายต่างๆ มารองรับให้ยังพอมีหลักการ (แม้จะปลอมๆ ก็เถอะ) ในทางกลับกันไม่สมเหตุสมผลตามต้นฉบับเพื่อความบันเทิงและย่อยง่าย ดังนั้นจะไม่รู้สึกเป็นการพยายามฉีกแนวจนเกินไป
ชอบความไม่เรื่องมากกับการต่อสู้เพื่อทลายองค์กรช็อคเกอร์ พล็อตเดินเป็นเส้นตรงที่ไม่ต้องซับซ้อนอะไรมาก บทพูดอาจจะฟังประดิดประดอยไปสักหน่อย คล้ายแฝงปรัชญาที่ให้ข้อคิดเรียบง่ายและยากตามความเป็นจริงของโลก ประมาณว่าใครอ่อนแอต้องเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งกว่า แต่ความยุติธรรมควรเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย
สิ่งที่ชอบเป็นอันดับต้นคือการทำให้สมจริงกับพลังของมนุษย์ดัดแปลง การต่อยหรือเตะให้ความรุนแรงอย่างที่ควรเป็น การได้เห็นคาเมนไรเดอร์ต่อยจนเลือดพุ่งกระจาย หรือเตะจนปลิวว่อน ไม่เว้นแม้แต่การถีบที่เสมือนท่าไม้ตายจนเท้าฝังเข้าไปในร่างกาย ในมุมมองของเด็กอาจรู้สึกสยองขวัญ แต่กับใครที่ก้าวข้ามความสดใสมาแล้วจะรู้สึกสะใจเป็นพิเศษ
คงไม่แปลกใจที่กลุ่มคนที่สนใจจะเป็นเด็กหนวดหรือเด็กที่เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ หลายสิ่งยังคงคอนเซ็ปต์เดิมและเพิ่มรายละเอียดให้การเล่าเรื่องกระชับเข้าใจง่าย มีขัดใจเล็กน้อยในช่วงสุดท้ายที่ต่อสู้ไม่เร้าใจเหมือนที่ผ่านมาก เมื่อเทียบการต่อสู้ระหว่างคาเมนไรเดอร์ หมายเลข 1 กับหมายเลข 2 และฉากไล่ล่าในอุโมงค์คือมันส์มาก
อาจรู้สึกแปลกในบางครั้งที่ถ่ายอารมณ์ได้ทื่อไปหน่อย แต่สัมผัสได้ถึงความเท่แต่ละครั้งที่ต่อสู้ โดยเฉพาะช่วงเปิดตัวที่ต้องสู้กับมนุษย์ดัดแปลงแมงมุมกับมนุษย์ดัดแปลงค้างคาว ซึ่งไม่มีการดึงเวลาให้ยืดยาว บทจะพิฆาตคือจัดการทันที ความเรียบง่ายที่ดูน้อย แต่ได้มากทางอารมณ์จึงทำให้ชีวิตในวัยผู้ใหญ่กลับมาไม่มีเบื่อแบบในวัยเด็กอีกครั้ง
