Pet Sematary (1989) กลับมาจากป่าช้า

Pet Sematary (1989) | กลับมาจากป่าช้า
Director: Mary Lambert
Genres: Fantasy | Horror | Thriller

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ดัดแปลงมาจากนิยายของ Stephen King ที่มีตัวเขาโดดลงมาเขียนเป็นบทหนังให้กับมือแถมยังแสดงในเรื่องเป็นตัวประกอบในบทบาทหลวงที่โผล่มาให้เห็นแวปๆอีกด้วย จึงไม่แปลกใจที่กลิ่นอายของหนังจะหนักแน่นทางความรู้สึกมากกว่าจะบอกว่านี่คือหนังสยองขวัญเพียวๆตามตลาด โดยเนื้อเรื่องได้เกิดขึ้นที่ครอบครัวหนึ่งย้ายบ้านมายังที่สงบจากผู้คนโดยมีหลุยส ์(Dale Midkiff),ราเชล (Denise Crosby) ภรรยาของเขา พร้อมลูกอีก 2 คน คือเอลลี่ (Blaze Berdahl) และเกจ (Miko Hughes) ทั้งครอบครัวต่างมาอาศัยที่บ้านใหม่อย่างสงบราวนั่งติดกับธรรมชาติ และเผอิญแถวนั้นมีเพื่อนบ้านอยู่คนหนึ่งใกล้ๆ คือจัดด์ แครนดอล (Fred Gwynne) เป็นตาลุงอยู่บ้านตรงข้ามที่อยากเข้ามาทำความรู้จักเช่นฉันท์มิตร ทั้งยังอาสาของทัวร์เล่ารายละเอียดสถานที่แห่งนี้ว่าเป็นยังไงมายังไงบ้าง รวมถึงข้อควรระวังเกี่ยวกับถนนที่มีรถบรรทุกวิ่งเร็วตลอดสาย และจัดด์ได้ให้ความสนใจไปกับการเล่าเรื่องสุสานสัตว์ที่เป็นแหล่งรวมศพสัตว์เลี้ยงต่างๆมากมายมารวมเอาไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ตายเพราะอุบัติเหตุจากถนนเส้นดังกล่าวที่มีรถบรรทุกวิ่งด้วยความเร็วตลอดสาย


แต่เหมือนเรื่องเล่าจะยังไม่จบเมื่อจัดด์เล่าต่อไปอีกเกี่ยวกับสุสานอีกที่หนึ่งที่อยู่ใกล้ๆที่มีความแตกต่างจากสุสานทั่วๆไปตรงที่มีคำสาปสถิตซ่อนอยู่จากชาวอินเดียแดงเมื่อนานมาแล้ว ทว่าจัดด์เล่าเรื่องนี้ให้หลุยส์ฟังเท่านั้นเพื่อไม่ให้เด็กๆรู้สึกกลัวที่อาจจะต้องเสียแมวที่น่ารักน่าหวงไป โดยสุสานแห่งนั้นมีเรื่องเล่าอยู่เกี่ยวกับการคืนชีพสิ่งที่ตายไปแล้วให้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ซึ่งจัดด์ยังบอกต่ออีกว่าที่แห่งนี้เคยเกิดเรื่องเช่นนั้นมาก่อนจริงๆ ที่แห่งนี้เคยมีการการคืนชีพเกิดขึ้นมาได้อย่างที่เขาลือกัน ทว่าสิ่งที่นำไปฝังแล้วขอให้กลับมามีชีวิตอย่างเดิมนั้นถูกเปลี่ยนไปให้กลายเป็นปีศาจ

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเมื่อแมวที่เลี้ยงเอาไว้เกิดจากตายเพราะน่าจะถูกรถชน นั้นจึงเป็นสาเหตุที่หลุยส์ขอจัดด์ช่วยเรื่องสุสานอย่างว่าว่าจะเป็นจริงได้ไหมถ้านำไปฝังที่นั้นแล้วมันจะกลับคืนชีพ ทว่าแมวที่ตายไปแล้วได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งแต่มันไม่ได้เหมือนเดิมอย่างเคย ทั้งนิสัย พฤติกรรม กลายเป็นสัตว์ดุร้ายที่จ้องจะหาเรื่องตลอดเวลา และยังไม่หมดเมื่อความโชคร้ายได้มาเยือนถึงครอบครัวหลุยส์ให้ประสบชะตากรรมที่เลวร้ายอีกครั้งกับถนนเส้นนี้กับครอบครัวของเขา


เนื้อเรื่องช่วงแรกๆก็ประมาณเท่านี้ เป็นการเกริ่นตำนานท้องที่ให้ฟังพร้อมกับเปิดความลับเหลือเชื่อชวนสยองไปในตัว ซึ่งคาดว่าผู้ชมคงเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าหลังจากช่วงแรกของหนังผ่านพ้นไปจะต้องประสบอะไรบ้างตามสูตรเหตุการณ์ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลของหนังที่ไม่มีอะไรมากเมื่อเรื่องเล่าได้เกิดเหตุไม่คาดฝันจนนำไปสู่เรื่องราวที่แสนน่ากลัวตามฉบับความอยากทดลองของตัวละคร ซึ่งการจะนำมาพามาสู่เหตุการณ์นั้นได้จำต้องให้ผู้ชมรู้สึกประสบปัญหาความรู้สึกเช่นเดียวกับที่ตัวละครรู้สึกว่าต้องเจออะไร จากในเรื่องล้วนเป็นครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างมีความสุข

ทุกอย่างดูราบรื่นไปได้สวยราวหาเหตุผลได้ยากว่าจะเกิดเรื่องราวน่ากลัวเกิดขึ้นได้ สำหรับครอบครัวนี้จะมีหลุยส์เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นคนที่กำลังมีความสุขกับลูกๆ ส่วนราเชลก็ไม่ต่างกันแต่ก็ยังมีปมในใจแอบซ่อนอยู่ราวกับว่าถ้าประเด็นนี่เปิดออกมาจะกลายเป็นจุดเด่นของหนังที่น่าสนใจไปทันที นับว่าในเรื่องของเนื้อเรื่องไม่ได้ปล่อยให้เว้นว่างเพราะเรื่องเดียวเป็นหลักเพราะยังมีเรื่องเล็กๆที่ติดตัวละครมาคล้ายจะสื่อถึงความรู้สึกเอาไว้ให้ผู้ชมมองว่าเป็นตัวละครมีปมขัดแย้งกับตัวเองพอสมควร ดังนั้นจึงมีการสื่อหลากหลายแง่มุมซ่อนอยู่ถึงเบื้องลึกจิตใจคนทั้งแง่ร้ายและลบชวนให้น่าติดตาม


นอกจากจะเป็นนิยายขายดีมากแล้วยังเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ Stephen King เขียนเรื่องจากประสบการณ์ชีวิตจริงพร้อมยังบอกด้วยว่าเป็นเรื่องที่ตัวเองเขียนด้วยความกลัว เพราะในชีวิตของเขามักประสบการย้ายบ้านอยู่บ่อยๆจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บ่อยครั้งจะได้ยินตำนานเรื่องเล่ามากมายจากชนพื้นที่ ซึ่งล้วนแล้วเอาส่วนหนึ่งมาปรับให้เป็นนิยาย และเนื้อเรื่องเกี่ยวกับถนนในเรื่องนี้ก็รวมอยู่ด้วยเช่นกัน โดยเรื่องราวมีอยู่ตอนที่อาศัยเมืองอาร์ลิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ช่วงนั้นเกิดอุบัติเหตุกับแมวตัวน้อยของลูกสาวของเขาตายในทางหลวง จะว่าเสมือนเหตุการณ์ของเอลลี่ที่เลี้ยงแมวแล้วตายเพราะถนนหน้าบ้านไม่มีผิด หรือจะการที่มีเพื่อนบ้านเป็นผู้สูงอายุที่อยู่ตรงข้ามเป็นจัดด์ แม้กระทั่งเรื่องของสุสานสัตว์เลี้ยงที่มีอยู่ในป่าหลังบ้านตัวเอง ซึ่งถูกดัดแปลงมาเป็นพื้นฐานของชีวิตตัวละครในเนื้อเรื่อง ไม่ใช่แค่นั้นถ้ามองลึกลงไปอีกเราอาจจะได้เค้าความเกี่ยวกับจิตใจของลูกสาว Stephen King ว่าต้องการอะไรหลังจากแมวที่ตัวเองเลี้ยงตาย ทว่าการตายของแมวถูกเก็บเป็นความลับจากผู้เป็นพ่อที่ไม่อยากให้ลูกต้องกังวลใจจนเกินเลย ดังนั้นแล้ววิธีที่น่าลองเสี่ยงคือการทำตามตำนานที่จัดด์เล่าให้ฟัง

แน่นอนว่าครั้งแรกจัดด์เหมือนจะไม่คิดอะไรมาก ซ้ำยังคล้ายอยากให้ทำเสียด้วยซ้ำไป แต่แล้วทำไมล่ะในเมื่อจัดด์เป็นผู้รู้ดีว่าจะเกิดผลลัพธ์อะไรทั้งที่ตัวเองเคยลองกับมือมาก่อนเมื่อครั้งอดีต คงเป็นเพราะเป็นสัตว์ตัวเล็กที่ยากจะบอกว่าอันตรายเกินไปถ้ามันฟื้นคืนมาจริงๆ และอดีตไม่ได้ซ้ำรอยตามที่เขาน่าจะคิดเอาไว้ ใช่แล้วเมื่อครั้งอดีตของจัดด์เคยนำสุนัขของตัวเองไปฝังที่แห่งนั้นก่อนภายหลังจะมารู้อีกทีว่ามันฟื้นคืนชีพมาได้เพราะคำสาปจากตำนานสุสานแห่งนั้น ทีแรกสุนัขของเขาสามารถกลับมาบ้านอย่างถูกทางแต่พอมาถึงกลับไม่ใช่สุนัขตัวก่อนที่คุ้นเคยเพราะเต็มไปด้วยความดุร้าย(จุดประเด็นนี้ถือเป็นส่วนคล้ายๆในนิยายของ Stephen King เรื่อง Cujo อยู่ด้วย) ถ้าสุนัขนั้นอันตรายแต่ถ้าเป็นแมวคงไม่เท่าไหร่ แถมยังคิดเสียด้วยว่านี่ถือโอกาสเปิดหูเปิดตาให้หลุยส์ได้พิสูจน์กับตาตัวเอง


หลังจากเตือนภัยอันตรายจากถนนเส้นหน้าบ้านก็ไม่วายเจอเรื่องสัตว์เลี้ยงตายข้างถนนที่กลายเป็นแมวของครอบครัวที่พึ่งเข้ามาใหม่ พอจากนั้นนำไปฝังตามสุสานที่อยากทดลองจนแมวตัวนั้นกลับมาหาแต่ไม่ใช่ตัวเดิมที่คุ้นเคยอีกครั้งราวกับเกลียดชังคนที่ทำให้ตัวเองกลับมาจากความตาย(สังเกตเอาจากแมวที่ไม่ถูกกับหลุยส์ พอมากับคนอื่นดูเป็นปกติซะอย่างงั้น) ในทางเนื้อเรื่องถึงจุดนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะเกิดอะไรขึ้นมากนักเพราะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มองย้อนกลับไปนี่ถือเป็นการฝืนธรรมชาติอันไม่ควรอย่างยิ่ง บางทีการยอมรับชะตากรรมว่าตัวเองตายยังดูมีค่ามากกว่ารู้ว่าตัวเองตายแต่ไม่ตาย ซึ่งการชุบชีวิตเจ้าแมวตัวนี้ไม่มีใครรู้เรื่องราวว่าตายไปแล้วทั้งราเชลกับลูกๆไปเยี่ยมพ่อแม่ และหลุยส์อยู่บ้านคนเดียวนั่งสนทนากับจัดด์ แล้วบังเอิญว่าเอลลี่มีญาณพิเศษเกี่ยวกับความฝันของตัวเธอเองที่รับรู้ได้ว่าแมวตัวเองตายไป ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะเครียดเรื่องนี้เอามากและเป็นหน้าที่ของพ่อที่ไม่อยากให้ลูกตัวเองต้องกังวลใจจึงทำให้แมวสุดที่รักมีชีวิตต่อไปดีกว่านั่งบอกลูกให้ยอมรับความจริงว่าเป็นวิถีของชีวิตที่ล้วนต้องตาย เหมือนเรื่องจะไม่หมดแค่นั้นเมื่อเรื่องเกี่ยวกับถนนได้พรากชีวิตคนสำคัญของครอบครัวไปอย่างต่อหน้าต่อตาเพราะความประมาท คนนั้นคือเกจลูกคนสุดท้อง

ถ้าผู้ชมเค้าความเรื่องตัวละครได้จะเห็นว่ามีเล่นกันเด่นจริงๆแค่หลุยส์,จัดด์ และเอลลี่ ในขณะที่อีกสองอย่างราเชลกับเกจไม่ได้โดดเด่นจนน่าสนใจไปกว่าการบอกถึงสถานะครอบครัวที่อยู่กันอย่างอบอุ่น แต่พอช่วงแรกของเรื่องแมวได้จบลงไปก็กลายเป็นว่าเส้นถนนอันตรายยังไม่จบลงแค่ชีวิตสัตว์เลี้ยงเพราะครั้งนี้รวมถึงคนในครอบครัว เมื่อเกจตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้หลุยส์เศร้าเสียใจอย่างหนักเพราะคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ประมาทปล่อยปละละเลยให้ลูกเดินเล่นมากเกินไปจนถึงบนถนนได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องย้ายบ้านกันอีกครั้งหนึ่ง ทว่าหลุยส์ยังไม่ขอกลับไปไหนจนกว่าจะทำใจได้ มาจุดนี้คาดว่าผู้ชมคงนึกออกแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ใช่เลย หลุยส์จะนำเกจไปฝังที่สุสานแห่งนั้นเพื่อให้กลับมีชีวิตอีกครั้ง และแล้วเรื่องราวน่าสะพรึงกลัวได้เกิดขึ้นเมื่อเกจลูกน้อยไม่ได้มาให้น่ารักน่ากอดอีกต่อไป ส่วนราเชลที่กลับไปบ้านพ่อแม่ของตัวเองเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีจึงย้อนกลับไปหาหลุยส์อีกครั้งที่ซึ่งจะได้พบกับเกจก่อนหลุยส์เสียอีก แล้วความสยองได้เริ่มขึ้นจากตรงนั้นจากการยอมรับปลงใจไม่ได้แท้ๆ


คือลืมเลยว่าราเชลเป็นตัวละครที่น่าใจกับปมของตัวเองที่หลังจากเสียเกจไปในอุบัติเหตุก็เกิดย้อนเรื่องเก่าๆที่น่ากลัวคืนมาเกี่ยวกับพี่สาว (Andrew Hubatsek) ของตัวเองที่ป่วยเป็นโรคประหลาดและก่อนตายได้เอ่ยประโยคอยากให้ราเชลไปด้วย นับแต่นั้นมาราเชลจึงหวาดระแวงต่อความกลัวเสมอมากับความตาย ไม่รู้ตัวหนังกำลังจะบอกอะไรแต่คิดไว้ว่าน่าจะเกี่ยวโยงกับความตายที่พอถึงคราวต้องตายคือตาย ไม่ควรแหกกฎธรรมชาติ หรือจะคนที่ตายไม่ควรนำคนเป็นไปตายด้วยเพราะความปรารถนาตัวเองที่ไม่ใช่ชะตากรรม ส่วนเอลลี่มีความฝันที่สอดคล้องกับความจริงจนผู้ชมรู้ว่าที่ฝันร้ายไม่ใช่เรื่องโกหกแค่เป็นการบอกเตือนเป็นนัยๆสื่อถึงผลที่ตามมาแม้จะช้าไปหน่อยก็ตาม ดังนั้นจึงเปรียบเสมือนการเตือนสติให้คนที่ฟัง(หลุยส์)ยังสามารถแก้ตัวกลับไปทำให้เหมือนเดิม

Pet Sematary เป็นหนังที่มาแบบเรื่อยๆไม่รีบร้อนในการกระตุ้นอารมณ์แต่อย่างใดราวกับปล่อยไปเอื่อยๆให้ผู้ชมสัมผัสความรู้สึกที่คาดไม่ถึงอย่างนิ่มๆแต่หนักสาหัสกันอย่างสุดๆโดยเฉพาะการเสียคนที่รักไปต่อหน้าต่อตาชวนให้ทำใจได้ยากลำบากต่อการยอมรับถึงการสูญเสีย เป็นหนังที่มีเนื้อหาดีตามฉบับคนเขียนดีผ่านความจริงที่เลี่ยงไม่ได้แต่ยังอยากฝืนให้ตัวเองมีความสุขจนไม่รู้ว่าเป็นความทุกข์ที่ได้กลับมา แต่ถ้าถามว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคงไม่ใช่ปีศาจใดๆได้นอกจากมนุษย์ที่ริเริ่มหาเรื่องใส่ตัวเองเสมอทั้งที่สิ่งนั้นสามารถหลบหลีกไปเผชิญหน้ายังได้ ไม่ผิดกับหลุยส์ที่ยอมรับอะไรไม่ได้สักอย่างจากการสูญเสีย ทำให้ความชั่วร้ายในจิตใจบังเกิดขึ้นทำได้แม้แต่คนที่รักของตัวเอง ถึงแม้หนังจะช้าไม่ลุ้นระทึกตื่นเต้นแต่ได้อะไรหลายอย่างเก็บไปคิดไม่ใช่น้อย ในส่วนองค์ประกอบอื่นถือว่ามีหลายอย่างที่ครบเครื่อง ทั้งบรรยากาศ โทน ตัวละคร ถูกวางได้ดีจนทำให้สามารถชมได้เรื่อยๆอย่างไม่กังขาในความเบื่อ ส่วนนักแสดงเล่นได้ดีทุกคนโดยเฉพาะ Dale Midkiff เป็นคุณพ่อที่น่าเห็นใจ โดยก่อนหน้านี้บทนี้เคยจะให้ Bruce Campbell มาเล่นด้วยแหนะ แต่ที่น่าชื่นชมคือ Miko Hughes เป็นหนูน้อยในท้ายเรื่องได้น่ากลัวแบบเด็กไม่ต้องแต่งหน้าเพิ่มแค่ใช้อารมณ์โกรธก็สร้างความน่ากลัวได้อย่างสบายๆ และที่ขาดไม่ได้คือ Brad Greenquist ในบทผีวิคเตอร์ตามเกาะติดหลุยส์ที่ตายในโรงพยาบาล คือหลุยส์ที่เป็นหมอไม่สามารถช่วยได้แต่ใจอยากช่วย พอวิคเตอร์ตายกลายเป็นผีก็มักจะเข้าหาหลุยส์เสมอแล้วพยายามเตือนหลายสิ่งหลายอย่างอยู่เสมอ นับเป็นอีกตัวละครที่น่าสงสัยและติดตาเพราะไม่ใช่เรื่องลึกลับเท่านั้นที่เกิดกับเรื่องนี้แต่ยังมีแม้กระทั่งวิญญาณที่ไม่ไปเกิดอยู่ด้วย นับว่าเป็นผลงานชิ้นแรกของผู้กำกับ Mary Lambert ได้ดีทีเดียว ก่อนหน้านี้เกือบได้ผู้กำกับ George A. Romero ราชาหนังซอมบี้มาสร้างแต่งานเลื่อนจึงไม่เอา ทั้งนี้ยังถือว่าได้ Stephen King มาช่วยทำให้มีประเด็นขบคิดที่น่ากลัวทีเดียวกับจิตใจมนุษย์ที่เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย สรุปว่าเป็นหนังที่น่าดูน่าติดตามตลอดทั้งเรื่องแม้จะไม่เน้นสยองขวัญแต่ก็สร้างความตะลึงได้ไม่น้อย ยิ่งท้ายเรื่องถือเป็นอะไรที่เด็ดขาดและดราม่าสุดๆ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)