The Losers (2010) โคตรทีม อ.ต.ร. แพ้ไม่เป็น

The Losers (2010) | โคตรทีม อ.ต.ร. แพ้ไม่เป็น
Director: Sylvain White
Genres: Action | Adventure | Crime | Mystery | Thriller
Grade: C+

เห็นว่าเป็นหนังน่าสนใจเกี่ยวกับทหาร 5 คน มีเคลย์ (Jeffrey Dean Morgan) หัวหน้านำทีม,เจนเซน (Chris Evans) รอบรู้เรื่องเทคโนโลยี,โรก (Idris Elba) ผู้เชี่ยวชาญทางระเบิด,พูช (Columbus Short) ถนัดเรื่องการพาหนะ และคูการ์ (Oscar Jaenada) นักแม่นปืนซุ่มเงียบ พวกเขาได้รับมอบหมายภารกิจไปยังแถบโบลิเวียเพื่อค้นหาและทำลาย ทว่าก่อนจะทำลายเป้าหมายกลับพบว่ามีเด็กอยู่จำนวนหนึ่งทำให้ต้องฝ่าฝืนคำสั่งไปช่วยเด็กๆออกมาก่อนที่นั้นจะถูกระเบิดถล่มทลาย เมื่อช่วยได้สำเร็จต้องพบว่าถูกลอบกัดซะเองแต่พวกเขารอดทุกคนยกเว้นเด็กที่ช่วยออกมาต้องโดนระเบิดแทนพวกเขาไปทั้งหมด หลังจากนั้นทำให้พวกเขาได้รู้แล้วว่าตัวเองถูกหลอกหักหลังให้ทำภารกิจนี้เข้า สิ่งเดียวที่รู้ได้คือคนจ้างชื่อแม็กซ์ (Jason Patric) เท่านั้น ดังนั้นแล้วเมื่อไม่สามารถกลับไปบ้านเกิดตัวเองได้จึงจำใจยอมทำเป็นตายตามเหตุการณ์ทิ้งป้ายชื่อเอาไว้ให้คิดว่าตายจริงแล้วหายตัวไปในโบลิเวีย หลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบ ไม่มีเรื่องกวนใจไม่มีใครคิดตามล่าเพราะพวกเขาตายไปแล้วตามหลักฐานที่มี และตอนนี้พวกเขาได้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาทำงานทำการปะปนในสังคม


จนกระทั่งต้องเปลี่ยนไปจากเดิมเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อไอซา (Zoe Saldana) ติดตามเคลย์อย่างลับๆก่อนจะบอกว่ารู้จักพวกเขาทั้งหมด และถ้ายังไม่อยากมีปัญหาในตอนนี้จะมอบงานชิ้นหนึ่งให้เพื่อปลดอิสระไม่ต้องหลบหนีแก่พวกเขาทั้งหมด โดยงานนี้คือภารกิจตามล่าแม็กซ์ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง กระนั้นเคลย์ยังไม่อาจมั่นใจเต็มปากได้ว่าจะรับงานนี้เพราะไม่อาจไว้ใจหญิงแปลกหน้าได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และยังคงแฝงประสบการณ์เลวร้ายจากการถูกจ้างจากคนแปลกหน้าที่ทำให้ตัวเองพบจุดจบของชีวิต แต่เหมือนชะตาเล่นตลกเมื่อคนที่จะตามล่าในภารกิจคือชายชื่อแม็กซ์ที่เคยทำให้พวกเขาเกือบตาย ฉะนั้นนี่ไม่ใช่แค่ภารกิจเสี่ยงตายแต่หมายถึงการล้างแค้นจากพวกเขาที่จะไม่ยอมเป็นพวกขี้แพ้อีกต่อไป ตอนนี้สิ่งแรกที่ต้องทำคือถล่มคนพังชีวิตทั้งชีวิตให้สิ้นซากอย่างที่พวกเขาเคยประสบให้กลายเป็นหมาขี้แพ้ไปเลย

ยังไม่ทันได้ดูก็นึกเทใจให้กับเรื่องนี้ด้วยภาพลักษณ์ที่คงมันส์แบบมีสไตล์เป็นของตัวเอง จะว่าไปในปีนั้นต้องแข่งกับเรื่อง The A-Team (2010) ด้วยพล็อตเรื่องรวมพลกลุ่มทหารลาศึกฝีมือชั้นเยี่ยมมารับภารกิจจำกัดตัวร้ายระดับมหากาฬ แต่รู้ไหมถ้าให้เทียบระหว่างสองเรื่องนี้โดยส่วนตัวยกให้ The A-Team มันส์กว่าอีก ไม่ใช่ว่าจะดูถูกว่า The Losers ไม่มีความมันส์เอาซะเลย แค่คิดว่าความเร้าใจมันไม่ได้เท่านั้นเอง เพราะอย่างแรกคือการให้ความสำคัญกับมุมมองความเท่มากเกินพองามจนแอ็คชั่นไม่ดุดันแล้วยังกลายเป็นว่าพวกพระเอกนี่ไว้ลายกันเยอะจนตัวร้ายดูอ่อนปวกเปียกยังไงไม่รู้ ขนาดเวลาคับขันยังลงเอยให้ตัวเอกดูเท่ได้นี่ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว


ส่วนตัวร้ายยังคงคอนเซ็ปต์ไม่เอาไหนเช่นเคยโดยเฉพาะพวกลูกน้องที่บางครั้งเฉยไปหน่อย จะเว้นแต่ตัวร้ายหลักกับแม็กซ์ที่วางมาดเนียบทำตัวฉลาดกับอีกหนึ่งตัวร้ายเหว็ด (Holt McCallany) เป็นสมุนมือขวาแม็กซ์ที่ดูจะไม่ฉลาดแต่เอาดูแลเท่บ้างนิดหน่อย(ยิ่งตอนท้ายเรื่องขี่มอไซค์มาอย่างเท่ ถ้าเป็นพระเอกขี่จะถือว่าโอเคมาก แต่อย่าดีกว่า) ในแง่ของฝ่ายตัวโกงยังรู้สึกแผ่วไปหน่อยเพราะดูไม่ได้เก่งกาจอะไรมากนัก แถมดูๆแล้วบทบาทยังไม่มากพอจะดึงให้รู้สึกน่าสนใจเท่าไหร่ มัวแต่ลีลาซะมากพอเอาจริงก็ไม่ได้เก่งอะไรเลย แต่อย่างน้อยก็ทำได้สมมาตรฐานตัวโกงที่โกงสมใจได้ล่ะนะ ส่วนฝ่ายพระเอกค่อนข้างทำได้เข้าขากันดีในเรื่องนักแสดงแม้จะรู้สึกมีบางตัวเกินหน้าเกินตาไปบ้างหรือกลายเป็นตัวประกอบไปบ้าง แต่ก็ยังคงไว้หน้ากันครบทุกตัวละครทั้งหมดด้วยเอกลักษณ์ของตัวเอง อย่างคูการ์นักแม่นปืนที่ในเรื่องจะไม่ค่อยมีโอกาสได้บู๊อะไรอย่างคนอื่นนอกจากคอยจังหวะแล้วยิงโชว์เจ๋งสักนัดสองนัดก่อนจะขโมยซีนคนอื่นๆเพราะการยิงเพียงไม่กี่นัด ถ้าเรื่องการแจกบทตัวละครยังถือว่าแจกไม่พอแต่ใช้ความโดดเด่นมาแย่งซีนจนเด่นกว่าถือว่าใช้ได้ดี

เรื่องตัวละครยังดีที่ตัวหนังพยายามสร้างมิติให้ออกมาลึกเกี่ยวกับปมในใจ แม้บางตัวจะดูไร้ปมจนไม่น่าจะดูมีปัญหากับชีวิตกับเจนเซนที่ดูจะสนุกไปตลอดเวลาคล้ายได้ปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเองยังไงอย่างนั้น ซึ่งก็นั่นแหละเป็นตัวปล่อยมุขของเรื่องที่มีลักษณะไม่ขอแอ็คชั่นยิงกระหน่ำแต่ฉลาดเป็นเสาของทีม คงนับได้ว่า Chris Evans ดูจะเหมาะสมกับตัวละครนี้ได้ดีพอสมควร เนื่องจากเป็นลักษณะดีสัยขี้เล่นผสมฮาไม่ชอบใช้กำลังเท่าไหร่ แถมหน้าตาก็ใช่ตามคอนเซ็ปต์ได้อย่างตกใจทั้งที่ไว้เคราจนน่าจะดูเหี้ยมๆ แต่เปล่าเลย คนๆนี้รักเด็ก ส่วนพูชคือตัวละครที่น่าเห็นใจมากที่สุดเพราะการละทิ้งจากตำแหน่งทำตัวหลบๆซ่อนๆนั้นเขาต้องพรากจากคนรัก ซึ่งผู้ชมได้รับรู้ได้ลึกกว่านั้นเมื่อเขาคนนี้ไม่ได้ลืมคนรักแต่อย่างใดเพียงติดตามเฝ้าดูอยู่ห่างๆโดยใช้ดาวเทียมส่องดูคนรักที่ตอนนี้ท้องใกล้คลอดแล้ว ดังนั้นสิ่งแรกที่พูชต้องการคือการไปพบคนรักแล้วได้อุ้มลูกที่พึ่งได้เกิด ถือเป็นตัวละครที่น่าเห็นใจมากที่สุดในกลุ่ม แต่เห็นจะเป็นไปไม่ได้ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเคลย์ที่เป็นหัวหน้าทีมจำต้องคิดเสมอว่าสมควรทำยังไงต่อไปดี ในเรื่องตัวหนังพยายามสร้างเคลย์ให้ออกมาเป็นคนอารมณ์ดี ว่าง่าย ไม่เข้มงวดเกินไป ต่อหน้าอาจดูยิ้มแต่ในใจลึกๆแล้วเป็นคนเกรงใจเพื่อนฝูงของตัวเองเสมอมา ทำให้ยามดูเครียดก็เครียดยามดูยิ้มแย้มก็มีความสุข แต่คนที่เขาต้องเกรงใจมากที่สุดคือโรกที่สนิทด้วยกันมากที่สุด ทั้งยังเสมือนรองหัวหน้าตัดสินแทนเขาในยามที่สับสน ส่วนไอซาเป็นตัวละครปริศนาที่ไม่แน่ชัดว่ามาดีหรือร้ายจนผู้ชมเริ่มเชื่อแล้วว่าดีก่อนจะบอกสถานะความจริงบางอย่างที่กลายเป็นทั้งดีและร้ายในสายตาของพวกเคลย์ไปได้ในทันที สุดท้ายแล้วไอซาคือใครกันแน่


สำหรับ Jeffrey Dean Morgan เป็นอีกนักแสดงที่เล่นในบทนี้ได้ดีอยู่ไม่น้อยในการสวมบทเป็นทหารขี้แพ้ เพราะการแสดงของเขาทำให้เรารับรู้ได้เลยยามชนะจะเป็นยังไง และแสดงได้ดีในระดับมาตรฐาน กระนั้นรู้สึกตะหงิดที่เนื้อเรื่องต้องมามีความสัมพันธ์กับ Zoe Saldana จนรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินของเรื่อง แล้วมันก็จริงที่ประเด็นตรงนี้ไม่ได้ขยับขยายไปในทิศทางใดจนหนังจบทั้งที่เกิดประเด็นขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องความรัก แต่เป็นตัวตนที่แท้จริงของไซอาที่ตอนแรกพวกเคลย์รับไม่ได้

สำหรับ The Losers เดิมทีเคยเป็นชุดการ์ตูนคอมมิค Our Fighting Force มาก่อน แต่เพราะแบบนั้นกลับไม่ได้ช่วยให้จำนวนเงินไหลดีขึ้นจนรายได้ของหนังเรื่องนี้ในบ้านยังเจ๊งสนิทด้วยทุนสร้างประมาณ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พอมาดูรายได้ระดับทั่วโลกคงจะดีขึ้นแน่นอนเพราะทุนสร้างไม่ได้มากอลังการเท่าไหร่ แต่เหตุไฉนยังแตะทุนสร้างไม่ได้เลยด้วยซ้ำขาดไปอีก 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐจึงจะเท่าทุน จะว่าไปหนังเรื่องนี้ตอนออกมาใหม่ๆใช่ว่าจะรู้จักกันซะส่วนใหญ่ เนื่องจากการโปรโมทยังน้อยไปไม่ค่อยจะโด่งดังถึงขั้นน่าสนน่าดูแถมเรื่องนักแสดงยังไม่เป็นที่น่าดึงดูดมากเท่าไหร่นัก จะมี Jeffrey Dean Morgan จากเรื่อง Watchmen (2009) กับ Chris Evans จากเรื่อง Fantastic Four (2005) ที่พอจะเข้าเค้านึกคุ้นหน้ากันมาบ้าง หรือเพราะดัดแปลงมาจากการ์ตูนคนดูเลยรู้สึกเบื่อๆอิ่มๆก็ไหนจะ The A-Team ที่ดัดแปลงมาจากซี่รีย์ดังยุค 80S อีกล่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นอดีตของตัวผู้กำกับ Sylvain White ที่เคยทำหนัง I'll Always Know What You Did Last Summer (2006) หรือเปล่า เนื่องจากเป็นภาคต่อของหนังสยองขวัญยอดฮิตอย่าง I Know What You Did Last Summer (1997) ผลลัพธ์ของหนังคือบางคนถึงกับเซ็งในบทสรุปของการกลับของฆาตกรมือตะขอไปแบบไร้เหตุผลและน่าขำขัน คิดว่าคงไม่เกี่ยวเพราะเรื่องนั้นส่งตรงลงแผ่นเลย แต่ถ้าเทียบหลายๆอย่างแล้วกับเมื่อก่อนกับเรื่องนี้ถือว่าฝีมือพัฒนาได้ดี The Losers จึงกลายเป็นแอ็คชั่นพาเพลินได้ระดับพอประมาณ


อย่างที่บอกคือแอ็คชั่นไม่ค่อยเท่าไหร่อย่างที่คิด ไม่ค่อยมันส์ในระดับสุดยอดนอกจากพาเพลินได้ระดับที่เหมาะสม ที่โดดเด่นคือการตัดต่อด้วยภาพคอมมิคมาผสมเพิ่มสีสันของหนังให้ออกมาดูเร้าใจ แต่จะเห็นเป็นไปไม่ได้คือดนตรีประกอบที่เข้าเครื่องผสมได้ดีจนว่าหนังแอ็คชั่นห้วนๆเรื่องนี้ยังสนุกสะใจได้อีกระดับ ซึ่งคนประพันธ์คือ John Ottman ที่ทำดนตรีออกมามันส์บวกเพิ่มความกวนของตัวละครเข้าไปด้วยเพลง Don't Stop Believing ในฉากเจนเซนกำลังหนีกลายเป็นอารมณ์กวนๆไปได้เลย

ดูเหมือนผู้กำกับ Sylvain White จะจับงานถูกทางในการขอแอ็คชั่นบ้าง เพราะทำได้ดีกว่าเรื่องก่อนๆที่ผ่านมา แม้จะเสียอยู่หลายองค์ประกอบทั้งการดำเนินแบบตรงๆก่อนจะมีหักมุมหักหลังบ้างนิดหน่อยก็ไม่ได้รู้สึกสมเหตุสมผลจนเข้าใจ แต่ไม่ว่าเนื้อเรื่องเมื่อต้องการเอาง่ายไม่ซีเรียสจริงจัง หรือจะแอ็คชั่นที่ไม่ได้เร้าใจแบบสุดๆแต่ขอเท่เก็บความหล่อเอาไว้ให้น่าจดจำ สำคัญคือตัวหนังมีมิติของผู้แพ้ผู้ชนะจนผู้ชมดูเข้าใจในความหมายนี่ดีทั้งช่วงแรกและตอนจบ ที่ดีคือการได้นักแสดง Chris Evans มาเล่นให้ตัวหนังมีรสชาติยิ่งขึ้น สรุปว่าแอ็คชั่นมันส์ในระดับพาเพลินทั่วๆไป โดยส่วนตัวดูจบแล้วจบกันไม่ได้ประทับใจมากนัก กับบางท่านอาจจะชอบก็ได้ที่แอ็คชั่นในระดับดูง่ายๆ สรุปว่ามันส์พาเพลินว่างั้นแหละ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)