![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEguDLgEe14G4B7wXbl_JFexLKwPDjnebRURZsmxXmV_tPzl9lUB96oCkJHoF6hNFopnFIUkZlFQkxDcoix-55x_Nu0BxokfUIsDwNqDu6j5HY33dfTUAHQUwqnfeNuoKUW6p4YyB58TgGY/w432-h640/1528542795.jpg)
Abraham Lincoln: Vampire Hunter (2012)
ประธานาธิบดี ลินคอล์น นักล่าแวมไพร์
Director: Timur Bekmambetov
Genres: Action | Fantasy | Horror
Grade: C+
ประวัติศาสตร์อิงจากเหตุการณ์จริง การจะรู้สึกเป็นเรื่องน่าเบื่อย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะชีวิตคนเราไม่ได้น่าตื่นเต้นขนาดนั้น แต่ถ้าเอาประวัติศาสตร์มาเติมแต่งให้ตีเนียนไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจะเป็นยังไง คำตอบที่ได้คงประมาณหนังเรื่องนี้ที่พูดถึงประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกานาม อัมบราฮัม ลินคอล์น (Benjamin Walker) ผู้ซึ่งดำเนินการแผนเลิกทาสขึ้นครั้งใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทว่ากว่าจะประสบความสำเร็จนั้นต้องทำสงครามที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วยกันเองเท่านั้น แต่รวมถึงแวมไพร์อีกด้วย
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSLAvYZI2OKmwMbWQCcFvfNrvrO88cnlHkcNHQ-6LSNEp7CCOVv1dPnseDRyHxkW7n3q_IL7mE-zVWenYqkp7Mw_7ihGKKt1xP9xtimOsAcm9kRiwRxYmPbiJi_0o90z3eAQQ2OScXKqU/w640-h286/1529071745.jpg)
ไอเดียล่าแวมไพร์ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเป็นเรื่องเก่าแก่ที่เห็นบ่อย แต่ที่แปลกคือการนำพล็อตเก่ามาปรุงแต่งในประวัติศาสตร์ของจริงด้วยการอุดช่องว่างที่ไม่ได้เล่าทั้งหมดให้ดูมีน้ำมีเนื้อมากขึ้นแม้จะเต็มไปด้วยความเว่อร์วัง กระนั้นพลังจินตนาการที่ไม่ใครกล้าจับประวัติศาสตร์ให้บิดเบือนสุดโต่งนี้ก็กลายเป็นความน่าสนใจและตีเนียนไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสมเหตุสมผล ซึ่งต้องขอชื่นชมความกล้าใส่สีตีไข่ของ Seth Grahame-Smith ที่สามารถแต่งเป็นเรื่องเป็นราวจับประเด็นเชื่อมโยงสงครามในยุคนั้นได้สำเร็จ
แต่ก่อนที่ชื่อเต็มๆว่าอัมบราฮัม ลินคอล์นจะเป็นที่รู้จักในฐานะบุคคลสำคัญของประเทศที่ได้รับการจารึกประวัติศาสตร์ให้พูดถึงนั้นต้องย้อนกลับไปสมัยเด็ก ซึ่งจุดนี้ตัวหนังเริ่มวางปมกันตั้งแต่เด็กถึงความยากลำบากและความแค้น จนกระทั่งโตเข้าสู่วัยหนุ่มถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเผชิญนั้นคือแวมไพร์ดูดเลือด แต่รอดชีวิตมาได้จากการช่วยเหลือของ เฮนรี่ สเตอร์เจส (Dominic Cooper) และได้รับการฝึกฝนจนมีทักษะต่อสู้เพื่อนำไปใช้ล่าแวมไพร์ ทว่าต้องมาเจอกับ อดัม (Rufus Sewell) ผู้นำเหล่าแวมไพร์ที่มีอิทธิพลเกินกว่าจะสู้ได้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh7pl1qOvKxW-E4LGxGhO-X3Am1ibhgu812PBHwdocOxYvBXeRy-gKIlA3aJgkCqRk7ecuwMny_dgHjqMg91jpP6Mfg4dxNvsA-KDYrDFNWiX9U3NMlwXhHov-6q8pMbNNhdg_FIfdooOQ/w640-h266/1529071787.jpg)
องค์แรกเป็นการพูดถึงอัมบราฮัม ลินคอล์นที่มีความแค้นต่อแวมไพร์จนต้องฝึกฝีมือให้ต่อสู้กับเหล่าแวมไพร์ด้วยการศึกษาจุดอ่อนจุดแข็ง ขณะเดียวกันก็เริ่มปูทางเกี่ยวกับแนวคิดการเปลี่ยนระบบทาสเพื่อแสดงถึงเสรีภาพความเป็นมนุษย์ ทั้งยังแสดงความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นกับ แมรี่ ทอดด์ (Mary Elizabeth Winstead) ที่กลายเป็นคนรักคู่ชีวิตในภายหลัง สำหรับการเล่าเรื่องในช่วงนี้เต็มไปด้วยการข้ามเส้นที่กระโดดไปมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลาให้ตัวละครได้ผูกพันหรือใกล้ชิดเท่าที่ควร ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่น่าสนใจเพราะความง่ายดายเกินไป
ถ้าองค์แรกคือการเกริ่นที่สั้นกระชับเข้าใจง่ายแต่เบาบางก็ต้องยกความหนักแน่นให้กับช่วงเวลาต่อมา เมื่อตัวหนังตัดมาที่ช่วงชีวิตของอัมบราฮัม ลินคอล์นกลายเป็นประธานาธิบดีได้สำเร็จ ทั้งยังตั้งใจทำให้แนวคิดที่มีมาสมัยวัยหนุ่มเป็นจริง โดยเรื่องราวจะเน้นไปกับการเมืองการปกครองที่อยู่ในช่วงทำสงครามระหว่างอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ซึ่งสาเหตุที่ถูกแบ่งมาจากแนวคิดเลิกทาส ทำให้โซนแถบอเมริกาใต้ที่ใช้แรงงานทาสทำเกษตรเป็นส่วนใหญ่ต้องลุกขึ้นต่อต้านแบ่งฝ่ายทำสงคราม ถึงประเด็นจะไม่เจาะลึกรายะละเอียดแบบจริงจังก็พอจะมองเห็นอุปสรรคที่เป็นมากกว่าสงคราม นั้นคือเรื่องชีวิตประชาชนที่อัมบราฮัม ลินคอล์นแบกรับความกดดันนี้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRjp_jxXxwwXla9s93gFumoowRTTFNB5dpjK8tdQEiW9jNQA91-qmkhWddxRYHRLOJJSs_XC4Q_M3VUjdYNIqF81zjda5KUGe14DN8s-vMchbvh5CyGd08OjoyEEuNa0nhrVLq5vaHVF8/w640-h266/1529071831.jpg)
ด้วยความที่ถูกแบ่งฝ่ายทำสงครามก็แอบตีเนียนใส่เรื่องแวมไพร์เข้าไปผสมจนออกมาสมเหตุสมผล เนื่องจากเหล่าแวมไพร์อยู่ใต้และต้องการยึดครองทั้งประเทศด้วยแนวคิดเรื่องทาสเช่นเดิม และแน่นอนว่าอัมบราฮัม ลินคอล์นอยู่ฝ่ายเหนือ ผู้ต้องการเลิกทาสและมอบอิสระที่แท้จริงแก่ทุกคน ฉะนั้นการทำสงครามจะไม่ใช่เรื่องของคนธรรมดาอีกต่อไป จะมีแวมไพร์ร่วมทำสงครามเพื่อต่อต้านฝ่ายเหนือด้วยอุดมการณ์ที่แตกต่าง ซึ่งผลลัพธ์เป็นยังไงย่อมรู้ดีว่าฝ่ายที่เหนือกว่าย่อมเป็นแวมไพร์ การทำสงครามที่สู้ไม่ได้นี่ทำให้อัมบราฮัม ลินคอล์นวางแผนจัดการจุดแข็งนี้ในองค์สาม
สำหรับช่วงสุดท้ายจะเป็นการวางแผนจัดการแวมไพร์ก่อนที่จะชนะสงคราม ซึ่งเรื่องราวจะกลับมาเน้นแอ็คชั่นอีกครั้งโดยที่อัมบราฮัม ลินคอล์นจะกลับมาสู้กับแวมไพร์ด้วยตัวเองหลังจากที่ไม่ได้จับอาวุธมานานเพราะสนใจอยู่กับการเมือง แน่นอนว่าทำออกมาบันเทิงและมันส์กันสุดๆ ซึ่งไม่แปลกถ้าผู้กำกับจะเคยทำ Wanted (2008) ที่บู๊มันส์ยิงแหลกหลาญมาก่อน ฉะนั้นงานแอ็คชั่นทั้งลีลาทั้งจังหวะล้วนออกมาดีและสนุก มีข้อเสียเรื่องรายละเอียดที่มีหลายอย่างไม่ประติดประต่อ เล่าเรื่องเร็วจนดูไม่มีมิติในช่วงแรกก่อนจะมาแก้ไขในครึ่งหลังที่จริงจังและเข้มข้นขึ้น ทว่ารวมๆแล้วไม่ถึงกับแปลกใหม่นอกจากเอาบุคคลในประวัติศาสตร์มายำอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhj_kws635m84rLywWCr696q08DBdIQ1sB3-Ud-p5kQiqUeMMmn1AcQzJB3fn3Xu27Q_V0RuPSJN9-vz5a_hRQkB0bUTZAMcLhoh0MiMo8l4h6vt6v-U2n-KUTP8nI8qU0R8G2LCR5zyAw/w452-h640/1528542929.jpg)