Cult of Chucky (2017)

Cult of Chucky (2017)
Director: Don Mancini
Genres: Comedy | Fantasy | Horror | Romance | Thriller
Grade: C+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ยังคงเสียดายที่ตัวหนังถูกจับส่งลงแผ่นเพราะคุณภาพมาไกลเกินหนังแผ่นทั่วไปเทียบได้ ซึ่งนี่เป็นความคิดที่เกิดจากภาคก่อนใน Curse of Chucky (2013) หรือภาคต่อลำดับที่ 6 ที่ขยับขยายเรื่องราวด้วยการเชื่อมโยงจุดที่ไม่มีภาคไหนพูดถึง อีกทั้งยังอุดช่องว่างให้ดูสมเหตุสมผลจนกลายเป็นหนังสยองขวัญภาคต่อที่ดีกว่าภาคก่อนหน้ามากมายหลายเท่า แต่การดูให้ได้อรรถรสจะต้องไม่ลืมภาคก่อนทั้งหมดเพราะมีส่วนในการเชื่อมโยงเข้าหากันรวมถึงที่มาที่ไปตัวละครบางตัวที่แม้บทน้อยแต่สำคัญในฐานะตัวการ โดยเน้นไปที่  Child's Play (1988),Bride of Chucky (1998) และ Seed of Chucky (2004) หรือภาค 1,4 และ 5 ในการทำความเข้าใจเนื้อหา(ส่วนภาค 2 กับ 3 มีส่วนเสริมเล็กน้อยแต่ไม่ใช่ประเด็นโยงเรื่องที่เกิดขึ้น)


หลังจากตุ๊กตากู๊ดกายนามนี้ว่า"ชัคกี้"กลับมาด้วยความสำเร็จและทำให้ตัวเองเป็นหนังสยองขวัญเต็มตัวอีกครั้งทำให้โอกาสเกิดภาคต่อจึงตามมาไม่ยาก ซึ่ง End Credit ภาคก่อนหน้านี้ได้ทิ้งท้ายด้วยการบอกถึงตัวละครลับอย่าง แอนดี้ ที่เล่นโดย Alex Vincent หรือเด็กคนแรกที่รู้จักชัคกี้และต้องหนีจากการไล่ล่าเพื่อสลับวิญญาณมาถึงสามภาค ซึ่งไม่ว่าจะตัวละครหรือนักแสดงล้วนคือคนเดิมที่รอมาถึง 23 ปีนับตั้งแต่ Child's Play 3 (1991) ที่เล่นเป็นภาคสุดท้าย การปรากฏตัวทำให้แฟนเดนตายถูกอกถูกใจกันไม่น้อย

Don Mancini เป็นคนเขียนบทที่ผูกขาดมาตั้งแต่ภาคแรกและพยายามเขียนให้ดูเป็นมากกว่าตุ๊กตาวิญญาณนักฆ่าโรคจิต แต่ล้มเหลวใน Seed of Chucky เพราะเรื่องราวหลุดโลกไปไกลกลายเป็นหนังสยองขวัญติดตลก แต่ถึงจะเละไม่เป็นท่าก็ยังเป็นที่ถูกใจคอหนังคัลท์เพราะไม่มีใครกล้าทำกับการสร้างเรื่องราวตุ๊กตาพลาสติกให้ดูมีชีวิตชีวาจนออกลูกออกหลานเป็นครอบครัวสายโหด กระนั้นจะโหดหรือแหวกแนวมากเพียงใดก็ไม่อาจกู้หน้าตาตุ๊กตาสยองขวัญตัวนี้ให้กลับมาได้ จนที่สุดเป็นหนังทุนต่ำลงแผ่นที่ปรากฏว่าดีกว่าภาคก่อนๆด้วยเรื่องราวที่เข้มข้นและตอบสนองความอยากของแฟนๆด้วยการย้อนกลับไปเก็บรายละเอียดในภาคเก่าๆเสมือนสร้างจักรวาลเส้นเรื่องของตัวเองที่มี Cameo ให้เราเซอร์ไพรส์และการทิ้ง Easter egg ให้เชื่อมโยงกันอย่างสนุกสนาน


แนะนำว่าต้องดูมาก่อนเท่านั้น(อาจรวมถึงต้องดูมาตั้งแต่ภาคแรก)เพราะหลังจากนี้จะเปิดเผยเนื้อหาโดยละเอียดในจุดที่ไม่เข้าใจหรือบางฉากที่สื่อมาเพื่อคนที่เคยดูมาตั้งแต่ภาคแรก

นิก้า (Fiona Dourif) ตัวละครที่รอดชีวิตจากภาคก่อนและต้องถูกศาลตัดสินเข้าโรงพยาบาลผู้ป่วยปัญหาทางจิต แต่ไม่วายหนีตุ๊กตากู๊ดกายพ้นจากชีวิตเพราะชัคกี้มาตามแก้แค้นถึงที่ แต่เดี๋ยวก่อนถ้าใครจำตอนจบภาคก่อนจะสงสัยอย่างแรงว่าชัคกี้กลับมาได้อย่างไร ถ้าเป็นภาคเก่าๆอาจกลับมาไม่สมเหตุผลเท่าไร แต่ภาคนี้มีการขยายประเด็นนี้ให้เราเซอร์ไพรส์เกี่ยวกับความสามารถชัคกี้ที่พึ่งได้เพิ่มมา ซึ่งทีเด็ดอยู่ที่การใช้คาถาวูดูด้วยการแยกร่างแบ่งวิญญาณใส่ตุ๊กตาตัวอื่นให้มีจิตสำนึกเช่นเดียวกัน ฉะนั้นหลังจากนี้ชัคกี้จะไม่ได้มีเพียงตัวเดียวอีกต่อไป


เมื่อรู้ว่าชัคกี้มีมากกว่าหนึ่งทำให้ตอบคำถามว่าชัคกี้ใน End Credit ภาคที่แล้วทำไมถึงไม่เชื่อมโยงกับภาคนี้ที่จู่ๆมาหานิก้าถึงโรงพยาบาลทั้งที่ แอนดี้ (Alex Vincent) เป่าหัวชัคกี้ด้วยลูกซองไปแล้ว สรุปว่าชัคกี้ไม่ได้คืนชีพใหม่แต่แบ่งร่างให้กับตุ๊กตาตัวอื่น สังเกตได้จากแอนดี้ยังเก็บหัวชัคกี้ที่ยังไม่ตายเพื่อไม่ให้โอกาสคืนชีพไปฆ่าใครที่อื่นอีก แต่ชัคกี้มีทีเด็ดที่เหนือกว่าทำให้ความเข้าใจของแอนดี้ที่ต้องการขังลืมเพื่อไม่ให้คืนชีพได้ร่างใหม่ต้องเปลี่ยนไป ด้วยความกังวลต่างๆประกอบกับความสัมพันธ์ของนิก้าที่มีต่อชาร์ลส ลี เรย์ (เป็นชื่อจริงของชัคกี้ตอนเป็นคนก่อนจะใส่วิญญาณในตุ๊กตา อีกทั้งภาคก่อนจะบอกความสัมพันธ์ที่มาที่ไปว่าคือพ่อผู้ให้กำเนิดนิก้า)ทำให้แอนดี้ตัดสินใจไปโรงพยาบาลเพื่อคลายข้อสงสัยบางประการเกี่ยวกับตุ๊กตากู๊ดกายที่อาจเป็นมากกว่าของเล่น

ตัวหนังเปิดเรื่องด้วย Alex Vincent ในบทแอนดี้ที่ยังมีแผลในใจสมัยวัยเด็กเกี่ยวกับชัคกี้ที่ตามหลอกหลอนอยู่เสมอ ซึ่งนั้นทำให้เซอร์ไพรส์อยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับนักแสดงหรือตัวละครหลักในภาคดั้งเดิมจะกลับมามีบทบาทอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่บทน้อยจนรู้สึกเหมือนส่วนเกินชวนให้เราคิดไปเองต่างๆนาๆเกี่ยวกับชัคกี้ก่อนจะเฉลยในแบบที่ง่ายและกวนโอ้ยอยู่หน่อยๆ แม้บทจะน้อยแสดงไม่มากก็รู้สึกถึงปมตัวละครที่ได้รับผลกระทบจากตัวชัคกี้อยู่ไม่น้อย ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันต้องระแวงระวังตลอดเวลา


แต่กับตัวละครที่บทน้อยแต่โผล่มาตั้งแต่ภาค Bride of Chucky (1998) แล้วทำให้หนังชุดนี้เปลี่ยนหน้าตาไปคือ ทิฟฟานี่ ที่เล่นโดย Jennifer Tilly ที่เสมือนตัวการของเรื่องทั้งหมดรวมถึงมีความสำคัญต่อชัคกี้ในฐานะแฟนหรือคนรักผู้หลงใหล สำหรับตัวละครนี้มาไกลกว่าที่คิดเอาไว้มากเพราะต้องฟันฝ่าอะไรมาหลายอย่างจนแม้แต่ชัคกี้ยังสู้ไม่ได้ในเรื่องประสบความสำเร็จยึดร่างคน(ตอนจบในภาค Seed of Chucky ทิฟฟานี่ย้ายวิญญาณได้สำเร็จและกลายเป็นผู้ช่วยนับจากนั้นมา) การปรากฏตัวในภาคนี้มีบทบาทสำคัญต่อการเชื่อมโยงเนื้อเรื่องที่ขาดไม่ได้และมีเพียงผู้ชมที่รู้จักตัวละครนี้ดีกว่าทุกคนในหนัง ฉะนั้นเวลาเห็นทิฟฟานี่จะต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน


ด้วยเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ย่อมไม่แปลกใจถ้า Brad Dourif ยังคงให้เสียงพากย์ชัคกี้เช่นเคย ซึ่งภาคนี้ไม่มีบทบาทแสดงแบบภาคก่อนที่เล่าเรื่องย้อนอดีตทำให้ต้องกลับมารับชาร์ลส ลี เรย์อีกครั้ง นอกจากเสียงพากย์ชวนสยองกลับมาอีกครั้งก็คือตัวนักแสดง Adam Hurtig ที่หลายคนอาจไม่เอะใจหรือบางคนอาจจะคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออก ถ้าให้นึกดีๆและไล่ลำดับตัวประกอบบางตัวจะเห็นชัดว่าคือตำรวจที่ขโมยตุ๊กตากู๊ดกายหรือชัคกี้มาให้ทิฟฟานี่ในภาคที่แล้ว กระนั้นนักแสดงคนเดียวกันแต่บทบาทคนละคน นึกซะว่าคนหน้าเหมือนก็แล้วกัน(ฮ่า)

ประเด็นการเชื่อมโยงอาจไม่มากหรือน่าติดตามแบบภาคก่อนที่กลายเป็นจุดแข็งทำให้เกิดกระแสบวกเพราะความไม่ซ้ำซากจำเจ แต่ภาคนี้เหมือนจะไม่สามารถเปิดรายละเอียดอะไรได้มากเพราะเน้นไปที่นิก้าในโรงพยาบาลและชัคกี้ไปตามล้างแค้น จะว่าตามสูตรก็ถูกเพราะไล่ฆ่าไปทีละคนสองคนจนมาสู่ไคล์แม็กซ์ที่เหลือเฉพาะตัวละครหลัก ฉะนั้นกับบางคนอาจจะผิดหวังที่ตัวหนังกลับมาเดินตามรอยหนังสยองขวัญไล่ฆ่าแบบเก่าอีกครั้ง แต่ถึงจะตามสูตรมากเพียงใดก็ยังใส่จุดคิดเล็กคิดน้อยให้เราวิตกไปตามตัวละคร อย่างบางฉากเหมือนจะใช่ แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่ซะงั้น รวมถึงตัวละครบางตัวที่ต้องเข้าใจอย่างแรกว่านี่คือโรงพยาบาลผู้ป่วยทางจิต ฉะนั้นพฤติกรรมความไม่สมเหตุสมผลจึงมีอยู่ไม่น้อย


ยอมรับว่าภาคที่แล้วเป็นการกลับคืนของชัคกี้ที่คุ้มค่าแก่การรอคอย ส่วนภาคนี้ไม่ต่างกันแต่อาจจะติดที่ว่าเหมือนจะเก็บบางอย่างเอาไว้ใช้ในภาคต่อไปทำให้การเล่าเรื่องไม่ได้ซับซ้อนและเน้นที่นิก้าเป็นหลักเสียมากกว่า ขณะที่แอนดี้ที่วางเป็นตัวสำคัญก็กลายเป็นตัวเสริมในตอนท้ายแทน ในแง่ของเนื้อเรื่องจึงไม่เท่าไร เว้นแต่การวางปมบางอย่างที่ตัวหนังไม่บอกตรงๆว่าคืออะไร ซึ่งก็มีให้เห็นชัดเจนในตอนจบเกี่ยวกับตุ๊กตาผู้หญิงที่ไม่ใช่ชัคกี้ โดยมีการพูดเป็นนัยๆว่าสมาชิกที่เพิ่มเข้ามาไม่ใช่ใครอื่นแต่คือ อลิซ (Summer H. Howell) เด็กหญิงสาวตัวน้อยที่รอดตายจากภาคก่อน ทว่าครอบครัวตายหมดทำให้คนที่รับเลี้ยงดูแทนคือทิฟฟานี่(ไม่มีใครรู้ว่าทิฟฟานี่คือใคร) อีกทั้งยังบอกนิก้าต่อหน้าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตรอมใจตาย แต่หารู้ไม่ว่าได้อยู่ในร่างตุ๊กตาแบบเดียวกับที่ทิฟฟานี่เคยอยู่มาก่อน(ต้องรอเฉลยที่ชัดเจนในภาคต่อไป)

แม้เป็นหนังทุนต่ำแต่ยังคุมโทนเล่าเรื่องได้ดีแบบภาคก่อนทำให้เป็นหนังลงแผ่นที่มีคุณภาพพอสมควร จะมีข้อเสียคือเรื่องความสยองที่ตั้งใจเอาโหดจนลืมเรื่องทุน บางฉากยอมรับว่าทำแล้วสยองแหวะนองเลือด กระนั้นดูปลอมอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ดูแล้วตลกขาดความสมจริงต่อให้ดูรุนแรงมากแค่ไหนก็ตาม(แต่กับคนไม่คิดมากอาจถูกปากเช่นเคย) อย่างน้อยตัวตุ๊กตายังเป็นสิ่งเดียวที่สมจริงที่ยังขยับด้วยเทคนิคพิเศษที่ใช้กันมาตั้งแต่ภาคแรก


Cult of Chucky เสมือนภาคคั่นเวลาที่ต้องรอในภาคต่อไปที่น่าจะจัดเต็มมากกว่านี้เหมือนภาคก่อนที่จัดเต็มเพื่อไปสู่เส้นเรื่องใหม่(แบ่งเป็นไตรภาคแรกเป็นเนื้อเรื่องไล่ล่าระหว่างชัคกี้กับแอนดี้ ส่วนสองภาคต่อมาเป็นเรื่องของชัคกี้กับทิฟฟานี่ และสองภาคต่อมาคือการขยายเรื่องราวให้กว้างขึ้นด้วยการอิงภาคเก่าๆมาผสมผสาน) ก็นับว่าสนุกพอตัวแม้จะลงตัวตามสูตรหนังสยองขวัญมากไปหน่อย(ในใจยังคิดเลยว่าการกลับมาของชัคกี้จะทึ่งหรือแถดี) แต่เชื่อว่าแฟนๆเรื่องนี้ไม่น่าผิดหวังเพราะยังคอนเซ็ปต์แบบภาคที่แล้วที่พยายามหยิบของเก่ามาเซอร์ไพส์ให้น่าติดตามต่อไป

ส่วนที่ชอบจริงๆคือการแซวภาค Bride of Chucky ด้วยวิธีการฆ่า(ภาคนี้จะโหดกว่าทุกภาค) ซึ่งก็หยิบมาให้เห็นชัดเจนในฉากทำกระจกแตกร่วงลงมาทิ่มแทงใส่คนข้างล่าง และเช่นกันกับทิฟฟานี่ ถ้าใครจำกันได้จะรู้ว่า Jennifer Tilly เล่นได้เผ็ดโหดแค่ไหน โดยจะหยิบวิธีฆ่าเฉพาะตัวมาใช้ซ้ำพร้อมกับจิกประมาณว่าเป็นฉากคลาสสิคและไม่ว่าใครหน้าไหนต้องโดน(ภาคที่แล้วก็มีฉากนี้เหมือนกัน แต่หนนี้แซวเองถึงเหยื่อที่ไม่พัฒนา สุดท้ายต้องตายด้วยวิธีเดิมอยู่ดี) ถึงบทจะน้อยแต่โผล่มาทีไรต้องมีเรื่องให้น่าจดจำทุกที


นอกจากนี้ยังมี End Credit เช่นเคย  ซึ่งมาพร้อมกับตัวละครปริศนาที่ปรากฏตัวต่อหน้าชัคกี้โดยที่ตัวชัคกี้รู้จักมาก่อนด้วย แน่นอนว่าเคยที่ดูผ่านๆย่อมไม่รู้สึกรู้สาถึงการเซอร์ไพรส์นี้ แต่ถ้าอยากรู้ว่าใครแนะนำย้อนกลับไปดู Child's Play 2 (1990) แล้วจะต้องร้องอ๋อเพราะหนนี้ยิ่งกว่าแอนดี้มาเองเสียอีก

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)