![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpfPAiUb6yTiX7q30HaJMoMBSAmzDsoa7-he0VCwwrkUq3fEVV9e9GL4mFCTncwosRgtYbBSd1LWXd44LZmV7MS-v8euvPcTcxUtBZ1knppx5NB04ApG-sEEuWu0EQSWngurBA0TYEhpI/w432-h640/5199565.jpg)
Terminator: Dark Fate (2019) | ฅนเหล็ก : วิกฤตชะตาโลก | B
Director: Tim Miller
Genres: Action | Adventure | Sci-Fi | Thriller
รู้สึกดีที่เห็นทิศทางของหนังที่ควรเป็น หรือเป็นอีกด้านหนึ่งให้เห็นในแบบ What if ดีกว่าภาค Terminator Genisys (2015) ที่แหกกฎและทำลายความดั้งเดิมอย่างไม่มีเยื่อใย โดยเฉพาะ จอห์น คอนเนอร์ ที่เป็นถึงผู้นำต่อต้านต่อสู้ Skynet แต่กลายเป็นตัวร้ายจน Timeline แตกหน่อยากจะอธิบายยังไงเป็นยังไง จึงเป็นภาคที่ดูมั่วและแปลกใหม่ในเวลาเดียวกัน
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgylWtI7C2BkMpojatmwxm3PRnhsW2EbGu6CKJ4-I23bnjBhqLaoMe0fdF-_7rmgZTVHhthoft53_c5N6DLNOR69vSqUiSVBTbdzc3rqUhdy-5rtkteOpf1008QdzWn_H0gNLuQWXKOs-0/w640-h426/tumblr_93f3425c9c55c73ec37b98530e6cc141_e056cbef_540.gif)
สำหรับ Terminator: Dark Fate (2019) จะมีเนื้อเรื่องต่อตรงจาก Terminator 2: Judgment Day (1991) เท่ากับว่าภาคที่สร้างต่อและหลังจากนั้นอย่าง Terminator 3: Rise of the Machines (2003), Terminator Salvation (2009) และ Terminator Genisys (2015) ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน (ส่วนตัวมองเป็นอีก Timeline เสมือนอีกด้านหนึ่งถ้าสถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนก็เป็นอีกอนาคต)
Timeline เดิมเล่าตรงตัวและย้อนเข้าหาตัวเองได้อย่างไม่มีข้อกังขา (ยกเว้น Terminator Genisys (2015) ทำเอาไว้แสบมาก ทุกอย่างปั่นป่วนไม่เป็นระเบียบ ดังนั้นอยากยกวางไว้สักที่ที่ไม่เหมารวมกับ 4 ภาคแรก) แต่มีช่องว่างหลายอย่างชวนให้อยากรู้ ซึ่งคำตอบคงออกมาในรูปแบบเดิมๆคือ จอห์น คอนเนอร์ รอดชีวิตจากการตามล่าของหุ่นยนต์สังหารที่ Skynet ส่งมาจากอนาคต กระทั่งเติบโตกลายเป็นผู้นำและชนะในที่สุด
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgs7jFOP5JTmrfLPbZ_0ngTxmw-SXNuFb_orRraAlc3P7i7RM0zEtHtEVVkR12mpIylAbqbDV62Bd1OfEKTBEMCsjU32jcmqVqmBiM8tleE17XF7l-du0JPMUwvCOQWMJ91XCB7RJHn8RU/w640-h414/tumblr_9fbabf3cf883686e97e4e85263f10180_c8e11738_540.gif)
แต่ที่นี่หาก จอห์น คอนเนอร์ ที่เป็นดังผู้นำอยู่ไม่รอดให้ทุกคนได้รับรู้ว่าเขาเป็นใครล่ะ ระหว่างที่จบจากเหตุการณ์ใน Terminator 2: Judgment Day (1991) ยังมีหุ่นยนต์สังหารที่ Skynet ส่งมาเรื่อยๆไม่หยุดหย่อนจะรับมือยังไง แน่นอนว่ายากที่จะอยู่หรือหลบซ่อนจนถึงเวลาดังกล่าว ฉะนั้น Terminator: Dark Fate (2019) จึงเป็นภาคที่เล่าต่างจาก Timeline ปกติ นั้นคือจะเป็นยังไงหาก จอห์น คอนเนอร์ ถูกสังหารสำเร็จ
แม้ จอห์น คอนเนอร์ จะต้องจบชีวิตลง แต่ทุกอย่างที่ปูไปถึง Skynet ได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ดังนั้นการที่มนุษย์จะถูกทำลายโดย AI จึงไม่น่าเกิดขึ้น ทว่ายังคงเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม และเปลี่ยนชื่อเป็น Legion ซึ่งอนาคตมีกลุ่มต่อต้านต่อสู้เหมือนเดิมทุกอย่าง แค่เปลี่ยนผู้นำเป็น แดนี ราโมส (Natalia Reyes) เช่นเดียวกันพล็อตเรื่องการย้อนเวลาที่ไม่ต่างกันเลย
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcae1mi_P9pWQ2RnjZ1Z4BjA8XeanG5UWtyBIbbRAZSN74vmHFlU6Heq67jQhJQSiz_9wwEBUj1ylfpTyThsTK3xLl1Zjkg0iJpar0l6LM2iTu_GSxjnNIjlb0gDIltBw-dTHyPf1HwHE/w640-h426/terminatordarkfate.jpg)
พล็อตเรื่องไม่ต่างจากเดิม มิหนำซ้ำยังเข้ารูปเดิมเกือบทุกอย่าง แค่เปลี่ยนตัวละครเปลี่ยนชื่อเท่านั้น ดังนั้นภาคนี้จึงดูธรรมดาในแง่เนื้อเรื่อง แต่จะคาดหวังให้เติมแต่งไปมากกว่านี้คงควบคุมได้ยาก ทำให้คำตอบที่ได้จึงมีเท่าที่เห็นและเข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็นอีกด้าน ซึ่งจะเป็นในทิศทางไหนนั้นก็มีให้เห็นอยู่แล้วในแต่ละภาคเสมือนกรณีตัวอย่าง ไม่ว่ายังไงก็ลงเอยด้วยการที่มนุษย์และ AI สู้กันอยู่ดี
น่าเสียดายที่ขึ้นต่อจากภาค Terminator 2: Judgment Day (1991) แต่ชวนให้นึกถึงภาคที่ตัวเองตัดหน้าหลายอย่าง ความสดใหม่จึงไม่มีเพราะวนอยู่เรื่องเดิมๆ จึงเป็นภาคที่ผิดหวังเพราะมาช้าเกินไป นอกจากฉากแอ็คชั่นและความรู้สึกเก่าๆที่เหลือคือเฉยและเชย (ผิดถนัดกับ Terminator Genisys (2015) ที่สร้างความนอกคอกจนเป็นความเกลียดที่ลึกๆก็ชอบนะ)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2Hae0D6uYtDsREgbpY0ls8dNSCvKyIICgDHQTjDCipmm1M5n77EjEnvwb8BET2k9DZrWafKTEy8n0fphxk6zR4ySi7me87sMQdt2u6s24fjEVHQX-UCncb6tz7WE8132bWETPuGukuA0/w640-h360/1_U4SEdOyJ29yF8rbwA078EQ.jpeg)
การดึงนักแสดง Linda Hamilton ที่เคยรับบท ซาราห์ คอนเนอร์ ใน The Terminator (1984) และ Terminator 2: Judgment Day (1991) กลับมาอีกครั้งช่วยให้การประติดประต่อการเป็นภาคต่อชัดเจน และดูขลังกว่า Terminator Genisys (2015) ที่นำ Emilia Clarke มารับบทนี้เช่นเดียวกัน (อีกนัยหนึ่งเป็นการบอกด้วยแหละว่านี้คือของจริง ต้นฉบับต้องมาเองถึงจะดูเจ๋งและกันเองกว่า)
เช่นเดียวกันกับนักแสดง Arnold Schwarzenegger ที่กลับมารับบทเป็นหุ่นยนต์สังหาร T-800 อีกครั้ง ซึ่งการปรากฏตัวไม่ได้รู้สึกน่าตื่นเต้นแบบใน Terminator Genisys (2015) ที่เอามายำกลายเป็นหุ่นยนต์ขายมุกตลก ให้ความรู้สึกหุ่นยนต์พี่เลี้ยงมากกว่าหุ่นยนต์ฆ่าคน แน่นอนว่าการที่ จอห์น คอนเนอร์ ถูกสังหารสำเร็จเป็นฝีมือของหุ่นยนต์สังหาร T-800 ตัวนี้ ทว่ามีจุดที่น่าสนใจคือการเรียนรู้มีความรู้สึกเช่นเดียวกับมนุษย์
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFB-0rU0Eihtf2dPd2BlUyhtVZ_xERvNUltmAzyQ9ZSb92DP09uSa4169QOcmdzB6FqvJuyUPHxjre5-vb3BVMHHzf1UmoYICfZMKvkDaTVpkCqG6Y8SJx3bFD7OWxpXUR6cZUMK2fKvM/w640-h410/tumblr_0e55693e1bfbfbc21c07ea26970ba173_cf86be39_540.gif)
ความบาดหมางระหว่าง ซาราห์ คอนเนอร์ กับ T-800 ที่ฆ่า จอห์น คอนเนอร์ ได้สำเร็จค่อนข้างจืดชืดและเชื่อถือได้ยาก อาจด้วยบทที่ไม่มากจึงสัมผัสความสัมพันธ์ของตัวละครได้ไม่ติดแน่น สิ่งที่เห็นคือการช่วยกันต่อสู้ที่ให้อารมณ์เกลียดฝ่ายหนึ่ง ส่วนอีกฝ่ายทำใจยอมรับผิด ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายที่เกลียดจะใจอ่อนลงไปบ้างและเกิดช่วงเวลาซื้อใจ เนื่องจากสิ่งที่ทำลงไปตอนนั้นเป็นไปตามคำสั่ง ตอนนี้เริ่มเข้าใจและคิดอะไรหลายอย่างได้แล้วถึงคุณค่าชีวิต
สิ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีคือ T-800 ทำภารกิจสำเร็จแล้วจะทำอะไรต่อไป เพราะระบบ Skynet ได้ถูกทำลายไปแล้วใน Terminator 2: Judgment Day (1991) เท่ากับในอนาคตจะไม่มีสงครามเกิดขึ้น แต่การยังมีหุ่นสังหารโผล่มาเรื่อยๆอาจเป็นการตกค้างระหว่างเวลา (น่าเสียดายที่ประเด็นนี้ยังอธิบายได้ไม่ชัดเจนมากนัก รวมไปถึงอนาคตที่สุดท้ายยังเหมือนเดิมทั้งที่ต้นตอถูกทำลาย) ซึ่งทำอะไรนั้นก็ให้คำตอบสั้นๆว่าเฝ้ามองดูมนุษย์ ไม่ใช่การดูเฉยๆ แต่เป็นการเรียนรู้ชีวิตความเป็นไป ด้วยเหตุนี้เองจึงมีความใกล้เคียงมนุษย์เพราะเข้าใจความหมายชีวิตมากขึ้นจากการเป็นอิสระ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEid_B7VhxZqLRaH9OkXz-6vSerHZdmNOi4LUyvUbxwT0qMDUGHl8iGjVzylG8cxKPxAhX3rTQvgW26RGbAtzlHQACIvDJjC0VUSTB3JXyzqS12dATUey0s-ffmD_JchzhQPBYvOusMgtPQ/w640-h474/tumblr_8b57b09a46e39d3b076b56628dbe4feb_05e548b9_540.gif)
Mackenzie Davis รับบทเป็น เกรซ ผู้หญิงที่เดินทางมาจากอนาคตเพื่อทำภารกิจปกป้อง แดนี ราโมส ซึ่งตามเนื้อเรื่องไม่ได้รู้สึกแปลกเพราะเหมือนพล็อตเดิม ที่น่าสนใจเห็นจะเป็นสรีระร่างกายของตัวนักแสดงเองที่สูงและสมส่วนด้วยกล้ามเนื้อชัดเจน ทำให้โดดเด่นยิ่งกว่า Natalia Reyes ทั้งที่บทคือคนสำคัญต่ออนาคต แต่ดูธรรมดามากไปหน่อย
ส่วนตัวร้าย REV-9 มีความน่าสนใจด้านความสามารถที่แบ่งร่างได้ ระหว่างตัวที่เป็นโครงเหล็กกับตัวที่เป็นโมเลกุลเหลว ทำให้แกร่งด้วยทักษะที่เหลือล้นเอามากๆ แต่ตัวนักแสดง Gabriel Luna สวมบทบาทนี้ได้ไม่ดีเท่าไรนัก แม้จะเป็นหุ่นสังหารทำหน้านิ่งหน้าแข็ง แต่เทียบเคียงกับนักแสดง Robert Patrick ที่เป็น T-1000 ใน Terminator 2: Judgment Day (1991) ไม่ได้เลย
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWbqIC-VKF0jSh78Qfm00Cymp-KKHntlQNCV1vI7_UEAdGUuFERxnBlC7peH4McnNUQ93Fv7djsSu2eYnX1hWbLmAkgjSMcKH0jkDLaliB2lWT_ZXRf-PMniSIDtlwE5-P_Kh3mlLDAKg/w640-h414/tumblr_65def57cd3efdb609ece2eba7efb50bd_92e5109d_540.gif)
ถึงทิศทางของหนังชุดนี้จะวนเวียนอยู่ที่เดิม แค่จับเปลี่ยนตัวละครใหม่มาใส่แทนที่ตัวละครเก่า แต่ไม่สามารถสร้างความประทับใจและสนุกเท่าสองภาคแรกได้เลย ยังมีอะไรหลายอย่างที่ห่างไกลอยู่มากในแง่ของอารมณ์ความรู้สึก สิ่งที่ Terminator: Dark Fate (2019) ทำได้คือฉากแอ็คชั่นที่สร้างความบันเทิงกับการต่อสู้ การยิงการระเบิด และฉากวินาศสันตะโร การสร้างความผูกพันให้ตราตรึงใจคนดูนั้นเห็นจะไปไม่สุด แต่ยังไงเสียมีความชอบอย่างหนึ่งคือไม่จำเจกับตัวละครเดิมๆที่ควรเปลี่ยนแปลงให้เห็นเป็นอย่างอื่นบ้างได้แล้ว
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4uO1krwWfokq5mShdHoGt7pVDi-C8vItXJQ0EfcFJmwn3a0B5DqLSOzcotElzb2yFktbwIkj4buPebsqQHPD_7HumkRBnDGdg1IhwYFpoz3GsALl6M8T75v3ganJ0Dx0mifzsfvAuqKI/w432-h640/803a3a0eb9e9da680931572208306202.jpg)