The Fountain (2006) เดอะ ฟาวเทน อมตะรักชั่วนิรันดร์

The Fountain (2006)
เดอะ ฟาวเทน อมตะรักชั่วนิรันดร์
Director: Darren Aronofsky
Genres: Drama | Mystery | Romance | Sci-Fi
Grade: B+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"ความรักดังรากไม้ที่ลงลึกเสมือนความเจ็บปวดที่อยู่นาน ถ้าเลิกยึดติดยอมปล่อยให้เป็นอิสระเราเองก็พบหนทางปลดจากความทุกข์ทรมาน"

เป็นเรื่องของช่วงเวลาหลังความเป็นความตายที่อยู่ในสภาวะก่ำกึ่งระหว่างช่วงเวลา 3 ช่วง โดยแต่ละช่วงมีความเหมือนและแตกต่างกันทั้งสอดคล้องกันอย่างมีนัยยะ เริ่มที่เรื่องแรกที่กล่าวถึงทอมมี่ (Hugh Jackman) นักวิทยาศาสตร์ผู้พยายามค้นหายารักษามะเร็งสมองให้อิซซี่ (Rachel Weisz) ภรรยาของเขาด้วยการทดลองกับลิง กระนั้นความพยายามหลายต่อหลายครั้งยังคงหาผลสำเร็จไม่ได้สักครั้งเดียว เขาจึงแหกกฎก่อนที่จะบอกกับคนอื่นด้วยการนำส่วนของต้นไม้ที่ได้มาจากกัวเตมาลาที่ยังไม่ผ่านการรับรองมาทำเป็นยา ซึ่งผลออกมาเป็นที่น่าพึ่งพอใจและดีขึ้นมากและรอผลที่จะใช้กับอิซซี่เพื่อต่ออายุของเธอ แต่ก่อนหน้านี้ชีวิตทั้งสองไม่ได้สุขอย่างที่คิดเพราะอาการที่หนักขึ้นของอิซซี่ทำให้ทอมมี่เป็นกังวล และด้วยเช่นนั้นทำให้ทอมมี่มีอารมณ์ที่รีบเร่งฝืนการทดลองติดๆกันแม้ผลลัพธ์จะดีขึ้นทว่ากับคนรอบข้างไม่เป็นที่พอใจในพฤติกรรมมากนักกับความใจร้อนเกินหน้าเกินตา ทอมมี่ที่มุ่งมั่นแต่จะหายารักษาดูผิดกับอิซซี่ที่ใจเย็นกับชะตากรรมของตัวเองและหางานอดิเรกด้วยการเขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Fountain ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการนั่งมองดาวโดยหนึ่งในนั้นคือชิบาลบาดวงดาวที่มีหมอกควันเป็นการส่งสัญญาณกำลังจะดับสูญ เนื้อเรื่องภายในหนังสือที่เขียนนั้นได้กล่าวถึงสเปนในยุคกลียุคที่มีราชินีอิซาเบลลากำลังจะโดนล้มล้างราชบังลังก์โดยขุนนาง ราชินีจึงมีภารกิจก่อนโดนโค้นล้มด้วยการมอบหมายงานชิ้นหนึ่งให้องครักษ์โทมัสไปยังดินแดนที่มี Tree of Life หรือต้นไม้อมตะที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณทำให้อายุยื่นนานไม่เสื่อมสลาย แต่ก่อนจากลากันราชินีอิซาเบลลาได้มอบแหวนแก่โทมัสพร้อมคำมั่นสัญญาถ้ากลับมาได้สำเร็จจะพร้อมตกเป็นของเขาตลอดกาล

Zombeavers (2014) บีเวอร์ซอมบี้

Zombeavers (2014) | บีเวอร์ซอมบี้
Director: Jordan Rubin
Genres: Action | Comedy | Fantasy | Horror
Grade: C
 
จะซอมบี้ไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่องก็คือคนที่ไล่กัดกินคนด้วยความกระหายไม่รู้จักจบสิ้นและก็วนเวียนกันอยู่แค่สัตว์ชั้นสูงที่ไม่ว่าหมาแมวเป็ดไก่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับบางเรื่องอาจนำสุนัขสัตว์คู่ใจที่เชื่องต่อการจงรักภักดีมาช่วยเหลือเพราะประการแรกพวกมันไวต่อการสัมผัสช่วยได้ในยามเราเผลอ ประการที่สองมันช่วยได้เพราะตัวมันเองไม่มีปัญหากับซอมบี้เนื่องจากไม่ใช่อาหารจานโปรดที่โดนเขมือบได้ และประการสุดท้ายพวกมันซื่อสัตย์ นี้อาจเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นอะไรกับสัตว์เลี้ยงที่พบได้อยู่ประจำ แต่ถ้าเกิดไม่ใช่สัตว์เลี้ยงแต่เป็นสัตว์ป่าธรรมดาชนิดหนึ่งแบบที่หนังเรื่องนี้ยกมาเราจะแปลกใจไหม ในขณะเดียวไม่ได้เล่ามาในเชิงเป็นมิตรเสียด้วยหากเป็นภัยคุกคามที่คาดว่าจะขยายเป็นระดับโลกในไม่ช้าจากจุดเกิดเหตุเล็กๆ นั้นคือบีเวอร์ที่กล่าวได้ว่าคือสัตว์จอมขยันสร้างเขื่อนกั้นน้ำตลอดจนถึงชอบแทะไม้จนนิสัยไม่ต่างกับหนูทั่วๆไปแค่ชอบว่ายน้ำและตัวใหญ่กว่าเท่านั้นเอง ก็ว่ากันอยู่ในหมู่สายหนังสัตว์โลกน่ารักหรือหนังที่มีสัตว์เป็นตัวเรื่องหลัก(แน่นอนว่าการบอกน่ารักไม่ได้หมายถึงจะน่ารักจริงๆแต่อย่างใดเพราะมันคือตลกร้ายเอาไว้เรียกกลุ่มหนังสยองขวัญ) เช่น แมงมุม งู ปิรันย่าใน แม้กระทั่งมดยังเคยเอามาสร้างเป็นหนัง  สัตว์พวกนี้เดิมทีก็ร้ายอยู่พอตัวแล้วเมื่อเพิ่มมิติของความร้ายกาจลงไปการจะเห็นความน่ากลัวมากขึ้นจึงไม่แปลก ทว่ากับบีเวอร์จะมีกี่คนที่มองเป็นสัตว์น่ากลัวแถมยังปรุงแต่งให้กลายเป็นซอมบี้อีกต่างหาก

The Fugitive (1993) เดอะ ฟูจิทีฟ ขึ้นทำเนียบจับตาย

The Fugitive (1993) | เดอะ ฟูจิทีฟ ขึ้นทำเนียบจับตาย
Director: Andrew Davis
Genres: Action | Crime | Drama | Mystery | Thriller
Grade: A+

 อาจกล่าวได้ว่าความมันส์จริงๆไม่ได้เกิดจากยิงหรือต่อสู้เสมอไปเพราะเรื่องนี้พิสูจน์แล้วว่าความมันส์อยู่ที่ความเข้มข้นการเล่าเรื่องที่ฉับไว ยิ่งหาอะไรที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายลุยโลดด้วยแล้วยิ่งมันส์กระแทกใจทะลุนรกเลยทีเดียว(อันนี้ก็เว่อร์ไป) ว่าก็เข้าเนื้อเรื่องเล่าถึง ดร.ริชาร์ด คิมเบิ้ล (Harrison Ford) คุณหมอผู้ถูกหาว่าฆาตกรรมภรรยาตัวเองเพราะไม่อาจหาความจริงมาแก้ต่างได้ว่าแท้จริงคืออีกคนที่ตัวเองได้สู้กับคนร้ายในวันเกิดเหตุ สิ่งที่เป็นเบาะแสคือเสียงสุดท้ายในวันที่ภรรยาโทรหาตำรวจแล้วบอกชื่อริชาร์ดก่อนจะสิ้นใจจนเป็นข้อกล่าวหาเพียงหนึ่งเดียวว่าริชาร์ดอาจเป็นคนลงมือทั้งที่ความจริงเจ้าตัวยังคงปฏิเสธเนื่องจากเจอคนร้ายตัวจริงกับตัว ทั้งต่อสู้ทั้งเห็นหน้าโดยเฉพาะจุดเด่นเรื่องการใช้แขนเทียมหนึ่งข้างที่จดจำไม่มีลืม ทว่าสุดท้ายก็ไม่มีหลักฐานใดๆเหลืออยู่เลยอีกทั้งพยานก็ไม่มีน้ำหนักพอจะบอกว่าไม่ใช่ สุดท้ายริชาร์ดกลายเป็นผู้ต้องหาที่ถูกศาลตัดสินให้จำคุกที่แห่งหนึ่งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง กระนั้นระหว่างกำลังส่งตัวไปยังสถานกักขังระหว่างเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำเพราะนักโทษในรถเกิดต่อสู้เป็นเหตุสุดวิสัยทำให้ริชาร์ดต้องตัดสินใจหลบหนีออกมาไม่ใช่เพราะเขาอยากหนีไปที่ไกลๆแต่เป็นการไล่หาความจริงที่่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าทำไมภรรยาของเขาจึงถูกฆ่าและใครคนนั้นต้องรับผิดชอบ คนที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องหมดลงไปในค่ำคืนเดียว ดังนั้นเขาจึงต้องหนีเพื่อหาข้อพิสูจน์ในสิ่งที่ค้างคาใจและเพื่อแก้แค้น แต่เหมือนจะไม่ง่ายเมื่อริชาร์ดต้องโดนตามล่าจากแซมมวล เจอราร์ด (Tommy Lee Jones) ผู้ตรวจการสหรัฐที่ตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดพร้อมกับอุดมการณ์ไม่ปล่อยให้ลอยนวลแม้แต่ก้าวเดียวถึงจะต้องจับตายก็ปล่อยไว้ไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เรื่องราวจะระทึกและเข้มข้นแค่ไหนขอชมก่อนว่าหามาดูก่อนเลยน่าจะเข้าท่ากว่า

Edge of Tomorrow (2014) ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร

Edge of Tomorrow (2014)
ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร
Director: Doug Liman
Genres: Action | Adventure | Sci-Fi
Grade: A-

ก่อนจะมาเป็นหนังได้ต้องถูกดัดแปลงมาจากหนังสือนิยายไลท์โนเวล All You Need Is Kill ของ Hiroshi Sakurazaka ซึ่งเป็นนิยายที่ขายดีมากในญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง ซึ่งว่าด้วยทหารนายใหม่นายหนึ่งนามคิริยะ เคย์จิที่เข้าร่วมสงครามต่อสู้กับเหล่าเอเลี่ยนที่เรียกว่ามิมิค แต่ระหว่างทำสงครามต่อสู้กับข้าศึกก็ทำให้เขาต้องได้ค้นพบบางอย่างที่เหลือเชื่อกับตัวเขาเองเมื่อเขาตายลงก็สามารถย้อนกลับไปหาอดีตได้ และเมื่อตายอีกก็กลับมาที่เดิมกลายเป็นลูปที่ไม่รู้จบสิ้นวนเวียนตลอดเวลา และเมื่อมากขึ้นก็ยิ่งเป็นการสะสมค่าประสบการณ์พัฒนาขีดความสามารถยิ่งขึ้นจากทหารธรรมดากลายเป็นทหารแนวหน้า เช่นเดียวกับเนื้อหาในหนังที่เปลี่ยนตัวเอกเป็นพันโทวิลเลียม เคจ (Tom Cruise) ชายทหารดวงซวยที่เหมือนจะสุขสบายกับตำแหน่งด้านสื่อโปรโมทกองทัพที่ไม่ต้องออกไปรบดันต้องไปรบกับเอเลี่ยนที่บุกมาโลกและกลายเป็นสงครามที่เสมือนตกอยู่ในแดนข้าศึกที่มีค่าตายมากกว่ารอด ทว่าการไปรบครั้งแรกเหมือนจะจบลงอย่างรวดเร็วสำหรับเคจที่ไม่มีทักษะการรบเพราะมีหน้าที่เป็นฝ่ายใช้มันสมองมากกว่า แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อเขาตายก็เกิดย้อนกลับมาที่เดิมอีกครั้งราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้คือความฝัน แต่ฝันนั้นเหมือนจริงจนเคจรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างเกิดซ้ำไปหมดและเริ่มท่องจำแต่ละเหตุการณ์ได้อย่างไม่คาดเคลื่อน จนทุกอย่างเกิดขึ้นจริงอีกครั้งที่ต้องไปสนามรบและเขาก็ตายอีกครั้ง คราวนี้ก็ฟื้นมาอีกที่เดิมพร้อมกับเหตุการณ์เหมือนเดิมก่อนหน้านี้ ตอนนี้เคจประหลาดใจสุดๆเมื่อรับรู้ได้ว่าตัวเองตายเท่าไหร่ก็กลับมาได้ตลอดแล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ คำตอบนี้เหมือนริต้า วาทาสกี้ (Emily Blunt) หรือเจ้าของฉายาเทพสงครามเวอร์ดันกำลังใบ้คำตอบกับเขาเมื่อเธอเอยปากออกเมื่อฟื้นแล้วให้มาหาเขา ทำไมต้องเขา?

Fido (2006) ซอมบี้เพื่อนรัก

Fido (2006)
ซอมบี้เพื่อนรัก
Director: Andrew Currie
Genres: Comedy | Drama | Horror | Sci-Fi
Grade: B+

ไอเดียเก๋ๆประมาณว่าในยุค 1950 เกิดมีรังสีประหลาดจากอวกาศที่แผ่มายังโลกจนทำให้คนตายลุกคืนชีพออกมาไล่กินคนเป็นอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว จนกระทั่งปัญหานี้ได้รุกรามระบาดไปทั่วจนเกิดสงครามระหว่างคนเป็นที่ยังมีลมหายใจกับคนตายที่เรียกกันว่าซอมบี้เพราะมีความกระหายแต่เขลาปัญญา ทว่าสงครามยิ่งเยื้อยื้อมากเท่าไหร่ก็ยิ่งลดโอกาสมีชีวิตรอดมากขึ้นจนในที่สุดฝ่ายคนเป็นที่กำลังลดลงกับซอมบี้ที่เพิ่มมากขึ้นก็มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อมีการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใหม่ที่ไม่ธรรมดา

Oculus (2013) โอคูลัส ส่องให้เห็นผี

Oculus (2013)
โอคูลัส ส่องให้เห็นผี
Director: Mike Flanagan
Genres: Horror | Mystery
Grade: B+

ก็ว่าเป็นหนังผีที่ประหยัดงบทุนอีกเรื่องจากสภาพที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากการมุ่งเน้นหนักไปทางเนื้อเรื่องในขณะที่องค์ประกอบต่างๆก็ล้วนเป็นตัวเสริมเท่านั้น ซึ่งไม่เว้นแม้กระทั่งตัวของผีที่ออกมาน้อยแสนน้อยนอกจากความเฮี้ยนผ่านทางกระจกบานเก่าแก่ที่ปล่อยให้ตัวละครเผชิญหน้าแบบสลับหน้าหลังระหว่างอดีตที่แสนโหดร้ายกับปัจจุบันที่เครียดแค้น โดยเรื่องก็มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยที่ทำท่าเหมือนกับว่ากระจกบานนี้กำลังถูกใครบางคนจับจ้องอยู่ แน่นอนว่าคนนั้นคือเคลีย์ รัสเซล (Karen Gillan) หญิงสาวที่มีเรื่องต้องสะสางกับกระจกบานนั้นโดยพยายามตามสืบสาวเพื่อให้ได้ครอบครองกระจกนั้นมาในงานประมูลในฐานะคนดูแลสินค้า นอกจากเธอแล้วยังอีกคนคือทิม รัสเซล (Brenton Thwaites) น้องชายที่พึ่งออกจากโรงพยาบาลบำบัดจิตเพราะความโหดร้ายที่วัยเด็กที่ถูกมองว่าอาจเป็นตัวอันตรายได้ในอนาคตหากไม่รีบแก้ไขความสับสนในใจ แน่นอนว่าเคลีย์คือคนที่เตรียมพร้อมในทุกๆอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าเจ้ากระจกบานนี้ที่สมควรจะเป็นกระจกธรรมดาที่แสดงถึงเงาสะท้อนนั้นไม่ได้สะท้อนมาเพียงแค่เงา แต่กลับสะท้อนบางอย่างที่มีพลังเหนือธรรมชาติออกมา แน่นอนว่าทิมที่อยากลบล้างความทรงจำในอดีตต้องทำใจอีกครั้งเพราะพี่สาวที่อยากพิสูจน์ในความผิดปกติว่ามันคือเรื่องจริงที่ไม่ใช่ด้วยเหตุบังเอิญหรืออย่างที่หลายคนกล่าวหา มันต้องมีอะไรบางอย่างเก็บเอาไว้และสิ่งนั้นพี่น้องรัสเซลต้องหันหน้าไปเผชิญความโหดร้ายอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้จะไม่ใครตัวช่วยเหมือนเมื่อก่อนและมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ต้องพึ่งตัวเอง

Outbreak (1995) วิกฤติไวรัสสูบนรก

 
Outbreak (1995)
วิกฤติไวรัสสูบนรก
Director: Wolfgang Petersen
Genres: Action | Drama | Thriller
Grade: B-

ลองมานึกๆดูแล้วจำพวกหนังที่เกี่ยวกับโรคระบาดนี่นับว่าหายากพอตัวไม่ใช่น้อยเพราะเนื้อเรื่องต้องแข็งพอจะอธิบายได้ถึงที่มาที่ไปกับวิธีแก้ไขซึ่งเหมือนว่าถ้าไม่อยากลงทุนเป็นระดับเชื้อล้างโลกก็ต้องมาที่การเริ่มต้นของเชื้อที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นจากอะไรสักอย่าง ซึ่งในที่นี่หมายถึงลิงชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการแพร่เชื้ออย่างไม่ตั้งใจที่ริเริ่มมาจากการจับสัตว์เพื่อการค้าขายก่อนจะบานปลายติดเชื้อไปเรื่อยๆตามทางจากผู้จับและทอดต่อกันมาเป็นผู้ซื้อจนกระทั่งคนที่ติดเชื้อก็แพร่ใส่คนอื่นๆกันเป็นลูกโซ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กว่าจะมารู้ตัวก็สายเกินไปเมื่อเชื้อนี้ได้ระบาดไปทั่วเมืองจากสถานที่แรกคือซาร์อีหรือคองโกที่เหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่กับเหล่าบรรดาหมอที่เจอไวรัสสายพันธุ์ที่ไม่รู้จัก แน่นอนว่าเวลาต่อมาผู้พันแซม แดเนี่ยลส์ (Dustin Hoffman) ก็เจอกับไวรัสชนิดนี้เข้าและศึกษาเกี่ยวกับสายพันธุ์นี้แล้วพบว่ามีอะไรหลายอย่างที่ร้ายแรงยิ่งกว่าไวรัสอีโบล่าหลายเท่าเพราะไม่ใช่ถึงกับเสียชีวิตแต่เป็นอะไรที่เฉียบพลันได้อย่างรวดเร็วด้วยระยะการฟักตัวในไม่กี่ชั่วโมง สิ่งสำคัญสุดคือแซมกำลังเร่งหาหนทางช่วยให้ทันกาลก่อนที่จะแพร่กระจายเป็นวงกว้างในไม่กี่อึดใจ ทว่าการข้อร้องผู้บังคับบัญชาอย่างท่านนายพลบิลลี่ ฟอร์ด (Morgan Freeman) ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะถูกปฏิเสธและไม่มีการอนุมัติใดๆ จนกระทั่งเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นามว่า"โมทาบ้า"ได้เข้ามาถึงอเมริกาจนได้ และมันจะไม่ใช่แค่นิดเดียวที่ที่ติดเชื้อเพราะเชื้อได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งแผ่นดินในไม่ช้า

Scanners (1981) สแกนเนอร์ หัวหลุดหยุดไม่ได้

Scanners (1981) | สแกนเนอร์ หัวหลุดหยุดไม่ได้
Director: David Cronenberg
Genres: Horror | Sci-Fi | Thriller
Grade: B

กับหนังเรื่องนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าถ้าชอบก็ชอบ แต่ถ้าไม่ชอบจะรู้สึกเฉยๆกับเรื่องนี้ โดยส่วนตัวรู้สึกกลางๆว่ามีทั้งชอบและนิ่งในบางช่วง ถ้ามองโดยรวมจริงๆมันค่อนข้างจะสนุกเลยแหละกับสไตล์พลังจิตที่เรียกว่าสแกนเนอร์อะไรทำนองนี้ อีกทั้งหนังยังมีอารมณ์บรรยากาศแบบหม่นๆชวนเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความดาร์คยังไงชอบกล แต่ไม่ได้แปลว่าจะออกมาดูมืดเต็มไปด้วยฉากกลางคืนเพียงอารมณ์มันสื่อได้ทางเข้มข้นเสียมากกว่า และเจ้าความเข้มข้นนี่แหละที่ทำให้หนังสนุกในแบบของตัวเอง ซึ่งอันนี้เป็นผลงานอีกครั้งของผู้กำกับ David Cronenberg ที่โดยส่วนตัวออกจะชอบสไตล์ของบรรยากาศพอสมควรเพราะดูหนักแน่นไม่สดใสหรือให้ความหวังในแบบพระเอกชนะใสๆหรือตัวร้ายพลาดง่ายๆ คือจะว่าตัวฝั่งพระเอกก็ไม่ได้เป็นอะไรที่อยู่โทนขาวเสมอไปเพราะบางครั้งบางช่วงเราจะดูออกเลยว่ามีเล่ห์เหลี่ยมในตัวไม่แพ้กันและพร้อมจะทำในแบบที่ตัวร้ายทำได้อยู่เสมอเพื่อเอาชัย ก็อย่างว่าตามสไตล์ที่มืดหม่นไม่มีความชัดเจนนอกจากบอกได้ว่านี้คือคนที่ยังมีส่วนที่ดีกับไม่ดี ในขณะที่ Scanners บ่งบอกชัดมากในทางด้านพฤติกรรมที่ต่อให้ไม่ตั้งใจก็ถึงกับฆ่าคนตายได้ เจ้าความไม่ตั้งใจนี่แหละที่ทำให้คิดได้ว่าถ้าเกิดแกล้งทำเป็นไม่ตั้งใจจะเป็นยังไงล่ะ

Gremlins 2: The New Batch (1990) เกรมลินส์ 2 ปีศาจถล่มเมือง

Gremlins 2: The New Batch (1990)
เกรมลินส์ 2 ปีศาจถล่มเมือง
Director: Joe Dante
Genres: Comedy | Fantasy | Horror

สงสัยจะป่วนไม่พอเพราะคราวนี้กะจัดเต็มให้วายวอดไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว แต่อะไรนั้นคงไม่เท่ากับการสานต่อที่ต้องบอกว่ากะเอาฮามากกว่าชวนเป็นหนังสยองขวัญเสียอีก ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ความวุ่นวายจะมากขึ้น ชุลมุนยิ่งขึ้น และเซอร์ไพรส์ด้วยทีเด็ดยิ่งกว่าหนังตลกล้อเลียน Scary Movie ที่รวมหนังทีละนิดทีละหน่อยเป็นเรื่องเดียวกันอย่างงงๆที่ไม่รู้อัดไปได้ไง แต่กับ Gremlins 2: The New Batch อาจไม่เชิงว่าจะตั้งใจล้อเลียนไปซะทั้งหมดหากจะเป็นสะกิดต่อมชวนคิด โดยเฉพาะการแซวหนังแนวๆนี้ในทำนองที่หักเหยิ่งขึ้นแบบที่ภาคแรกได้ทำเอาไว้ด้วยการทำให้ทุกอย่างดูสดใหม่เกินกว่าหนังสัตว์โลกหน้ารักธรรมดาสมควรจะเป็นไม่ว่าจะตัวละครที่ทันต่อสถานการณ์ การเล่นในพื้นที่จำกัดแต่ใช้การอาละวาดได้อย่างทั่วถึง มุขที่ใส่มาถูกจังหวะจนไม่จัดว่าเกินหน้าเกินตากลายเป็นแนวตลกบ้าๆบอๆ และที่สำคัญสุดจนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำหนังเรื่องนี้ที่ทำให้ผู้ชมรู้ทันทีว่านี้แหละคือหนัง Gremlins คือกฎ 3 ข้อที่เป็นข้อห้ามทั้งหมด ไล่มาตั้งแต่ข้อแรกที่กล่าวเอาไว้อย่าให้โดนแสงเด็ดขาดเพราะจะฆ่ามันได้ ข้อที่สองอย่าให้โดนน้ำ และข้อสุดท้ายที่กลายเป็นหายนะถ้ารักษากฎไม่ได้ คืออย่าให้อาหารหลังเที่ยงคืนไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ซึ่งอีหรอบเดิมคือกฎเหล่านี้รักษาไม่ได้และหายนะความซวยก็มาถึง

Gremlins (1984) เกรมลินส์ ปีศาจแสนซน

Gremlins (1984)
เกรมลินส์ ปีศาจแสนซน
Director: Joe Dante
Genres: Comedy | Fantasy | Horror

"พร้อมจะดูแลรับผิดชอบไหมภายใต้กฎ 3 ข้อ โดยเฉพาะเวลาที่กลายเป็นพวกมัน คุณต้องรับผิดชอบมากกว่าเดิม"

นับเป็นหนึ่งในความอัศจรรย์ที่สุดที่รวมความสยองขวัญกับความน่ารักเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ความน่ารักไม่มีหรอกนะหากไม่ใช่เพราะ Steven Spielberg ซื้อบทหนังจาก Chris Columbus ที่ดั้งเดิมกะเอาโหดไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว แต่เมื่ออยู่ในมือของพ่อมดแห่งฮอลลีวู้ดคราวใดมันย่อมเปลี่ยนแปลงไม่พ้นเหมาะสมสำหรับเด็กด้วยเช่นกัน แม้จะรู้สึกแปลกไปบ้างเพราะดั้งเดิมนั้นเริ่มต้นด้วยสไตล์ระทึกขวัญอย่างที่เราพอจะเห็นอย่าง Jaws (1975) จนทำเอาต้องเลิกเล่นน้ำทะเลไปชั่วระยะหนึ่ง จนกระทั่งความชัดเจนได้ปรากฎในเรื่อง E.T. the Extra-Terrestrial (1982) ที่กลายเป็นว่าทำออกมาเหมาะสมกับเด็กเป็นอย่างยิ่งยวด ไม่สิต้องบอกเหมาะกับครอบครัวเสียด้วยซ้ำ ด้วยภาพลักษณ์หนังเอเลี่ยนที่มองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตกระหายการทำลายก็กลายเป็นอีกแบบที่แม้แต่เด็กยังเข้าใจได้ดีกว่าผู้ใหญ่บางคนจนเป็นการเปิดกว้างให้กับอวกาศที่ยังมีเผ่าพันธุ์เอเลี่ยนที่รักสงบและรู้ค่าของการมีชีวิตให้คุ้มค่า ถึงจะไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดมากนักแต่การสร้างความโด่งดังที่ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงแต่เป็นตัวหนังเพียวๆกับคุณภาพเรียกน้ำตานี่สิ กลายเป็นแม่แบบที่ดัดแปลงได้อย่างน่าชื่นชม เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่แรกๆหวังสยองขวัญโหดสุดๆกลับกลายเป็นความสยองนั้นคือเรื่องตลกแถมไม่แน่ว่าจะเรียกว่ามันคือความสยองได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่เห็นเป็นเพียงการป่วนเมืองเท่านั้น เป็นเพียงการอาละวาดให้ผู้คนตกใจกลัว ก็แบบกลัวจนอยู่ไม่ได้อ่ะ

Videodrome (1983) วีดีโครม

Videodrome (1983) | วีดีโครม
Director: David Cronenberg
Genres: Horror | Sci-Fi | Thriller
Grade: A+

เมื่อไรกันที่ชีวิตคนเราจะต้องมีเอี่ยวกับกับจอสี่เหลี่ยมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อไรกันที่จอสี่เหลี่ยมนี้มีอิทธิพลมากพอต่อการคุกคามชีวิต และเมื่อไรกันที่โลกความจริงกลายเป็นโลกเสมือนจริงต่อสายตาที่มองจอสี่เหลี่ยม แต่จะอะไรนั้นเรากลับบอกไม่ได้ว่าสิ่งที่กำลังดูมีผลเสียต่อเรายังไงบ้างในแง่การรับชมเพราะเราเลือกได้ว่าจะดูอะไรตามเจตนารมย์ของตัวเอง กระนั้นการเลือกด้วยสำนึกของตัวเองคงไม่พ้นเลยไปกับคำว่าปรารถนาหรืออยากเสียมากกว่าความสงสัย ถ้าในกรณีนี้คือการดูความรุนแรงที่มีการทำร้ายร่างกายจนได้เลือดของเหยื่อที่ร้องคร่ำครวญด้วยความทรมาน สิ่งที่เราคาดคิดคือจะเป็นยังไงต่อไปเกี่ยวกับเหยื่อรายนั้นที่จะกรี๊ดร้องต่อไปได้สักกี่น้ำหรืออาจได้เห็นอะไรที่แปลกใจมากขึ้น เรามีความสงสัยไหมว่าเกิดขึ้นได้ยังไงทั้งที่เราควรจะมองรายละเอียดในจุดนั้นซึ่งกลายเป็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่บางครั้งเราก็สงสัยทำไมต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ด้วย นั้นเพราะยังเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับเราที่บอกได้คือยังใหม่ ก็ลองให้กลายเป็นเรื่องปกติไปสิ เอาแบบหนังโป๊ที่ไม่รู้ว่าพระเอกกับนางเอกคือใคร รู้จักหรือไม่ เนื้อเรื่องมีหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ลงรายละเอียดไปที่จุดเดียวกับคำว่า "Porn" เราไม่เคยสงสัยมันจะเริ่มยังไงเพียงรู้อย่างหนึ่งคือเอกลักษณ์ของมันแล้วสิ่งนั้นเป็นแบบไหนต่อไปคือสิ่งที่เรากำลังคิดสงสัย

Riddick (2013) ริดดิค 3

Riddick (2013)
ริดดิค 3
Director: David Twohy
Genres: Action | Sci-Fi | Thriller

"กลับสู่รากเหง้า มาทางไหนกลับทางนั้น เผชิญหน้ากับความมืด"

ริดดิค (Vin Diesel) ตัวละครประเภทแอนตี้ฮีโร่ที่สุดแสนจะร้ายกาจกลับมาอีกครั้งเป็นครั้งที่สามหลังจากหนก่อนใน The Chronicles of Riddick (2004) โดนบ่นขนานหนักในทางเนื้อเรื่องว่าออกทะเลมากเกินไปจนแทบจะทิ้งเอกลักษณ์เช่นในภาคแรกแบบ Pitch Black (2000) ที่เป็นหนังแจ้งเกิดตำนานนักฆ่าผู้ถูกตามหมายหัวระดับจักรวาลที่มีค่าหัวแสนแพงและแพงยิ่งขึ้นหากจับตาย ทว่าชีวิตของริดดิคไม่เคยจะพบสุขสบายเลยแม้สุดท้ายจะขึ้นเป็นผู้นำเนโครมองเกอร์สในท้ายที่สุดก็ตามที เนื่องจากเขาเริ่มตระหนักในสิ่งที่ไม่คุ้นเคยว่านี้ไม่เหมาะกับชีวิตที่เขาควรจะเป็นอีกต่อไปแม้จะอยู่เป็นสุขในฐานะผู้นำที่มีการบริการถึงใจในแบบที่ใครได้ก็ล้นสุข สุดท้ายริดดิคยังคงเป็นริดดิควันยังค่ำและเขาชักอยากกลับบ้านเกิดของตัวเองเพื่ออย่างน้อยที่นั้นยังเป็นดาวที่ตัวเองได้เคยอยู่และใช้ชีวิตตั้งแต่เกิด ถึงแม้จะห่างไกลมานานและบ้านเกิดที่มีนามว่าดาวฟิวรี่จะถูกมองว่าโดนลบไปจากจักรวาลแต่เขาก็อยากเห็นกับตาตัวเอง จนใช้ฐานะผู้นำนี้เองสั่งให้ไปยังบ้านเกิดเมืองนอนเพราะหน่ายกับชีวิตเช่นนั้น เมื่อมาถึงทว่าสถานที่แห้งแล้งดังกล่าวกลับไม่ใช่ดาวบ้านเกิดของตัวเองและถูกทรยศจนพลาดท่าโดนทิ้งร้างบนดาวที่ไม่รู้จัก ตอนนี้เขาโดดเดี่ยวและเสื่อมสภาพหลังจากใช้ชีวิตในฐานะผู้นำเนโครมองเกอร์สมาสักระยะหนึ่งจนฝีมือกับสัญชาตญาณไม่ได้เก่งกาจเช่นก่อนอีกแล้ว ฉะนั้นเมื่อเขาต้องอยู่คนเดียวบนดาวที่ไม่รู้จักกับเอเลี่ยนที่แปลกหน้าตา สิ่งสำคัญคือปลุกริดดิคคนเดิมออกมา ปลุกความดิบตัวเองอีกครั้ง

The Conjuring (2013) คนเรียกผี

The Conjuring (2013)
คนเรียกผี
Director: James Wan
Genres: Horror | Mystery | Thriller

"พล็อตเรื่องเดิมๆ เนื้อเรื่องงั้นๆ หนังผีก็ยังคงเป็นหนังผีวันยังค่ำ มันจะมีอะไรใหม่ได้ถ้าไม่แหวกธรรมเนียมเดิม"

นี่คงเป็นประโยคสั้นๆเกี่ยวกับหนังผีที่ไม่ค่อยมีความสดใหม่อะไรนักนอกจากการทำให้ผู้ชมเกิดอาการตกใจกลัวประกอบกับเนื้อเรื่องที่สไตล์ใครสไตล์มันจะผีเฮี้ยน คำสาปแช่ง หรือตำนานอะไรก็แล้วแต่ล้วนหนีไม่พ้นการแหกกฎหลักวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อแสดงถึงการมีอยู่ที่นอกเหนือการควบคุมและเหลือเชื่อเพราะเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติที่อยู่เหนือการหยั่งรู้ด้วยความสมเหตุสมผล ฉะนั้นความน่ากลัวของหนังผีอย่างหนึ่งคือวิธีต่อกรที่ไม่รู้ว่าจะรับมือสิ่งที่ไม่รู้จักต่อหน้าได้ยังไง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือเหล่าภูติผีวิญญาณต่างไม่มีสสารในตัว ความสามารถอย่างหนึ่งของผีคือไร้รูปทรงให้สัมผัสหรือจะบอกว่าหายตัวก็ไม่เชิง จึงไม่แปลกว่าทำไมมีความรู้สึกคล้ายถูกจ้องมองตลอดเวลารวมถึงรู้ด้วยว่าเราจะทำอะไรต่อไปทั้งที่พยายามแอบแล้วก็ตาม ด้วยสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้มากมายประหนึ่งเวทมนต์ชั้นสูงที่ทำให้คนเรากลัวได้แม้จะมองไม่เห็นหรือโดนเล่นงานก็ตาม กระนั้นด้วยจิตใต้สำนึกยังคงบอกว่าอะไรคือสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่และสมควรจะกลัวสิ่งนั้นหรือไม่เพื่อหนีต่อสิ่งที่ไม่ควรประสบ หลักการทำงานก็เหมือนกับสัตว์ที่รู้จักชนชั้นว่าใครอยู่เหนือกว่าก็ควรหลบหนีเพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้าที่สูญเสีย ทว่ากับมนุษย์ที่คิดได้ด้วยสำนึกนั้นดูจะต่างจากการใช้สัญชาตญาณมากนัก เมื่อเจอสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จักจะเกิดข้อสงสัยกับรู้สึกไม่มั่นใจว่านี้คืออะไร กรณีกับผีคือสิ่งที่ไม่เห็นต้องไม่ได้ มันคือสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ นั้นเองจึงทำให้เกิดความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่อาจรับรู้ได้ สุดท้ายต่อสิ่งนี้เองทำให้เราเกิดอาการกังวลหวั่นไหวต่อสิ่งรอบข้างกลายเป็นถูกรุกรานอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

Air Force One (1997) ผ่านาทีวิกฤติกู้โลก

Air Force One (1997)
ผ่านาทีวิกฤติกู้โลก
Director: Wolfgang Petersen
Genres: Action | Drama | Thriller

จัดว่าเป็นหนังขวัญใจชาวอเมริกันทั้งหลายเลยก็ว่าได้เพราะอย่างแรกที่ชี้ชัดคือการเชิดชูผู้นำประเทศหรือประธานาธิบดีที่ได้กลิ่นอายเต็มเปี่ยมราวกับเป็นหนังของชาติไปเลยก็ไม่เชิง ซึ่งแน่นอนว่ากับชาติอื่นอาจมองหนังเรื่องนี้เป็นเพียงแอ็คชั่นเล่นสถานการณ์ที่จำกัดบนเครื่องบินแต่ก็แฝงความเป็นผู้นำที่เสมือนกับว่าเครื่องบินลำนี้ไม่ต่างกับประเทศที่มีประชาชนอาศัยอยู่ เราจะต้องเลือกว่าประเทศสำคัญมากแค่ไหนประชาชนต้องสำคัญกว่ามากเพราะประชาชนคือประเทศ ถ้าขาดประชาชนต่อให้ผู้นำเก่งแค่ไหนก็สู้ไม่ไหวเพียงเพราะตัวคนเดียว

The Karate Kid (2010) เดอะ คาราเต้ คิด

 
The Karate Kid (2010)
เดอะ คาราเต้ คิด
Harald Zwart 
Genres: Action / Drama / Family / Sport
www.imdb.com/title/tt1155076/
Grade: B 

เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ตัวหนังดันไม่ความเป็นคาราเต้สักนิดเพราะตลอดวิชาฝึกป้องกันล้วนมีแต่กังฟูจนน่าเปลี่ยนชื่อเป็น The Kung Fu Kid อาจจะเหมาะสมกว่ากันเยอะ แต่ถ้ามองโดยหลักพื้นฐานสักหน่อยในเรื่องการฝึกฝนวิชาป้องกันบางทีเรื่องของคาราเต้อาจเป็นจุดเล็กๆที่อยู่ในกังฟูก็เป็นได้ เพราะอย่าลืมสิว่าหลักของกังฟูไม่ได้มาจากอะไรแต่หากมาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะท่าทาง การเคลื่อนไหว ตลอดจนการโต้ตอบที่ลอกเลียนมาจากการเคลื่อนของสัตว์จนออกมาเป็นวิชา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากังฟูจะเหนือกว่าคาราเต้หรือคาราเต้เหนือกว่ากังฟูเว้นแต่กรณีกับตัวผู้ใช้ว่ามีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด จะคาราเต้ของญี่ปุ่นหรือกังฟูจากจีนสุดท้ายแล้วทั้งสองวิชาต่างขึ้นชื่อเรื่องวิชาป้องกันเป็นเลิศ ทว่าด้านกลยุทธ์เรื่องพลิกแพลงอาจต้องยกให้กังฟูที่มีหลากหลายรูปแบบ แต่ขณะเดียวกันคาราเต้ยังมีทักษะที่จับจุดตายได้ทันทีด้วยเช่นกัน ส่วนเหตุผลที่ทำไมพล็อตเรื่องถึงเปลี่ยนไปจากตัวต้นฉบับเมื่อปี 1984 จากคาราเต้มาเป็นกังฟูนั้นส่วนนึงน่าจะมาจากเนื้อเรื่องที่ไปเมืองจีน

Transformers: Age of Extinction (2014) ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 4: มหาวิบัติยุคสูญพันธุ์

 
Transformers: Age of Extinction (2014) | ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 4: มหาวิบัติยุคสูญพันธุ์
Director: Michael Bay
Genres: Action | Adventure | Sci-Fi

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ว่ากันว่าเป็นภาคสุดท้ายที่ทางผู้กำกับ Michael Bay จะสร้างเอาไว้หลังจากกลืนน้ำลายตัวเองทั้งที่ควรจะจบลงไปแล้วตั้งแต่ภาค Transformers: Dark of the Moon (2011) ซึ่งเป็นอันสิ้นสุดไตรภาคศึกสงครามระหว่างออโต้บอทส์กับดีเซปติคอนส์เสียที ทว่าเจ้าตัวยังคงยืนยันในทำนองว่านั้นเป็นภาคสุดท้ายของเส้นเรื่องแรกเท่านั้นโดยครั้งนี้จะเป็นการนำไปสู่เส้นเรื่องใหม่ที่ไม่มีความเกี่ยวโยงในศึกสงครามระหว่างสองพวก หรือจะเรียกว่านำไปสู่การเริ่มต้นในเส้นเรื่องใหม่ก็ไม่เชิง แม้จะฟังดูไม่ขึ้นเท่าไหร่ ทั้งนี้ทั้งนั้นคงเพราะรายได้จากภาคสามทำไปไม่น้อยถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจนเรียกว่ากอบโกยได้เยอะโครตรจากหนังหุ่นยนต์แปลงร่างชุดนี้ คงไม่แปลกใจถ้าเรื่องเกินคาดจะทำให้เกิดภาคใหม่ตามมาอีกครั้งซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายจริงเท็จแค่ไหนหลังจากดูจบสิ่งที่ได้คำตอบจะปรากฎให้เห็นว่าสิ่งที่ผู้กำกับกำลังเล่นอยู่นั้นคือจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ถ้ารายได้งามทะลุเป้าเมื่อไหร่เราไม่ต้องคิดเลยว่าจะหาเนื้อเรื่องอะไรมาเล่าหากมีการทิ้งปมประเด็นเอาไว้ให้ผู้ชมเกิดอาการสงสัยจนใครๆต้องร้องขอเพราะเนื้อเรื่องยังเคลียร์ไม่จบนี่นา

All Is Lost (2013) ออล อีส ลอสต์

All Is Lost (2013)
ออล อีส ลอสต์
Director: J.C. Chandor
Genres: Action | Adventure | Drama

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

หรือจะเรียกเป็นหนังทรมานคนแก่ก็คงไม่เชิงหากไม่ใช่ว่า Robert Redford ต้องมาแสดงคนเดียวทั้งเรื่องโดยมีสภาพเกินกว่าคนหนนุ่มจะสู้ได้ โดยเป็นไปตามเนื้อเรื่องที่่ลงเอยด้วยการเล่นอยู่คนเดียวท่ามกลางมหาสมุทรอินเดียอันแสนกว้างใหญ่ไพศาล เราไม่รู้เลยว่าลุงแกมาทำอะไรที่นี้ มาเพื่ออะไร ไปแห่งไหน รู้แค่ว่าล่องเรือมาไกลจนกระทั่งเซอร์ไพร์สด้วยการชนเข้ากับตู้คอนเทนเนอร์ที่ไม่รู้ว่าหลุดลอยมาจากไหนจนเรือเป็นรูอย่างไม่ทันระวังหรือคาดฝันมาก่อนว่าต้องเจอสักนิดเดียว นั้นจึงเป็นปัญหาของคนแก่ที่มีภาระด้วยการซ่อมเรือที่โดนชนจากอุปกรณ์เท่าที่มีในเรือก่อนเรือจะจบเพราะน้ำเข้า ซึ่งคนแก่คนนี้ไม่ได้ตกใจหรือหวาดกลัวต่อความเดียวดายแต่อย่างใดนอกจากการใช้สมองครุ่นคิดไปกับปัญหาชิ้นใหญ่ที่ทะลวงเรือเป็นรูนี้ว่าควรจะปิดมันยังไงให้เรือออกมาแล่นเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งแน่นอนว่าตลอดช่วงเวลานั้นเราไม่เห็นลุงแกทำอะไรนอกจากคิดหาวัสดุอุปกรณ์มาประดิษฐ์ซึ่งแกก็หาและทำสำเร็จในการปิดช่องว่างนั้นอย่างสบายใจหลังจากเคร่งเครียดมาสักระยะหนึ่ง

The Taking of Pelham 1 2 3 (2009) ปล้นนรก รถด่วนขบวน 123

The Taking of Pelham 1 2 3 (2009)
ปล้นนรก รถด่วนขบวน 123
Director: Tony Scott
Genres: Action | Crime | Thriller
 
มาเข้าเรื่องกับหนังทริลเลอร์ชั้นดีอีกเรื่องหนึ่งที่เสียตอนจบเพราะง่ายไปหน่อย ทว่าการเริ่มเรื่องตลอดจนกลางเรื่องคือความสนุกที่ระทึกใจไม่ใช่น้อยเพราะแนวๆนี้เป็นของถนัดของผู้กำกับ Tony Scott อยู่แล้วในการสร้างสถานการณ์ให้ออกมาดูซีเรียสเป็นหลัก โดยตัวหนังน่าจะป็นการรีเมคจากของเก่าเมื่อปี 1974 โดยเนื้อเรื่องเกิดขึ้นจากกลุ่มคนร้ายจี้รถไฟใต้ดินแห่งนครนิวยอร์ก สายเพแลห์ม 123 ซึ่งมีเพียงวอลเทอร์ การ์เบอร์ (Denzel Washington) พนักงานการรถไฟที่พบสถานการณ์จับตัวประกันที่รู้ตัวก่อนใครเพื่อนและมีการเจรจาจากไรเดอร์ (John Travolta) หนึ่งในนั้นได้เรียกข้อเสนอค่าไถ่ด้วยเงินสดจำนวนมหาศาลให้จ่ายเงินมาภายในเวลา 15.15 น. มิเช่นนั้นจะฆ่าคนหนึ่งต่อนาทีหนึ่งที่หายไป ก็สั้นๆกระชับใจความทั้งหมดเนื้อเรื่องก็มีอยู่แค่เท่าที่บอกคือมาจี้ตามด้วยเรียกค่าไถ่ ไม่มีอะไรมากสำหรับพล็อตเรื่องเช่นนี้ที่นอกจากทั้งหมดจะมัดอยู่กับที่เพื่อสร้างแรงกดดันแล้วก็หาความแตกต่างอะไรเลย แต่เหมือนการยังอยู่กับที่จะกลายเป็นความลุ้นของเรื่องนี้มิใช่น้อยที่ดุเดือดเผ็ดดุเรียบเรียงได้อย่างว่องไวจนลืมไปเลยว่าความเก่าของหนังยังคงสดทางอารมณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลง

The Collection (2012) จับคนมาเชือด

The Collection (2012) | จับคนมาเชือด
Director: Marcus Dunstan
Genres: Horror | Thriller
 
ถ้าสงสัยว่าจุดประสงค์ที่เกิดขึ้นใน The Collector (2009) มันคืออะไรกันแน่เพราะมาถึงก็เล่นกับดักทั้งบ้านอย่างไม่ทันตั้งตัวแถมยังจบด้วยการจับอาร์กิ้น (Josh Stewart) พระเอกของเรายัดใส่กล่องในตอนจบคล้ายจะมีภาคต่อ(ซึ่งก็นี้แหละ)อย่างหน้าตาเฉย(มันใส่หน้ากาก)จนเกิดเป็นคำถามที่หาคำตอบบทสรุปที่แท้จริงไม่เจอจนเป็นเหตุให้หนังออกมาอ่อนเรื่องของบทที่ยังปล่อยให้ผู้ชมออกอาการงงๆนอกจากบอกว่าชอบสะสมคน แต่หนนี้ได้กลับมาพร้อมกับคำตอบอย่างจริงจังว่าที่แล้วมาการจับคนยัดใส่กล่องไปนั้นเป็นความตั้งใจเพื่ออะไรกันแน่และกับดักที่ทำไมชอบวางนักก็เพื่อหาสิ่งที่สมบูรณ์แบบนั้นแหละ มาเข้าเรื่องอย่างไม่รอช้ากับเจ้าโรคจิตนักสะสม (Randall Archer) ที่กลายเป็นคนดังไปแล้วในกลุ่มนักข่าวและตำรวจจนเป็นที่ต้องการอย่างเร่งด่วนเพราะฆ่าคนเอาไว้เยอะ โดยส่วนตัวค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยที่เรื่องเริ่มเล่าแบบนั้นเนื่องจากภาคแรกเป็นหนังเกรดบีฟอร์มเล็ก พูดถึงก็เหมือนหนังสยองขวัญทั่วๆไปที่ปรับแต่งเนื้อเรื่องให้จุดเด่นอย่างเรื่องกับดัก กรณีเดียวกับ Saw ที่เป็นเกมส์ ซึ่งจากเหตุการณ์ในหนแรกไม่ได้ดูโด่งดังอะไรอย่างที่คิดถ้าจะเป็นกระแสขนาดนั้นได้ แต่เมื่อเจ้านักสะสมลงมือก็เข้าใจทันทีว่าการกลับมาครั้งนี้มันเหี้ยมกว่าก่อนมาก

The Collector (2009) คืนสยองต้องเชือด

The Collector (2009) | คืนสยองต้องเชือด
Director: Marcus Dunstan
Genres: Horror | Thriller

ชอบหนังที่เกี่ยวกับเกมส์หรือกับดักบ้างไหม ถ้าชอบก็พอจะนึกได้ว่าใช่ Saw หรือเปล่าที่เป็นแบบนั้น แต่เอาจริงๆเรื่องนี้ก็ถือมีส่วนคล้ายๆแบบนั้นด้วยเช่นกันแต่ไม่ใช่รูปแบบของเกมส์ที่ให้ตัดสินเลือกแต่เป็นกับดักที่เลือกให้โดนเสียมากกว่า สำหรับเรื่องนี้ได้ผู้กำกับที่เขียนบท Saw มาก่อนตั้งแต่ภาค 4-7 ดังนั้นรับประกันคอซาดิสต์ได้เลยว่าต้องมีอะไรเซอร์ไพรส์เลือดเนื้อหลุดกันบ้างอย่างแน่นอนแต่จะยังไงนั้นไปดูเรื่องย่อกันหน่อยเพราะเข้าขั้นเรียกว่าดวงซวยของแท้เลยโดยเฉพาะตัวเอกของเรา อาร์กิ้น (Josh Stewart) ที่ไปปล้นบ้านผิดหลังเพราะบ้านนี้ถูกเจ้าโรคจิตนักสะสม (Juan Fernandez) จ้องอยู่ก่อนแล้ว โดยก่อนหน้านี้ไม่ได้ตั้งใจจะมาปล้นหรอกแค่ตามสืบส่องภายในบ้านว่าเป็นยังไงของที่ตัวเองต้องการอยู่ตรงไหน(มันก็ปล้นนี่) แต่เรื่องมีที่มาต้นเหตุคือต้องการเอาไปใช้หนี้พวกนอกระบบเพื่อเมียและลูกๆที่กำลังจะหนีออกนอกเมืองเพราะหาเงินมาใช้คืนไม่พอ แต่อาร์กิ้นก็นึกได้ว่ายังมีวิธีอยู่ซึ่งคือการปล้นนี่แหละและเขาเองก็มีเวลาจำกัดสัญญาเอาไว้ว่าภายในเที่ยงคืนจะเอาของมาให้ จนสุดท้ายลงเอยด้วยการเข้าบ้านง่ายชำนาญทางเพราะวิชางัดแงะแต่ออกยากเพราะใครไม่รู้วางของเล่นทั้งหลัง จึงเป็นการฉะระหว่างโจรผู้ย่องเบากับโรคจิตผู้ชอบ(กับ)ดัก แต่ความเจ๋งอยู่ที่การดวลของทั้งสองในความมืดยามราตรีไร้แสงไฟและสารพัดสิ่งประดิษฐ์ที่จบชีวิตได้ทันที ทุกย่างก้าว ทุกสิ่งที่มองเห็นแต่ไม่สังเกต ล้วนคืออันตรายที่คร่าชีวิตได้อย่างสบายๆในทันทีเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ไม่มีเหลือ แต่เรื่องของเรื่องคือเมื่อเข้าบ้านมาแล้วกลับออกไม่ได้นี่สิ งานนี้ต่อให้ปล้นได้แต่สงสัยจะสมหวังยาก
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)