What Happened to Monday (2017) 7 เป็น 7 ตาย

What Happened to Monday (2017) | 7 เป็น 7 ตาย
Director: Tommy Wirkola
Genres: Action | Adventure | Crime | Fantasy | Mystery | Sci-Fi | Thriller
Grade: B

ชื่อหนังอาจจะดูตลกปนน่าสงสัย แต่เดิมทีใช้ชื่อว่า Seven Sisters ที่พูดถึงตัวละครกันแบบตรงๆตามพล็อตเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงทั้งเจ็ด จนกระทั่ง Netflix มาซื้อไปลงฉายทำให้เปลี่ยนชื่อให้เข้ากับประเด็นความน่าสงสัยของหนัง ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในอนาคตที่โลกประสบวิกฤติการใช้พลังงานจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการแก้ปัญหาจึงต้องจำกัดคนในครอบครัวที่คงบุตรเอาไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่มีพี่น้องจะต้องนำไปแช่แข็งเพื่อรอวันที่ทรัพยากรพร้อมแก่ทุกคน ทว่ากฎระเบียบนี้ไม่ได้ใช้กับทุกคนเพราะยังคงเหลือแฝดที่หลบซ่อนถึง 7 คน


ประเด็นทรัพยากรขาดแคลนและประชากรโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆคือสิ่งเก่าที่ไม่ได้มีพล็อตสดใหม่ อีกทั้งยังเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกิดขึ้นจริงได้ทั่วทุกมุมโลก ทว่าปัญหาจัดการประชากรล้นโลกเป็นไปได้ยากที่จะควบคุมให้อยู่ในขอบเขตเพราะมีเรื่องของศีลธรรมมาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ว่าทางไหนก็ตามถ้าไม่ลดความต้องการทรัพยากรลงก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่ต้องแย่งกันเพื่อความอยู่รอด ฉะนั้นการควบคุมความต้องการทรัพยากรของโลกจึงเริ่มที่ต้นเหตุจากประชากรมนุษย์ โดยวิธีนั้นคือการควบคุมจำนวนบุตรให้เหลือเพียงหนึ่งเดียว สำหรับคนที่เกิดที่หลังจะถูกแช่แข็งเพื่อรอทดแทนหรือทรัพยากรโลกเพียงพอแก่ทุกคน คำถามคือเพื่อโลกแล้วจะยอมผลัดพรากคนที่ตัวเองรักหรือไม่

หนังไม่ได้พูดถึงการคุมกำเนิด ฉะนั้นการเลือกให้ตัวละครเป็นแฝดหน้าตาเหมือนกันและเกิดในเวลาไล่เลี่ยกันแทนที่จะเป็นพี่น้องเกิดคนละช่วงเวลาก็นับเป็นการอุดช่องว่างการให้กำเนิดคนที่สองทั้งที่มีกฎหมายบังคับ ทว่าดูเกินจริงไปหน่อยที่จะมีฝาแฝดหน้าตาเหมือนกันถึง 7 คน กระนั้นในความไม่น่าเป็นไปได้นี้กลายเป็นจุดดึงดูดให้น่าติดตาม โดยเฉพาะ Noomi Rapace ต้องรับบทที่แตกต่างออกไปตามบุคลิกที่ไม่เหมือนกันเลยสักคน ทำให้ความ Identity เป็นจุดเสน่ห์ของนักแสดงที่เห็นได้หลายแบบในเรื่องเดียวกัน


Noomi Rapace ต้องรับบทเป็นแฝดถึง 7 คนที่ไม่เหมือนกันเลยสักคน ไม่ว่าจะการแต่งกาย ท่าทาง อุปนิสัย และความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งการแสดงไม่ใช่อุปสรรคที่จะโชว์ความสามารถนี้ให้ออกมากลมกลืนเป็นคนละคนอย่างน่าเชื่อถือ ที่สำคัญยังทำได้เนียนตา ไม่ว่าจะตัดต่อ การพูดคุย การร่วมฉากเดียวกัน เหมือนได้เห็นแฝดจริงๆ อีกทั้งยังทำให้ง่ายต่อการจดจำด้วยชื่อตามวันที่ลงตัวกับจำนวนตัวละครด้วยชื่อ Monday,Tuesday,… and Sunday นับเป็นไอเดียที่ค่อนข้างลงตัวและน่าสนใจไม่น้อย

แต่ด้วยความเป็นแนวดิสโทเปียจึงเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าหดหู่และสู้ชีวิต เนื่องจากไม่อาจออกไปใช้ชีวิตสู้โลกภายนอกเหมือนคนอื่นได้จากกฎระเบียบที่ไม่อนุญาติให้มีพี่น้อง ฉะนั้นการใช้ชีวิตจะเวียนวนไปตามวันที่ตรงกับชื่อ เช่น วันจันทร์เป็นของ Monday วันอังคารเป็นของ Tuesday วันอาทิตย์เป็นของ Sunday เมื่อตรงกับวันไหนและของใครจะถึงรอบของคนนั้นออกไปใช้ชีวิตภายนอก แต่มีข้อกำหนดร่วมกันว่าจะต้องเป็นคนๆเดียวกันภายใต้ชื่อ"คาเรน เซตต์แมน" ซึ่งได้วนเวียนใช้ชีวิตมา 30 ปี จนกระทั่ง Monday ได้หายตัวไป ทำให้ที่เหลือต้องตัดสินใจตามหาโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกไล่ล่า


Glenn Close มารับบทเป็น ดร.เคย์แมน ที่สร้างบรรทัดฐานคุมประชากรก่อนที่จะกลืนกินทรัพยากรของโลกจนไม่เพียงพอให้กลับมามั่นคงและมีกินมีใช้อีกครั้ง ซึ่งถ้ามองในแง่ของมนุษยชาติย่อมเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องรักษาอนาคตให้ยาวนาน ทว่าเป็นเรื่องที่ต้องแลกมาด้วยการกดขี่ ใครมีลูกมากกว่าหนึ่งคนจะต้องเสียสละคนที่เหลือเพื่อรักษาทรัพยากรในส่วนของคนเหล่านั้นให้แก่คนอื่นใช้กินใช้อยู่ต่อไป แต่วิธีนี้เป็นวิธีหนึ่งที่จะรักษาทรัพยากร นับเป็นวิธีที่ดี แต่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด บางทีอาจมีหนทางอื่นในการใช้ทรัพยากรให้คงเหลือ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นกับแต่ละคนว่าจะรู้สึกประหยุดมากน้อยเพียงใด บางทีคนที่อยู่อาจเป็นคนสิ้นเปลืองใช้เท่ากับสองคนหรือมากกว่าด้วยซ้ำ

Willem Dafoe มารับบทเป็น เทอเรนซ์ เซตต์แมน หรือตาของฝาแฝดทั้งเจ็ดที่พยายามปลุกปั้นเลี้ยงดูมาในโลกที่มีกฎระเบียบเพื่อรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถาการณ์ น่าเสียดายที่ไม่ได้โชว์พลังการแสดงมากเท่าไรนัก อีกทั้งยังเผยรายละเอียดช่วงชีวิตค่อนข้างน้อย สิ่งที่เห็นเป็นเพียงบุคคลที่เสมือนครูมาสั่งสอนโลกภายนอก ปกป้อง และรักษา การจะให้ผูกพันด้วยความรักอาจจะไม่หนักแน่นอย่างที่หวังเพราะเล่าตรงตัวไปหน่อย แต่อย่างน้อยสิ่งที่ทำก็เพื่อความรักไม่ให้ความเป็นพี่น้องต้องแยกจากกัน


What Happened to Monday ช่วงแรกๆอาจจะต้องรอกันบ้างเพราะเป็นการปูเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน โดยเฉพาะการเล่าเรื่องของแฝดทั้งเจ็ดที่เปิดเผยการใช้ชีวิตที่ออกไปทำงานข้างนอกแบบผลัดวันสลับไปมาและจุดเด่นของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน แน่นอนว่า Noomi Rapace แสดงได้ดีสามารถสร้างจุดเด่นของตัวละคร ซึ่งเป็นคนเดียวที่แบกรับตลอดทั้งเรื่องให้เป็นไปตามบทต่างๆ พอมาเรื่องแอ็คชั่นนับว่าดุเดือดมีความมันส์ที่เพียงพอ(แม้จะรู้สึกช่วงท้ายจะง่ายไปหน่อยทั้งที่พยายามทำให้ยากมาตลอด) น่าเสียดายในส่วนของบทสรุปเป็นไปอย่างรวดเร็ว ปมประเด็นที่วางมาเฉลยโดยง่าย กระนั้นในความง่ายเต็มไปด้วยความเจ็บปวด โดยเฉพาะความจริงเรื่องจำกัดประชากรที่มีบุตรเกิน ใครจะไปคิดว่าจะโหดร้ายและเด็ดขาดขนาดนี้

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)