Stage Fright (1987)

Stage Fright (1987)
Director: Michele Soavi
Genres: Horror | Thriller
Grade: B

หนังสยองขวัญจากอิตาลีที่ทำให้สูตรเดิมๆดูมีเรื่องน่าลุ้นน่าตื่นเต้นพอสมควร ซึ่งเรื่องทั้งหมดเริ่มต้นในคืนของ อลิเชีย (Barbara Cupisti) ที่ต้องซ้อมบทละครเพื่อแสดงบนเวทีที่ใกล้ถึงในเร็วๆนี้ แต่ไม่ทันไรได้มีฆาตกรโรคจิตหลุดออกมาจากโรงพยาบาลและมีเหยื่อถูกฆ่าแถวนั้นอีกด้วย ทว่าการซ้อมละครเวทีไม่ได้สิ้นสุดลงและต้องซ้อมต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฆาตกรตัวจริงได้โผล่มาและฆ่าทุกคนภายใต้หน้ากากนกฮูก


ชื่อหนังในภาษาอิตาลีคือ Deliria และมีชื่ออื่นๆอีกคือ Bloody Bird,Aquarius และ Sound Stage Massacre แม้ไม่รู้ทำไมมีหลายชื่อ แต่ถ้าให้ดูเอาจากลักษณะเด่นคงไม่พ้นเรื่องหน้ากากนกฮูก(จริงๆไม่ใช่หน้ากาก แต่คือหัวนกฮูกที่เอาไว้สวม) ที่นอกจากสะดุดตาค่อนข้างมากแล้วยังเดาทิศทางของตัวฆาตกรได้ยากตามไปด้วย ซึ่งตัวหนังได้เกริ่นๆที่มาที่ไปของฆาตกรรายนี้ว่าเป็นอดีตนักแสดงและฆ่ามาแล้วหลายศพ ถ้าให้มองข้อเปรียบเทียบระหว่างเหยื่อกับตัวฆาตกรคงไม่พ้นเรื่องความตึงเครียดในอาชีพนักแสดง

เนื้อเรื่องจะพูดถึงเหล่านักแสดงที่ต้องซ้อมแล้วซ้อมอีกจนกว่าจะเป็นที่พึงพอใจของผู้กำกับ แน่นอนมีคนที่ชอบและไม่ชอบสลับกันไป แต่ใครจะไปชอบถ้าต้องเหนื่อยแล้วเหนื่อยอีก ยิ่งเกิดเรื่องมีคนตายอยู่ใกล้ๆจะไปซ้อมการแสดงก็กระไรอยู่ กระนั้นจะทำยังไงให้ถูกใจผู้กำกับเป็นเรื่องยากเพราะสิ่งสำคัญที่อยากได้คือเสียงชื่อและกำไร สิ่งนี้เหมือนตัวสะท้อนเส้นทางอาชีพนักแสดงที่ถูกกดดันและเครียดตลอดเวลา ไม่ว่าจะเพื่อนร่วมงานหรือตัวผู้กำกับล้วนมีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป


ตัวฆาตกรไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึง แต่สิ่งที่เห็นและนำมาเปรียบเทียบมาจากการทำงานในวงการที่กดดัน ทำให้สูญเสียสุขภาพจิตกลายเป็นคนโรคจิต เทียบกันแล้วการได้เพื่อนร่วมงานที่ดีและการทำงานเป็นกันเองย่อมมีความสุขมากกว่า ถึงเรื่องกฎระเบียบจะน้อยแต่ได้ความลงตัวมากกว่าการสร้างกฎข้อบังคับที่อาจดูเรียบร้อยเป็นการเป็นงานจริง แต่มาพร้อมกับความซีเรียสอยู่ไม่น้อย ฉะนั้นการเข้าทำงานไม่ว่าจะใจรักมากแค่ไหนต้องดูเพื่อนร่วมงานกับหัวหน้าหรือลักษณะงาน เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดว่าเราควรอยู่หรือไปมากน้อยแค่ไหน ขณะเดียวกันต้องอย่าลืมข้อดีข้อเสียของตัวเองที่อาจประเมินเอาจากคนอื่นจนลืมประเมินตัวเอง

กลับมาที่ตัวหนังต้องรู้สึกชื่นชมอยู่ไม่น้อยเพราะไม่ค่อยรู้สึกขัดใจเรื่องตัวละครที่ต้องถูกฆ่าอย่างง่ายดายเพราะความงี่เง่า ซึ่งหนังสยองขวัญมักหาหนทางให้ตัวละครตายในแบบที่ไม่ควรและสิ้นคิดเพื่อขายความสยองความโหดเป็นหลัก สำหรับเรื่องนี้ตัวละครพอมีหัวคิดความฉลาดอยู่บ้างและที่สำคัญอยู่กันเป็นกลุ่มตลอด การที่ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปทำให้ลุ้นระดับหนึ่งแม้ไม่ถึงกับเกินความคาดหมายเลยก็ตามที สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างคือความโหดและมันส์กับการไล่ฆ่าที่มารวดเดียว น่าเสียดายที่รวดเดียวเฉพาะกลางเรื่องกับที่เหลือในช่วงสุดท้ายเหมือนไม่ค่อยมีอะไรเล่าและพยายามต่อเพื่อให้หนังยาว แต่ยังไงถือว่าทั้งลุ้นทั้งสนุกแม้จะพล็อตเดิมๆ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)