![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjxNMu3RCQgpdhgRnbQIW3w06o8VmJAj3EpFs9GH1BdLsFVKx5vg9FPkBihb4OVUr0dpQfRuPKOM-c9eu21UPMaxSwrxm9_rAkM_uyh1EO19U0V72uLjafzd22PC6es5E_x-emCju7-p94/s640/alpha_ver2.jpg)
Alpha (2018) | ผจญนรกแดนทมิฬ 20,000 ปี
Director: Albert Hughes
Genres: Action / Adventure / Drama / Family
Grade: B-
จะว่าสนุกก็สนุก แต่เอาตามใจตัวเองจริงๆคือธรรมดาไปหน่อย หลายอย่างดูค่อนข้างเนิบนาบและเอื่อยเฉื่อย ไม่ลุ้นตื่นเต้นมากสักเท่าไร ในส่วนการผจญภัยถือว่าน้อยมากๆกับยุคสมัยที่น่าจะมีความแปลกตามากกว่านี้ แต่ในแง่ของความสมจริงถือว่าทำได้ดีในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยเฉพาะการอ้างอิงยุคสมัยโฮโม เซเปียนส์ (Homo Sapiens) ที่พูดถึงมนุษย์โครมันยอง (Cro-Magnon) เกี่ยวกับวิถีชีวิตของมนุษย์ในยุคนั้นๆ
เนื้อเรื่องพูดถึงเคดา (Kodi Smit-McPhee) เด็กหนุ่มที่ต้องออกล่าสัตว์หาอาหารเป็นครั้งแรก แต่เพราะยังเด็กและน้อยประสบการณ์จึงทำอะไรด้วยความลังเล ไม่กล้าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต กระทั่งในวันที่ออกล่าครั้งใหญ่ทำให้ตัวเองพลัดพรากจากกลุ่มและคิดว่าเขาได้เสียชีวิตลงไปแล้ว การเดินทางกลับบ้านของเคดาจึงเริ่มต้นขึ้นและเขาต้องใช้จากสิ่งที่เรียนรู้เอาตัวรอดด้วยตัวเองให้ได้
สไตล์หนังกึ่งเอาตัวรอด แต่เป็นการเอาตัวรอดที่โบราณและดั้งเดิมตามยุคสมัยที่หนังพูดถึง มีตั้งแต่การใช้หินแกะสลักเป็นคมหอกคมดาบ การสร้างไฟด้วยการเสียดสีของไม้ เครื่องนุ่งห่มจากหนังสัตว์ การตั้งถิ่นฐานอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม แต่ที่เซอร์ไพรส์มากที่สุดคือภาษาที่ใช้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะแปลหรือเข้าใจ เนื่องจากประดิษฐ์ภาษาขึ้นเอง แน่นอนว่าการใช้ภาษาอะไรสักอย่างในยุคนั้นย่อมไม่ใช่สิ่งมีในยุคปัจจุบัน จึงไม่แปลกหากต้องอ่านซับไตเติ้ลเพื่อความเข้าใจ(ถ้าฟังเสียงต้นฉบับ)
สไตล์หนังกึ่งเอาตัวรอด แต่เป็นการเอาตัวรอดที่โบราณและดั้งเดิมตามยุคสมัยที่หนังพูดถึง มีตั้งแต่การใช้หินแกะสลักเป็นคมหอกคมดาบ การสร้างไฟด้วยการเสียดสีของไม้ เครื่องนุ่งห่มจากหนังสัตว์ การตั้งถิ่นฐานอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม แต่ที่เซอร์ไพรส์มากที่สุดคือภาษาที่ใช้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะแปลหรือเข้าใจ เนื่องจากประดิษฐ์ภาษาขึ้นเอง แน่นอนว่าการใช้ภาษาอะไรสักอย่างในยุคนั้นย่อมไม่ใช่สิ่งมีในยุคปัจจุบัน จึงไม่แปลกหากต้องอ่านซับไตเติ้ลเพื่อความเข้าใจ(ถ้าฟังเสียงต้นฉบับ)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhOrJqYhgNgMnNSQZK-Oj6tgE8Qc7T5lKSXwpgel2W7RriB54YI2uiW3MEL9kC5FqSHJ5W5Db2M6tuFiE0zDA0nh3iWmXTBLsYACXAMmD4-y2clbbc6dPoYHJqfKMIreNBUzLdNn4IWvk4/s640/AlphaFeat.jpg)
กระนั้นการสื่อสารของตัวละครไม่ใช่เรื่องยากหรือดูซับซ้อนเพราะเล่าง่ายย่อยง่าย แม้ภาษาจะแปลกหูไปบ้างก็มีการดำเนินเรื่องที่เข้าใจด้วยอารมณ์ความรู้สึกและท่าทาง ดังเช่นที่เคดานำหมาป่าที่บาดเจ็บมารักษาก่อนจะมีความผูกพันมากยิ่งขึ้น แม้จะไม่สมเหตุสมผลที่เอามารักษาทั้งที่ตัวเองก็ย่ำแย่ ทว่าการปูปมตัวละครที่รักสงบจึงเป็นสิ่งที่ชี้ว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น แต่จุดเริ่มต้นทั้งสองเริ่มจากการเป็นศัตรู การเข้าหากันยังไม่สนิทหรือเชื่อใจกันได้ การดำเนินเรื่องจึงเล่าไปในทางซื้อใจ เมื่อเริ่มไว้ใจและร่วมทางไปด้วยกันก็กลายเป็นความสัมพันธ์ประหนึ่งญาติพี่น้องที่พึ่งพาอาศัยช่วยเหลือกันและกัน
ชื่อหนัง Alpha ไม่ได้มาจากชื่อของใคร หากเป็นชื่อหมาป่าที่เคดาตั้งชื่อให้ ซึ่งการดำเนินเรื่องไม่ได้เน้นไปที่เจ้าของชื่อมากเท่าไรนัก แต่บทสรุปหนังกำลังจะบอกว่าอุปสรรคที่เคดาเจอและรอดมาได้เพราะหมาป่าตัวนั้น อีกทั้งตอนจบยังเป็นการสื่อนัยๆว่าจุดเริ่มต้นระหว่างมนุษย์กับหมาป่ามาจากครั้งนี้ ทำไมกลายเป็นสัตว์เลี้ยง ทำไมต่างคนต่างอยู่ถึงร่วมมือกันได้ทั้งที่ต่างสายพันธุ์ และทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์อะไรกันบ้าง นับเป็นความประทับใจที่ไม่มาก แต่ความเป็นไปและที่มาทำได้ลงตัว
ชื่อหนัง Alpha ไม่ได้มาจากชื่อของใคร หากเป็นชื่อหมาป่าที่เคดาตั้งชื่อให้ ซึ่งการดำเนินเรื่องไม่ได้เน้นไปที่เจ้าของชื่อมากเท่าไรนัก แต่บทสรุปหนังกำลังจะบอกว่าอุปสรรคที่เคดาเจอและรอดมาได้เพราะหมาป่าตัวนั้น อีกทั้งตอนจบยังเป็นการสื่อนัยๆว่าจุดเริ่มต้นระหว่างมนุษย์กับหมาป่ามาจากครั้งนี้ ทำไมกลายเป็นสัตว์เลี้ยง ทำไมต่างคนต่างอยู่ถึงร่วมมือกันได้ทั้งที่ต่างสายพันธุ์ และทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์อะไรกันบ้าง นับเป็นความประทับใจที่ไม่มาก แต่ความเป็นไปและที่มาทำได้ลงตัว
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgioSe7ScGn3MIKZjw6DIoNEJxiYUksfLgd6HJKyV17uEVkKLG0w33Eo9gI6C-rcklqfLQqA2yhCqTIdO5KUmmuuzftrmc-UfdjzC_4i55_h18v74eEUsaGvLi_77ctGDFm3arBtXt6Gk0/w402-h640/alpha_poster_goldposter_com_28.jpg)