Con Air (1997) ปฏิบัติการแหกนรกยึดฟ้า

Con Air (1997)
ปฏิบัติการแหกนรกยึดฟ้า
Director: Simon West
Genres: Action | Crime | Thriller

หลายคนที่สัมผัสเรื่องอาจบอกไม่ได้ว่าไม่สนุกสักฉาก เพราะทั้งเรื่องอัดด้วยแอ็คชั่นลุ้นระทึกที่มันส์มากๆแถมยังโดดเด่นด้านคาแรกเตอร์ตัวละครที่มัดใจผู้ชมอย่างสะใจทั้งฝ่ายผู้ร้ายที่ร้ายสมใจอยาก ทั้งฝ่ายพระเอกที่กดดันและเท่เสมอทั้งเรื่อง แต่สิ่งที่ทำให้ Con Air เป็นที่น่าจดจำมากที่สุดคือนักแสดง Nicolas Cage ในมาดแบบพระเอกแอบร้ายที่ผู้ชมต้องเชื่อแน่ๆว่านี่แหละสุดยอดขวัญใจพระเอกแอ็คชั่นที่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นที่ลงตัวกับตัวตนอย่างมาก ส่วนจะมันส์แค่ไหนนั้นขอการันตีก่อนเลยว่าคอแอ็คชั่นมีพลาดอาจจะเสียใจอีกนาน


เชื่อไหมว่าพล็อตมันธรรมดาอย่างมากจนไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ ทว่าการเดินเรื่องทำได้มันส์มาก และนั่นเองที่ผู้ชมรับอรรถรสอย่างเต็มอิ่มกับฉากแอ็คชั่นแบบเต็มพิกัด พล็อตก็คือโดนจี้เครื่องบินที่โดยสารนักโทษเต็มลำแล้วพยายามหลบหนีไปไกลๆเพื่อหาทางอิสระ แต่กลายเป็นว่าพระเอกดันติดแหงกหลงไปกับกลุ่มนักโทษด้วย ทีนี่เขาจึงต้องหาทางหยุดการหลบหนีของนักโทษให้ได้ พล็อตธรรมดาอย่างที่บอกเลยใช่ไหมล่ะ งั้นลองมาฟังเนื้อเรื่องเต็มๆดูบ้าง เริ่มที่คาเมรอน โพ (Nicolas Cage) นายทหารที่พึ่งกลับมาถึงบ้านเพื่อหาทริเซีย (Monica Potter) เมียอันที่รัก แต่เกิดเรื่องน่าเศร้าสะเทือนใจเกิดขึ้นเมื่อโพพลั้งมือฆ่าคนโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากมีพวกขี้เมามาก่อกวนหาเรื่องเขา และโพเองจำต้องปกป้องเมียสุดที่รักจนต้องต่อสู้กันในที่สุด ซึ่งผลลัพธ์คือโพฆ่าคนเพราะป้องกันตัว ทว่าศาลตัดสินจำคุกด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นทหารผ่านการฝึกฝนมาจึงถือว่าเป็นบุคคลอันตราย เนื่องด้วยทักษะฝีมือที่ทำให้คนอื่นถึงแก่ความตาย ทำให้โพต้องจำคุกอยู่นานหลายปี กลายเป็นเรื่องน่าสลดเมื่อคนดีๆอย่างโพแค่มาหาเมียที่กำลังท้องอ่อนๆด้วยความยินดีกลับต้องกลายเป็นเรื่องโศกนาฏกรรมไปซะได้

หลายปีผ่านไประหว่างอยู่ในคุกในที่สุดโพก็พ้นโทษได้รับการปล่อยตัว ทางการได้เตรียมตัวพาเขากลับสู่อิสรภาพอีกครั้ง โดยอาศัยติดไปกับเครื่องบินขนนักโทษที่คัดระดับวายร้ายตัวเอ้ระดับพระกาฬอย่างสุดขั้วมารวมอยู่ด้วยกันเพื่อส่งต่อไปคุกที่อื่น ระหว่างที่เครื่องบินขับไปด้วยดีไร้ปัญหา ทุกอย่างอาจวุ่นวายไปบ้างกับนักโทษที่ไม่สำนึกก็จัดการให้นิ่งสงบลงได้ด้วยวิธีของผู้คุมนักโทษ แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อการขนนักโทษสุดร้ายกาจได้รวมไปถึงการยึดเครื่องบินด้วย ซึ่งหัวโจ้กคือไซรัส กริสซั่ม (John Malkovich) จ้าวไวรัสจอมโหด นักวางแผน และการทำลายล้าง ทั้งนี้ยังพร้อมด้วยพักพวกอีกกลุ่มที่ประกอบด้วยตัวเด่นๆอย่างไดมอนด์ ด็อก (Ving Rhames) ชายร่างโตที่สะใจกับการฆ่า,บิลลี่ เบดแลม (Nick Chinlund) มือขวาจอมโหดของไซรัส และจอห์นนี่ 23 (Danny Trejo) ก่อคดีฆ่าและข่มขืนผู้หญิงมา 23 ศพ โดยทั้งหมดเป็นแผนของไซรัสจอมหัวกระทิที่กะจะปล้นยึกเครื่องบินพร้อมกับพวกๆสุดโฉดกลับสู่อิสระออกนอกประเทศอเมริกา นักโทษคนอื่นอาจจะยินดียินดาแต่โพไม่เลย เขากำลังจะได้กลับบ้านแล้วแท้ๆเรื่องอะไรจะมาจากลูกเมียอีก คราวก่อนซวยเพราะความผิดพลาดของตัวเอง งานนี้บังเอิญเจอเหตุการณ์พาซวยโดนยึดเครื่องแทน หนทางเดียวคือเขาจำต้องอำพรางตัวเองแฝงตัวเข้าไปจัดการทีละคน โดยอ้างว่าจะร่วมมือด้วยคนเพราะไม่อยากติดคุกไปอีก 15 ปี ที่โพยอมทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเพื่อให้ตัวเองรอดไปหาลูกเมียเพียงอย่างเดียว เพราะเขามีเพื่อนๆที่กำลังต้องการเข็มฉีดยาอินซูลินที่อีกไม่กี่โมงคงอาจถึงตายได้กับเจ้าหน้าที่ดีๆที่ถูกควบคุมตัวเอาไว้ ซึ่งเขาที่รักความถูกต้องจึงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อยื้อเวลาพร้อมหาทางแก้ปัญหาไปด้วย และถ้าทำสำเร็จเขาจะพบอิสระไปพบหน้าเมียที่เขารัก และลูกที่ตอนนี้โตเป็นเด็กน่ารักวัย 7 ขวบ แต่จะไปรอดมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นกับโพเพียงคนเดียวว่าจะทำสำเร็จหรือไม่กับนักโทษตัวร้ายทั้งลำที่มีเพียงเขาที่เล่นบทพระเอกอยู่คนเดียวในเครื่องบิน


กลับมาที่ตัวหนังมีเนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน หนักไปทางเร้าอารมณ์ด้วยแอ็คชั่นเน้นมันส์เป็นหลัก แต่แอ็คชั่นที่ว่านี้ไม่ได้มันส์ระเบิดระเบ้อแค่พอเอาหอมปากหอมคอที่ขนมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่มันส์ที่พอดีเท่านั้นยังรวมถึงการผสมมุขตลกร้ายๆเพิ่มสีสันของเรื่องให้ออกสนุกและกลมกลืนเป็นเรื่องเป็นราว ที่น่าปรบมือคือผู้กำกับ Simon West ที่สร้างงานชิ้นแรกได้ออกมาดีเยี่ยม มีความต่อเนื่อง ไม่ทิ้งช่วงให้เบื่อเลยสักนิด ทั้งนี้ยังได้ผู้อำนวยการ Jerry Bruckheimer มาร่วมงานจัดการเรื่องแอ็คชั่น ซึ่งโดยปกติจะร่วมมือกันสองคนกับ Don Simpson แต่เกิดเสียชีวิตไปก่อนจะมาจัดการเรื่องนี้ซะอีกจึงกลายเป็นหน้าที่เดี่ยวๆของ Jerry Bruckheimer ที่คุ้มเข้มในผลงานเรื่องนี้ที่ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจและโอเคตามสไตล์แบบนี้มาก นอกจากฝีมือกำกับดีแล้วยังได้ดาราฝีมือดีอีกด้วย และมันทำให้มีเรื่องราวน่าเตะตาผู้ชมเป็นอย่างมาก ยิ่งพวกตัวร้ายๆนี่ต่างแสดงเอกลักษณ์ของตัวเองออกมาได้อย่างน่าชนใจ ไม่เหมือนตัวร้ายอื่นๆที่ไม่มีอะไรน่าสนใจนอกจากเป็นตัวโกง คือจะบอกว่าตัวร้ายต่างสามารถเรียกร้องบทบาทของตัวเองให้ออกมาโดดเด่นได้โดยไม่ต้องแยกแยะว่านี่หัวหน้านี่ลูกน้อง และที่สำคัญคือความฉลาดที่หัวไวพอๆกับพระเอก จะว่าวายร้ายที่โดดเด่นและเก่งที่สุดคือไซรัส ในเรื่องนอกจากจะเป็นจอมวางแผนยึดเครื่องบินแล้วยังหัวไวในเรื่องการตัดสินใจให้รอบคอบ อย่างตอนที่ยิงถล่มเหล่าทหารตำรวจจนราบคาบก็เป็นแผนของไซรัสเพียงคนเดียว จัดว่าเป็นตัวร้ายที่เก่งกาจเอาเรื่อง แต่เสน่ห์ความร้ายอำมหิตมาจากนักแสดง John Malkovich ที่เล่นได้เข้ากับคาแรกเตอร์นี่อย่างเหลือเชื่อ หน้างี้บอกยี่ห้อดาวร้ายมาแต่ไกล รวมถึงสีหน้าเดาใจยากที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดวางแผนอะไรอยู่ลึกๆกันแน่ นับเป็นตัวร้ายอันดับหนึ่งในเรื่องที่ประมาทไม่ได้เลย

อย่าว่าแต่ไซรัสที่ว่าร้ายเลย เพราะอย่าลืมสิว่าเครื่องบินทั้งลำล้วนเป็นนักโทษมาจากคุกที่มีประวัติโชกโชนกันทั้งนั้น อย่างไดมอนด์กับบิลลี่ที่โผล่หน้าโผล่ตาชูรสหนังให้ร้ายยิ่งขึ้น ซึ่งต่างพากันโชว์บทบาทของตัวเองได้ดีจนมองไม่ออกว่าคือลูกน้องของไซรัส แต่ที่ประมาทไม่ได้คือจอห์นนี่ 23 ที่พยายามฉวยโอกาสได้แต้ม 24 กับตัวเอง เพราะในเครื่องบินมีผู้คุมเป็นผู้หญิงอยู่คนหนึ่งชื่อแซลลี่ บิชอพ(Rachel Ticotin)ถูกจับตัวอยู่ และเป็นหน้าที่ของโพที่หาเหตุผลมาใช้ไม่ให้เกิดเรื่องขึ้น และส่วนใหญ่จะยุติด้วยกำลังเสมอ ในเรื่องยังมีอีกหลายตัวละครที่พากันอวดลวดลายของตัวเองจนเป็นที่น่าจดจำ


แต่ที่แยกซีนเป็นตัวของตัวเองเห็นจะเป็นการ์แลนด กรีน (Steve Buscemi) ที่มีบทบาทของตัวเองแบบมาแปลก และจัดยาวเรื่องของตัวเองกว่าตัวร้ายอื่นๆที่ดูจะลึกลับไม่ใช่น้อย แล้วเชื่อไหมล่ะว่ามองแวบแรกที่เห็นตัวละครนี้ถูกมัดมือมัดเท่าปิดปากกับเก้าอี้ในชุดขาวทำให้นึกถึงสุดยอดฆาตรกรรายหนึ่งแห่งโลกหนัง นั้นคือฮันนิบาล เล็กเตอร์ ทั้งบุคลิกท่าทางมาแบบเงียบๆนิ่งๆสายตาชวนอำมหิต เป็นอะไรที่เหมือนมาก แถมยังบทพูดของตัวเองที่ฟังไม่เป็นภาษาคน หรือจะบอกว่าพูดอะไรของมันก็ไม่รู้เหมือนจะใช้ศัพท์วิชาการเชิงปรัชญาเข้าใส่ ซึ่งโพที่นั่งข้างๆยังทนฟังไม่ไหวกับสิ่งที่เจ้านี้พูดเลย

ทีแรกเหมือนตัวละครจะมาโหดแต่พอดำเนินเนื้อไปได้เรื่อยๆเริ่มจะออกดูน่ารักไปซะแทน ซึ่งจะยังไงเดี๋ยวชมเอาจะได้รู้ทันทีโดยอย่างยิ่งตอนจบ นี่ถ้าเกิดเป็นนักแสดง Anthony Hopkins มาเล่นสงสัยอาจได้ระเบียบไทม์ไลน์ใหม่ และมันคงจะชวนอำมหิตสุดๆถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ(ถ้าเป็นนั้นจริง เชื่อว่าคงไม่มีใครสนใจตัวละครตัวอื่นแน่) วิธีการเลือกให้สมบทบาททั้งภาพลักษณ์และคาแรกเตอร์ขนาดนี้คงต้องปรบมืองามๆให้กับการเลือกนักแสดงแต่ละคนมาเล่นที่วางได้เหมาะสมทุกระเบียบนิ้ว ทั้งหน้าตา ความโฉด การแสดง รูปลักษณ์ ทั้งหมดมันก็ผู้ร้ายดีๆที่เห็นปุ๊ปรู้ปั๊ป


มาฝ่ายพวกพระเอกบ้างที่แน่นอนว่าถ้าให้ Nicolas Cage เป็นตัวเอกคนเดียวอาจจะฟังไม่สมเหตุผล เลยต้องใส่ตัวละครเรียกดารานักแสดงมากันคับคั่งอย่าง John Cusack ที่โผล่มาหล่อเท่ไม่แพ้บทพระเอกตัวจริงในบทเจ้าหน้าที่จัดการเครื่องบินวินซ์ ลาร์กินที่เก่งฉลาดหัวไวไม่น้อยกว่าหรือจะพอๆกับพระเอกด้วยซ้ำ และยังมีเจ้าหน้าที่จอมอวดเก่งดันแคน มัลลอย (Colm Meaney) ที่กลายเป็นตัวละครทำเสียเรื่องเสียราว เวลาฉะกับวินซ์นี่สิที่อันนี้บอกได้เลยว่าคู่แค้นคู่กัด ช่วยให้มีเรื่องนอกเครื่องบินไม่ชวนจำเจได้ดี แต่เห็นว่าจะเป็นตัวฮามากกว่าโดยเฉพาะฉากที่ทำได้สุดแสนจะสะใจกับรถบินได้ อย่าว่าแต่เอาแอ็คชั่นเป็นหลักเลยเพราะความฮายังถูกใส่ออกมาเป็นระยะๆที่เข้าท่าเข้าทาง ไม่มากหรือน้อยเกินไป อารมณ์ประมาทดูเพลินไม่ติดขัด เช่นเดียวกับการเลือกตัวละครต่างๆให้ออกมาตามจังหวะที่ลงร่องลงรอยแบบไม่มีใครเด่นเกินไปหรือน้อยเกินไป พูดได้ว่ามาได้เหมาะแก่เวลาและโอกาส คาแรกเตอร์ทุกตัวล้วนน่าจดจำกันเกือบหมด

ถึงแม้พล็อตเรื่องจะว่าง่ายแต่จุดที่ทำให้หลายคนประทับใจคือการเพิ่มมิติตัวละครให้น่าเอาใจช่วยเหลือ อย่างโพที่เขามาหาทริเซียหลังจากไปฝึกอยู่หน่วยทหารมานาน แต่กลายเป็นว่าเกิดเรื่องน่าเศร้าทำให้เขาติดคุก ตัวหนังเผยท่าทางของทั้งสองได้อย่างน่าอบอุ่นเป็นความรักที่บริสุทธิ์จนเกิดเรื่องนั้นแหละที่เป็นจุดผลิกของเรื่องราวทั้งคู่ให้แยกจากกันทั้งที่มาหาแท้ๆ ที่น่าเอาใจช่วยไปอีกคือฉากที่เห็นโพอยู่ในคุกมีลูกกรงปิดล้อมอยู่ที่ช่วงนั้นหนังใส่รายละเอียดเกี่ยวกับตัวโพที่ได้ลูกสาวผ่านการบรรยายของโพที่นับวันลูกสาวของตัวเองเริ่มค่อยเติบโตจนเขียนจดหมายโต้ตอบกับพ่อได้ เป็นแบบนี้จนกระทั่งวันปล่อยตัวมาถึง โพรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่แสดงผ่านสีหน้าเหมือนเกิดใหม่ ยิ้มแย้มแจ่มใส ฉากที่ลงรถแล้วสัมผัสลมหมายถึงการรับรู้ถึงอิสรภาพที่กำลังมาถึงตัวเขาในไม่ช้า ในหลายๆอย่าง Nicolas Cage แสดงได้ดี ชวนรับรู้ความอบอุ่นในตัวที่แสนนุ่มนวล จะว่าก็อดคิดถึงจอห์น แม็คเคลนใน Die Hard ไม่ได้เพราะความคล้ายคลึงที่ว่าหลงไปในเหตุการณ์แบบไม่คากฝัน ตัวเองกำลังจะได้อิสระไปสู่โลกภายนอกแล้วแท้ๆกลับต้องมาเจอเรื่องแย่ๆทั้งที่กำลังปล่อยวางซะนี่ สรุปว่าดวงไม่ดีเพราะมารผจญ(หลายตัว)


ดรตรีประกอบพาหนักแน่นได้จังหวะดี ที่ซาบซึ้งเห็นจะเป็นเพลงประกอบที่โผล่มาได้จังหวะสองครั้งสองคราแบบอินไปกับความน่ารักแสนอ่อนโยนระหว่างพ่อแม่ลูกกับเพลง How Do I Live ร้องโดย Trisha Yearwood ที่ลงตัวได้อย่างประหลาด ที่ว่าประหลาดคือปกติหนังแอ็คชั่นจะปักรายละเอียดไม่เสมอกันสักอย่าง พอแอ็คชั่นก็มันส์ซะมาก พอจะเรื่องตัวละครก็กลายเป็นตัวเอกกับตัวร้ายที่เด่นอยู่แค่ไม่กี่ตัว จะหามุมมองหรือวิสัยทัศน์อย่างอื่นหาไม่ค่อยมี แต่นี่มาอิ่มมาครบแม้ด้านสาระจะไปได้ไม่สุดในฐานะแอ็คชั่นเอามันส์ เนื่องด้วยหลายๆประการที่กล่าวมาแล้วนี่เป็นแอ็คช่นระดับต้นๆที่น่าสนใจ

ที่ชอบเห็นจะเป็นความตั้งใจของโพที่ผู้ชมมองออกว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร เพราะที่ทำก็เพื่อความรัก มีจุดมุ่งหมายอย่างอื่นอีกคือการช่วยเพื่อนที่กำลังป่วยด้วยโรคเบาหวาน ในหมู่นักโทษจำคุกจะมีเรื่องแบบนี้ได้หรือเปล่า ดังนั้นจะไม่ให้ผู้ชมนึกอยากเอาใจช่วยได้รึ นอกจากพระเอกหลักแลเวยังต้องวินซ์ในบทพระเอกรองที่พยามยามเอาใจใส่งานอย่างมีระเบียบ มีการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล และการกระทำของเขาก็ล้วนแต่ทำด้วยความฉับไวอย่างมีสติรอบคอบ ทั้งเรื่องมีแอ็คชั่นยิงมันส์ลุ้นระทึกและสนุกไปกับการวางแผนที่ต่างงัดไม้เด็ดของตัวเอง แล้วจะมีที่ไหนที่ Con Air จะไม่สนุกได้จริงไม่?


เสริมๆนิดนึงเกี่ยวกับชื่อหนัง Con Air ฟังๆอาจไม่มีความหมายอะไรมากคงประมาณเอาว่าเครื่องปรับอากาศ แต่เชื่อไหมว่าคำว่า Con คือคำแสลงที่เลวร้ายอย่างมากในฝรั่งเศสที่แปลว่าช่องคลอด และเพื่อไม่ให้ผลลัพธ์ออกมาดูแย่จึงตั้งชื่อว่า Les Ailes de l'Enfer หรือ The Wings of Hell เพื่อไม่ให้ดูหยาบคายเกินไป ซึ่งเป็นการดีแล้วที่อนุญาตเปลี่ยนชื่อได้ เพราะไม่งั้นคงกลายเป็นหนังแอ็คชั่นที่ชื่ออุบาทว์ที่สุดไปเลยล่ะ นอกจากนี้เพลงประกอบ How Do I Live ยังได้รับเข้าชิงรางวัลออสการ์ 2 สาขาคือบทเพลงยอดเยี่ยมกับบทเพลงยอดแย่

ความเห็นโดยส่วนตัวคือการเข้าชิงอย่างแรกคือเรื่องปกติ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าการเข้าชิงอย่างที่สองมันฟังดูแย่ตรงไหน คงไม่ดีแน่ถ้าได้รางวัล Razzie Award มาครองเพราะเพลงนี้ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเรื่องที่ชูหน้าชูตาตอนเริ่มเรื่องกับตอนจบที่ทำอินกับอารมณ์หนังได้ซาบซึ้ง น่าเสียดายที่ไม่ได้รางวัลยอดเยี่ยมดีเด่นอะไรมาครอง แต่ก็ดีกว่าได้รางวัลยอดแย่ที่สุดท้ายจะดีหรือแย่ก็ไม่ได้สักรางวัลติดมือ

ยังไงซะ Con Air คือหนังแอ็คชั่นที่น่าประทับใจอีกเรื่องหนึ่งที่ควรเก็บขึ้นหิ้งเอาไว้ ว่าแล้วหยิบมาชมดูอีกสักรอบดีกว่า

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)