![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgaWi3MpKjrmhByR24rQruiNxWmBmDfO-qj-Th7X9lKjP9aLnqv4PECb8GErrP25GiWg2BLcl0JCZWBfE9S8jVTF3wO7_sgOaLTGUE9_-JCLLZuzt-FX_FSEBDDxyCaHN1wR9syb0E5KlA/s640/adrift_ver2.jpg)
Adrift (2018) | รักเธอฝ่าเฮอร์ริเคน
Director: Baltasar Kormákur
Genres: Action / Adventure / Biography / Drama / Romance / Thriller
Grade: B-
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjE3rGz8lVg_o8d7Tn0df-v_b7CX8rVoj-y0OvEwgR0RrTgaow2pLal-ZLQ7y-dfKoHF6eA9Y2QpQD8Xu9OSqGWKND0v457GL-ilEwEE8nB1j_G4kwDRcL4CPbl1XBI2UyfkrXjY0sRmZU/w640-h269/giphy.gif)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRS0M-dTz-VOuyGcJDERUNsB-NNZ-HR8DkLY-ZM98TB-kGyFkWEXjurhPcz9_DZ39rgw4PbUQS14xUmSRjoEq8DVr3M-ctsrVXA4vCA1dkK36Pt1GdYyZIDuZmmWv2mNNNLjfhtOyCT9I/s640/005a657c.jpg)
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"
Adrift สร้างจากเรื่องจริง จากหนังสือ Red Sky in Mourning: A True Story of Love, Loss and Survival at Sea ที่เขียนโดย Tami Oldham จากประสบการณ์โดยตรงที่เจอกับความเลวร้ายของพายุจนเรือเสียหายหนัก ทำให้ต้องติดทะเลอยู่นานถึง 41 วัน นอกจากลำบากกายแล้วยังลำบากใจที่ต้องทุกข์ทรมาน เนื่องจากคู่รักได้หายตัวไปกับพายุ เหลือเพียงเธอเพียงลำพังกับความอาลัยอาวรณ์ถึงคนรักที่มิอาจห้วนคืน
ถ้าใครไม่รู้เรื่องจริงที่หนังอ้างอิงจะส่งผลต่อการดูพอสมควร โดยเฉพาะตอนจบที่นำไปสู่บทสรุปที่น่าหดหู่ หลายสิ่งดูเหงาไม่เหลือความหวังใดๆ ก่อนจะตัดภาพมาที่ชีวิตจริงของเจ้าของเหตุการณ์ ซึ่งฉากนี้ดูเรียบๆแต่เทียบกับสิ่งที่เจอมานับว่ากล้าหาญไม่น้อย เพราะไม่นึกว่าเหตุการณ์ที่เลวร้ายจากการนั่งเรือออกทะเลจะทำให้ใช้เรืออีก ที่สำคัญยังแปลงเป็นพลังสู้ชีวิตให้ก้าวต่อไป แม้ลึกๆจะเสียใจก็ไม่ลืมเก็บไว้เป็นประสบการณ์ให้ใช้ชีวิตสู้ต่อไป
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgeK0s6h89X8Y8G5MjTPomOS_qIvTd4_VeJXKRgE-cSpBQ95zHjRwgtgnpXGycbirqwlNO8-E35VN6p4StMy0LBlzT2wN6YWEACuBK93PkVSURJlHe2aDmMwx88IKif6iOXxPKlXxitAy0/s640/1941038.jpg-r_1920_1080-f_jpg-q_x-xxyxx.jpg)
ย้อนกลับมาที่ตัวหนังจะพบว่าต่อให้อ้างอิงจากเหตุการณ์จริงให้ดูสมจริงมากแค่ไหน สุดท้ายตลอดเนื้อเรื่องล้วนธรรมดา ยิ่งเป็นเส้นตรงยิ่งไม่เหลืออะไรให้น่าสนใจ ดังนั้นสิ่งที่ช่วยให้ตลอดการเล่าเรื่องเป็นไปอย่างไม่น่าเบื่อ คือการสลับเหตุการณ์ปัจจุบันกับอดีต แสดงให้เห็นไปเลยว่าทำไมทั้งสองถึงรักกัน เริ่มต้นจากไหนและจบลงที่ใด สลับช่วงเวลาระหว่างวิกฤติและผ่อนคลาย ขณะที่อีกด้านทุกข์จะมีด้านที่สุข ทำให้ลึกๆสัมผัสได้ถึงความเสียใจที่ไม่น่ามาเจออะไรเช่นนี้เลย
การเล่าเรื่องสลับเวลาช่วยยืดความน่าดูมากพอสมควร(แม้จะเรื่อยๆก็ตามที) รวมไปถึงบทสรุปที่สะเทือนใจของตัวละครกับการสูญเสียคนรัก แน่นอนว่าเป็นใครคงทำใจไม่ได้ที่คนรักจะจากไปต่อหน้า แต่สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้ไปต่อคือการนำคนที่จากไปเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองอยู่ต่อ ซึ่งบางคนท้อแท้ไม่อยากใช้ชีวิตอีกต่อไป แต่เรื่องนี้และชีวิตจริงของทามีไม่เป็นเช่นนั้น เธอใช้ชีวิตได้เพราะคนรักยังอยู่ในใจ คอยเป็นพลังให้แม้ไม่มีชีวิตอยู่จริงก็ตาม
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhxYP7Bh6VPir0ku3RcxdL8Iiw0rVy67psCZchBgs0YoIe5qY3qkUUS3oR1eKYkLRKeVwjMfJu7PUgkd_Zn_5WU-AYhAE78dWJ29C5nup29NAbIBtvB6bT6-0XxR2ML6iZjaU-0fnd4zoM/w431-h640/adrift.jpg)