แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 2000's แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 2000's แสดงบทความทั้งหมด

The Bare Wench Project (2000)

The Bare Wench Project (2000)
Director: Jim Wynorski
Genres: Comedy | Horror
Grade: F

*ไม่มีภาพประกอบ

ไม่ต้องสงสัยว่าหนังเรื่องนี้ตั้งใจจะแซวเรื่องอะไร เพราะไม่ว่าจะชื่อหรือพล็อตเรื่อง แม้กระทั่งปกของหนังเองยังบ่งบอกถึงหนังต้นฉบับ The Blair Witch Project (1999) อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องหันซ้ายหันขวาว่าใช่เรื่องนี้แน่เหรอ แน่นอนว่าคือใช่ ทั้งเป็นการล้อเลียนได้อย่างกระจุยกระจายชนิดที่ว่าเสื้อผ้าหายไปทีละชิ้นสองชิ้นทุกครั้งที่ยิ่งดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ ความฮาของการล้อเลียนเรื่องนี้คือความช่างกล้าที่เลือกหยิบหนังระดับขึ้นหิ้งมาใช้ได้อย่าง..เอิ่ม..แทบจะไม่มีเค้าความน่ากลัวของเดิมอยู่เลย แต่ไม่แปลกใจหรอกถ้าจะทำเพื่อล้อเลียนเพราะความคาดหวังแรกคือความฮา ซึ่งถามว่าฮาแค่ไหนอาจบอกว่าแทบหาไม่เจอ ขณะเดียวกันสิ่งที่ทนแทนมาคือเหล่านักแสดงที่รู้สึกจะเน้นเฉพาะจุดกันตั้งแต่ต้นเรื่องจนแทบทั้งเรื่องไปกับลูกกลมๆสองลูกที่มักจะเรียกลงท้ายนามว่า"เต้า"

Panic Room (2002) ห้องเช่านิรภัยท้านรก

Panic Room (2002)
ห้องเช่านิรภัยท้านรก
Director: David Fincher
Genres: Crime | Drama | Thriller
Grade: B+

การเล่าเรื่องเป็นไปอย่างรวดเร็วพอสมควรกับเรื่องนี้ที่เกริ่นตัวละครเพียงไม่กี่นาทีกับอพาร์ตเมนต์ที่พึ่งมาอยู่ใหม่ก็ต้องมีกลุ่มโจรเข้ามาในคืนวันแรกที่อาศัย จะบอกว่าเป็นความซวยของเม็ก อัลต์แมน (Jodie Foster) กับซาร่าห์ อัลต์แมน (Kristen Stewart) สองแม่ลูกคงไม่ผิด เนื่องจากพวกเธออยู่ผิดที่ผิดเวลาผิดแผนของโจรที่ตั้งใจมาแบบเงียบๆไร้คนอาศัยที่อุตส่าห์คิดล่วงหน้าตามแผนของจูเนียร์ (Jared Leto) ที่ต้องการมาขโมยเงินที่ซ่อนอยู่ในบ้านหลังนี้พร้อมกับผู้ช่วยอีกสองโจรคือราอูล (Dwight Yoakam) และเบิร์นแฮม (Forest Whitaker) แต่ที่พิเศษกว่าบ้านทุกหลังคือมีห้องนิรภัยที่ออกแบบมาอย่างดีเยี่ยมพร้อมการป้องกันเสริมด้วยเหล็กหนาที่ไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้ง่ายๆ ทว่าเรื่องของเรื่องคือเม็กไม่ชอบห้องนิรภัยที่สำหรับเธอคือความน่ากลัวและเหมือนว่าห้องที่คิดว่าไม่จำเป็นห้องนี้ต้องถึงคราวจำเป็นซะแล้ว

Sympathy for Lady Vengeance (2005) เธอฆ่าแบบชาติหน้าไม่ต้องเกิด

Sympathy for Lady Vengeance (2005) | เธอฆ่าแบบชาติหน้าไม่ต้องเกิด
Director: Chan-wook Park
Genres: Crime Drama Thriller
Grade: A-

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

นี่คือไตรภาคชุดแก้แค้นของผู้กำกับ Chan-wook Park ที่เริ่มต้นกันที่ Sympathy for Mr. Vengeance (2002) และสานต่อใน Oldboy (2003) โดยยึดแกนหลักสำคัญของเนื้อหาคือการแก้แค้น ในส่วนของเรื่องราวจะไม่ต่อเนื่องหรือประติดประต่อกลายเป็นหนังคนละเรื่องที่มีเนื้อหาทับซ้อนแค่การล้างแค้นเท่านั้น ฉะนั้นการจะหยิบภาคใดภาคหนึ่งมาดูก่อนหรือหลังย่อมไม่ส่งผลกระทบใดๆทั้งสิ้น ยกเว้นในเรื่องของการแฝงนัยยะตัวละครที่พบว่ามีการใช้นักแสดงคนเดิม และเมื่อใช้นักแสดงคนเดิมจะทำให้เห็นนัยยะแฝงที่พยายามอิงความสัมพันธ์บางอย่างจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เคยเป็นตัวละครในหนังเรื่องนั้น บางคนเคยเป็นคู่แค้นได้กลายเป็นเพื่อน บางคนคือผู้ล้างแค้นกลายเป็นผู้ถูกกระทำ บางคนคือผู้พรากชีวิตของใครสักคนได้ถูกพรากคนสำคัญไป บางคนคือเหยื่อของความแค้นที่กลายเป็นต้นเหตุ สิ่งเหล่านี้เสมือนวัฏจักรที่วนเวียนราวกับกรรมที่สนองในสิ่งที่กระทำ จะเกิดก่อนหรือเกิดหลังก็ได้ แต่สุดท้ายยังเป็นเรื่องที่วนเวียนไม่จบสิ้น

Sympathy for Mr. Vengeance (2002) เขาฆ่าแบบชาติหน้าไม่ต้องเกิด

Sympathy for Mr. Vengeance (2002) | เขาฆ่าแบบชาติหน้าไม่ต้องเกิด
Director: Chan-wook Park
Genres: Crime | Drama | Thriller
Grade: A

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"จบแบบนี้มันทำร้ายจิตใจกันเกินไปหรือเปล่า"

เอาจริงๆเลยนะสำหรับเรื่องนี้ไม่คิดเลยว่าตอนจบจะลงเอยอะไรเช่นนั้นได้ จะว่าหักมุมก็คงใช่ จะไม่ว่าก็ถือว่าถูก เหมือนจู่ๆมีบุคคลที่สามโผล่มาอย่างทันระวังตัวแล้วฉึก! โดนเสียบหลังเข้าอย่างจังเหมือนเป็นความเจ็บปวดที่ทำอะไรไม่ถูกเพราะโดนแทงกระดูกสันหลังจนต้องร่วงโรยตามแรงโน้มถ่วงอย่างมิอาจฝืนหรือหยุดอะไรได้ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่รู้สึกเจ็บแต่ปวดที่สุด แต่กว่าหนังจะจบลงด้วยการทำร้ายจิตใจจนพังยับเยินแค่ต้นเรื่องนำไปสู่การสูญเสีย เกลียดชัง โลภ เห็นแก่ตัว อย่างไม่แคร์ความรู้สึกผู้ชมว่าจะรับได้มากน้อยแค่ไหน ถึงจะรับได้หรือไม่นั้นสุดท้ายสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นกับทุกคนทุกสังคม โดยเฉพาะสภาพสังคมที่มีความหลากหลายเกินจะแบ่งประเภทอยู่กันได้ ท้ายที่สุดต้องอยู่รวมกันแบบบ้านหลังหนึ่งมีหลายห้องให้อาศัยหรือคอนโดที่ต่างคนต่างมาอยู่จนไม่รู้ใครเป็นใครเพราะมากมายหลายประเภท หนึ่งในความแตกต่างนั้นคือริว (Ha-kyun Shin) ที่มีความผิดปกติเรื่องการสื่อสารเพราะเป็นใบ้ ไม่ว่างานจะเสียงดังแค่ไหนก็ไม่ได้ยิน ใครจะว่ายังไงก็แทบไม่สนใจหรือทำเป็นได้ยินทั้งสิ้น

Oldboy (2003) เคลียร์บัญชีแค้นจิตโหด

Oldboy (2003) | เคลียร์บัญชีแค้นจิตโหด
Director: Chan-wook Park
Genres: Action | Drama | Mystery | Thriller
Grade: A

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ว่าด้วยการแก้แค้นของโอแดซู (Min-sik Choi) ชายที่ถูกจับขังในห้องปิดตาย แต่เรื่องราวก่อนที่ถูกจับขังอย่างไร้เหตุผลนั้นได้เริ่มในคืนที่เขาเมาเหล้าจนต้องเข้าโรงพักก่อนจะถูกประกันตัวเพื่อไปงานวันเกิดลูกสาวตัวเอง หลังจากนั้นถึงรู้ตัวอีกทีเมื่ออยู่ในห้องที่ไม่สามารถไปไหนได้นอกจากช่องเปิดปิดสำหรับส่งอาหารที่มีเพียงเกี๊ยวซ่าเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรถึงถูกขังในห้องปิดตายได้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง ไม่มีรายละเอียดหรือเหตุผลใดที่ทำให้ต้องถูกทรมานในห้องแคบๆได้ ยิ่งโอแดซูคิดมากเท่าไรยิ่งไม่มีความหมาย เพราะอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้ กระทั่งเวลาได้ล่วงเลยไปหลายปีจนสภาพไม่ต่างกับคนข้างถนนที่มีผมเผ้ารุงรังและใบหน้าที่ที่มีรอยย่นมากขึ้นเพราะไม่อาจใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทว่าถึงผมจะยาวขึ้นจนดูแย่แค่ไหนยังคงได้รับบริการพิเศษตัดผมให้ด้วยการใช้แก๊สสลบเข้าไปในห้อง แน่นอนว่าถึงพยายามจะทำให้ตัวเองเกือบตายแค่ไหนยังได้รับการรักษาให้หายดีตลอดเวลา ราวกับว่าโอแดซูถูกเลี้ยงในกรงให้ใช้ชีวิตต่อไปโดยห้ามตายเด็ดขาด

Ninja Assassin (2009) นินจา แอซแซสซิน แค้นสังหาร เทพบุตรนินจามหากาฬ

Ninja Assassin (2009)
นินจา แอซแซสซิน แค้นสังหาร เทพบุตรนินจามหากาฬ
Director: James McTeigue
Genres: Action | Thriller
Grade: B-

ช่วงแรกของหนังเนี้ยทำได้น่าสนใจจนเกือบมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประเภทของเรื่องนี้ที่ให้โทนราวกับหนังสยองขวัญมีแต่ความน่ากลัวเต็มไปหมด โดยเฉพาะความรุนแรงของการต่อสู้ที่ให้ความรู้สึกเกิดอาการเอียนได้ทันทีกับคนไม่ชอบเลือด ในตอนเปิดเรื่องจะเป็นการบอกถึงความน่ากลัวของนินจาที่มีหน้าที่สังหารเป้าหมายโดยไม่มีใครเหลือรอดสักคน แน่นอนว่าเปิดเรื่องมาพอจะเดาแนวได้กับการเกริ่นความเป็นนินจาที่เก่งกาจแค่ไหน ซึ่งความเก่งที่ฆ่าคนนี่แหละกลายเป็นความบันเทิงที่ยิ่งกว่าจะดูเอามันส์เพียวๆเพราะเล่นฆ่ากันแบบแขนขาด ขากระจุย หัวหลุด เลือดสาด ที่ต้องเน้นย้ำหน่อยเห็นจะเป็นเลือดที่ขนอะไรไม่รู้กันมามากมายชนิดที่ว่าฟันทีหนึ่งเลือดจะกระเด็นไม่ต่างกับลูกโป่งที่ใส่น้ำ เมื่อลูกโป่งแตกคือน้ำกระจาย ทำนองเดียวกับเลือดที่กระจายจนมันส์มือคนทำเทคนิค CGI ที่ใส่ได้อารมณ์เต็มเหนี่ยวเรื่องความรุนแรง แม้จะเกือบกลายเป็นหนังสยองขวัญแต่อดคิดไม่ได้เลยในความโหด โดยเฉพาะฉากเครื่องซักผ้าเป็นอะไรที่ผิดคาดและถ้าใส่ในหนังสยองขวัญจะเป็นอะไรที่เข้ายิ่งกว่าเข้าเสียอีก

The Orphanage (2007) สถานรับเลี้ยงผี

The Orphanage (2007)
สถานรับเลี้ยงผี
Director: J.A. Bayona
Genres: Drama | Horror | Mystery | Thriller
Grade: A
 
จริงๆมันคือหนังผีแต่น่าจะเป็นประเภทแค่วิญญาณธรรมดามากกว่าเพราะไม่น่าเชื่อว่าตอนจบจะทำให้"ผี"เป็นเพียงส่วนประกอบที่อิงเอาจาก"ความเชื่อ"ส่วนบุคคล เนื่องจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกินความคาดหมายเอาไว้พอสมควร ไม่แปลกใจเลยที่ The Orphanage หรืออีกชื่อ El Orfanato จะเป็นหนังสเปนที่ได้รางวัลภายในประเทศหรือรางวัลโกย่าไปถึง 7 สาขา โดยเข้าชิงทั้งหมดถึง 14 สาขาเลยทีเดียว แต่ก่อนจะมาเป็นความสะพรึงต้องย้อนกลับไปที่เรื่องราวของลอร่า (Belén Rueda) อดีตเด็กกำพร้าที่ตอนนี้มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมหน้าพร้อมตา มีทั้งคาร์ลอส (Fernando Cayo) สามีที่รักเธอ และซิโมน (Roger Príncep) ลูกชายเพียงคนเดียวที่รักเท่าชีวิต ครอบครัวที่สุขสันต์ได้ย้ายอาศัยมายังบ้านหลังใหม่ที่เดิมคือสถานรับเลี้ยงเด็กที่ลอร่าเคยมาอยู่สมัยยังเด็ก ทุกอย่างไปได้ดีจนกระทั่งซิโมนเริ่มมีพฤติกรรมเกี่ยวกับเพื่อนไร้ตัวตน แน่นอนว่าคาร์ลอสที่เป็นถึงหมอมองเป็นปกติของช่วงวัยเด็กเพราะเป็นเรื่องของจินตนาการ ทว่ากับลอร่าไม่มองเช่นนั้นเพราะรู้สึกเกินความรู้สึกของเด็กที่อยากสนุกอย่างเดียว หลายอย่างดูจริงจังมากไปเหมือนเพื่อนในจินตนาการมีตัวตนจริงๆก็ไม่เชิง และที่ผิดปกติคือซีโมนรู้ความจริงบางอย่างที่ทำให้ลอร่าต้องตกใจเมื่อความลับที่ปิดเอาไว้รู้กันแค่เธอกับคาร์ลอสถูกเปิดเผยว่าซีโมนไม่ใช่ลูกแท้ๆและกำลังป่วยเป็นโรค HIV ซึ่งเขากำลังจะตาย

Flightplan (2005) ไฟลท์แพลน เที่ยวบินระทึกท้านรก

Flightplan (2005)
ไฟลท์แพลน เที่ยวบินระทึกท้านรก
Director: Robert Schwentke
Genres: Drama | Mystery | Thriller
Grade: C+
 
ไม่รู้ทำไมแต่การรับรู้สิ่งต่างๆของเรื่องนี้เป็นอะไรที่ไม่เกินความคาดหมายว่าจะมาประมาณไหน ซึ่งถ้ามองในแง่เซอร์ไพรส์ที่มีทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกันแล้วนี่อาจจะต้องโทษที่การเล่าเรื่องยังไม่ดูน่าเสียถือพอที่จะให้ความเซอร์ไพรส์มีพลังให้จนน่าอึ้ง อันที่จริงการทำส่วนระทึกขวัญยังดูเข้าท่ามีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่บ้างและพยายามเอาใจช่วยอยู่เสมอว่าสิ่งที่หายไปอยู่ที่ไหน ในทางกลับกันสิ่งที่หายไปอาจไม่ได้หายไปเลยแต่อาจเป็นเพียงการสมมุติจากจิตใต้สำนึกที่กำลังโศกเศร้าจากการสูญเสีย เมื่อรู้สึกตัวว่าสิ่งที่ตัวเองรักหายไปก็เกิดอาการโวยวายไม่พอใจว่าหายได้อย่างไร สิ่งที่หายไปในภาวะความเครียดไม่แตกต่างจากการเสพติดที่ขาดสิ่งนั้นจะรู้สึกหงุดหงิดและสะเทือนใจ

The Fountain (2006) เดอะ ฟาวเทน อมตะรักชั่วนิรันดร์

The Fountain (2006)
เดอะ ฟาวเทน อมตะรักชั่วนิรันดร์
Director: Darren Aronofsky
Genres: Drama | Mystery | Romance | Sci-Fi
Grade: B+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"ความรักดังรากไม้ที่ลงลึกเสมือนความเจ็บปวดที่อยู่นาน ถ้าเลิกยึดติดยอมปล่อยให้เป็นอิสระเราเองก็พบหนทางปลดจากความทุกข์ทรมาน"

เป็นเรื่องของช่วงเวลาหลังความเป็นความตายที่อยู่ในสภาวะก่ำกึ่งระหว่างช่วงเวลา 3 ช่วง โดยแต่ละช่วงมีความเหมือนและแตกต่างกันทั้งสอดคล้องกันอย่างมีนัยยะ เริ่มที่เรื่องแรกที่กล่าวถึงทอมมี่ (Hugh Jackman) นักวิทยาศาสตร์ผู้พยายามค้นหายารักษามะเร็งสมองให้อิซซี่ (Rachel Weisz) ภรรยาของเขาด้วยการทดลองกับลิง กระนั้นความพยายามหลายต่อหลายครั้งยังคงหาผลสำเร็จไม่ได้สักครั้งเดียว เขาจึงแหกกฎก่อนที่จะบอกกับคนอื่นด้วยการนำส่วนของต้นไม้ที่ได้มาจากกัวเตมาลาที่ยังไม่ผ่านการรับรองมาทำเป็นยา ซึ่งผลออกมาเป็นที่น่าพึ่งพอใจและดีขึ้นมากและรอผลที่จะใช้กับอิซซี่เพื่อต่ออายุของเธอ แต่ก่อนหน้านี้ชีวิตทั้งสองไม่ได้สุขอย่างที่คิดเพราะอาการที่หนักขึ้นของอิซซี่ทำให้ทอมมี่เป็นกังวล และด้วยเช่นนั้นทำให้ทอมมี่มีอารมณ์ที่รีบเร่งฝืนการทดลองติดๆกันแม้ผลลัพธ์จะดีขึ้นทว่ากับคนรอบข้างไม่เป็นที่พอใจในพฤติกรรมมากนักกับความใจร้อนเกินหน้าเกินตา ทอมมี่ที่มุ่งมั่นแต่จะหายารักษาดูผิดกับอิซซี่ที่ใจเย็นกับชะตากรรมของตัวเองและหางานอดิเรกด้วยการเขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Fountain ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการนั่งมองดาวโดยหนึ่งในนั้นคือชิบาลบาดวงดาวที่มีหมอกควันเป็นการส่งสัญญาณกำลังจะดับสูญ เนื้อเรื่องภายในหนังสือที่เขียนนั้นได้กล่าวถึงสเปนในยุคกลียุคที่มีราชินีอิซาเบลลากำลังจะโดนล้มล้างราชบังลังก์โดยขุนนาง ราชินีจึงมีภารกิจก่อนโดนโค้นล้มด้วยการมอบหมายงานชิ้นหนึ่งให้องครักษ์โทมัสไปยังดินแดนที่มี Tree of Life หรือต้นไม้อมตะที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณทำให้อายุยื่นนานไม่เสื่อมสลาย แต่ก่อนจากลากันราชินีอิซาเบลลาได้มอบแหวนแก่โทมัสพร้อมคำมั่นสัญญาถ้ากลับมาได้สำเร็จจะพร้อมตกเป็นของเขาตลอดกาล

Fido (2006) ซอมบี้เพื่อนรัก

Fido (2006)
ซอมบี้เพื่อนรัก
Director: Andrew Currie
Genres: Comedy | Drama | Horror | Sci-Fi
Grade: B+

ไอเดียเก๋ๆประมาณว่าในยุค 1950 เกิดมีรังสีประหลาดจากอวกาศที่แผ่มายังโลกจนทำให้คนตายลุกคืนชีพออกมาไล่กินคนเป็นอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว จนกระทั่งปัญหานี้ได้รุกรามระบาดไปทั่วจนเกิดสงครามระหว่างคนเป็นที่ยังมีลมหายใจกับคนตายที่เรียกกันว่าซอมบี้เพราะมีความกระหายแต่เขลาปัญญา ทว่าสงครามยิ่งเยื้อยื้อมากเท่าไหร่ก็ยิ่งลดโอกาสมีชีวิตรอดมากขึ้นจนในที่สุดฝ่ายคนเป็นที่กำลังลดลงกับซอมบี้ที่เพิ่มมากขึ้นก็มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อมีการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใหม่ที่ไม่ธรรมดา

The Taking of Pelham 1 2 3 (2009) ปล้นนรก รถด่วนขบวน 123

The Taking of Pelham 1 2 3 (2009)
ปล้นนรก รถด่วนขบวน 123
Director: Tony Scott
Genres: Action | Crime | Thriller
 
มาเข้าเรื่องกับหนังทริลเลอร์ชั้นดีอีกเรื่องหนึ่งที่เสียตอนจบเพราะง่ายไปหน่อย ทว่าการเริ่มเรื่องตลอดจนกลางเรื่องคือความสนุกที่ระทึกใจไม่ใช่น้อยเพราะแนวๆนี้เป็นของถนัดของผู้กำกับ Tony Scott อยู่แล้วในการสร้างสถานการณ์ให้ออกมาดูซีเรียสเป็นหลัก โดยตัวหนังน่าจะป็นการรีเมคจากของเก่าเมื่อปี 1974 โดยเนื้อเรื่องเกิดขึ้นจากกลุ่มคนร้ายจี้รถไฟใต้ดินแห่งนครนิวยอร์ก สายเพแลห์ม 123 ซึ่งมีเพียงวอลเทอร์ การ์เบอร์ (Denzel Washington) พนักงานการรถไฟที่พบสถานการณ์จับตัวประกันที่รู้ตัวก่อนใครเพื่อนและมีการเจรจาจากไรเดอร์ (John Travolta) หนึ่งในนั้นได้เรียกข้อเสนอค่าไถ่ด้วยเงินสดจำนวนมหาศาลให้จ่ายเงินมาภายในเวลา 15.15 น. มิเช่นนั้นจะฆ่าคนหนึ่งต่อนาทีหนึ่งที่หายไป ก็สั้นๆกระชับใจความทั้งหมดเนื้อเรื่องก็มีอยู่แค่เท่าที่บอกคือมาจี้ตามด้วยเรียกค่าไถ่ ไม่มีอะไรมากสำหรับพล็อตเรื่องเช่นนี้ที่นอกจากทั้งหมดจะมัดอยู่กับที่เพื่อสร้างแรงกดดันแล้วก็หาความแตกต่างอะไรเลย แต่เหมือนการยังอยู่กับที่จะกลายเป็นความลุ้นของเรื่องนี้มิใช่น้อยที่ดุเดือดเผ็ดดุเรียบเรียงได้อย่างว่องไวจนลืมไปเลยว่าความเก่าของหนังยังคงสดทางอารมณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลง

The Collector (2009) คืนสยองต้องเชือด

The Collector (2009) | คืนสยองต้องเชือด
Director: Marcus Dunstan
Genres: Horror | Thriller

ชอบหนังที่เกี่ยวกับเกมส์หรือกับดักบ้างไหม ถ้าชอบก็พอจะนึกได้ว่าใช่ Saw หรือเปล่าที่เป็นแบบนั้น แต่เอาจริงๆเรื่องนี้ก็ถือมีส่วนคล้ายๆแบบนั้นด้วยเช่นกันแต่ไม่ใช่รูปแบบของเกมส์ที่ให้ตัดสินเลือกแต่เป็นกับดักที่เลือกให้โดนเสียมากกว่า สำหรับเรื่องนี้ได้ผู้กำกับที่เขียนบท Saw มาก่อนตั้งแต่ภาค 4-7 ดังนั้นรับประกันคอซาดิสต์ได้เลยว่าต้องมีอะไรเซอร์ไพรส์เลือดเนื้อหลุดกันบ้างอย่างแน่นอนแต่จะยังไงนั้นไปดูเรื่องย่อกันหน่อยเพราะเข้าขั้นเรียกว่าดวงซวยของแท้เลยโดยเฉพาะตัวเอกของเรา อาร์กิ้น (Josh Stewart) ที่ไปปล้นบ้านผิดหลังเพราะบ้านนี้ถูกเจ้าโรคจิตนักสะสม (Juan Fernandez) จ้องอยู่ก่อนแล้ว โดยก่อนหน้านี้ไม่ได้ตั้งใจจะมาปล้นหรอกแค่ตามสืบส่องภายในบ้านว่าเป็นยังไงของที่ตัวเองต้องการอยู่ตรงไหน(มันก็ปล้นนี่) แต่เรื่องมีที่มาต้นเหตุคือต้องการเอาไปใช้หนี้พวกนอกระบบเพื่อเมียและลูกๆที่กำลังจะหนีออกนอกเมืองเพราะหาเงินมาใช้คืนไม่พอ แต่อาร์กิ้นก็นึกได้ว่ายังมีวิธีอยู่ซึ่งคือการปล้นนี่แหละและเขาเองก็มีเวลาจำกัดสัญญาเอาไว้ว่าภายในเที่ยงคืนจะเอาของมาให้ จนสุดท้ายลงเอยด้วยการเข้าบ้านง่ายชำนาญทางเพราะวิชางัดแงะแต่ออกยากเพราะใครไม่รู้วางของเล่นทั้งหลัง จึงเป็นการฉะระหว่างโจรผู้ย่องเบากับโรคจิตผู้ชอบ(กับ)ดัก แต่ความเจ๋งอยู่ที่การดวลของทั้งสองในความมืดยามราตรีไร้แสงไฟและสารพัดสิ่งประดิษฐ์ที่จบชีวิตได้ทันที ทุกย่างก้าว ทุกสิ่งที่มองเห็นแต่ไม่สังเกต ล้วนคืออันตรายที่คร่าชีวิตได้อย่างสบายๆในทันทีเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ไม่มีเหลือ แต่เรื่องของเรื่องคือเมื่อเข้าบ้านมาแล้วกลับออกไม่ได้นี่สิ งานนี้ต่อให้ปล้นได้แต่สงสัยจะสมหวังยาก

Kiss of the Dragon (2001) จูบอหังการ ล่าข้ามโลก

Kiss of the Dragon (2001)
จูบอหังการ ล่าข้ามโลก
Director: Chris Nahon
Genres: Action | Crime | Drama | Thriller
Grade: B

ในปีเดียวกันมี The One (2001) ที่สร้างความมันส์และบ้าพลังแถมยังวาบมิติไปที่ไหนๆก็ได้ ถ้านั้นคือการทำให้ผู้ชมรู้สึกสนุกไปกับการผสมเอฟเฟคเข้าช่วย เราอาจสนุกกับเรื่องนี้ในแบบปกติด้วยกังฟูในระดับที่พอดีกันดีกว่า เนื้อเรื่องกล่าวถึงหลิว ฉวน (Jet Li) เจ้าหน้าที่พิเศษจากจีนเดินทางมาฝรั่งเศสเพื่อร่วมมือกับฌอง ปีแอร์ ริชาร์ด (Tcheky Karyo) ผู้บัญชาการตำรวจท้องถิ่น เพื่อจับผู้ลักลอบค้ายาเสพติดข้ามชาติ

The Proposal (2009) ลุ้นรักวิวาห์ฟ้าแลบ

The Proposal (2009)
ลุ้นรักวิวาห์ฟ้าแลบ
Director: Anne Fletcher
Genres: Comedy | Drama | Romance

เรื่องวุ่นเกิดจากความรักโดยไม่ตั้งใจระหว่างมาร์กาเรต (Sandra Bullock) บรรณาธิการผู้ที่ใครก็ต่างเกรงอำนาจกำลังจะถูกเนรเทศกลับประเทศแคนาดาเพราะใบอนุญาตการทำงานสำหรับคนต่างด้าวในอเมริกาของเธอกำลังจะหมดอายุลง และด้วยความที่ยังไม่พร้อมเพราะงานที่ไปได้ดีทำให้งานนี้จึงต้องใช้วิธีแก้ไขหาแพะรับบาป ซึ่งคนนั้นไม่ใช่ใครเลยหากเป็นคนที่ใกล้เธอมากที่สุดคือแอนดรูว์ (Ryan Reynolds) ชายผู้ทำงานใกล้เธอเพราะเป็นผู้ช่วยทำตามคำสั่งและรายงานอยู่เป็นเวล่ำเวลา ด้วยแผนการสุดจะบรรเจิดยิ่งกว่านั้นคือทำให้ทั้งคู่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายเพื่อให้มาร์กาเรตมีสิทธิ์อยู่ในอเมริกาต่อได้อย่างอิสระ ทว่าเรื่องมันใช่จะง่ายซะที่ไหนเมื่อการจดทะเบียนมันไม่ใช่เรื่องหมูๆเพราะมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกำลังจะดำเนินการตามกฎหมายกับเธอน่ะสิและเห็นพิรุธในเรื่องการมาจดทะเบียนนี้จึงชี้แจงรายละเอียดก่อนทำทะเบียนอย่างเป็นทางการ ซึ่งมันไม่ได้ง่ายจริงๆสำหรับคนที่รักกันแบบหลอกๆเพราะสิ่งที่ต้องเจอคือตำถามเกี่ยวกับคู่รักที่มักจะรู้กัน แล้วมาร์กาเรตจะไปเข้าใจแอนดรูว์ได้ยังไงกัน แถมถ้านี้ไม่ใช่รักที่บริสุทธิ์จะมีโทษตามกฎหมายที่ไม่ธรรมดาอีก ดังนั้นทั้งมาร์กาเรตและแอนดรูว์จึงต้องขอเวลาไปใช้ชีวิตด้วยกันที่บ้านของแอนดรูว์ซึ่งเรื่องเซอร์ไรส์ก็เกิดขึ้นทันทีนับแต่เริ่มเรื่อง

The One (2001) เดอะวัน เดี่ยวมหาประลัย

The One (2001)
เดอะวัน เดี่ยวมหาประลัย
Director: James Wong
Genres: Action Sci-Fi Thriller

มันคงเป็นหนังของ Jet Li ที่โชว์ความเว่อร์ได้เว่อร์สุดๆไปเลยล่ะมั้ง เล่นสู้ข้ามมิติกันแถมยังสู้กันข้าวของพังทลายไม่ต่างกับยอดมนุษย์สู้กัน(ไม่ถึงขนาดนั้นแต่เกือบล่ะ) แต่ที่แหวกแนวกว่าหน่อยเห็นจะเป็นเรื่องของมิติคู่ขนานที่มีมากถึง 125 มิติ และมีอยู่มิติหนึ่งที่มีคนคิดแหกกฎด้วยการไปเยือนมิติต่างๆโดยไม่ได้รับอนุญาติและยังตามเก็บตัวเองตามมิติต่างเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองทั้งสติปัญญาและพละกำลัง ฟังดูก็ชักจะเว่อร์ชอบกลแต่ถ้ามองเป็นหนังไซไฟอาจมีอะไรสนุกๆก็ได้ แต่มันไม่ใช่อ่ะสิเพราะหน้าหนังเกี่ยวกับมิติคู่ขนานก็ต่างแต่พวกหลักวิทยาศาสตร์ไซไฟอะไรพวกนี้เป็นแค่ตัวช่วยเสริมเท่านั้น เนื่องจากปัจจัยหลักๆของเรื่องนี้คือความมันส์ในแบบที่เราไม่คุ้นเคยเห็นที่ไหนมาก่อนโดยเฉพาะกับอดีตศิษย์เส้าหลิน Jet Li ที่ต้องรับบทมากกว่าหนึ่งบทที่มีดีและร้ายสลับกันไปภายใต้ตัวละครหลักสองตัวระหว่างเกเบรียล ลอว์ (ตัวดี) ตำรวจพิทักษ์สันติรักสงบกับยู ลอว์ (ตัวร้าย) ที่ค้นพบว่าถ้าฆ่าตัวเองในมิติอื่นสำเร็จจะให้ตัวเองมีความสามารถที่มากขึ้นจนเป็นชนวนเหตุให้ตามฆ่าทุกมิติ และเชื่อว่าเมื่อฆ่าได้ครบทุกมิติจะกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง งานนี้เขาเรียกตีตัวเองใช่หรือเปล่า(ฮา)

Ghost Ship (2002) เรือผี

Ghost Ship (2002) | เรือผี
Director: Steve Beck
Genres: Horror
Grade: C-

"พึ่งจะเข้าใจคำว่าท่าดีทีเหลวก็เรื่องนี้แหละ"

คือฉากเปิดเรื่องของหนังยอมรับโดยบริสุทธิ์เลยว่าทั้งช็อคทั้งเหวอจนคิดแบบเต็มสูบว่าเป็นหนังผีที่สยองได้ใจจนน่าติดอันดับหนังโปรดก็เป็นได้โดยเฉพาะในความคัลท์ที่เข้าใจเปิดเรื่องด้วยการกระตุ้นเลือดเนื้อได้ดิบจริงๆ ใครจะไปคิดล่ะว่าจุดเริ่มต้นของเรือผีจะสุดยอดขนาดนี้มันเจ๋งมากเลยนะบอกตรงๆ เพราะอะไรนั้นต้องขอบคุณความสามารถในการจับจุดได้ตรงจังหวะเรียกความสนใจได้อย่างอยู่หมัดแบบเส้นกราฟที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นจากต่ำสุดแล้วพุ่งไปสู่สูงสุดในทันที ทำไมรึ? จากฉากเต้นรำท่ามกลางแสงราตรี เสียงเพลงที่อ่อนละมุน หน้าตาของผู้คนที่ยิ้มแย้ม เด็กน้อยที่มีความสุข อะไรจะทำให้ผู้ชมสนใจสิ่งอื่นได้นอกจากช่วงเวลาดีๆของงานเต้นรำเช่นนี้ ใช่ทุกอย่างเรียบเรียงได้สวยหรูไม่ต่างกับการห่อของขวัญอย่างพิถีพิถันไม่รีบร้อน ทว่าขณะเดียวกันคล้ายทุกสิ่งที่เกิดเป็นเพียงสิ่งต่อหน้าหาใช่เบื้องหลังที่กำลังค่อยๆเกิดทีละนิดอย่างเป็นลำดับขั้นตอน มันคืออะไรที่ขัดขวางความสุขของคนบนเรือ อะไรที่ทำให้ผู้ชมเบิกตากว้างได้หลังจากวินาทีนั้น นี่จะเป็นสิ่งเซอร์ไพรส์ที่สุดของหนังและเราจะจำฉากนี้ได้อย่างดีเพราะมันคือฉากเดียวที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ตลอดทั้งเรื่องและตลอดจนจบ

Joy Ride (2001) เกมหยอก หลอกไปเชือด

Joy Ride (2001)
เกมหยอก หลอกไปเชือด
Director: John Dahl
Genres: Action | Mystery | Thriller
 
เรื่องของเรื่องก็คือไปแกล้งใครที่ไหนไม่รู้เพราะนึกสนุกประสาวัยรุ่น แต่คนที่ถูกอำกลับไม่มองว่าตลกน่ะสิและก็กลายเป็นเรื่องที่ยิ่งกว่าความเจ็บใจเพราะเอาคืนด้วยการแก้แค้นกะให้ตายไปข้างหนึ่งกันเลยทีเดียว ทว่าถ้ามองเป็นหนังแก้แค้นคงไม่ใช่ไปซะทีเดียวแต่น่าจะเรียกว่ากรรมคืนสนองมากกว่าแถมคืนแบบคูณยกกำลังซะด้วย ซึ่งเรื่องเริ่มจากลูอิส โธมัส (Paul Walker) ที่กำลังเดินทางเพื่อที่จะไปรับหวานใจของเขา โดยเธอมีชื่อว่าเวนนา (Leelee Sobieski) แต่เผอิญประจวบเหมาะเขาต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อยเพราะฟูลเลอร์ (Steve Zahn) พี่ชายปากที่เพิ่งออกจากคุกมาหมาดๆถูกปล่อยตัวออกมาและเขาต้องไปรับพอดี ทำให้ลูอิสตัดสินต้องไปรับพี่ชายแสนน่าเบื่อเสียก่อนเป็นการแสดงถึงความเป็นพี่เป็นน้อง แต่ไม่ทันไรพี่ชายก็งัดของดีมาใส่รถโดยที่ลูอิสเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นเพียงเครื่องวิทยุสื่อสาร แต่ที่นี่เรื่องตลกๆระหว่างสองพี่น้องก็เริ่มขึ้นเมื่อฟูลเลอร์สนุกกับการคุยวิทยุแบบโม้โน้นโม้นี้ราวกับเป็นเรื่องสนุกที่ใครฟังใครทำตามจะกลายเป็นเรื่องขำๆไป

Phone Booth (2002) โฟนบูธ วิกฤติโทรศัพท์สะท้านเมือง

Phone Booth (2002)
โฟนบูธ วิกฤติโทรศัพท์สะท้านเมือง
Director: Joel Schumacher
Genres: Crime | Thriller

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

อันที่จริงมันควรจะเป็นหนังเก่าแก่แล้วด้วยซ้ำเพราะว่าพล็อตเรื่องที่เขียนโดย Larry Cohen มีแนวคิดมาตั้งแต่ช่วงยุค 60s แล้ว แถมยังเคยนำไปเสนอผู้กำกับระดับตำนานอย่าง Alfred Hitchcock มาก่อนจนทั้งกลายเป็นที่น่าสนใจอยากจะสร้างเป็นหนังจริงๆจังๆขึ้นมา แต่เกิดปัญหาเรื่องทางด้านเนื้อเรื่องที่ยังหาความสมเหตุสมผลไม่ค่อยได้ และปัญหานั้นมาจากการทำยังไงให้คนถูกกักอยู่ในตู้โทรศัพท์ จะว่าลอยๆเหมือนใน The Birds (1963) ก็ไม่ได้(อันที่จริงการจู่โจมของนกมีเหตุผลซ้อนอยู่เพียงแค่ว่าแรงจูงใจยังไม่กระตุ้นผู้ชมในบางคนมากเท่าไหร่จึงเหมือนนกบ้าคลั่งมากกว่า) เมื่อความสมเหตุสมผลหาไม่ได้งานจึงพับเก็บยาวนานจนผ่านไปประมาณ 30 ปีต่อมาก็ได้ไอเดียที่น่าสนใจ ซึ่งเจ้าไอเดียนี้มาจากการนำมือปืนเข้าไปเอี่ยวด้วย พูดง่ายๆคือที่โดนกักอยู่ในตู้โทรศัพท์เป็นเพราะโดนมือปืนที่ซุ่มยิงแอบอยู่ที่ไหนสักที่กำลังขู่บางอย่าง พอได้แนวๆนี้จึงเสนอแล้วได้ไฟเขียวบอกตกลงให้สร้างได้ในที่สุด แต่น่าเสียดายที่เจ้าเก่าที่อยากสร้างก็ไม่อยู่เสียแล้วจึงได้ผู้กำกับอีกคนหนึ่งคือ Michael Bay และเหมือนจะมี Will Smith มาร่วมเล่นซะด้วย(นี่ถ้าคิดเล่นๆตัวหนังคงไม่ใช่แค่อยู่ในตู้โทรศัพท์แน่นอน หรือจะมีระเบิดเผากระท่อมรอบตู้ก็เป็นได้)  ทว่าข่าวเงียบไร้วี่แววไม่ก้าวหน้าจนสุดท้ายผู้กำกับ Joel Schumacher ที่เกือบแจ้งจบใน Batman & Robin (1997) มาคว้างานนี้เองเพื่อแก้หน้า และกลายเป็นหนังที่เจ๋งกว่างานก่อนหน้านี้หลายเท่าจริงๆ

Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004) ลบเธอ...ให้ไม่ลืม

Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004) | ลบเธอ...ให้ไม่ลืม
Director: Michel Gondry
Genres: Drama | Romance | Sci-Fi
Grade: A+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ไม่จำเป็นทุกครั้งหรอกที่ความรักจะลงเอยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบและแน่นอนมันไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าจะรักกันอย่างไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ มีทะเลาะบ้าง เถียงบ้าง แต่ยังไงซะถ้ารักกันอยู่ก็คงรักต่อไปเรื่อยๆนั่นแหละ ที่ใดมีรักที่นั่นย่อมมีทุกข์มันคือความสัตย์จริงที่ไม่มีข้อโต้แย้งเว้นแต่เราจะรู้จักความรักมากกว่าที่เป็นอยู่ บางครั้งการเราเริ่มรู้สึกเบื่อ ชิงชัง หรือเซ็งกับอีกคนไม่ได้แปลว่าหมดรักหรือเริ่มคิดว่าไม่ใช่คู่ของเรา อันที่จริงความรักมันค่อนข้างจะเรียบง่ายและคงประสิธิภาพตามเจตนารมย์ของเราเสมอ มันไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรเลยเพียงแค่เปิดใจยอมรับมันซะบ้างเพื่อจะได้อะไรหลายๆสิ่งกลับมา แต่เรื่องของเรื่องคือมีคนที่รู้สึกเจ็บกับความรักภายในใจอย่างแสนสาหัสไม่ต่างกับถูกทิ่มแทงจากข้างหลังแล้วปล่อยให้ทนพิษบาดแผลต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้นนั้นคือฝ่ายที่มั่นใจในความรักที่ยั่งยืนแล้วคิดว่าจะผ่านไปด้วยกันอย่างมีความสุข ในที่นี้คือโจเอล (Jim Carrey) ที่รักและศรัทธาในความรักที่มีต่อคลีเมนไทน์ (Kate Winslet) อย่างสุดซึ้งเท่าที่เขาจะมีให้เธอได้ ซึ่งเรื่องไม่ได้ยุ่งยากหรือวกวนกับสิ่งเพียงแค่คลีเมนไทน์หมดความรักที่มีต่อโจเอลแล้วเข้าบริษัทลากูน่าเพื่อลบความทรงจำที่เกี่ยวกับเขาทั้งสิ้นจนกลายเป็นคนแปลกหน้าที่แม้แต่โจเอลยังแปลกใจ ก่อนรู้ความจริงเขาเจ็บใจที่ถูกเธอเมินเฉยราวกับคนแปลกหน้าอย่างเย็นชา สายตาที่สาดส่องเหมือนไม่คุ้นเคย และยังตัดหน้าด้วยการมีคนใหม่ประหนึ่งโดนหลอกมาตลอดเวลา แต่อะไรเล่าหลังรู้ความจริงยิ่งช้ำใจยิ่งกว่าเดิมเพราะคลีเมนไทน์อยากลบความทรงจำนั้นมาจากการที่รู้สึกทุกข์มากกว่าสุข ด้วยความจริงที่เหยียบย้ำหัวใจจนแหลกจึงทำให้เขาชิงชังยิ่งกว่าเดิมและคิดด้วยว่าถ้าคลีเมนไทน์คือผู้หญิงที่เขารักและน่าจะดีที่สุดสำหรับเธอยังทำกันแบบนี้ได้อย่างไร้เยื่อใยแล้วไฉนเขาจะทำบ้างไม่ได้ถ้ารักนี้มีแต่เจ็บ ดังนั้นโจเอลจึงเดินเข้าไปหาดร.ฮาเวิร์ด ไมเออร์ซเวียก (Tom Wilkinson) เพื่อขอช่วยให้ลบความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับคลีเมนไทน์ตลอดชีวิตที่เขาเจอตั้งแต่ครั้งแรกจนวินาทีสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน

Battle Royale II (2003) เกมนรก สถาบันพันธุ์โหด

Battle Royale II (2003)
เกมนรก สถาบันพันธุ์โหด
Director: Kenta Fukasaku, Kinji Fukasaku
Genres: Action | Drama | Thriller

โลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคของการก่อการร้ายที่สภาพสังคมยังมีการเสื่อมทรามเพิ่มมากขึ้นจากอาชญากรหลบหนีระบบกระบวนการยุติธรรมจนมีความเป็นอยู่แบบแยกแยะผิดชั่วแทบไม่ออก แต่ด้วยสามปีให้หลังจากที่ซูยะ นานาฮาระ (Tatsuya Fujiwara) และโนริโกะ นาคากาวา (Aki Maeda) เป็นผู้รอดจากเกมหฤโหด Battle Royale หรือ BR ได้ทำการหลบหนีออกจากเกาะแห่งนั้นแล้วใช่ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆจนมาปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะกลุ่มต่อต้านรัฐบาลพร้อมกับอุดมการณ์ล้างกลุ่มผู้ใหญ่ที่บังคับให้วัยรุ่นฆ่าฟันกันเองเพื่อความอยู่รอด
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)