Battle of the Sexes (2017) แมทช์ท้าโลก

Battle of the Sexes (2017) | แมทช์ท้าโลก
Director: Jonathan Dayton,Valerie Faris
Genres: Biography | Comedy | Drama | Sport
Grade: A

บิลลี่ จีน คิง (Emma Stone) นักเทนนิสมือหนึ่งฝ่ายหญิงต้องการแสดงศักยภาพว่าผู้หญิงไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายและมีค่าเงินรางวัลที่เท่าเทียมกัน จึงพยายามต่อสู้เพื่อสิทธิความเท่าเทียมกันด้วยความสามารถที่มีในการแข่งขัน ซึ่งคนที่ต้องเจอคือ บ๊อบบี้ ริกส์ (Steve Carell) นักเทนนิสมือหนึ่งฝ่ายชายที่พร้อมจะลั่นวาจาใส่มุขล้อเลียนผู้หญิงตลอดเวลาเพราะไม่ว่าเรื่องไหนต้องให้ผู้ชายทำเท่านั้น ยกเว้นเรื่องครัวเพราะผู้หญิงไม่เข้มแข็งหรือรับแรงกดดันได้เพียงพอ

Hush (2016) ฆ่าเธอให้เงียบสนิท

Hush (2016) | ฆ่าเธอให้เงียบสนิท
Director: Mike Flanagan
Genres: Horror | Thriller
Grade: B+

ตัวหนังยาว 80 นาทีเศษๆ แต่มีบทสนทนาไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะ แม็ดดี้ (Kate Siegel) ตัวละครหลักของเรื่องเป็นใบ้ ฉะนั้นไม่แปลกถ้าทั้งเรื่องจะมีการพูดคุยที่น้อยมากและใช้ภาษามือในการสื่อสาร อีกทั้งเน้นไปที่ความระทึกและความกดดันจากฆาตกรปริศนาที่จู่ๆมาบุกบ้านหน้าตาเฉย ทำให้หญิงใบ้ต้องสู้กับฆาตกรโรคจิตเพียงลำพังโดยที่ไม่มีเสียงเอ่ยปากขอช่วยเหลือใดๆจากภายนอกได้เลย

X-Ray (1981)

X-Ray (1981)
Director: Boaz Davidson
Genres: Horror | Thriller
Grade: D

ช่วงแรกน่าสนใจคิดว่าได้ดูหนังสยองขวัญไล่ฆ่าในโรงพยาบาลที่มีดีกรีความระทึกระดับหนึ่ง แต่ดูไปดูมาไม่ต่างกับหนังตลกที่มีฉากฆ่ากันตาย โดยพล็อตเรื่องแทบไม่มีอะไรด้วยซ้ำเพราะเกี่ยวกับ ซูซาน เจเรมี (Barbi Benton) ที่มาโรงพยาบาลเพื่อเอาผลตรวจสุขภาพ ทว่าแทนที่จะมาไม่กี่นาทีต้องอยู่ยาวเพราะหมอประจำตัวของซูซานหายตัวไป มิหนำซ้ำผลตรวจสุขภาพแสดงออกมาว่ามีอาการป่วยที่หนักจนถึงแก่ชีวิตได้ ทำให้ซูซานต้องอยู่ต่อโดยที่ไม่รู้ว่าทำไมทั้งที่ร่างกายเป็นปกติทุกอย่าง ทว่าความจริงแล้วมีฆาตกรที่ทำทุกอย่างเพื่อใกล้ชิดเธออยู่ต่างหาก

The Mutilator (1984)

The Mutilator (1984)
Director: Buddy Cooper,John Douglass
Genres: Horror | Thriller
Grade: D+

เป็นหนังสยองขวัญที่มีองค์ประกอบไม่เข้าพวกหลายอย่าง แต่ที่ไม่เข้าจริงๆคืออาวุธประจำตัวของฆาตกรที่เป็นขวาน ซึ่งขวานในที่นี่ไม่ใช่ขวานที่เห็นได้ตามทั่วไปเพราะเหมือนหลุดมาจากหนังแฟนตาซีจะเว้าจะโค้งเป็นจุดเด่นที่เหมือนน่ากลัว แต่ดูยังไงก็ตลกราวกับจะออกไปรบด้วยขวานสีเงินกับด้ามจับอันเรียวเล็กที่เอาเข้าจริงแทบไม่มีฉากจามขวานด้วยซ้ำ สรุปคือถือไปถือมาแทบไม่ได้ใช้ พอจะใช้ก็ดูลำบากกับความยาวของด้ามที่เอามาแทงหรือเฉือนแค่นั้นพอ

Hocus Pocus (1993) อิทธิฤทธิ์แม่มดตกกระป๋อง

Hocus Pocus (1993) | อิทธิฤทธิ์แม่มดตกกระป๋อง
Director: Kenny Ortega
Genres: Comedy | Family | Fantasy
Grade: B

"This is the first Disney movie that mentions virgins."

เมื่อพี่น้องแซนเดอร์สัน (Bette Midler,Sarah Jessica Parker และ Kathy Najimy) แม่มดตัวฉกาจทั้งสามตื่นขึ้นมาอีกครั้งในรอบ 300 ปีจากฝีมือของ แม็กซ์ (Omri Katz) เด็กหนุ่มที่เพิ่งย้ายเข้ามาในเมืองที่ต้องการพิสูจน์ตำนานเรื่องเล่า ทำให้ แดนนี่ (Thora Birch) น้องสาวตัวน้อยและเขา และอัลลิสัน (Vinessa Shaw) เพื่อนใหม่ของแม็กซ์ต้องถูกแม่มดไล่ล่าในคืนวันฮาโลวีน

Flatliners (2017) ขอตายวูบเดียว

Flatliners (2017) | ขอตายวูบเดียว
Director: Niels Arden Oplev
Genres: Drama | Horror | Mystery | Sci-Fi | Thriller
Grade: C

เหมือนจะเห็นการกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า (Defibrillation) ทั้งที่ใส่เสื้อ ไฟฟ้าไหลผ่านผ้าสู่ร่างกายได้?!

เห็น Kiefer Sutherland จาก Flatliners (1990) กลับมาเล่นเรื่องนี้ก็ไม่ได้แปลจะเป็นหนังภาคต่อแต่อย่างใด หากเป็นการรีเมคที่ขอหยิบตัวละครในต้นฉบับมาให้หายคิดถึง ซึ่งเหมือนจะมาดีที่อย่างน้อยไม่ขอด้อยกว่าของดั้งเดิม แต่ไฉนความน่าสนใจที่อุตส่าห์มีให้ถึงออกมากระจุยกระจายไร้ความน่าเชื่อ โดยเฉพาะการเริ่มอย่าง ไปอย่าง และจบอีกอย่าง ทั้งที่คอนเซ็ปต์ชีวิตหลังความตายมีอะไรให้น่าคิดน่าลองกว่านี้ตั้งมากมาย

Seabiscuit (2003) ม้าพิชิตโลก

Seabiscuit (2003) | ม้าพิชิตโลก
Director: Gary Ross
Genres: Drama | History | Sport
Grade: A

หนังเกี่ยวกับม้าชื่อ"ซีบิสกิต"ที่มีชื่อเสียงในยุค 1930-1940 และเป็นม้าแข่งได้ชนะรางวัลเกียรติยศในปี 1938 แต่ก่อนจะกลายเป็นม้าแข่งที่มีชื่อเสียงและชัยชนะจากสนามแข่งไม่รู้กี่สนามนั้นไม่ได้มีความเก่งกาจหรือน่าสนใจแต่อย่างใด ซึ่งกว่าจะถึงจุดนั้นต้องเริ่มที่ ชาร์ล โฮเวิร์ด (Jeff Bridges) อดีตช่างซ่อมรถที่ผันตัวเองมาเป็นคนร่ำรวยจากการประกอบอาชีพขายรถยนต์และมีความสนใจอยากได้ม้าสักตัว จึงให้ ทอม สมิธ (Chris Cooper) อดีตคนฝึกม้าหาม้าตัวดังกล่าวก่อนจะมาเจอกับซีบิสกิตและให้ เรด พอลลาร์ด (Tobey Maguire) เป็นจ็อกกี้ขี่ม้าลงสนามแข่ง

Sleepaway Camp (1983)

Sleepaway Camp (1983)
Director: Robert Hiltzik
Genres: Horror
Grade: B-

"หนังสยองขวัญที่ได้รับกล่าวขานในตอนจบที่เกินความคาดหมาย"

หนังตระกูลเดียวกับ Friday the 13th ทำนองพักร้อนตั้งแคมป์ริมทะเลสาบ แต่เป็นเรื่องที่มีตัวละครเด็กกว่า จะไม่มาวัยรุ่นคึกคะนองอยากมีเซ็กซ์จนตัวสั่น ซึ่งจะเกี่ยวกับ แองเจล่า (Felissa Rose) และริคกี้ (Jonathan Tiersten) ญาติพี่น้องที่ต้องไปตั้งแคมป์ฤดูร้อนในช่วงกิจกรรมปิดเทอม แต่อยู่ได้ไม่ทันไรมีคนตายเกิดขึ้น ตอนแรกคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่พอมีรายต่อมาถึงรู้ว่าเป็นฝีมือฆาตกรโรคจิตแน่ๆ ทว่าตัวจริงฆาตกรอยู่ที่ไหนในแคมป์นี้กันแน่

เรื่องตลก 69 (1999)

เรื่องตลก 69 (1999)
Director: เป็นเอก รัตนเรือง
Genres: Comedy | Crime | Thriller
Grade: A+

ดูจบก็นึกเกลียดเลขอารบิก 6 กับ 9 เพราะคือตัวเลขที่มีความแตกต่างแต่เหมือนกัน(แค่พลิกขึ้นลงก็แทนสถานะตัวเลขนั้นได้แล้ว) ทว่าในความเกลียดก็ปฏิเสธความหมายของตัวเหล่านั้นไม่ได้ว่าคือตัวแทนสัจธรรมของโลก จะขึ้นจะลงไม่อาจบอกอะไรได้ถูกต้องเสมอต้นเสมอปลาย สุดท้ายต้องเจอเรื่องที่ไม่แน่นอนอยู่ดี เหมือนเลขสองตัวข้างต้นที่อาจเปลี่ยนเป็นอีกตัวโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นชีวิตคนจึงไม่แน่นอนอาจเจอเรื่องเซอร์ไพรส์เมื่อไรก็ได้

Get Out (2017) ลวงร่างจิตหลอน

Get Out (2017) | ลวงร่างจิตหลอน
Director: Jordan Peele
Genres: Horror | Mystery | Thriller
Grade: A

มีอยู่ตัวละครที่พูดคำว่า"มิสซิสซิปปี หนึ่ง มิสซิสซิปปี สอง..." พูดแบบนี้ต่อเนื่องให้คนผิวดำฟัง ทำให้นึกถึง Mississippi Burning (1988) ที่แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องทางเนื้อเรื่องแต่เข้าประเด็นเหยียดสีผิวไม่ต่างกัน ซึ่งมิสซิสซิปปีคือเมืองที่สร้างเรื่องสะเทือนโลกในปี 1964 เกี่ยวกับความรุนแรงของคนผิวขาวที่กระทำคนผิวดำราวกับศัตรูอยู่ฝ่ายเดียว กระทั่งหน่วยงานจากรัฐบาลต้องลงมาสืบหาความจริงก่อนจะพบว่าเมืองนี้เต็มไปด้วย Racism ฉะนั้นจึงเหมือนเมืองในฝันร้ายของคนผิวสีที่ถูกรังแก ทุบตี ทำลายบ้านเรือน ตลอดจนถึงแก่ชีวิตราวกับสัตว์ตัวหนึ่ง

American Made (2017) อเมริกัน เมด

American Made (2017) | อเมริกัน เมด
Director: Doug Liman
Genres: Action | Biography | Comedy | Crime | Drama
Grade: A

เรื่องราวสถานการณ์เช่นนี้ควรออกมาซีเรียสนะ แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่คือสีสันและหรรษา ใครเป็นใครไม่รู้ บ้านเมืองยังไงช่างมัน แต่ชีวิตเด็กส่งของล้วนแฮปปี้

It Comes at Night (2017) มันมาตอนกลางคืน

It Comes at Night (2017)
มันมาตอนกลางคืน
Director: Trey Edward Shults
Genres: Horror | Mystery
Grade: A+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ถึงตัวหนังจะโดนกล่าวว่าห่วยบ้างแย่บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากมองเพียงเปลือก สำหรับเรื่องนี้มีอะไรที่มากกว่าสิ่งที่หลายคนเห็น ที่คิดเช่นนั้นเพราะเป็นหนังเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่ประกอบด้วย พอล (Joel Edgerton),ซาร่าห์ (Carmen Ejogo) และ แทรวิส (Kelvin Harrison Jr.) พ่อแม่และลูกที่อาศัยอยู่ในป่าด้วยบ้านไม้หลังหนึ่งที่ปกปิดป้องกันภัยอย่างแน่นหนา สาเหตุที่ต้องป้องกันรัดกุมขนาดนี้มาจากเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาด เมื่อพล็อตเป็นเช่นนี้เป็นใครก็คาดหวังเห็นผลของเชื้อไวรัสที่ต้องสนุกต้องลุ้นมียิงมีคนติดเชื้อแบบหนังซอมบี้ แต่ที่กล่าวมาแทบไม่มีสิ่งเหล่านี้เพราะจุดมุ่งหมายที่ตัวหนังจะบอกคืออีกอย่างที่น่ากลัวกว่าเชื้อไวรัสเสียอีก

Nekromantik (1987) รักร่วมศพ

Nekromantik (1987)
รักร่วมศพ
Director: Jörg Buttgereit
Genres: Horror
Grade: C

ไม่ทันเริ่มเรื่องจะมีข้อความเตือนที่บอกถึงความสยดสยองอันแสนแหวะที่คิดให้ดีก่อนรับชม ซึ่งไม่รู้ว่าจะดูทรมานจิตใจมากน้อยแค่ไหนแต่พอจะมีเค้าอยู่บ้างเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนที่สร้างความน่ากลัวด้วยเครื่องในออกมาวางกับพื้นจากศพขาดครึ่ง และอีกศพที่นอนอยู่ในรถที่เหมือนจะไม่เท่าไรแต่มีตาห้อยออกมานอกเบ้า แม้จะมีความเป็นทุนต่ำอย่างเห็นได้ชัด แต่ความสะอิดสะเอียนมักเป็นของคู่กันเสมอในเรื่องความสมจริงที่ต่อให้ดูหลอกยังไงแค่ขอความวิปริตก็ได้เต็มร้อยทั้งร้อย หลังจากรถชนและมีคนตายย่อมมีคนเก็บศพที่มีหน้าที่รวบรวมชิ้นส่วนเก็บซากที่เหลือให้เข้าที่เข้าทาง หนึ่งในเจ้าหน้าที่เก็บศพคือโรเบิร์ต ชมัดต์เก้ หรือที่เรียกกันว่าร็อบ (Bernd Daktari Lorenz) ที่มีจุดเด่นตรงที่แอบเก็บชิ้นส่วนต่างๆจากศพเอาไว้เป็นที่ระลึกในขวดโหลแก้วที่วางบนชั้นระเบียงอย่างเป็นระเบียบ กระทั่งวันหนึ่งได้ไปเก็บศพในน้ำและเกิดคิดพิสดารขโมยศพทั้งตัวกลับบ้านเพื่อนำมาสำเร็จความปรารถนาของตนเอง

15+ ไอคิวกระฉูด (2017)

15+ ไอคิวกระฉูด (2017)
Director: อัศวนัยน์ กลิ่นเอี่ยม, ณภัทร จิตวีรภัทร
Genres: Comedy
Grade: C

หนังประสาเด็กวัยรุ่นที่ใส่เนื้อหาทางเพศเพื่อเป็นกรณีศึกษา แต่ดูไปดูมาเหมือนยังตอบโจทย์วัยรุ่นไม่ดีพอและค่อนข้างห้วนๆให้คำตอบง่ายเกินกว่าจะเทียบกับชีวิตจริง แต่ให้พูดถึงความสนุกคงเป็นการล้อเลียนวัยอยากรู้อยากเห็นที่ตรงตัวไม่อ้อมค้อม อย่างเช่น การเห็นหรือแอบดูกางเกงในสีขาวจั๊วะในแบบไม่ตั้งใจและตั้งใจ การที่ตัวละครถือดิลโด (dildo) ทั้งใหญ่สั้นและเล็กยาวราวกับอาวุธไลท์เซเบอร์แล้วบอกนี่แหละขนาดมาตรฐานชายไทย การดู VR เพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ การจับต้องอวัยวะเพศตรงข้ามเพื่อการทดลอง และอีกหลายฉากที่ทะเล้นทะลึ่งปะปนไปกับเสียงหัวเราะ

สมศรี 422 อาร์ (1992)

สมศรี 422 อาร์ (1992)
Director: ณรงค์  จารุจินดา
Genres: Comedy | Family
Grade: B

เป็นหนังไทยอีกเรื่องที่น่าจดจำในแง่ความคิดสร้างสรรค์ที่แม้จะซ้ำซากไปหน่อยแต่ด้วยระยะเวลายุคสมัยนั้นถือว่าน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่น้อยนักจะมีให้เห็นเพราะฟังดูแลต้องใช้ทุนสร้างมากมายอย่างแน่นอน ฉะนั้นการจะเสี่ยงสร้างหนังไซไฟที่มีหุ่นยนต์จึงเป็นเรื่องได้ยาก ทว่ากับเรื่องนี้แทบไม่ใช้ทุนสร้างอะไรมากเลย แทบจะหาคำว่าสเปลเชียลเอฟเฟคจากมือทำหรือคอมพิวเตอร์ไม่ได้ ยิ่งกับตัวหุ่นยนต์ยิ่งบอกเลยว่าใช้คนแสดงเพียวๆ ไม่ต้องไปไกลถึงระดับตำนานหนังแอ็คชั่นคนเหล็กอย่าง The Terminator (1984) กับเทคนิคต่างๆที่ดูล้ำยุค เรื่องนี้ขอแค่จำกัดความที่ความสนุกด้วยรอยยิ้มโดยมีหุ่นยนต์เป็นองค์ประกอบก็เพียงพอแล้ว ซึ่งนั้นเองที่ทำให้ทุกคนจำชื่อสมศรีได้อยู่เสมอในฐานะหุ่นยนต์คนไทย

สยามยุทธ (2558)

สยามยุทธ (2558)
Director: ธนาวุฒิ เกสโร
Genres: Action
Grade: C

ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเรื่องนี้เท่าไรเพราะด้วยกระแสตอบรับที่ค่อนข้างเงียบและมีปัญหาขึ้นศาลเกี่ยวกับค่าตัวนักแสดงที่ถูกเบี้ยวจากผู้กำกับทำให้อารมณ์ตอนรับชมเตรียมตัวที่จะส่ายหัวได้ตลอดเวลา แน่นอนว่าไม่ทันไรในตอนเปิดเรื่องก็พบข้อผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย นั้นคือการเล่าเรื่องที่ลำดับภาพได้น่าฉงนชวนงงอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะไม่ถึงกับต้องแสดงอาการเหวอประหลาดใจมากนักแต่ถ้าไม่ได้นั่งดูหรือลุกไปไหนอาจมีสับสนกันบ้างที่จู่ๆเปลี่ยนฉากเปลี่ยนเนื้อเรื่องกันอย่างสายฟ้าฟาด ด้วยภาพลักษณ์ตอนช่วงแรกของหนังไม่แตกต่างกับหนังไทยธรรมดาที่ยังต้องปรับปรุงการเล่าเรื่องให้เข้าใจมากกว่านี้ รวมถึงในส่วนของตัวละครที่จะมาก็มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งแค่ช่วงแรกๆของหนังก็ทำให้ทิศทางการรับชมก็เริ่มจะไม่สบอารมณ์ ความน่าติดตามก็ล้วนน้อยลงเรื่อยๆเมื่อเห็นข้อผิดพลาดเหล่านี้ก่อนจะมาสะดุดในส่วนของแอ็คชั่นที่เหมือนกับว่าการเล่าเรื่องค่อยว่ากันแต่แอ็คชั่นต้องขายความมันส์ให้ได้ และที่ไม่รู้จะฮาหรือมันส์ดีที่ใช้เทคนิคแบบในเรื่อง 300 (2006) ที่ฝ่าข้าศึกทีคนในมุมกล้องด้านข้างพร้อมกับซูมเข้าออกอย่างเป็นจังหวะพร้อมสโลโมชั่นไปในตัวอาจจะคุ้นฉากนี้กันอย่างดีแต่วิธีการสู้ได้ปรับเปลี่ยนจากใช้ดาบกับโล่มาเป็นการใช้มือเปล่าเข้าสู้ด้วยศิลปะมวยไทย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็รู้สึกได้เลยว่าจะต้องมีอะไรเด็ดๆซ่อนไว้บ้าง

บุญชู 6 โลกนี้ดีออก สุดสวย น่ารักน่าอยู่ ถ้าหงุ่ย (1991)

บุญชู 6 โลกนี้ดีออก สุดสวย น่ารักน่าอยู่ ถ้าหงุ่ย (2534) 
Director: บัณฑิต ฤทธิ์ถกล
Genres: Comedy
Grade: S

อาจถึงคราวต้องลองมองมุมอื่นบ้างเมื่อหนนี้ตัวละครบุญชู (สันติสุข พรหมศิริ) จะไม่ใช่ตัวละครหลักในเรื่องคนเดียวอีกต่อไปเมื่อมีทองดี (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) ญาติจากลูกพี่ลูกน้องมาฝากตัวเพราะสอบติดเกษตรได้เหมือนกัน ทางเรื่องราวนี้แทบจะก๊อปปี๊บุญชูมาเลยกับเรื่องการใช้ชีวิตในกรุงเทพครั้งแรกที่ไม่รู้จะทำยังไงบ้าง แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าสมัยบุญชูครั้งใหม่ๆเพราะตอนนี้บุญชูใช้ชีวิตตามชาวกรุงได้แล้วและทำหน้าที่ดูแลทองดีได้ไม่ทิ้งห่าง ทว่าเรื่องของเรื่องที่ไม่น่าจะมีปัญหาก็ดันมีซะได้เพียงเพราะคนๆเดียวคือลลิตา (รัญญา ศิยานนท์) นักเรียนนอกที่โมลี (จินตหรา สุขพัฒน์) ขอแรงให้มาช่วยงานในบริษัทโฆษณา เป็นผู้หญิงที่เก่งรอบด้าน มีเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนต้องตาค้างกันเป็นแถว ซึ่งก็เหมือนจะไม่มีอะไรมากจนกระทั่งเพื่อนๆของบุญชูกับทองดีได้รับคำเชิญชวนให้มาเล่นโฆษณาจนไปพบกับลลิตาตัวเป็นๆเข้าจึงทำให้หยอย (เกียรติ กิจเจริญ) ,คำมูล (กฤษณ์ ศุกระมงคล) ,นรา (อรุณ ภาวิไล) ,ไวยากรณ์ (วัชระ ปานเอี่ยม) ,เฉื่อย (นฤพนธ์ ไชยยศ) ,ประพันธ์ (เกรียงไกร อมาตยกุล) ไม่เว้นแต่บุญช่วย (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) ที่ต่อให้ในใจมีคุณมานี (ปรารถนา สัชฌุกร) ยังต้องคิดนอกใจ(แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อบุญช่วยเองก็พยายามซื้อใจมาตลอดแต่ไม่เคยได้ใจมานีเลยสักที ในขณะที่มานีตั้งหน้าตั้งตาทำงานไม่คิดเรื่องคู่ครองเลย) เกิดอาการกระสับกระส่ายละเมอเพ้อฝันกลางวันกันเป็นแทบ แต่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญเมื่อทองดีเกิดติดลลิตาจนเป็นเรื่องให้ถูกหลอกใช้ให้ทำเรื่องไม่ควร ทำให้บุญชูและเพื่อนๆตั้งสติรับมือกับปัญหานี้ก่อนที่จะสายเกินแก้

บุญชู 5 เนื้อหอม (1990)

บุญชู 5 เนื้อหอม (2533)
Director: บัณฑิต ฤทธิ์ถกล
Genres: Comedy
Grade: A

"อยากรู้จริงๆหรือเปล่า เล่ายาวนะ"

สองภาคก่อนคือภาคก่อนการศึกษาหรือก่อนได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่กะลุ้นกับแทบดิ้นตายว่าจะได้ติดคณะในฝันหรือไม่ ซึ่งดูเหมือนเวลาที่รอคอยมาแสนนานก็มาถึงเสียที สำหรับภาคนี้กับบางคนอาจถึงขั้นบ่นหรือกระวนกระวายตามหาภาค 3-4 ที่หาให้ตายยังไงก็หาไม่เจอ เนื่องจากภาคที่หายไปนั้นเสมือนหนังสั้นนี้เองและได้ใส่เข้าไปในภาคนี้โดยเปิดเรื่องที่บุญชู 3 จำจากแม่เล่าเรื่องถึงแม่บุญล้อม (จุรี โอศิริ) ที่กำลังเดินไปกับบุญชู (สันติสุข พรหมศิริ) เพื่อส่งขึ้นรถประจำทางไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ จากนั้นมาต่อด้วยบุญชู 4 ปีหนึ่งที่เกริ่นมาแบบเชิงหนังสั้นอีกครั้งที่เล่าถึงการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่มีการรับน้องโดยมุ่งเน้นไปที่คณะที่บุญชูเรียน แน่นอนว่าต้องเป็นคณะเกษตรและหนึ่งในฉากนั้นเองที่มีวิธีการรับน้องให้ลงไปในนาโดยไปกลิ้งหมักตัวในนั้นเพื่อทำความคุ้นเคยกับความเป็นชนบท จัดเป็นฉากที่สั้นแต่สะท้อนได้ดีเพราะอย่างแรกคือจะเป็นยังไงถ้าคนเมืองเหยียบถนนมองตึกมาเป็นเปื้อนโคลนเงยหน้ามีแต่แดดร้อนๆ นี้คือข้อแตกต่างเล็กๆระหว่างคนเมืองกับบ้านนอกที่เกิดมามีภูมิลำเนาต่างกัน กระนั้นยังไงเสียคนที่เรียนเกษตรย่อมต้องรู้จักมากกว่าแค่ในตำราเพราะต้องเน้นปฏิบัติเห็นผลเห็นดอกมากกว่า ก็ยอมรับอย่างหนึ่งว่าคนบ้านกรุงกับบ้านนอกนั้นแตกต่างกันในด้านความเจริญ ถ้าให้เลือกความเจริญทางวัตถุคงได้แต่ตอบปฏิเสธเพราะเอาเข้าจริงความเจริญไม่ใช่การพัฒนาทางด้านสิ่งของ สิ่งที่พัฒนาคือจิตใจของคนดังถาคนี้ที่มุ่งเน้นการหาความยุติธรรมที่่ถูกต้อง อีกคนได้ดีแต่ใช้อย่างสิ้นเปลืองอีกคนอดได้จึงต้องลำบาก สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างไปกับการเข้าเรียนเมื่อเจอสิ่งที่เหมาะสมถึงไม่ถนัดบ้างแต่ด้วยใจรักก็ผ่านไปด้วยดีเพราะมุ่งมั่น บุญชูใช่จะเป็นคนเก่งต้องสอบเข้าหลายรอบมีตกรอบเป็นเรื่องธรรมดา ทว่าบุญชูมรคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่หาได้ยากคือความซื่อสัตย์และมานะจนเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จด้วยความเพียรของตนเอง

บุญชู 2 น้องใหม่ (1989)

บุญชู 2 น้องใหม่ (2532)
Director: บัณฑิต ฤทธิ์ถกล
Genres: Comedy
Grade: A+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

บางก็บอกว่าภาคนี้ดีกว่าภาคแรก บางก็ว่าดีที่สุดในหลายๆภาค แต่โดยส่วนตัวคิดว่าจะภาคไหนก็ล้วนดีกันทั้งหมด ถ้าจะคัดความโดดเด่นของภาคนี้คงไม่พ้นการเล่าเรื่องได้กระชับกว่าภาคแรกรวมถึงการยิงมุขที่นับว่าเด็ดพอตัว แต่อะไรนั้นตัวหนังยังคงคอนเซ็ปต์เดิมในการเล่าเรื่องสไตล์ธรรมดาไม่หวือหวาเกินกว่าจะเหมาะสำหรับเฉพาะกลุ่มจนเรียกได้ว่าดูสบายอารมณ์ไม่เครียดจนเกินไปและไม่แฮปปี้จนเกินตัว หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับเนื้อหาต่างล้วนสะท้อนถึงสังคมและปรุงแต่งด้วยข้อคิดสอนคนมิใช่น้อย จากหนก่อนเรื่องราวหนุ่มเลือดสุพรรณนามว่าบุญชู (สันติสุข พรหมศิริ) จากบ้านมากรุงเทพฯเพื่อมาสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายกลับพลาดไม่ติดดังฝันจนแม่บุญล้อม (จุรี โอศิริ) แม่ของบุญชูต้องไหว้วานคนที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญมาช่วย ซึ่งก็คือคุณแจ่มใส (ท่าน ส. อาสนจินดา) บรรณารักษ์ห้องสมุดอดีตมหาเก่ามาช่วยอบรมขัดเกลาเสริมความรู้ให้สอบติดสู้กับคนอื่นได้ โดยแม่บุญล้อมก็ตั้งเป้าไว้สูงว่าถ้าสอบไม่ติดอีกต้องกลับสุพรรณทำไร่ทำนากลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ดังนั้นมีรึที่บุญชูจะยอมแพ้ถูกทำลายความฝันที่อยากจะเข้าเรียนเกษตร โดยงานนี้ก็ได้กำลังใจอย่างล้นเปี่ยมจากเพื่อนก๊วนคราวก่อนที่ตอนนี้ได้เรียนมหาวิทยาลัยกันไปก่อนแล้วจากการภาคแรกที่ต่างคนต่างมาสอบแข่งขันเข้าคณะโน้นมหาวิทยาลัยนี้ตามความชอบของตัวเองแล้วสอบติด(น่าเสียดายบุญชูที่สอบไม่ติดแต่ก็ไม่มีใครสมหวังเสมอไป คนเราต้องล้มกันบ้างเพื่อเรียนรู้ในการลุก) ในที่นี้จะมีหยอย (เกียรติ กิจเจริญ) อารมณ์ดีตลอดเวลาเป็นคนเสียงนำเสมอ , คำมูล (กฤษณ์ ศุกระมงคล) เจ้าแห่งปลากระป๋อง , นรา (อรุณ ภาวิไล) เรื่องการเมืองยกให้คนนี้ , ไวยากรณ์ (วัชระ ปานเอี่ยม) คนนี้ได้แพทย์แต่ไม่รักษาคนเพราะได้สัตว์แพทย์ , เฉื่อย (นฤพนธ์ ไชยยศ) ใครคุยกับคนนี้รับรองยาว ไม่ใช่เรื่องยาวพูดเยอะนะ แต่การออกเสียงแต่ละทีนี้ย๊าวยาว และขาดไม่ได้สำหรับบุญชูคือโมลี (จินตหรา สุขพัฒน์) ได้ต่อทางด้านวารสารเพื่อไปช่วยมานี (ญาณี จงวิสุทธิ์)  พี่สาวทำงานในอนาคต

บุญชูผู้น่ารัก (1980)

บุญชูผู้น่ารัก (1988)
Director: บัณฑิต ฤทธิ์ถกล
Genres: Comedy
https://www.imdb.com/title/tt2464388/
Grade: A

"ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง" จะใกล้ไม่ไกลแต่หนังเรื่องนี้คือหนังในดวงใจใครหลายคนที่เชื่อได้เลยว่าหนุ่มสุพรรณนามว่าเจ้าบุญชูจะทำให้ผู้ชมจดจำไม่รู้ลืม
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)