Se7en (1995) เซเว่น

Se7en (1995)
เซเว่น
Director: David Fincher
Genres: Crime | Drama | Mystery | Thriller

เป็นหนังแนวสืบสวนที่มาแรงมาก มากพอจะอยู่อันดับต้นๆของแนวสืบสวนที่ไม่ว่ายังไงต้องพึงระลึกเสมอว่าห้ามพลาดเด็ดขาดเพราะหนึ่งในเหตุผลนั้นมาจากการเอาบาปทั้ง 7 ประการ (Seven Deadly Sins) ในอดีตกาลของศาสนาคริสต์มาผสมผสานกับบทหนังได้อย่างแยบยลแสนคมคาย ทั้งนี้เพราะเป็นฝีมือเขียนบทของ Andrew Kevin Walker อาจไม่เป็นที่รู้จักนักแต่การลงรายละเอียดในเรื่องนี้จัดว่าสุดยอดไม่ธรรมดาจริงๆ  โดยเรื่องจะเป็นการสืบสวนตามล่าคนร้ายที่ฆ่าคนโดยเหยื่อแต่ละรายจะถูกฆ่าด้วยความใจเย็นไม่รีบร้อนให้ตายคล้ายให้ทรมานไปเรื่อยๆแล้วสิ้นใจตายในท้ายที่สุด ที่สำคัญยังทิ้งเบาะแสทุกครั้งเกี่ยวกับบาปอย่าละหนึ่งคนและเป็นเช่นนี้ต่อไปจนกว่าจะครบบาปทั้งหมด ทว่าเพื่อไม่ให้เกิดเหยื่อในครั้งต่อไปจึงได้วิลเลี่ยม ซอมเมอร์เซท (Morgan Freeman) ตำรวจมือเก่าที่ใกล้จะเกษียณอายุในไม่กี่วันกับเดวิด มิลส์ (Brad Pitt) ตำรวจใหม่ที่มาจับคู่ด้วย แต่เหมือนว่างานนี้จะเกินคนทั่วๆไปจะทำได้เพราะหลักฐานที่โยงถึงผู้กระทำไม่อะไรเลยสักอย่างแม้กระทั่งลายนิ้วมือ ทุกอย่างดูว่างเปล่าแต่อึดอัดไปด้วยแรงกดดันจากเหยื่อที่ไม่รู้ว่าใครคือคนต่อไป ที่รู้ได้คือการไล่บาปที่กำลังหมดลงไปทีละบาปอย่างช้าๆตั้งแต่ตะกละ,โลภ,เกียจคร้าน,ยะโส,ราคะ,ริษยา และโทสะ


"ตะกละ (Gluttony)" สิ่งที่พิเศษสุดของเรื่องนี้คือการทำให้คนร้ายในเรื่องที่เรามองว่าคงเป็นพวกวิกลจริตเคร่งศาสนามีน้ำหนักมากพอกับเหตุผลที่ปล่อยออกมาไม่หยุดหย่อนในช่วงไคลแม็กซ์ เพราะสิ่งที่กล่าวมานั้นทุกอย่างล้วนเป็นความจริงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย ยิ่งกับยุคสมัยที่เพาะบ่มความสบายเป็นหลักเพื่อสนองความต้องการของทุกคนด้วยแล้วยิ่งเป็นการตระหนักถึงบาปได้เป็นอย่างดี เพราะอะไร เพราะความสบายเกินไปการได้อะไรหลายอย่างโดยไม่คิดว่าคือสิ่งไม่จำเป็น ได้ทุกสิ่งอย่างไม่หยุดและต้องการเก็บเอาไว้เพื่อสนองตัวเอง ถ้าเป็นเรื่องของ"ตะกละ"เราอาจหมายถึงความไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะการกินแบบไม่รั้งรอว่าต้องหิวแค่อยากกินอยากลิ้มรสความเอร็ดอร่อย สุดท้ายคือความอ้วนที่มาพร้อมกับความน่าแขยงที่มีร่างกายแสนใหญ่ตัวไม่ต่างกับภาชนะที่ประบายออกไม่ทัน มันจะค่อยบวมออกพร้อมจะระเบิดยังไงอย่างงั้น สิ่งที่เราเห็นบางครั้งมันดูประหลาดตาแต่แปลกใจไม่ได้ว่าคุณช้างน้ำนั้นมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้รูปแบบไหนกัน

เราตลกที่เห็นส่วนเกินเช่นนั้นและคิดเสมอกับคนอ้วนด้วยว่าคือส่วนเกินที่น่ารังเกียจ ไม่อย่างงั้นเราจะยอมปฏิญาณบอกโน้นบอกนี้จะลดน้ำหนักตัวเองทำไมถ้าไม่ใช่เพราะเราดันตะกละขยันกินล่ะ การกินไม่รู้จักพอคือบาปของความไม่พอดีไม่รู้จักหยุดหรือให้ความสำคัญในการแบ่ง มนุษย์ทุกคนบนโลกล้วนเกิดมามีความปรารถนาแต่เนื่องจากขาดการยับยั้งชั่งใจทำให้ความเอร็ดอร่อยจากการลิ้มรสเข้ามาคุมพฤติกรรม แทนที่เราควรจะอิ่มกำลังดีด้วยรูปทรงที่ไม่แตกต่างกลับต้องต่างออกไปเพียงแค่เห็นความสุขจากการกินมากกว่าความอิ่มที่เราได้มาตั้งนานแล้ว


"โลภ (Greed)" ข้อนี้แสดงถึงความสำคัญไม่ต่างกับทุกข้อเพราะทุกคนมีและควรตระหนักไว้เสมอด้วยสติ ทว่าความปรารถนาดันมีมากเกินความจำเป็นและสิ่งนี้คือความสะดวกสบายในอนาคต ยิ่งกอบโกยมากยิ่งมีทรัพย์มากแต่ทรัพย์ที่ได้นั้นเกินคำว่าพอดีทั้งยังเต็มไปด้วยความไม่สิ้นสุดมีแต่อยากกับอยากยิ่งขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงความโลภหาใช่สิ่งอื่นใดแต่มักจะมาจากเงินทองที่ครองเหนือทุกสิ่งด้วยเหตุผลที่เงินซื้อได้

สำหรับทุกๆครั้งแทบเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อเกิดความโลภแล้วจะเกิดคำว่าพอดีซ้ำยังเป็นปัจจัยบ่งบอกถึงความไม่ซื่อสัตย์ เช่นการงานด้วยการโกงกินเงินใต้โต๊ะตลอดจนการรับสินบนเพื่อสร้างข้อแก้ต่างให้คนนั้นออกมาใสซื่อบริสุทธิ์ทั้งที่เป็นด้านตรงข้ามเสียด้วยซ้ำ กับความโลภคือการได้อย่างไม่สิ้นสุดเป็นการแสดงถึงบาปที่ไม่รู้จักหยุด ในสังคมทุกคนมีความต้องการเป็นของตัวเองแต่น้อยครั้งและน้อยมากๆที่จะคำนึงถึงคนรอบข้างกรณีเดียวกับการให้เงินขอทานด้วยการแบ่งปัน ถ้าเราไม่โลภจริงไม่ยึดติดกับสิ่งนั้นจริงจะสามารถให้สิ่งนั้นกับผู้อื่นได้อย่างสบายๆ ในทางกลับกันเราจะรู้สึกหวงสิ่งนั้นและจ้องจะทวงกลับคืนมาเป็นของตัวเองเพียงเพราะโลภยังไงล่ะ


"เกียจคร้าน (Sloth)" มันไม่ใช่กรณีที่เราเหนื่อยแล้วอยากพักจะบอกว่าใช่แต่หมายถึงคนที่ไม่รู้จะทำอะไรให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองหรือคนอื่นๆ ถ้าให้เปรียบคงจะเหมือนกับวิลเลี่ยมและเดวิดในทางตรงกันข้าม ย้ำว่าทางตรงข้ามเนื่องจากพวกเขาขยันและมั่นคงต่องานที่จะทำต่อไปเพื่อสืบหาคนร้าย ในชีวิตจริงเราอาจเหนื่อยแต่คำว่าเหนื่อยนั้นมีความหมายแฝงของความเบื่อหน่ายหรือเปล่า ถ้าใช่อาจหมายถึงความขี้เกียจที่เข้ามากัดกร่อนจิตใจไม่คิดอยากจะทำเพียงอารมณ์แต่ไม่ใช่ร่างกาย ในขณะเดียวกันคนร้ายที่ฆ่าเหยื่ออย่างใจเย็นเองก็มีความขยันไม่ละเลิกในบาปกลางคันแม้จะเกือบถูกตำรวจจับได้แต่กลับมาบอกชื่นชมและทำบาปอีกที่เหลืออย่างรวดเร็วโดยไม่สนหรือกังวลในความรู้สึก เป็นการแสดงถึงความไม่เกียจคร้านในหน้าที่ของตัวเอง เอาแบบที่ไม่คิดถึงผลลัพธ์ว่าดีหรือเลวแต่มองเป็นประสบความสำเร็จแล้วล่ะก็จะบอกได้ว่าทั้งคนร้ายและตำรวจต่างประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งคู่ เพราะอะไรนั้นมาจากความไม่ขี้เกียจไงล่ะอีกฝ่ายฆ่าเหยื่อสำเร็จขณะที่อีกฝ่ายก็สืบจนได้ข้อสรุป บางทีการที่สังคมไม่ทำอะไรเลยไม่ได้แปลว่าหยุดทำต่อเรื่องไม่ดีเพราะอยู่เฉยๆ แต่เพราะเอาแต่เฉยสังคมถึงเต็มไปด้วยเรื่องอของตัวเองและไม่ขี้เกียจที่จะทำเพื่อคนอื่น

"ราคะ (Lust)" กับข้อนี้คิดดูแล้วไม่น่าจะเป็นบาปได้เพียงแค่เป็นความลุ่มหลงอย่างหนึ่งแต่ไม่ถึงกับทำความเดือดร้อนกับผู้ใด เช่นผู้หญิงที่อยากสวยย่อมอยากทำให้ตัวเองสง่างาม บ้านสกปรกก็ทำให้สะอาด ทว่าในที่นี้ล้วนไม่ใช่การปล่อยว่างแต่หมายถึง"กามราคะ"ที่ยังยึดติดอยู่กับรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส ในหนังเรื่อง Se7en แม้ฉากนี้จะให้ความสำคัญเร็วไปหน่อยแต่พอไตร่ตรองดูแล้วมันแทบจะก้าวข้ามไปได้ทุกข้อหากแต่ยังยึดติดกับสิ่งนั้น ในเรื่องจะเกี่ยวกับทางด้านสัมผัสหรือทางเพศ ซึ่งจะอธิบายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสังคมที่สกปรกไร้ความบริสุทธิ์เลือกจะมองร่างกายเป็นสิ่งที่มีราคาและตกต่ำด้วยการขายความใคร่แก่บรรดาลูกค้าที่เข้ามาเสพ อีกแง่หนึ่งการหาความสำราญก็ถือเป็นอีกกามราคะด้วยการหลงไปกับรูป เสียง กลิ่น รส ด้วยเช่นกันเนื่องจากสุดท้ายแล้วสิ่งที่ลุ่มหลงเข้ามาในหัวหาใช่แต่เรื่องใดนอกจากการมีความสัมพันธ์ทางเพศ สิ่งเหล่านี้เป็นการปลุกระดมความต้องการให้เพิ่มมากขึ้น เราคิดเรามองแม้ไม่ได้ทำยังถือว่ากำลังก้าวเข้าสู่บาป


"ยะโส (Pride)" คนเรามีความถ่อมตนเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่ให้ลดวามเห็นแก่ตัว ในสังคมทุกชีวิตต่างดำเนินไปตามเวลาที่ตัวเองขีดเอาไว้แต่ไม่เลยที่จะแบ่งส่วนนี้ให้ใครจนบางครั้งการช่วยเหลือก็กลายเป็นเรื่องน่าเวทนา ไม่สนใจเอาแต่มองเพราะไม่อยากมีส่วนเอี่ยวเพียงแค่กลัวผิด ในขณะที่บางครั้งการยะโสก็คือพวกชอบอวดอ้างโน้นอ้างนี้คิดว่าตัวเองเก่งมีความสามารถแต่หารู้ไม่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าค้ำจุนอยู่หลายชั้น เฉกเช่นเดวิลในช่วงแรกๆเพียงเพราะความบ้าพลังไฟแรงทำให้เขามั่นใจว่าตัวเองทำได้ ทว่าเปล่าเลยกับคดีแบบนี้มันไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้อย่างเมื่อครั้งแแรกๆที่สำคัญบกกับการเป็นคนอารมณ์ร้อนยิ่งไม่ต้องกล่าวกันต่อไปถ้าความยะโสจะทำให้ดูเป็นคนเก่งและความจริงต้องปรากฎเพราะประสบการณ์ของวิลเลี่ยมมีมากกว่าเดวิลทำให้รู้ว่าใครกันแน่ที่เก่งกว่า วิลเลี่ยมเป็นคนใจเย็นพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ตลอดเวลาและยังมีความรอบคอบในการหาเหตุผลมาสรุปเหยื่อที่เสียชีวิตแต่ละรายได้ นั้นทำให้เดวิลยอมรับมากขึ้นจากความฉลาดและประสบการณ์ที่แตกต่าง ดังนั้นเดวิลจึงยอมรับวิลเลี่ยมและกลายเป็นคู่หูได้อย่างตั้งใจ นั่นแหละส่วนหนึ่งการถ่อมตน รู้จักพอดีกับตัวเองไม่เกินขอบเขตว่าตัวเองเจ๋งที่สุด

"ริษยา (envy)" หรืออีกแง่หนึ่งคือความอิจฉาที่ว่ากันว่าเปรียบเสมือนคนๆนั้นมีขอบตาลุกเป็นไฟแสดงถึงอารมณ์ที่อยากได้เป็นแบบอย่าง ได้ชีวิตที่ดีอยู่กับคนที่รักในแบบที่ไม่ใช่ตัวอย่างหรือแบบแต่จะเอามาเป็นของตัวเอง ในสังคมทุกสิ่งมีชีวิตต่างมีความริษยาเก็บซ่อนอยู่และพร้อมจะระบายได้เสมอผ่านการกระทำด้วยการเลียนแบบเพราะมองว่าคนนั้นดีทว่ากับตัวเองต้องดีกว่าเสมอ กับอารมณ์ฉุนเช่นนี้มักเกิดกับเรื่องความรักเสียมากกว่าโดยเฉพาะการมองคนอื่นที่มีความรักแล้วรู้สึกไปทางลบ อันที่จริงมันควรเป็นทางบวกเสียด้วยซ้ำทั้งที่ความรักคือสิ่งสวยงามหรือต้องเรียกว่ามีความรู้สึกอยากแย่งชิงเสียด้วยซ้ำ ในที่นี่คงไม่พ้นเดวิดที่มีคนรักอย่างเทรซี (Gwyneth Paltrow) อยู่กันแบบแฮปปี้ในแบบที่เป็นแม้ไม่สมบูรณ์พร้อมอย่างเช่นเรื่องบ้านแต่แสดงออกถึงครอบครัวที่ทุกคนอยากมีบ้าง ถึงแม้ตัวหนังจะไม่ได้ให้ความสำคัญจนผู้ชมเกิดอาการซาบซึ้งในรักจนดราม่าแต่ควรจะเข้าใจด้วยว่าวัยทำงานย่อมมีผลเกี่ยวกับเวลาอยู่คนรัก เดวิลแม้จะดูแข็งๆกับคนรักจนแปลกใจไม่น้อยที่รักกันได้ ทว่าเราเห็นสิ่งที่ไม่ล้นไปมีลักษณะของความจริงจังไม่หวานจนน่าปลาบปลื้มแต่ก็ไม่ทิ้งห่างด้วยเช่นกัน และอย่างงั้งส่วนหนึ่งมาจากโทนของหนังที่ดูจะหายใจลำบากกันสักเล็กน้อยกับบรรยากาศชื้นแฉะอบไปด้วยความอึดอัด ผลก็เลยนอกจากจะดูเป็นแนวสืบสวนที่ซีเรียสและจริงจังแล้วยังเต็มไปความหม่นหมองอันน่าสลดใจอีกด้วย


"โทสะ (Wrath)" ว่ากันว่าสิ่งที่พรากเราจากทุกสิ่งมาจากการไม่รู้เท่าถึงการณ์ แต่เชื่อไหมว่าทุกคนรู้ตัวและเข้าใจที่ทำลงไปแต่ไม่ลืมเสมอว่าสิ่งนี้มาจากอารมณ์ส่วนตัว ในที่นี้หมายถึงอารมณ์เสียเอย ใจร้อนเอย โกรธเอย ทั้งหมดที่แสดงถึงความเร่งรีบอยากจะจบๆไวโดยไม่คอยบทสรุปที่เด่นชัด จัดเป็นบาปแห่งหายนะเพราะสังคมเต็มไปด้วยความรีบเร่งอยากจะทำอยากจะเสร็จแต่ไม่รู้จักคำว่าคอย ในเรื่องก็มีตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดคือเดวิลที่เป็นคนอารมณ์ร้อนตลอดเวลาประมาณหนุ่มไฟแรง ถ้าเดวิลคือด้านของคนใจร้อนจะไม่แปลกใจถ้าวิลเลี่ยมจะเป็นด้านของคนใจเย็น จากเรื่องเราสังเกตได้ชัดเจนจากพฤติกรรมของทั้งสองที่เหมือนจะกินกันเองตลอดเวลาแต่ก็กินกันไม่ลงเพราะอีกคนบอกเดี๋ยวนี้แต่อีกคนบอกให้คอย นี่คือความแตกต่างระหว่างคนสองคนที่มีมุมมอง ทัศนะ และอุดมการณ์ต่างกัน ทว่าจะแตกต่างกันมากน้อยเพียงใดในเมื่อเป็นตำรวจต้องต่างมีหน้าที่คือจับผู้ร้ายมาลงโทษให้สำเร็จ ทั้งนี้ยังเป็นแง่ของจรรยาบรรณเกี่ยวกับอาชีพที่ทำด้วยสติหาใช่อารมณ์ เพราะการจับคนที่ผิดอย่างแรกต้องรู้ว่าผิดโดยหลักฐานและข้อสรุปที่เด่นชัดจะไม่ใช่เพียงแค่เห็นหรือคิดเอาเองว่าคือใช่ ฉะนั้นการใจเย็นจะนำพามาสู่ความรอบคอบที่ทันเกมส์ แต่เมื่อไหร่ที่เราใจร้อนมุทะลุลุยอย่างเดียวจะกลายเป็นคนก้าวไม่ทันเกมส์


"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

Se7en นับเป็นหนังแนวสืบสวนระดับมาสเตอร์พีชที่ควรแก่การเสียเวลารับชมอย่างสุดซึ้ง เต็มไปด้วยอารมณ์หม่นหมองภายใต้จิตใจของคนที่เลวทรามกับบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจทั้งที่ไม่น่ามีอะไร ด้วยการประติดประต่อเนื้อเรื่องจัดว่าเยี่ยมยอดเป็นอย่างมากที่จะเร้าโลมผู้ชมให้ตระหนักในสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา แม้ว่าบาปแต่ละบาปจะไม่ทำให้ผู้ชมตระหนักในสิ่งที่ก่อมากนักหรืออาจไม่รู้สึกกระนั้นฉากไคลแม็กซ์ในรถเราจะได้รับรู้ในสิ่งที่คนร้ายได้ทำว่าเพื่ออะไรอย่างมีจุดหมายปลายทาง ไม่ได้ทำเพื่อความสะใจเพียงต้องการให้คนที่รับรู้เข้าใจในเรื่องของบาปซ้ำยังต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ช่วยกำจัดเรื่องโสมมพวกนี้ออกจากสังคม ซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวอย่างมากเพราะประเด็นแต่ละอย่างกระแทกกับสังคมได้โดยแท้อย่างตรงตัว ทั้งนี้การที่หนังมีพลังขนาดนี้ได้ต้องนับการลำดับปรากฎของคนร้ายได้อย่างน่าตื่นใจ เราจะไม่ได้เห็นฉากตำรวจวิ่งไปจับคนร้ายได้อย่างสำเร็จแต่คนร้ายจะเดินเข้ามาหาพร้อมตะโกนเรียก"มาจับผมสิ" ดูเป็นการหักหน้าเหล่าตำรวจโดยสิ้นเชิงซึ่งในอีกแง่หนึ่งเพราะเขาทำสำเร็จลุล่วงสำเร็จ ที่สำคัญคือนักแสดงที่เล่นหาใช่ใครแต่เป็น Kevin Spacey ถึงแม้บทโผล่ออกมาจะน้อยก็แค่ไคลแม็กซ์จนจบเรื่อง ทว่าสีหน้าบวกกับความตั้งใจอันแรงกล้ามันดูน่ากลัวคล้ายในใจเก็บซ่อนทุกอย่างเอาไว้ โดยส่วนตัวจะไม่ขอเล่าในตอนจบแต่อยากจะบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเล็กน้อยเกี่ยวกับ"กล่อง"

รู้ไหมหนังเรื่องนี้ฮิตที่สุดคือฉากไหน ฉาก"What's in the Box ?"ไงล่ะ นั้นจะเป็นฉากที่อึ้งที่สุดและกดดันอารมณ์มากที่สุดโดยเฉพาะสำหรับเดวิล ในช่วงนั้นเราจะได้เห็นการตัดสินที่สุดแสนเกินคำบรรยายเกี่ยวกับสิ่งที่ถืออยู่ซึ่งคือปืนที่กำลังจ่อไปที่ใครบางคนว่าสมควรจะยิงหรือไม่ นั้นจะเป็นฉากตัดสินใจในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดเพราะมันทำใจลำบาก ในขณะที่วิลเลี่ยมผู้วิ่งไปเปิดกล่องได้เห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องด้วยท่าทางตื่นตะลึงและมองไปที่เดวิลคล้ายกับทุกสิ่งล้วนจัดฉากมาเพื่อเขา อะไรอยู่ในกล่องแม้แต่ผู้ชมก็ไม่รู้ เท่าที่รู้ได้คือตอนนี้ผู้ชมไม่ต่างกับเดวิลในสภาพที่ก่ำกึ่งเกินยอมรับบทสรุปเช่นนี้ ในช่วงเวลานั้นเราไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในกล่องแต่ที่น่าเป็นไปแล้วคือสิ่งที่คนร้ายกำลังบอก ลองนึกสิ่งที่ได้ยินลองนึกสิ่งที่เราได้ทิ้งห่างออกมาโดยไม่ได้หันกลับไปมอง สิ่งนั้นได้หายไปแล้วเพียงเพราะหนึ่งในบาปทั้งเจ็ด

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)