The Gods Must Be Crazy II (1989) เทวดาท่าจะบ๊องส์ 2

The Gods Must Be Crazy II (1989)
เทวดาท่าจะบ๊องส์ 2
Director: Jamie Uys
Genres: Comedy
Grade: B+

หลังจากภาคแรกได้เข้าฉายก็กลายเป็นความสำเร็จสร้างชื่อเสียงให้กลายเป็นที่น่าจดจำในทันทีกับซี (N!xau) ตัวละครคนป่าที่ตัวดำแต่มีความใสซื่อบริสุทธิ์ตามประสาคนป่าที่ไม่รู้จักคำว่าเจริญตามแบบสังคมเมืองที่มีการพัฒนา ตัวละครอย่างซีได้กลายเป็นความโด่งดังอย่างมากโดยเฉพาะในประเทศไทยบ้านเราจนขนาดที่ว่าใช้แสดงนำในโฆษณาเลยทีเดียว ซึ่งโฆษณาดังกล่าวคือกระเบื้องห้าห่วงที่ทำออกมา 2 แบบ โดยแบบแรกจะเป็นการหยิบพล็อตหนังภาคแรกที่เกี่ยวกับขวดโค้กตกลงมาจากเครื่องบินเปลี่ยนเป็นกระเบื้องตกลงมาแทน ด้วยความที่ไม่รู้ว่ากระเบื้องคืออะไรจึงลองใช้ก้านธนูยิงแต่ไม่เข้า เอามันขว้างใส่ก็ไม่เป็นอะไร พอรู้ว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่ทำอันตรายใดๆจึงขึ้นไปเหยียบเล่นก่อนจะมีแรดวิ่งเข้ามา จังหวะนี้เองที่ซีหรือที่นิยมเรียกกันว่านิเชา(คนส่วนใหญ่จำชื่อจริงมากกว่าชื่อตัวละครในหนัง)ใช้กระเบื้องบังตัวเองไว้และรอดพ้นจากแรดที่วิ่งเข้ามา ส่วนแบบที่สองเป็นการบอกถึงวิถีชีวิตที่เพิ่มความเจริญเข้ามา ทั้งจานดาวเทียม โทรทัศน์ มือถือ เครื่องซักผ้า ที่ล้วนตกลงมาจากเครื่องบิน ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อนิเชาเพราะใช้ไม่เป็น แต่มีอย่างเดียวที่ใช้เป็นคือกระเบื้องตราห้าห่วงที่เอาไว้ใช้ยืนและให้คนอื่นแบกเพื่อจะได้เอานิ้วอุดรูที่หลังคารั่วได้(เป็นทั้งมุขขำขันและเสียดสีสติปัญญาในเชิงสร้างสรรค์) ที่สำคัญพูดภาษาไทยด้วยประโยคว่า"ห้าห่วง ทนหายห่วง"เป็นการปิดท้ายโฆษณา

The Gods Must Be Crazy (1980) เทวดาท่าจะบ๊องส์

The Gods Must Be Crazy (1980)
เทวดาท่าจะบ๊องส์
Director: Jamie Uys
Genres: Adventure Comedy

พล็อตเรื่องเหมือนหนังตลก แต่นี่คือความซีเรียสของหัวหน้าเผ่านามว่าซี (N!xau) คนป่าบุชเม็นแห่งทะเลทรายกาลาฮารีที่ใช้ชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ปลีกแยกออกจากโลกภายนอกที่มีแต่บ้านเมืองชุลมุนวุ่นวาย แต่แล้ววันหนึ่งได้มีขวดโค้กเปล่าตกมาจากฟากฟ้าอย่างไร้เหตุ อะไรคือขวดโค้กตกลงมาจากฟ้าในที่ไม่มีอะไรนอกจากพื้นที่ธรรมชาติอันแสนแห้งแหล้ง ในความคิดของคนป่า(ที่ป่าน้อยเหลือเกิน)คือวัตถุแปลกปลอมไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนทั้งชีวิต ไม่ว่าจะรูปทรง ขนาด ความทนทานที่แข็งแรง มันคือของชิ้นใหม่ที่ถูกนำมาใช้งานจนกลายเป็นของกลางที่อำนวยความสะดวกมากมายแก่คนในเผ่า ขวดโค้กนี้จึงเสมือนเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้มา ทว่าเจ้าขวดดังกล่าวได้สร้างปัญหาวุ่นวายให้เกิดความอิจฉาริษยา อยากได้อยากใช้จนลืมวิถีดั้งเดิมที่มีแต่การแบ่งปัน มีทะเลาะเบาะแว้ง ต่างคนต่างโกรธที่ไม่ได้ใช้ขวด สุดท้ายซีคืนขวดใบนั้นแก่พระเจ้าบนฟากฟ้า แต่ไม่สำเร็จจึงตัดสินใจเดินทางไปสุดขอบโลกนำขวดอันเป็นของขวัญกลับคืนสู่พระเจ้า

Evil Ed (1995) มนุษย์ผีสิง

Evil Ed (1995) | มนุษย์ผีสิง
Director: Anders Jacobsson
Genres: Comedy | Horror
Grade: C+
 
เรื่องราวบ้าๆที่ไม่น่าบ้าได้ของเอ็ดเวิร์ด (Johan Rudebeck) ที่ต้องมาทำหน้าที่ตัดต่อหนังฟิล์มจากแซม แคมป์เบล (Olof Rhodin) เจ้านายจอมเข้มที่เลือกเขาเพราะมั่นใจในฝีมือ แต่เรื่องที่ให้ตัดต่อดันกลายเป็นหนังสยองขวัญที่เขาไม่ต้องการ แต่นั้นไม่อาจทำให้เขาปฏิเสธงานได้ และมีหน้าที่ต้องตัดต่อให้เสร็จโดยได้รับสิทธิพิเศษให้ทำงานที่บ้านนอกชานเมืองเพื่อให้อยู่อย่างสงบมีสมาธิในการตัดต่อฟิล์ม แน่นอนว่าการเลือกเอ็ดเวิร์ดไม่ใช่เพราะเขาเก่งหรืออย่างใด แต่มาแทนตำแหน่งที่กำลังขาดเนื่องจากคนก่อนหน้านี้คลุ้มคลั่งจนคาบระเบิดหัวกระจุยไปแล้วในตอนเปิดเรื่อง ประเด็นคนก่อนที่เสียสติจนบ้าคืออะไรก็ไม่รู้ แต่คงไม่พ้นเกี่ยวกับหนังสยองขวัญที่ยิ่งอยู่กับมันนานเท่าไรยิ่งเริ่มมองความสยองขวัญที่เกิดขึ้นในฟิล์มเป็นเรื่องจริงจนประสาทกิน ถ้าคนก่อนยังกลายเป็นคนบ้าได้ แล้วเอ็ดเวิร์ดที่ไม่ชอบความรุนแรงจะบ้าด้วยหรือเปล่า

Gods of Egypt (2016) สงครามเทวดา

Gods of Egypt (2016)
สงครามเทวดา
Director: Alex Proyas
Genres: Action | Adventure | Fantasy
Grade: B-
 
ว่าด้วยเรื่องราวของเหล่าทวยเทพอียิปต์ที่อ้างอิงจากตำนาน The Contendings of Horus and Set อันเป็นสงครามระหว่างเทพที่เกิดจากการแย่งชิงและริษยาต่อกัน ในเรื่องจะกล่าวถึงเทพที่อยู่ร่วมกับมนุษย์เป็นผู้ปกครองอาณาจักรมายาวนานหลายพันปี จนกระทั่งโอซิริส (Bryan Brown) หรือเทพแห่งสันติสละบัลลังก์ให้กับฮอรัส (Nikolaj Coster-Waldau) หรือเทพแห่งท้องฟ้าผู้เป็นโอรสได้สืบทอดเจตนารมย์ต่อไป แต่แล้วในงานพิธีเกิดถูกขัดจังหวะเพราะการมาของเซท (Gerard Butler) หรือเทพแห่งทะเลทราย ทีแรกเซทมาแสดงความยินดีและความยิ่งใหญ่ของเทพทั้งสอง แต่สุดท้ายกลับกลายมาเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ที่รอคอยมานานและลอบสังหารโอซิริสในงานพิธีทันที ฮอรัสเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงได้เข้าต่อสู้เพื่อแก้แค้นให้พ่อ ทว่าไม่สามารถสู้เซทได้และพ่ายแพ้จนต้องสูญเสียดวงตาทั้งสองก่อนจะถูกเนรเทศปล่อยให้บ้านเมืองถูกเซทควบคุมในที่สุด

Wolf Creek 2 (2013) หุบเขาสยองหวีดมรณะ 2

Wolf Creek 2 (2013)
หุบเขาสยองหวีดมรณะ 2
Director: Greg McLean
Genres: Horror | Thriller
Grade: B-
 
ถ้าใครชอบภาคแรกอาจรู้สึกตะหงิดในภาคนี้อยู่บ้างซะหน่อย เพราะอารมณ์จะไม่เหมือนกันที่พยายามเล่าเรื่องให้เร็วขึ้นมากจนอารมณ์ความน่ากลัวที่ภาคแรกทำเอาไว้เกือบหายไปจนกลายเป็นหนังสยองขวัญไล่ฆ่าที่ไม่มีอะไรให้นอกจากอีหรอบเดิมๆของสูตรหนังสยองขวัญ แต่ถึงความน่ากลัวในเรื่องบรรยากาศน้อยลงใช่ว่าความโหดจะลดลงไปด้วย เพราะไม่ทันไรหนังก็เปิดเรื่องทันทีกับมิค เทย์เลอร์ (John Jarratt) ฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าคนอย่างสบายใจที่คุ้นเคยกันดีในภาคแรก กระนั้นในภาคแรกกว่ามิคจะโผล่ออกมาก็ปาไปค่อนเรื่องเพราะเอาแต่ปูตัวละครจนเกือบลืมไปว่าคือหนังสยองขวัญ จนกระทั่งมิคปรากฎตัวพร้อมกับยินดีช่วยเหลือคนที่ติดแหง่กข้างปากปล่องภูเขาไฟวูล์ฟครีกที่เป็นอุทยานแห่งชาติให้เหล่านักท่องเที่ยวแวะเยี่ยมชมก็กลายเป็นเรื่องสยองขวัญขึ้นมาทันที ซึ่งในภาคแรกได้บอกเรียบร้อยว่าการที่รถเสียนั้นมาจากฝีมือของมิคที่แอบทำให้เครื่องรถยนต์เสียเพื่อให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถไปไหนได้และใช้จังหวะนี้ในเวลาที่พอเหมาะเข้าหาเหยื่อทำเป็นคนดีเข้าช่วยเหลือก่อนจะจัดการเหยื่อเหล่านั้นด้วยยาสลบที่ปนมากับน้ำดื่มอย่างเนียนๆ ประเด็นที่เนื้อหาในภาคแรกกล่าวคือการอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า โดยเฉพาะกับสถานที่ห่างไกลจากผู้คนด้วยแล้วยิ่งเป็นอันตรายตั้งแต่การอยากไปเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากออสเตรเลียมีสถิติเกี่ยวกับคนหายตัวไปอย่างลึกลับและเจอพวกเขาเหล่านั้นเพียง 90% จากจำนวนคนที่หายไปประมาณเดือนหนึ่งให้หลัง ทว่าอีก 10% ที่หายไปไม่มีร่องรอยหรือถูกค้นเจอกลายเป็นบุคคลสาบสูญอยู่ทุกวันนี้ การอ้างอิงจากข้อมูลจริงเกี่ยวกับคนหายทำให้เกิดพล็อตเรื่องนี้ขึ้นมาเกี่ยวกับคนที่หายตัวไปว่าบางทีอาจกลายเป็นเหยื่อของมิคแล้วก็เป็นได้

13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi (2016) 13 ชม. ทหารลับแห่งเบนกาซี

13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi (2016)
13 ชม. ทหารลับแห่งเบนกาซี
Director: Michael Bay
Genres: Action | Drama | Thriller | War
Grade: B-
 
เป็นงานพักเบรกก่อนจะไปทำ Transformers: The Last Knight (2017) ที่บอกจะไม่ทำแต่สุดท้ายทำเองจนได้(ก่อนหน้านี้ได้บอกจะไม่ทำ Transformers: Age of Extinction (2014) แต่สุดท้ายทำซะดื้อๆ) คิดๆแล้วบางทีการทำ  Transformers จนมาถึงภาค 5 ได้ก็กลายเป็นเสน่ห์อย่างนึงที่ลืมไม่หลง ไม่ว่าจะฉากแอ็คชั่น งานภาพ หรือเทคนิคต่างๆล้วนบอกถึงความเป็นผู้กำกับ Michael Bay แทบทั้งสิ้น และการให้ใครมาทำหน้าที่นี้อาจทำให้โทนของหนังเปลี่ยนไป ยอมรับว่าเนื้อเรื่องจะประคับประคองได้ไม่สู้ดีแต่ส่วนของแอ็คชั่นคือความจัดเต็มจนคอแอ็คชั่นถูกใจหลายต่อหลายคน ขณะเดียวกันคือความเอียนที่ไม่ถูกปากใครอีกหลายคนเพราะความยืดยาวที่ไม่รู้จักจบเสียที เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่ให้ความรู้สึกคล้ายกัน ทว่าจากที่รู้สึกเกินกลับกลายเป็นขาดเสียแทนมากกว่า จะว่าแล้วเนื้อเรื่องได้อิงจากเหตุการณ์จริงที่เอาจริงๆแล้วไม่ค่อยมีอะไรเท่าไรด้วยน่ะสิ พอกลายเป็นหนังจึงรู้สึกขาดไปบ้างในบางอารมณ์ กระนั้นรู้สึกมีบางอย่างที่กำลังพอดีอีกด้วย

Ninja Assassin (2009) นินจา แอซแซสซิน แค้นสังหาร เทพบุตรนินจามหากาฬ

Ninja Assassin (2009)
นินจา แอซแซสซิน แค้นสังหาร เทพบุตรนินจามหากาฬ
Director: James McTeigue
Genres: Action | Thriller
Grade: B-

ช่วงแรกของหนังเนี้ยทำได้น่าสนใจจนเกือบมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประเภทของเรื่องนี้ที่ให้โทนราวกับหนังสยองขวัญมีแต่ความน่ากลัวเต็มไปหมด โดยเฉพาะความรุนแรงของการต่อสู้ที่ให้ความรู้สึกเกิดอาการเอียนได้ทันทีกับคนไม่ชอบเลือด ในตอนเปิดเรื่องจะเป็นการบอกถึงความน่ากลัวของนินจาที่มีหน้าที่สังหารเป้าหมายโดยไม่มีใครเหลือรอดสักคน แน่นอนว่าเปิดเรื่องมาพอจะเดาแนวได้กับการเกริ่นความเป็นนินจาที่เก่งกาจแค่ไหน ซึ่งความเก่งที่ฆ่าคนนี่แหละกลายเป็นความบันเทิงที่ยิ่งกว่าจะดูเอามันส์เพียวๆเพราะเล่นฆ่ากันแบบแขนขาด ขากระจุย หัวหลุด เลือดสาด ที่ต้องเน้นย้ำหน่อยเห็นจะเป็นเลือดที่ขนอะไรไม่รู้กันมามากมายชนิดที่ว่าฟันทีหนึ่งเลือดจะกระเด็นไม่ต่างกับลูกโป่งที่ใส่น้ำ เมื่อลูกโป่งแตกคือน้ำกระจาย ทำนองเดียวกับเลือดที่กระจายจนมันส์มือคนทำเทคนิค CGI ที่ใส่ได้อารมณ์เต็มเหนี่ยวเรื่องความรุนแรง แม้จะเกือบกลายเป็นหนังสยองขวัญแต่อดคิดไม่ได้เลยในความโหด โดยเฉพาะฉากเครื่องซักผ้าเป็นอะไรที่ผิดคาดและถ้าใส่ในหนังสยองขวัญจะเป็นอะไรที่เข้ายิ่งกว่าเข้าเสียอีก

The Corpse of Anna Fritz (2015) คน..อึ๊บ..ศพ

The Corpse of Anna Fritz (2015) | คน..อึ๊บ..ศพ
Director: Hèctor Hernández Vicens
Genres: Drama | Thriller
Grade: C+

"จะเป็นยังไงถ้าตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นศพที่ฟื้นจากความตายแล้วมีผู้ชายกำลังใช้ร่างกายคุณเพื่อสำเร็จความใคร่"

เป็นไปตามที่บอกข้างต้นที่ใช้เป็นพล็อตเรื่องราวของหญิงสาวดาราคนดังที่ใช้ชื่อว่าแอนนา ฟริตซ์ (Alba Ribas) ต้องเสียชีวิตลงอย่างไม่ทราบสาเหตุและถูกนำตัวไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพื่อชันสูตรศพ แต่ด้วยความที่เป็นคนดังและเป็นผู้หญิงสวยจึงกลายเป็นที่อยากพบเห็นในหมู่คนธรรมดาที่อยากรู้ว่า..มีสวยงามมากน้อยเพียงใด อีกทั้งยังเป็นที่หมายปองในหมู่ผู้ชายที่อยากได้เธอ ด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหลของแอนนาทำให้พาว (Albert Carbó) เจ้าหน้าที่เก็บศพต้องขอเก็บรูปเธอไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะพาเพื่อนอีก 2 คน ได้แก่ อีแวน (Cristian Valencia) และจาวี่ (Bernat Saumell) แอบเข้ามาดูศพ ช่วงแรกไม่มีอะไรนอกจากมาพบเพื่อชวนไปเที่ยวปาร์ตี้ แต่เรื่องได้เล่าไปถึงพาวที่บอกเพื่อนทั้งสองว่ามีศพดาราผู้หญิงมาอยู่ที่นี้เองแหละ ด้วยความสงสัยทำให้ทั้งสามเข้าไปห้องเก็บศพอย่างลับๆก่อนจะกลายเป็นว่าถูกกิเลสครอบงำนึกพิสดารลองกับศพที่นอนแน่นิ่ง ทว่าเรื่องโรคจิตที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่เท่ากับที่แอนนาลืมตัวตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเธอดันมีชีวิต

The Green Mile (1999) ปาฏิหาริย์แดนประหาร

The Green Mile (1999)
ปาฏิหาริย์แดนประหาร
Director: Frank Darabont
Genres: Crime | Drama | Fantasy | Mystery
Grade: S
 
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ผลงานเรื่องที่ 2 ของผู้กำกับ Frank Darabont ที่ก่อนหน้านี้มากับผลงานระดับขึ้นหิ้งอย่าง The Shawshank Redemption (1994) จนกลายเป็นหนังยอดเยี่ยมในใจใครหลายคน มาครั้งนี้ได้แนวทางมาจากหนังสือที่เขียนโดย Stephen King ซึ่งเกี่ยวกับนักโทษด้วยเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่ายังไงทำไมหนังเรื่องนี้ที่ยาว 3 ชม.ถึงไม่มีความน่าเบื่อเลยสักนิด ความอัศจรรย์ของเรื่องนี้คือการทำให้น่าติดตามตลอดเวลาทั้งที่จริงแทบจะไม่มีอะไรมากนักด้วยซ้ำเพราะวนเวียนกันอยู่ในคุกเสียมาก ว่าแล้วก็น่าทึ่งไม่น้อยเพราะเวลาของเรื่องนี้ล้วนมีค่าที่พลาดหรือขาดไม่ได้เลย ที่น่าสนใจคือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากชายชราคนหนึ่ง (Dabbs Greer) ที่รู้สึกอ้างว้างเดี่ยวดายทำเหมือนกับไม่รู้จะอยู่ยังไงต่อไปในชีวิตนี้ ตอนเปิดเรื่องอารมณ์ค่อนข้างหดหู่ในมุมมองของคนสูงอายุ อย่างแรกคือเต็มไปด้วยคนแก่ในบ้านพักคนชรา ทุกคนดูเหมือนปล่อยให้ลมหายใจของตัวเองผ่านไปวันๆรอเวลาที่จะจากโลกนี้ไป ทุกอย่างที่คนแก่ทำกันล้วนดูเชื่องช้า มีแต่ความเสื่อมโทรมที่เกิดจากร่างกายที่มีอายุมากขึ้น เป็นการรวมบั้นปลายชีวิตที่ไม่เหลืออะไรให้ทำนอกจากการนั่งดูทีวีที่มีแต่รายการที่แสนน่าเบื่อก่อนจะมาหยุดที่ช่องหนังขาวดำที่เป็นชายหญิงเต้นรำอย่างสวยงาม สาเหตุที่มาหยุดดูช่องหนังขาวดำที่เก่าแทนที่จะดูอะไรที่ทันสมัยเป็นภาพสีมาจากการระลึกถึงความหลัง วันเก่าๆที่ตัวเองยังเดินได้สบาย มีความจำที่ดี สามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่สนความแก่ และความทรงจำครั้งสมัยนั้นที่มีเรื่องราวน่ามหัศจรรย์เกิดขึ้นกับตัวเอง

The Swordsman (1990) เดชคัมภีร์เทวดา

The Swordsman (1990)
เดชคัมภีร์เทวดา
Director: Siu-Tung Ching,King Hu,Raymond Lee,Hark Tsui
Genres: Action | History
Grade: A
 
เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับ"เดชคัมภีร์เทวดา"กับ"กระบี่เย้ยยุทธจักร" ทั้ง 2 ชื่อนี้คือเรื่องเดียวกันตามบทประพันธ์ของกิมย้ง จะเพียงแค่ว่าฉบับหนังได้มีการดัดแปลงให้กระชับเนื้อเรื่องมากขึ้นโดยมุ่งความสำคัญไปที่การชิงคัมภีร์รัศมีตะวัน ในเรื่องจะกล่าวถึงคัมภีร์รัศมีตะวันที่หายสาบสูญไปจากราชสำนักเพราะถูกขโมยไปและกำลังถูกขันที (Shun Lau) ตามจับผู้ที่ชิงคัมภีร์ดังกล่าวไป ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ที่เล่งฮู้ชง (Samuel Hui) ศิษย์เอกสำนักหัวซานกับงักเล้งซัง (Cecilia Yip) ศิษย์น้องร่วมสำนักที่กำลังไปส่งข่าวที่โรงเตี้ยมเพื่อนำข่าวของคัมภีร์รัศมีตะวันกลับมา ทว่าในโรงเตี้ยมถูกโจมตีจากขันทีจนเกิดล้มตายและมีเพียงเล่งฮู้ชงที่รู้ความจริงเกี่ยวกับที่ซ่อนคัมภีร์รัศมีตะวันจนกลายเป็นที่หมายปองของทั้งสองฝ่าย ทั้งขันทีที่อยากได้เก็บไว้ใช้ซะเองกับงักปุ๊กคุ้ง (Siu-Ming Lau) อาจารย์ของเล่งฮู้ชงที่มาจากสำนักหัวซานที่ต้องการนำไปใช้เพื่อความมักใหญ่ใฝ่สูงของตนเอง การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นได้สร้างปัญหาไปถึงพรรคสุริยันจันทราจนเกิดเรื่องฆ่าฟันเพื่อให้ได้คัมภีร์มาโดยไม่สนใครหน้าไหนสร้างความวุ่นวายแก่ยุทธภพ จะมีเพียงเล่งฮู้ชงที่จะกู้สถานการณ์ได้ แต่จะเลือกข้างไหนเขาก็ต้องเป็นศัตรูกับอีกข้างตลอดกาล

U.S. Marshals (1998) คนชนนรก

U.S. Marshals (1998)
คนชนนรก
Director: Stuart Baird
Genres: Action | Crime | Thriller
Grade: B
 
ไม่ใช่ภาคต่อที่มีความเกี่ยวข้องกับ The Fugitive (1993) แต่เป็นการหยิบยืมตัวละครแซมมวล เจอราร์ด (Tommy Lee Jones) ผู้ตรวจการสหรัฐมาสานต่อเนื้อเรื่องใหม่โดยยังคงพล็อตเรื่องเกี่ยวกับนักโทษหลบหนีเช่นเคย ซึ่งคนที่หนีคือมาร์ค เชอริแดน (Wesley Snipes) ชายผิวดำที่หลบหนีไประหว่างส่งตัวนักโทษด้วยเครื่องบิน ในขณะที่ทางเนื้อหาจะไม่แตกต่างจากภาคก่อนที่ยังเกี่ยวกับแพะรับบาปและต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ผิดจึงทำการหลบหนีเพื่อไปหาความจริงที่ทำให้ตัวเองถูกจับ จะเห็นว่าในทางเนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากแค่หวังเอามันส์อย่างเดียว ความมันส์ที่ว่าคือการไล่ล่าระหว่างผู้หนีที่เป็นนักโทษกับผู้ไล่ตามที่เป็นเจ้าหน้าที่ ในภาคต่อนี้จะมุ่งเน้นไปที่อารมณ์ของแอ็คชั่น-ทริลเลอร์เป็นหลักผิดกับภาคแรกที่เน้นทางทริลเลอร์ไล่ล่าอย่างเดียวซะเป็นส่วนใหญ่ การเสริมแอ็คชั่นเข้ามาจึงกลายเป็นอีกขั้นของความมันส์กับเนื้อเรื่องที่ค่อยมีอะไรแต่พอมีจะอุดมไปด้วยความสนุกขึ้นมาทันที

Dead Calm (1989) ตามมาสยอง

Dead Calm (1989)
ตามมาสยอง
Director: Phillip Noyce
Genres: Horror | Thriller
Grade: B+
 
นี่คือหนังที่มีความ Underrate หรือหนังดีมีคุณภาพที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนัก สาเหตุที่มั่นใจว่าเป็นเช่นนั้นส่วนหนึ่งมาจากพล็อตเรื่องที่มีตัวละครหลักทั้งหมดเพียง 3 ตัวละครเท่านั้น ที่สำคัญยังดำเนินเรื่องภายใต้ข้อจำกัดของฉากที่มีแค่เรือกับทะเล เหตุการณ์จะเริ่มขึ้นในคืนที่โจ อินแกรม (Sam Neill) กลับจากงานราชการทหารและกำลังรอคนรักหรือเรย์ อินแกรม (Nicole Kidman) มารับที่สถานีรถไฟ ทว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อเรย์ที่กำลังขับรถเกิดเสียหลักจนต้องเสียแดนนี่ (Joshua Tilden) ลูกชายตัวน้อยของเธอ การสูญเสียในครั้งนี้ทำให้เรย์เก็บฝังใจอยู่ตลอดเวลาในความผิดพลาดของตัวเอง ทำให้โจต้องหาวิธีผ่อนคลายด้วยการพานั่งเรือใช้ชีวิตอยู่กลางทะเลสักระยะหนึ่งเผื่อว่าจะทำให้เรย์รู้สึกปล่อยวางจากอดีตลงบ้าง และทุกอย่างไปได้ดีกับการใช้ชีวิตบนเรือเสมือนบ้านที่มีสะน้ำแอ่งใหญ่จนกระทั่งเจอเรืออีกลำที่กำลังจม ระหว่างเรือของพวกเขากับเรือที่ใกล้จมได้มีชายคนหนึ่งกำลังพายเรือชูชีพเข้ามาหาด้วยอาการแตกตื่น ชื่อของเขาคือฮิวอี (Billy Zane) และต้องการบอกว่าเรือลำนั้นไม่มีเหลือใครมีชีวิตรอด อย่าได้ไปยุ่งกับเรือลำนั้นเด็ดขาด

The Orphanage (2007) สถานรับเลี้ยงผี

The Orphanage (2007)
สถานรับเลี้ยงผี
Director: J.A. Bayona
Genres: Drama | Horror | Mystery | Thriller
Grade: A
 
จริงๆมันคือหนังผีแต่น่าจะเป็นประเภทแค่วิญญาณธรรมดามากกว่าเพราะไม่น่าเชื่อว่าตอนจบจะทำให้"ผี"เป็นเพียงส่วนประกอบที่อิงเอาจาก"ความเชื่อ"ส่วนบุคคล เนื่องจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกินความคาดหมายเอาไว้พอสมควร ไม่แปลกใจเลยที่ The Orphanage หรืออีกชื่อ El Orfanato จะเป็นหนังสเปนที่ได้รางวัลภายในประเทศหรือรางวัลโกย่าไปถึง 7 สาขา โดยเข้าชิงทั้งหมดถึง 14 สาขาเลยทีเดียว แต่ก่อนจะมาเป็นความสะพรึงต้องย้อนกลับไปที่เรื่องราวของลอร่า (Belén Rueda) อดีตเด็กกำพร้าที่ตอนนี้มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมหน้าพร้อมตา มีทั้งคาร์ลอส (Fernando Cayo) สามีที่รักเธอ และซิโมน (Roger Príncep) ลูกชายเพียงคนเดียวที่รักเท่าชีวิต ครอบครัวที่สุขสันต์ได้ย้ายอาศัยมายังบ้านหลังใหม่ที่เดิมคือสถานรับเลี้ยงเด็กที่ลอร่าเคยมาอยู่สมัยยังเด็ก ทุกอย่างไปได้ดีจนกระทั่งซิโมนเริ่มมีพฤติกรรมเกี่ยวกับเพื่อนไร้ตัวตน แน่นอนว่าคาร์ลอสที่เป็นถึงหมอมองเป็นปกติของช่วงวัยเด็กเพราะเป็นเรื่องของจินตนาการ ทว่ากับลอร่าไม่มองเช่นนั้นเพราะรู้สึกเกินความรู้สึกของเด็กที่อยากสนุกอย่างเดียว หลายอย่างดูจริงจังมากไปเหมือนเพื่อนในจินตนาการมีตัวตนจริงๆก็ไม่เชิง และที่ผิดปกติคือซีโมนรู้ความจริงบางอย่างที่ทำให้ลอร่าต้องตกใจเมื่อความลับที่ปิดเอาไว้รู้กันแค่เธอกับคาร์ลอสถูกเปิดเผยว่าซีโมนไม่ใช่ลูกแท้ๆและกำลังป่วยเป็นโรค HIV ซึ่งเขากำลังจะตาย

Creed (2015) ครีด

Creed (2015) | ครีด
Director: Ryan Coogler
Genres: Action | Drama | Sport
Grade: A+
 
อโดนิส จอห์นสัน (Michael B. Jordan) เด็กหนุ่มที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักมวยขนาดที่ว่ามีเวลาว่างจากการทำงานจะลองไปขึ้นชกมวยที่ไม่เป็นทางการเพื่อทดสอบฝีมือตัวเอง แต่ก่อนที่จะมาถึงขั้นนี้ได้ต้องเริ่มตั้งแต่ยังไม่ทันลืมตาดูโลก ตอนที่พึ่งรู้ว่าตัวเองคือลูกนอกสมรสของอพอลโล ครีด (Carl Weathers) อดีตแชมป์โลกที่เสียชีวิตจากการชกมวย รวมถึงการเสียแม่แท้ๆจนต้องไปอยู่ศูนย์เด็กกำพร้า ซึ่งที่นั้นทำให้เขาเป็นเด็กมีปัญหาแม้จะเป็นคนดีเพราะชอบหาเรื่องชกต่อยตลอดเวลา หลังจากนั้นคือตอนที่แมรี่แอน ครีด (Phylicia Rashad) เข้ามาขอเลี้ยงดูประหนึ่งลูกในไส้ ส่งเสริมเลี้ยงดูอย่างดีจนสามารถหางานทำในบริษัท ทว่าชีวิตที่ต้องการไม่ใช่แบบนี้ ทุกวันที่เลิกงานจะเปิดวีดีโอย้อนหลังการชกมวยเพื่อเก็บท่าทางการชก พยายามเก็บข้อมูลให้มากที่สุดเพราะไม่มีเทรนเนอร์แนะนำ จนกระทั่งตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อไปเป็นนักมวย แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นต้องไปฟิลาเดลเฟีย ไปหาคนที่ช่วยปลุกปั้นได้ ซึ่งเขาคือร็อคกี้ บัลบัวร์ (Sylvester Stallone)

Crimson Peak (2015) ปราสาทสีเลือด

Crimson Peak (2015)
ปราสาทสีเลือด
Director: Guillermo del Toro
Genres: Drama / Fantasy / Horror / Mystery / Romance / Thriller
Grade: B

จะเห็นได้ชัดว่าผู้กำกับ Guillermo del Toro มีความสามารถในการนำเสนอสไตล์โกธิคอย่างช่ำชอง สังเกตได้จากผลงานก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะ Hellboy (2004),Pan’s Labyrinth (2006),Hellboy II: The Golden Army (2008) หรือแม้แต่ Pacific Rim (2013) ที่ว่าขายแอ็คชั่นก็ต่างมีเอกลักษณ์ในเรื่องขององค์ประกอบศิลป์ด้วยอารมณ์ไม่น่าไว้ใจ หม่นหมอง และแฟนตาซีผสมผสานรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งความโดดเด่นนี่เองจึงกลายเป็นลายเซ็นต์อย่างหนึ่งของผู้กำกับที่สร้างความน่าสนใจไม่น้อยเลย พอมาเรื่อง Crimson Peak ด้วยความที่หนังสอดคล้องกับยุควิคตอเรียจึงทำให้องค์ประกอบศิลป์ค่อนข้างจัดเต็ม ทั้งการแต่งกาย บรรยากาศ ข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนสิ่งที่น่าดึงดูดมากที่สุดคือคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ดูทรุดโทรมชื่อว่า"อัลเลอร์เดล  ฮอลล์" ด้วยเอกลักษณ์ที่ดึงจุดเด่นของยุคสมัยทำให้แปลกตาไม่ใช่น้อย ซึ่งก็รวมถึงความแปลกของเนื้อเรื่องที่ไม่รู้ว่าควรจะเป็นหนังผีรูปแบบไหนหรือเป็นสิ่งที่ตัวละครจินตนาการขึ้นมาเองเพราะไม่ทันไรทันทีที่เปิดเรื่องก็ชวนให้ผู้ชมเกิดตระหงิดใจในคำถามที่เอยขึ้นของตัวละครนางเอกที่อยู่สภาพเหนื่อยล้าทั้งกายและใจท่ามกลางหิมะขาวโพลนว่า"ผีมีจริง จบลงแค่นี้"

Girl House (2015) เกิร์ลเฮ้าส์

Girl House (2015) | เกิร์ลเฮ้าส์
Director: Jon Knautz, Trevor Matthews
Genres: Horror | Thriller
Grade: B
 
Girl House เว็บไซต์ผู้ให้บริการทางอารมณ์สำหรับเพศชายหรือสื่อลามกออนไลน์ที่สนทนาผ่านท่าทางสนองตัณหาให้อีกฝ่ายด้วยวีดีโอ ในยุคที่สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันย่อมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเข้าไปผัวพันกับอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เรื่องจำเป็น เนื่องจากทุกย่างก้าวตลอดจนทุกการสื่อสารล้วนมาจากอินเทอร์เน็ตหรือระบบสารสนเทศไร้สายที่เชื่อมโยงเข้าหากันได้เพียงไม่กี่หยิบมือ การเข้าถึงที่รวดเร็วและแสนสะดวกสบายจึงเป็นช่องทางทำกินโดยยึดหลักความเป็นเพศชายที่ปฏิเสธไม่ได้คือการสนองตัณหาด้วยอารมณ์ทางเพศ ขณะที่เพศหญิงไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตามยังคงเป็นเครื่องมือทางอารมณ์เพศ ทว่าความแตกต่างของเพศชายกับเพศหญิงที่มักจะมีอีกฝ่ายข่มเสมอได้แปรสภาพเป็นอีกฝ่ายเข้าหาแบบอ้อมๆและอีกฝ่ายยอมรับแต่โดยดี การค้าขายบริการทางเพศแบบไร้การสัมผัสใช้แค่ตาดูหูฟังคือเครื่องพิสูจน์ความต้องการทางเพศด้วยปัจจัยสำคัญคือเงินกับชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนผู้ใช้บริการหรือท่านชายที่ได้เสียตังค์ใช้บริการก็ได้ความสุขทางอารมณ์ด้วยการดูอย่างมีความสุขบนเรือนร่างของหญิงสาวที่เย้ายวนผ่านจอโน๊ตบุ๊คหรือโทรศัพท์ แน่นอนว่าจุดประสงค์ของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกันเพื่อมาทำงานเปลืองตัวเช่นนี้ แต่มองอีกมุมหนึ่งในเรื่องของสังคมที่ไม่ค่อยรับรู้ชีวิตในโลกจริงๆก็พอจะเป็นเครื่องยืนยันว่าในโลกออนไลน์เป็นคนแบบไหนก็ตามถ้าในโลกความจริงไม่มีใครจำได้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ข้อแตกต่างระหว่างโลกจริงกับโลกออนไลน์จึงเป็นเส้นกั้นบางๆที่ต่างส่งผลกระทบต่อกัน ในโลกออนไลน์คือนางโป้เปลือยที่ทุกคนเห็นว่าเซ็กซี่แต่พอชีวิตจริงลบเครื่องสำอางคืนความเป็นคนธรรมดาก็คือหนึ่งในสังคมหาเช้ากินค่ำ

The Martian (2015) เดอะ มาร์เชียน กู้ตาย 140 ล้านไมล์

The Martian (2015)
เดอะ มาร์เชียน กู้ตาย 140 ล้านไมล์
Director: Ridley Scott
Genres: Adventure | Drama | Sci-Fi
Grade: A
 
"อย่างแรกจะทำอะไรเมื่อถูกปล่อยให้อยู่บนดาวอังคารคนเดียว"

สร้างจากนิยายขายดีติดอันดับ New York Time Bestseller กว่า 100 สัปดาห์ โดย Andy Weir วิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่ไม่มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ระดับอวกาศแต่ด้วยความขยันทำให้ออกไอเดียการเอาตัวรอดบนดาวอังคารได้ตรงหลักวิทยาศาสตร์ที่หาได้ในคาบเรียน ความพยายามที่จะซื่อสัตย์ต่อโลกความเป็นจริงให้มีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงบนดาวอังคารจากที่น่าเหลือเชื่อกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่คาดไม่ถึงว่าจะสามารถประยุกต์ข้าวของที่เหลืออยู่ในการประทังชีวิต นั้นเองที่ทำให้การเอาตัวรอดที่ว่ายากในดาวที่ไร้ชีวิตสามารถอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งเรื่องราวการเอาตัวรอดไม่ได้ถูกมองเพียงแค่ด้านเดียวจากดาวอังคาร แต่รวมถึงโลกที่ค้นหาหนทางในการช่วย คงไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการช่วยเหลือแม้จะใช้ทุนมหาศาลกับการหาวิธีผิดถูกเพื่อช่วยเหลือให้เร็วที่สุดแต่ยังคำนึงถึงคุณธรรมมากกว่าผลประโยชน์ที่ปล่อยทิ้งอ้างว้าง เรื่องราวเกิดขึ้นเพียงชั่ววูบเดียวเมื่อทีมนักสำรวจดาวอังคารต้องเจอพายุและพยายาเดินกลับไปที่จรวด ซึ่งคนที่ไม่อาจไปถึงจรวดได้คือมาร์ค แวทนีย์ (Matt Damon) เพราะถูกพายุพัดหายไปโดยถูกคิดว่าไม่น่ารอดกลับมาได้ และด้วยสถานการณ์ที่ไม่อาจยื้อเวลาเสี่ยงดูรอจึงตัดสินขับจรวดออกจากดาวอังคารก่อนที่พายุจะพัดกระหน่ำหนักกว่าเดิม ซึ่งนั้นเองที่ทำให้ทีมสำรวจดาวอังคารที่นำโดยเมลิสซา ลิวอิส (Jessica Chastain) กับสมาชิกอีก 4 คน ได้แก่ ริค มาร์ติเนซ (Michael Pena),เบธ โจแฮนส์เซน (Kate Mara),คริส เบ็ค (Sebastian Stan) และอเล็กซ์ โวเกล (Aksel Hennie) สะเทือนใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวและทำได้เพียงกลับโลกอย่างช้าๆจากเส้นทางที่ห่างไกล แต่หารู้ไม่ว่าการเสียสละที่น่าจะเสียใครไปกลับเป็นการปล่อยให้อยู่คนเดียวเมื่อมาร์ครอดชีวิตจากพายุบนดาวอังคารและหาหนทางใช้ชีวิตประจำวันให้อยู่ยาวที่สุดเพื่อหาวิธีกลับบ้าน ซึ่งฝ่ายที่รู้เรื่องว่ามาร์คยังไม่ตายคือกลุ่มองค์กรนาซ่าที่นำโดยเท็ดดี แซนเดอส์ (Jeff Daniels) และพยายามติดต่อสื่อสารด้วยวิธีที่ง่ายและเข้าใจถึงกันมากที่สุด เนื่องจากมาร์คที่อยู่ไกลถึงดาวอังคารไม่สามารถส่งข้อมูลใดๆได้จากอุปกรณ์ที่เหลือไม่กี่อย่าง สิ่งที่ทำได้คือการคิดและคำนวณความเป็นไปได้ทุกอย่างจากทรัพยากรที่มีอยู่ข้างตัว

Terminator Genisys (2015) ฅนเหล็ก มหาวิบัติจักรกลยึดโลก

Terminator Genisys (2015) | ฅนเหล็ก มหาวิบัติจักรกลยึดโลก
Director: Alan Taylor
Genres: Action | Adventure | Sci-Fi | Thriller
Grade: B-
 
ถ้าตามเนื้อผ้าหรือเนื้อเรื่องคงจะหาอะไรมาสานต่อไม่ได้อีกแล้วเพราะเรื่องราวของคนกับเครื่องจักรได้เห็นกันครบทั้ง 4 ภาค ตั้งแต่การไล่กระบวนการโกงอดีตของฝ่ายเครื่องจักรที่ไม่อาจยื้อทำสงครามในอนาคตจนต้องส่งหุ่นยนต์มาพิฆาตบุคคลสำคัญที่จะเป็นปรปักภายภาคหน้าได้ ซึ่ง The Terminator (1984) มีเนื้อเรื่องที่มองเพียงผิวเผินไม่ต่างกับหนังแอ็คชั่นทุนต่ำที่บรรเลงอย่างมันส์ระห่ำ แต่ได้แฝงความคิดที่ล้ำสมัยเกี่ยวกับเครื่องจักรที่ไม่ได้ถูกควบคุมจากมือมนุษย์แล้วเรียกตัวเองว่าสกายเน็ตด้วยอุดมการณ์ล้างเผ่าพันธุ์ให้หมดสิ้นไปเนื่องจากมองว่าเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง โดยเรื่องราวในภาคแรกจะเห็นว่ามีการย้อนเวลาจากอนาคตมาอดีตเพื่อสังหารผู้ให้กำเนิดผู้นำต่อต้านเครื่องจักร ซึ่งเรื่องราวก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของหุ่นสังหารและกลายเป็นการวนลูปข้ามเวลาเกี่ยวกับการให้กำเนิดผู้นำต่อต้านในอนาคต เนื่องจากคนที่ถูกส่งมาช่วยจากอนาคตคือพ่ออย่างไม่ต้องสงสัย แม้เรื่องราวจะจบลงไปแล้วส่วนนึงของการตัดไฟแต่ต้นลมแต่ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแต่เป็นการยืดเวลาออกไปจนกระทั่งใน Terminator 2: Judgment Day (1991) ที่ยังได้ผู้กำกับ James Cameron ผู้ให้กำเนิดคนเหล็กจากฝันร้ายมาสร้างเป็นหนังได้สานเรื่องราวหลังเหตุการณ์ภาคแรกด้วยการให้ฝ่ายเครื่องจักรส่งหุ่นสังหารมากำจัดเช่นเดิม ทว่าที่แตกต่างจากเหตุการณ์ครั้งก่อนคือมีหุ่นสังหารมากกว่าหนึ่งตัวโดยแบ่งเป็นสองฝ่ายระหว่างสกายเน็ตที่พัฒนาหุ่นยนต์มีความสามารถกลายเป็นโลหะเหลวได้กับฝ่ายต่อต้านเครื่องจักรที่ได้ลงโปรแกรมหุ่นสังหารรุ่นเดียวกับภาคแรกมาเพื่อปกป้อง แม้จุดเริ่มต้นจะคล้ายกันในส่วนของการข้ามเวลามาเพื่อเปลี่ยนแปลงอดีตแต่มีหลายสิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการเริ่มต้นของสกายเน็ตในช่วงพัฒนา ซึ่งภารกิจของภาคนี้จะไม่ใช่แค่รักษาชีวิตแต่รวมถึงขจัดต้นตอไปอีกด้วย จนมาถึงภาค Terminator 3: Rise of the Machines (2003) ที่เป็นภาคสุดท้ายและมีพล็อตเรื่องไม่แตกต่างจากสองภาคก่อนแต่เลือกจบลงด้วยการเกิดวิกฤตินิวเคลียร์ถล่มโลกและสกายเน็ตเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์เกือบสูญสิ้นแต่ยังเหลือผู้นำต่อต้านเครื่องจักรที่รอดมาได้ แม้จะพยายามหลีกเลี่ยงวันสิ้นมนุษยชาติมาหลายต่อหลายครั้งแต่สิ่งหนึ่งที่เห็นคือต่อให้แก้ไขอดีตสำเร็จไม่ได้แปลว่าอนาคตจะเปลี่ยนไปเสียทั้งหมดแต่เป็นการซื้อเวลาต่อรองซึ่งท้ายที่สุดก็ตกลงมาเป็นดังภาคแรกที่เล่าเรื่องราวการต่อสู้ของคนกับเครื่องจักรโดยมีการวนลูปที่ชัดเจน

Flightplan (2005) ไฟลท์แพลน เที่ยวบินระทึกท้านรก

Flightplan (2005)
ไฟลท์แพลน เที่ยวบินระทึกท้านรก
Director: Robert Schwentke
Genres: Drama | Mystery | Thriller
Grade: C+
 
ไม่รู้ทำไมแต่การรับรู้สิ่งต่างๆของเรื่องนี้เป็นอะไรที่ไม่เกินความคาดหมายว่าจะมาประมาณไหน ซึ่งถ้ามองในแง่เซอร์ไพรส์ที่มีทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกันแล้วนี่อาจจะต้องโทษที่การเล่าเรื่องยังไม่ดูน่าเสียถือพอที่จะให้ความเซอร์ไพรส์มีพลังให้จนน่าอึ้ง อันที่จริงการทำส่วนระทึกขวัญยังดูเข้าท่ามีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่บ้างและพยายามเอาใจช่วยอยู่เสมอว่าสิ่งที่หายไปอยู่ที่ไหน ในทางกลับกันสิ่งที่หายไปอาจไม่ได้หายไปเลยแต่อาจเป็นเพียงการสมมุติจากจิตใต้สำนึกที่กำลังโศกเศร้าจากการสูญเสีย เมื่อรู้สึกตัวว่าสิ่งที่ตัวเองรักหายไปก็เกิดอาการโวยวายไม่พอใจว่าหายได้อย่างไร สิ่งที่หายไปในภาวะความเครียดไม่แตกต่างจากการเสพติดที่ขาดสิ่งนั้นจะรู้สึกหงุดหงิดและสะเทือนใจ

Under Siege 2: Dark Territory (1995) ยุทธการยึดด่วนนรก 2

Under Siege 2: Dark Territory (1995)
ยุทธการยึดด่วนนรก 2
Director: Geoff Murphy
Genres: Action | Adventure | Thriller
Grade: C+
  
กลับมาอีกครั้งกับเคซี่ย์ ไรแบ๊ค (Steven Seagal) หลังจากภาคแรกเป็นพ่อครัวกู้เรือรบจากผู้ร้ายได้สำเร็จก็ถึงคราวดวงซวยอีกครั้งเมื่อครั้งนี้ผู้ร้ายที่ยำขบวนโดยทราวิส เดน (Eric Bogosian) และมาร์คัส เพนน์ (Everett McGill) บุกยึดรถไฟเพื่อใช้เป็นแผนการขโมยดาวเที่ยมโจมตีจากฟากฟ้าแบบไม่ให้มีใครจับได้ ทำให้เคซี่ย์ต้องกลับมากู้สถานการณ์อีกครั้งโดยมีบ็อบบี เซค (Morris Chestnut) เด็กขนของที่จะมาเป็นผู้ช่วยจัดการกับผู้ก่อการร้ายกลุ่มใหม่และยังมีซาร่าห์ (Katherine Heigl) หลานสาวคนสวยของเขาเป็นตัวประกัน พล็อตเรื่องแทบไม่แตกต่างจากภาคแรกแม้แต่นิดเดียวแค่เปลี่ยนตัวละครกับสถานที่ยึดแค่นั้น ซึ่งเมื่อลองเทียบกับภาคแรกสักหน่อยจะค้นพบว่ารายละเอียดเล็กๆยังเหมือนภาคแรกอย่างเรื่องวันเกิด ในเรื่องกล่าวถึงวันเกิดของซาร่าห์แต่ตัวหนังไม่ได้ลงการจัดงานปาร์ตี้อะไรจนกระทั่งเคซี่ย์โชว์ความสามารถของพ่อครัวให้กลุ่มพ่อครัวในขบวนรถไฟได้ดูและแอบทำเค้กอย่างสบายใจราวกับแขกวีไอพีเพื่อเซอร์ไพรส์หลานสาวของตัวเอง แน่นอนว่าทำนองจัดงานวันเกิดก็เกิดขึ้นในตอนต้นของหนังและสถานการณ์ต่อมาไม่ต่างกันคือโดนยึดอีกครั้ง แต่ความแตกต่างการยึดเรือกับรถไฟออกจากแตกต่างอยู่บ้างเรื่องกลุ่มตัวร้ายที่เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่ารถไฟที่มีงานวันเกิดรอเซอร์ไพรส์ขบวนนี้โดนยึดแน่ๆเพราะไม่ทันก็เปิดเรื่องกลุ่มผู้ก่อการร้ายจำนวนมากจัดการคนคุมเส้นทางรถไฟอย่างไม่รีรอและพายกขบวนไปขึ้นรถไฟอย่างรวดเร็ว ผิดกับภาคแรกที่กว่าจะยึดได้ต้องวางแผนตีสนิทอย่างดีจึงรู้สึกได้ทันทีถึงข้อแตกต่างของสองกลุ่มผู้ก่อการร้าย ถ้าถามว่าชอบแบบไหนระหว่างช้ากับเร็วจะตอบว่าแบบช้าเพราะรู้สึกมีการปูเรื่องราวกับตัวละคร จะไม่เหมือนแบบเร็วที่มายึดก็ยึดเลย อันที่จริงน่าจะแฝงตัวมาแบบภาคแรกแล้วหาจุดเซอร์ไพรส์ในการยึดรถไฟน่าจะเข้าท่ากว่า
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)