Dhoom (2004) ดูม บิดท้านรก

Dhoom (2004
ดูม บิดท้านรก
Director: Sanjay Gadhvi
Genres: Action | Crime | Drama | Thriller
Grade: B

"ดูม มาจาเล่ ดูม มาจาเล่ ดูม.."

ใครจำเรื่องนี้ไม่ได้ก็ต้องจำเนื้อเพลงนี้ได้กับจังหวะมันส์ๆที่ฮิตติดหูขนาดให้นักร้องชื่อดังเมืองไทยอย่างทาทายังมาร่วมร้องในเวอร์ชั่นอินเตอร์ แต่ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นภาษาอินเดียหรือภาษาอังกฤษก็จำได้แค่"ดูมๆ"กันซะมากกว่า(ฮา) ส่วนตัวหนังนั้นเป็นเรื่องของตำรวจกับผู้ร้ายที่แข่งกันจับกับแข่งกันปล้น เป็นเรื่องของเจ ดิซิต (Abhishek Bachchan) ตำรวจมาดธรรมดาที่เวลาถอดแว่นจะกลายเป็นคนจริงจังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าได้รับมอบหมายให้ทำคดีการปล้นที่ตำรวจทั่วไปทำไม่ได้ โดยกลุ่มโจรนี้มีจุดเด่นเรื่องมอเตอร์ไซค์ที่มีความเร็วสูงในการหลบหนีทุกครั้งทำให้ยากต่อการตามจับตัว งานนี้จึงไม่ง่ายอย่างที่คิดต้องขอแรงอาลี อักบัร ฟาเตห์ ข่าน (Uday Chopra) นักซิ่งล่าเงินรางวัลที่ใฝ่ฝันอยากได้เมียดีๆสักคนไว้สร้างครอบครัวมาช่วยอีกแรง


โดยส่วนตัวว่าไม่ค่อยเท่าไรนะ จะบอกว่ามันส์ก็มันส์แหละ แค่อาจต้องรอสักหน่อยเพราะฉากแอ็คชั่นไม่ค่อยจะมีให้เห็น วิธีการเล่าเรื่องแบ่งตามประสาหนังอินเดียระหว่างครึ่งแรกครึ่งหลังที่ให้เริ่มจากฝ่ายพระเอกก่อนจะไปช่วงหลังให้ตัวร้ายมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะทำให้เข้าใจได้ง่ายกับตัวละครและค่อนข้างกระจ่างในเนื้อเรื่อง แต่ยอมรับว่านอกจากดูเอามันส์ก็หาความสดใหม่อะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากมีแค่ไล่จับผู้ร้ายแต่จับยากหน่อยเพราะเป็นขาซิ่ง พอวิธีเดิมๆไล่จับไม่ได้จึงต้องหาวิธีใหม่เข้าจัดการผู้ร้าย และวิธีนั้นก็สอดคล้องกับสิ่งที่พวกโจรทำคือการทำให้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย ดังนั้นอะไรที่ตำรวจทำกันจะไม่ทำเพราะพวกโจรรู้ไต๋กันหมดแล้ว

Dhoom เหมือนตั้งใจเสียดสีการทำงานของตำรวจที่พูดถึงการทำงานแบบเดิมๆมุขเดิมๆจนพวกโจรไม่เกรงกลัวกันแล้ว ยิ่งในถิ่นมีอิทธิพลจะไม่มีตำรวจมายุ่งเลยด้วยซ้ำ เช่นเดียวกันกับกลุ่มโจรในเรื่องนี้ที่ไม่กลัวการปล้นในเวลากลางวันแสกๆ มาถึงก็ปล้นแล้วหนีหายไปด้วยมอเตอร์ไซค์ที่ไม่มีตำรวจหน้าไหนไล่จับทันเพราะอย่างที่บอกว่ารู้ไส้รู้พุงการทำงานของตำรวจหมดแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าอะไรทำให้กลุ่มโจรเหล่านี้เก่งขนาดนั้นแต่ยอมรับสไตล์การปล้นที่มาแล้วจากไปด้วยความเท่ ประมาณว่าเยาะเย้ยตำรวจที่สุดท้ายไม่ได้เก่งอะไรเลย ซึ่งก็จริงตามที่อาลีว่าเกี่ยวกับตำรวจไม่เอาไหน ใช้วิธีเดิมๆ ไม่มีความน่าเกรงกลัวเลยสักนิด อีกอย่างคือเรื่องของฝีมือที่ไม่ได้พลิกแพลงจัดการผู้ร้ายนอกจากใช้ความเป็นตำรวจเข้าจัดการ แน่นอนว่าความเป็นตำรวจใช้ไม่ได้ผลแล้ว


เอาจริงเนื้อเรื่องไม่ยาวเลยนะถ้าไม่ใช่เพราะมีเพลงแทรกอยู่เรื่อยๆ แต่โดยรวมประมาณ 2 ชั่วโมงยังไม่ถือว่ายาวมากนัก ที่จริงยังน้อยไปด้วยซ้ำกับเรื่องรายละเอียดที่ยังไม่หนักแน่น เน้นไปที่ความบันเทิงมากกว่าการดูแผนการปล้นทำให้ภาพลักษณ์เป็นแนวแอ็คชั่น ส่วนแผนการปล้นไม่ได้ซับซ้อนหักมุมแต่อย่างใด อาศัยจังหวะตอนหนีให้พ้นซะมากกว่า ซึ่งในส่วนครึ่งแรกก็แบบนั้นตลอดทุกครั้งที่ปล้นคือหนีพร้อมกับโชว์เท่ พอมาครึ่งหลังจะได้เห็นว่าการดำเนินงานของโจรกลุ่มนี้มีใครบ้างเป็นยังไง ซึ่งต่างคนต่างแจกจ่ายบทได้ไม่ค่อยทั่วถึงดีพอ ยังรู้สึกล้นๆที่มีตัวประกอบมากไปหรือเปล่าเพราะเอาเข้าจริงใช้ไม่กี่ตัว จะเด่นสุดคือคาบีร (John Abraham) หัวหน้าแก็งที่ทำหน้าวางแผนและควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในกฎจะได้ไม่ถูกตำรวจจับได้ เป็นตัวละครที่ใจเย็นพยายามทำตามแผนไม่หลุดนอกกรอบ ทั้งเท่ทั้งฉลาดในตัว

ในเรื่องจะได้เห็นการประกบคู่ระหว่าง Abhishek Bachchan กับ John Abraham เป็นการประชันความเท่ของทั้งสองและเป็นการวัดความเก่งจากทั้งสองตัวละครที่มีแผนเด็ดๆซ่อนไว้ในตอนท้าย จะว่าก็เท่ดีและชวนให้ลุ้นอีกด้วย กระนั้นอาจจะดูเชยไปบ้างนิดหน่อย แต่ไม่รู้ยังไงกลับชอบ Uday Chopra ที่เล่นเป็นอาลีค่อยช่วยจับคนร้ายเพราะความจำใจ ในเรื่องเป็นตัวตลกยิงมุขให้ตลอดเวลา ตอนแรกถ้าไม่รู้ว่าเป็นพระรองอาจคิดเป็นพระเอกก็ยังได้เพราะมีความเท่กันตั้งแต่เปิดเรื่อง ที่ขาดไม่ได้คือส่วนของนักแสดงหญิงที่ไม่ค่อยเด่นอะไรมากแต่เอาสวยสะดุดตากับ Rimi Sen เล่นเป็นคนรักของเจที่โชว์การเต้นในตอนต้นเรื่องด้วยลีลาอันเซ็กซี่ และยังมี Esha Deol คนที่ลีหมายปองอยากได้เป็นแฟนจนตัวสั่นก็ใช่ย่อยโชว์ความเซ็กซี่เต้นกลางสายฝน แถมมาอีกในเพลง Dhoom ที่เป็นจุดขายของหนังขนาดที่เล่นซ้ำถึงสองรอบทั้งเวอร์ชั่นหญิงและชายให้อิ่มไปข้างหนึ่งเลย


ไม่มีอะไรมากสำหรับใครที่ต้องการเน้นอารมณ์มันส์ๆกับความเท่ของตัวละครเพราะเรื่องนี้จัดให้แทบทุกนาทีที่ใส่ลงไปได้ และความเท่ไม่เลือกด้วยนะว่าจะต้องแค่พระเอกอยู่ฝ่ายเดียวเพราะตัวร้ายยังเท่ได้เหมือนกัน แม้แต่พระรองยังเท่ได้จนดีไม่ดียังเด่นกว่าด้วยซ้ำ อันที่จริงเป็นไปได้อยากให้พระเอกมีมิติตัวละครมากกว่านี้เพราะรู้สึกนิ่งไปหน่อยแม้ให้เข้ากับคาเรกเตอร์มาดนิ่งก็ตามที ด้านการเล่าเรื่องทำได้เร็วและกระชับทำให้ไม่น่าเบื่อ น่าเสียดายที่พล็อตเรื่องไม่ได้ไปไหนไกลเท่าไร วนเวียนอยู่กับการจับผู้ร้ายที่จับไม่ได้ซะทีจนต้องซุ้มใช้แผนในตอนท้ายเรื่องถึงจะเอาอยู่ เหมาะกับการดูเอามันส์เอาเท่เป็นส่วนใหญ่ ไม่ต้องห่วงว่าฉากแอ็คชั่นจะไม่สนุกเพราะสนุกจริงโดยเฉพาะตอนท้ายแม้จะให้ความรู้สึกที่เห็นชัดๆว่าเว่อร์มาก ทั้งนี้ทั้งนั้นยิ่งเว่อร์ยิ่งมันส์นะเรื่องนี้ ฉากขับเรือไล่กวดรถบรรทุกวิ่งตัดหน้านี่ไม่รู้ทำไปได้ยังไงแต่เจ๋งดี

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)