Homeward Bound: The Incredible Journey (1993) 2 หมา 1 แมว ใครจะพรากเราไม่ได้

Homeward Bound: The Incredible Journey (1993)
2 หมา 1 แมว ใครจะพรากเราไม่ได้
Director: Duwayne Dunham
Genres: Adventure | Comedy | Drama | Family
Grade: A-

หนังหมาๆแมวๆที่ดูแล้วเพลินตั้งแต่เริ่มเรื่องจนจบ ซึ่งเรื่องราวเริ่มขึ้นจากการนำหมาและแมวไปฝากเลี้ยงชั่วคราวกับเพื่อนบ้านเพราะไม่มีเวลาเลี้ยงดู สำหรับมนุษย์อย่างเราๆย่อมเข้าใจกันดีกว่าทำอะไรกันอยู่ แต่เผอิญสัตว์เลี้ยงของเราไม่ได้ฟังภาษามนุษย์รู้เรื่องนี่สิจึงเป็นปัญหาเวลาต้องจากกันนานๆเพราะไม่รู้ว่าเจ้านายของตัวเองหายไปไหน ดังนั้นเมื่อเจ้านายหายไปนานกว่าที่เคยทำให้คิดว่าคงมีอันตรายหรือปัญหาสักอย่างเกิดขึ้น ฉะนั้นภารกิจไปหาเจ้านายจึงเป็นหนทางเดียวที่จะทำได้ การเดินทางของหมา 2 ตัวต่างสายพันธุ์และแมวอีก 1 ตัวจึงได้เริ่มต้นจากหุบเขาสู่ตัวมือง


พล็อตกระชับแต่สนุกตลอดเวลาเพราะมุ่งเน้นไปที่การผจญภัยในป่า ซึ่งเรื่องราวเริ่มที่ครอบครัวเบรนท์ฟอร์ดต้องย้ายไปอยู่ในเมือง แต่ปัญหาคือไม่สามารถเอาสัตว์เลี้ยงไปอยู่ด้วยได้เนื่องจากต่างคนต่างมีภาระ จึงต้องแก้ปัญหาฝากเคท (Jean Smart) เพื่อนบ้านที่ทำฟาร์มบนเขาช่วยเลี้ยงดูแลไปก่อน แต่ประเด็นคือการฝากเลี้ยงทำให้สามสหายสี่ขามีความกังวลใจต้องหนีออกมาเพื่อตามหาเจ้านายที่ตัวเองรักโดยไม่สนอันตรายข้างหน้า ตลอดการเดินทางทำให้พบกับมิตรภาพต่างสายพันธุ์ที่แม้ใครจะมองเป็นคู่อริแต่สุดท้ายก็เพื่อนนี่เอง

เป็นการรีเมคจาก The Incredible Journey (1963) ที่แม้พล็อตเรื่องจะเหมือนกันแต่มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป เช่น การผจญภัยที่ตื่นเต้นมากขึ้น บทบาทตัวละครที่ต่างจากเดิม และแน่นอนที่สุดคือการปรับชนิดสายพันธุ์และเปลี่ยนชื่อของตัวละครอีกด้วย เริ่มที่"บุลล์เทร์เรียร์" (Bull Terrier) เปลี่ยนเป็น"โกลเดินริทรีฟเวอร์" (Golden Retriever) จากชื่อ"บอดเจอร์"เปลี่ยนเป็น"ชาโดว์" และ"แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์" (Labrador Retriever) เปลี่ยนเป็น"อเมริกัน บูลด็อก" (American bulldog) จากชื่อ"ลูแอท"เปลี่ยนเป็น"เจนย์" ส่วนเจ้าแมวเหมือนจะไม่มีเปลี่ยนแต่เปลี่ยนเยอะกว่า จากเพศผู้เป็นเพศเมีย สายพันธุ์เดิมคือวิเชียรมาศ (Siamese) เปลี่ยนเป็น"หิมาลายัน" (Himalayan) และชื่อ"เต๋า"เปลี่ยนเป็น"เซสซี"


โดยส่วนตัวมองว่าแมวแทบไม่ต่างอะไรจากเดิมเท่าไร ดูภายนอกทั้งสีทั้งรูปร่างเหมือนกันแทบทุกอย่างเหมือนดึงของเก่ามาใส่ใหม่ จะแตกต่างตรงขนที่อาจจะขนฟูกว่าจนเหมือนจะอ้วนกว่าอยู่บ้าง แต่การเปลี่ยนแปลงนี่ส่งผลในทางที่ดีขึ้นจากรูปร่างลักษณะ อย่างชาโดว์จะเป็นหมาที่แก่มีอายุมีประสบการณ์ คาเร็กเตอร์จึงแสดงถึงความเป็นผู้นำผ่านร้อนผ่านหนาวมากของเก่าที่ดูนิ่งไปหน่อย ขณะที่เจนย์จะออกแนวดูนิ่งไม่เป็นชอบลุยตามประสาวัยรุ่นอยากรู้อยากลอง ซึ่งการเปลี่ยนช่วยให้ดูมีความตลกมากขึ้นจากความขี้ซน ความฮาจะมาอยู่ที่เจนย์เป็นส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับชาโดว์ที่มีความจริงจัง ส่วนเซสซีจะเป็นแมวที่ไม่บอกก็รู้ว่าต่างจากพวกแค่ไหนเพราะชอบมีเรื่องแตกความคิดออกไป อย่างการลุยน้ำที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแมวเกลียดขนเปียกแค่ไหน จะมาแนวเดียวกับชาโดว์แต่ขี้บ่นนิดหน่อย

จากเท่าที่รับชมมามีความรู้สึกว่าชอบเสียงพากย์ไทย โดยเฉพาะชื่อของหมาแมวที่ตั้งให้มีความเป็นไทยจากสำเนียงที่เพี้ยนจากต้นฉบับ จาก"ชาโดว์"เป็น"ชะโด" จาก"เจนย์"เป็น"แจ๋น" และ"เซสซี"เป็น"เสียดสี" เผอิญว่าชื่อแมวดันตรงกับบุคลิกในเรื่องที่ชอบกัดจิกซะด้วย แต่ที่พิเศษไปกว่าหนังต้นฉบับคือการให้สัตว์พูดแทนกันได้โดยไม่ต้องให้มีผู้บรรยายเนื้อเรื่อง อารมณ์ความสนุกจึงได้มากกว่าของเก่าที่เดิมการบรรยายเหมือนเรื่องเล่าจากคนเดียว โดยรวมๆทำได้น่าสนใจกว่าต้นฉบับเพราะมีความสนุกและการผจญภัยตลอดเวลา อีกอย่างคือมีมิติมากกว่าการผจญภัยข้ามเขาเข้าเมืองแล้วจบของหมากับแมวเพราะยังไม่ลืมบทบาทของฝ่ายเจ้าของที่รู้ว่าสัตว์เลี้ยงหายไปต้องปิดประกาศหา ดังนั้นการพบเจอกันระหว่างเจ้าของกับสัตว์จึงดูมีความหวังและสมเหตุสมผล


ที่ขาดไม่ได้เพราะกล่าวถึงสัตว์เลี้ยงมาก็มากจะไม่เอยขาดถึงเจ้าของก็กระไรอยู่ พูดถึงครอบครัวเบรนท์ฟอร์ดที่อยู่กันพร้อมหน้าตาสมาชิก 5 คน ได้แก่ บ็อบ (Robert Hays) เป็นพ่อ,ลอร่า (Kim Greist) เป็นแม่,เจมี (Kevin Chevalia) พี่ชายคนโต,โฮป (Veronica Lauren) ลูกสาวคนกลาง และปีเตอร์ (Benji Thall) น้องคนเล็กสุด สำหรับฝ่ายคนตัวหนังจะไม่เน้นเท่าไรแต่บอกอะไรหลายอย่างว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เนื่องจากเป็นความผูกพันระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงที่ต้องห่วงใยถึงกันตลอดเวลา ช่วงที่รู้ว่าสัตว์เลี้ยงหายไปได้แสดงถึงความพยายามของเจมีที่ต้องการขอความช่วยเหลือจากตำรวจ แน่นอนว่าฉากนี้อาจเป็นมุขแต่ในแง่ของความเป็นเด็กถือว่าไม่ประสีประสาเท่าไรนักเพราะต้องการแจ้งความสัตว์หายแทนที่จะบอกว่าคน การที่มีเพียงเจมีเพราะคือคนโตที่สุดและมีความห่วงใยมากที่สุด แน่นอนว่าความพยายามนี้ได้ส่งให้ครอบครัวไม่หมดหวังต่อการตามหาสัตว์ของพวกเขา จะสัตว์เลี้ยงหรือเจ้าของก็ล้วนแสดงความรักออกมาได้ชัดเจน

Homeward Bound: The Incredible Journey มีความสนุกและสร้างรอยยิ้มตลอดเวลาไปกับเจ้าหมากับเจ้าแมวที่ไม่น่าไปกันได้แต่ลงตัวและคลี่คลายปัญหาได้ทุกสถานการณ์ จะมีอยู่หลายฉากที่ค่อนชอบและไม่น่าเบื่อ อย่างฉากข้ามแม่น้ำที่รู้ว่าว่ายน้ำกันได้แต่มีเพียงแมวเท่านั้นที่ไม่ยอมใช้ทางลัดว่ายน้ำจนนำไปสู่ฉากสำคัญที่เรียกว่าแมวตกน้ำและลุ้นอยู่ว่าจะรอดจากน้ำตกได้อย่างไร หรือจะฉากเผชิญหน้าแมวป่าที่ต้องวางกลอุบายพิชิตความดุร้ายให้อยู่หมัด แต่ไม่ว่าฉากไหนก็ไม่เท่าไคล์แม็กซ์ที่เจออุปสรรคแค่ไหนไม่ทิ้งกันและกันและช่วยเหลือแก้ปัญหาจนรอด ดูแล้วก็เพลินไปกับการแสดงกับมิตรภาพของสัตว์ที่เอาเป็นว่าคนรักสัตว์ตัวจริงจะต้องชอบและซาบซึ้งในเรื่องนี้อย่างแน่นอน

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)