Innerspace (1987) มุดมิติบุกโลก

Innerspace (1987)
มุดมิติบุกโลก
Director: Joe Dante
Genres: Action | Adventure | Comedy | Sci-Fi | Thriller
Grade: B+

ดูแล้วเรื่องนี้คงได้แรงบันดาลใจจาก Fantastic Voyage (1966) มาไม่น้อยที่ว่าด้วยการย่อส่วนเข้าไปในร่างกายแล้วพบอวัยวะต่างๆมากมายในแบบประชันชิด คนเรียน Anatomy ดูแล้วจะสนุกที่ได้เห็นสิ่งต่างๆในร่างกาย กระนั้นไม่ได้เห็นอะไรที่ลึกมากแค่ในระดับที่ทีมงานเอฟเฟคกับบทให้มาเท่านั้น แต่โดยรวมเก็บรายละเอียดได้สมจริงจนน่าทึ่งในบางฉาก ก็ไม่แปลกใจถ้าจะคว้าออสการ์ Best Effects และ Visual Effects มาครอบครอง ส่วนจะได้เห็นอะไรบ้างขอเกริ่นเป็นอวัยวะสำคัญ เช่น กระเพาะอาหาร ปอด ดวงตา หัวใจ และอีกยิบย่อย เช่น น้ำลาย เม็ดเลือดแดง และชั้นไขมัน เป็นต้น


แต่ความน่าทึ่งไม่ได้อยู่ที่การเข้าไปในร่างกายเพียงอย่างเดียวเพราะเรื่องราวก็เริ่มต้นไม่ธรรมดาเสียด้วย ซึ่งเรื่องจะเกี่ยวกับการทดลองย่อส่วนเข้าไปในกระต่ายเพื่อดูสิ่งต่างๆภายใน พอมานึกๆแล้วเป็นการสำรวจร่างกายที่ยิ่งกว่าการ X-ray เสียอีก ที่สำคัญการเข้าไปแบบเห็นด้วยตาทำให้ตัดสินใจอะไรได้ดีกว่าการมองผ่านคอมพิวเตอร์ที่เป็นการสแกน จริงที่ว่าร่างกายของคนเราไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่เพราะมีให้เห็นตามบทเรียนแต่ถ้ามองในแบบที่ละเอียดอ่อนก็นับว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย นั้นจึงเป็นการทดลองที่ค้นหาคำตอบใหญ่ๆด้วยการเข้าหาสิ่งเล็กๆที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ซึ่งได้ทัก เพนเดิลตัน (Dennis Quaid) มาเป็นคนขับยานย่อส่วนเข้าไปในตัวกระต่าย

การทดลองย่อขนาดให้เล็กลงกลายเป็นที่สนใจของผู้ก่อการร้ายและกลายเป็นปัญหาให้กับทักที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เพราะถูกย่อส่วนเตรียมเข้าไปในตัวกระต่าย ทว่าการหลุดจากเงื้อมมือคนร้ายจำเป็นต้องฝากความหวังไว้ที่แจ็ค พัตเตอร์ (Martin Short) หนุ่มพนักงานห้างสรรพสินค้าที่กำลังอยู่ในช่วงจิตฟุ้งซ่านเพราะฝันร้ายจนเป็นคนขี้กลัวขึ้นสมองที่เผอิญดวงซวยรับทักมาอยู่ในร่างกายอย่างไม่ตั้งใจ ขณะเดียวกันการคืนร่างให้กลับมาขนาดเดิมต้องใช้ชิปข้อมูลทั้งสองอันจึงจะคืนร่างเดิมได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นตกอยู่ในมือของวิคเตอร์ อูเจน สครีมซอว์ (Kevin McCarthy) และดร.มาร์กาเรต แคงเกอร์ (Fiona Lewis) ที่ขโมยมาจากห้องแลปเพื่อขายต่อเป็นอาวุธให้ก่อการร้ายอีกทีและกำลังตามสืบผลการทดลองที่หายไป ซึ่งแจ็คเองต้องตกกระไดพลอยโจนทั้งหนีและทวงชิปคืนร่างให้ทัก


นึกว่าโทนหนังจะออกมาจริงจังมากกว่านี้เพราะช่วงต้นเรื่องเปิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างทักกับลิเดีย แม็กซ์แวลล์ (Meg Ryan) คู่รักที่กำลังขาลงและฝืนทนต่อไปจนลิเดียไม่อาจทนความมุทะลุของทักได้อีกต่อไปและทำเกินกว่าเหตุ นับเป็นการเปิดเรื่องราวระหว่างทักกับลิเดียในแบบคู่รักจำใจจากแต่ไม่ทิ้งรักก่อนจะทิ้งช่วงเวลามาพูดถึงการทดลองที่ทักได้ร่วมเข้าโครงการจนประสบความสำเร็จในการย่อขยาดให้เล็กลงเพื่อเตรียมเข้าสู่ตัวกระต่าย กระทั่งการโผล่มาของแจ็คทำให้รู้ว่าโทนหนังไม่ได้ออกมาซีเรียสขนาดนั้นและโดยรวมทำออกมาเข้ากันด้วยอารมณ์ที่ไม่ตลกมากไปและไม่จริงจังน้อยไป

จะว่าเรื่องของตัวละครทำได้ค่อนข้างดีโดยเฉพาะแจ็คที่เสมือนเป็นกลางต้องตกอยู่ระหว่างทักกับลิเดีย แน่นอนว่าแทบทั้งเรื่องทักจะอยู่ในร่างของแจ็คขับยานผจญภัยไปเรื่อยเพื่อติดต่อสื่อสารกับแจ็คโดยตรง ดังนั้นแทนที่จะเป็นทักกลายเป็นแจ็คคู่กับลีเดียเสียเอง ถ้ามองในแง่ผู้ใหญ่หน่อยจะเห็นว่าแจ็คเองก็หลงชอบลิเดียอยู่ไม่น้อยหลังจากฟันฝ่าอะไรมาหลายอย่างด้วยกัน แต่แจ็คต้องห้ามใจเพราะไม่อาจทำร้ายทักที่กลายเป็นเพื่อนสนิทรู้ใจ ฉะนั้นแล้วดูไปจะมีอารมณ์แบบรักสามเส้าแฝงเข้ามาแต่พยายามกลบด้วยคำว่ามิตรภาพ ถือว่าเนียนอยู่ไม่น้อยเมื่อมองแบบรักดราม่ามีเค้าน้ำตาอยู่หน่อยๆเพราะนึกแล้วยังสงสารชีวิตแจ็คที่ลำบากกว่าทักเสียอีก


สำหรับทักกับลิเดียไม่ได้มีปัญหาหรือปมที่ใหญ่เท่ากับความรักของทั้งสอง แต่แจ็คเป็นปัญหาที่ต้องเผชิญเพียงลำพังจนเป็นปมด้อยสร้างจุดอ่อนให้ใครหลายคนได้เห็น ซึ่งจุดอ่อนนี่เองที่ทำให้คนรอบข้างตลอดถึงแฟนที่กำลังคบต้องพลัดพรากจากไปเพราะความกลัวของเขา ในเรื่องทักจะเสมือนผู้ให้กำลังใจแม้จะเป็นวิธีลวกๆไม่มากขั้นตอนแต่ได้ผลเสมอเพราะทำให้แจ็คเป็นอิสระได้ปลดปล่อยในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จุดนี้ทำให้เห็นว่าทักเป็นคนใจกว้าง อะไรที่สามารถให้ได้ก็คือให้อย่างเต็มที่เสมือนเป็นตัวเอง นั้นจึงทำให้เห็นพัฒนาการของแจ็คมาตลอดทั้งเรื่องและน่าชื่นชมมากๆตรงฉากแจ็คสามารถใช้ความกล้าเข้าจัดการคนร้ายด้วยตัวเองโดยไม่รู้ว่าทักได้ออกจากตัวไปแล้ว ราวกับฉากนั้นต้องการให้เห็นว่าความกลัวกับความกล้าแตกต่างกันยังไง ถ้ามีความเชื่อมั่นก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งใคร

Innerspace เป็นหนังที่โดดเด่นเรื่องเทคนิคพิเศษที่ไม่ถึงกับอลังการแต่ทำให้หลายคนร้องว้าวได้ตามฉากต่างๆที่ถ่ายทอดมาจากภายในร่างกายที่สมจริง ที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างคือการเล่าเรื่องที่กลมกล่อมดูแล้วเพลินเพราะไม่หนักหรือเบาจนเกินไป อาจจะมีบางจุดที่ดูหลุดโลกไปหน่อยอย่างฉากปลอมตัวของแจ็คที่ได้ทักช่วยจัดการแต่งหน้าให้จนไม่รู้จะน่ากลัวหรือฮา อีกเสน่ห์ที่ไม่พ้นไปไหนคือตัวร้ายที่อาจจะธรรมดาแต่มากันสุดทางมากๆ โดยเฉพาะ  Vernon Wells ในบทสมุนตัวร้ายที่เป็นยิ่งกว่าคนธรรมดา ชวนนึกถึงจอว์สตัวร้ายในหนังสายลับ 007 ผสมคนเหล็กใน Terminator ทั้งเรื่องไม่มีบทพูดแต่แววตานี่ส่ออำมหิตมาแต่ไกล ถือเป็นตัวละครที่น่าจดจำยิ่งกว่าตัวหลักเสียอีก ถือว่าดูสนุกไม่มีเบื่อและมีข้อคิดหลายอย่างเก็บไปคิดพอสมควร

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)