DeepStar Six (1989) อสูรกายลึกสุดทะเล

DeepStar Six (1989)
อสูรกายลึกสุดทะเล
Director: Sean S. Cunningham
Genres: Action | Horror | Sci-Fi | Thriller
Grade: C-

ในช่วงปีเดียวกันนั้นเองได้มีหนังที่เกี่ยวกับสำรวจใต้ท้องทะเลเหมือนกัน คือเรื่อง The Abyss (1989) ที่กำกับโดย James Cameron ผู้ให้กำเนิดคนเหล็ก The Terminator (1984) เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ที่เป็นผู้ให้กำเนิด Friday the 13th (1980) ทว่าต่างเป็นผู้กำกับที่สร้างหนังตำนานทั้งคู่ก็ไม่อาจพิสูจน์ฝีมือได้จริงด้วยเรื่องเดียว เมื่อเทียบคุณภาพหนังในปีเดียวกันทำให้เห็นชัดว่าอะไรคือตำนานและอะไรคือตำมั่ว(ออกแนวเละเทะ) กระนั้นต่อให้ไม่เปรียบเทียบยังมองออกถึงความหยาบของหนังที่ไม่ดีพอในเรื่องของบทเนื้อเรื่องและตัวละครที่มิติด้านเดียวเกินไป ใครเป็นพระเอก ใครเป็นนางเอก ใครเป็นตัวประกอบ ให้มาแบบง่ายๆ นี่ตอนแรกเกือบจะน่าสนใจอยู่แล้วเชียว


เรื่องเกี่ยวกับทีมงานหนึ่งที่มีสมาชิก 11 คนทำฐานวางจรวดนิวเคลียร์ใต้ท้องทะเล ได้แก่ แมคบริดจ์ (Greg Evigan),จอยซ์ คอลลินส์ (Nancy Everhard),เลดลอว์ (Taurean Blacque),สไนเดอร์ (Miguel Ferrer),สการ์เพลลี (Nia Peeples),ริชาร์ดสัน (Matt McCoy),ไดแอน นอร์ริส (Cindy Pickett),เวน เกลเดอร์ (Marius Weyers),เบอร์เซียกา (Elya Baskin),ฮอค์จกิน (Thom Bray) และ  ออสบอร์น (Ronn Carroll) จากการสำรวจทำให้ไปเจอโพร่งใต้พื้นดิน  ทำให้ต้องระเบิดโพร่งเพื่อวางฐานยิงได้ แต่การทำลายโพร่งทำให้บางอย่างหลุดออกมาด้วย และสิ่งนั้นสามารถคร่าชีวิตของพวกเขาๆด้อย่างไม่ลังเล

การสื่อนัยยะการทำลายธรรมชาติที่แม้จะไม่ถึงกับหนักแน่นอะไรก็เพียงพอให้เห็นการตอบโต้ของธรรมชาติที่มนุษย์เริ่มทำลายเพื่อหวังผลประโยชน์ของตัวเอง การเอาคืนทำให้เห็นตัวตนของความเป็นมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวและหวาดกลัวในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เช่น ตัวอย่างสไนเดอร์ที่หวาดกลัวต่อภัยที่กำลังคุกคามจากสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ด้วยความกลัวทำให้สร้างข้อผิดพลาดจากการยิงจรวดแบบไม่ไตร่ตร่องจนนำไปสู่หายนะแก่คนอื่นๆ แต่นั้นยังไม่เท่ากับความพยายามของเวนที่อยากทำให้งานลุล่วงอย่างรวดเร็วเพราะกลัวถูกปลดงานจนต้องทำลายธรรมชาติใต้ดินที่ยังไม่สำรวจให้ถี่ถ้วนเสียก่อน แน่นอนว่าการทำลายแหล่งธรรมชาติย่อมส่งผลกระทบมากมาย เราจะได้เห็นการยับยั้งของสการ์เพลลีที่อยากให้ตรวจโพร่งใต้ดินเพื่อหาสิ่งมีขีวิตแปลกใหม่ แต่การห้ามไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเพราะสุดท้ายงานติดตั้งฐานจรวดสำคัญกว่าการค้นหาหรือรักษาธรรมชาติที่สวยงามเอาไว้


ตอนแรกน่าสนใจเพราะไม่มีการปรากฎตัวของเจ้าสัตว์ประหลาดเลยสักนิดเดียว ใครจะตายใครจะโดนอะไรก็ล้วนเป็นสิ่งที่บอกไม่ได้ว่าคืออะไร ได้แต่ลุ้นว่าสุดท้ายแล้วเจ้าสัตว์น้ำลึกที่ออกมาอาละวาดฆ่าคนนี่หน้าตาเป็นอย่างไร แต่กว่าจะโผล่ตัวให้เห็นกันจริงๆก็ปาเข้าไปเกือบจะจบเรื่องกันอยู่แล้ว ซึ่งการหลอกล่อให้กลัวด้วยจิตวิทยาทางความคิดเป็นอะไรที่เข้าท่าแค่ช่วงแรกเท่านั้น เนื่องจากบางอย่างไม่สมเหตุสมผลกับสัตว์ประหลาดเอาเสียเลย หลายอย่างดูโม้เกินไปเมื่อเห็นหน้าตาของสัตว์ใต้น้ำลึกที่ยิ่งโผล่มามากเท่าไรยิ่งรู้สึกอ่อนกว่าตอนแรกค่อนข้างเยอะ(อารมณ์พระเอกนางเอกต้องรอด) แต่สิ่งที่ไม่ชอบเลยคือการดำจัดตัวละครให้พากันตายอย่างรวดเร็วในช่วงแรกเพื่อเรียกความตื่นตัวจากผู้ชม ถ้าดูเพลินก็อาจจะสนุก แต่เมื่อไรที่มานึกถึงตัวละครจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเท่าไรเลยเพราะบทมันตายตัวเอามากๆ บางคนเล่นไม่เท่าไรก็ตายแล้ว(แถมตายแบบไม่รู้ด้วยว่าตายจริงไหม)

มองเป็นหนังสัตว์ประหลาดฆ่าคนก็จัดว่าไม่เลวร้ายอะไร แต่ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะลงตัวขนาดที่ไม่ทันไรก็เป็นไปตามนั้นได้เฉย แทบจะไม่มีการพลิกแพลงอะไรเลยจากเนื้อเรื่องธรรมดาที่เล่าแล้วยิ่งธรรมดาเข้าไปใหญ่ แต่สิ่งที่พอยึดเหนี่ยวได้คือส่วนของนักแสดงที่คัดกันมาดีแม้จะไม่ค่อยน่าสนใจ(เพราะบทมันน้อยทุกคน) อย่างเช่น Nia Peeples ที่กลายเป็นดาวเด่นของเรื่องจากสัดส่วนร่างกายที่ไม่หวือหวาหรือโป๊แต่อย่างใด เป็นการแสดงถึงความเซ็กซี่ผ่านกล้ามเนื้อไร้ไขมันที่ทำเอาคนชอบสไตล์นี้อาจร้องว้าวได้ ขณะที่นักแสดงคนอื่นก็ล้วนเป็นไปตามมาตรฐานทุกคน ที่มากเป็นพิเศษคือ Miguel Ferrer จากช่วงหลังๆของเรื่องที่เริ่มออกอาการทางจิตจนไม่อาจควบคุมความกลัวของตัวเองได้ ดูแล้วก็อดสงสารไม่ได้ที่ถูกกดดันซะขนาดนั้นจากในเรื่อง


DeepStar Six เป็นหนังสยองขวัญที่ออกมาผิดหวังในหลายๆแง่ แต่ยังได้อยู่เรื่องเอฟเฟคกับบรรยากาศฐานใต้น้ำ แม้หลายอย่างจะน่าสนใจแต่ไม่พ้นความน่าเบื่อที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่องจนไม่คิดว่าจะพลาดได้ มิติตัวละครแบนราบจนไม่รู้สึกรู้สาน่าเอาใจช่วย ข้อดีที่เห็นว่าชัดคือการดำเนินเรื่องที่ไว ไม่ทันไรระเบิดโพร่งพาสัตว์ประลาดใต้น้ำออกไล่ฆ่าอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่เลวร้ายไปกว่าเจ้าสัตว์ทะเลลึกคือความงี่เง่าของตัวละครที่พาความพินาศจากที่น่ารอดก็ไม่รอดทำให้ไม่ตื่นเต้นอะไรสักเท่าไรเพราะทำตัวเองแท้ๆ ส่วนความสยองไม่ค่อยมีเพราะไม่ค่อยเห็นสัตว์ประหลาดฆ่าคนจริงๆจังๆสักฉาก โหดสุดในเรื่องคือฉากขาดครึ่งตัวที่เลือดไหลย้อยเข้ม และเป็นจังหวะเดียวกันที่เจ้าสัตว์ร้ายได้เปิดตัวเสียที(ท้ายเรื่องกว่าจะมา)

โดยรวมไม่ค่อยสนุกเท่าไรและง่ายไปหมดเสียด้วยซ้ำ ยิ่งกับนางเอกรู้สึกไม่ค่อยชอบเพราะไม่ได้ทำอะไรเลย ยังเทียบตัวละครหญิงบางตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ บางตัวที่ว่าคือหญิงแกร่งที่บทเด่นกว่าและดุดันกว่า(ขนาดไปสู้ขี่หลังเจ้าสัตว์ประหลาดเพื่อช็อตด้วยไฟฟ้ากันเลย) ก็ถือว่าสนุกนิดนึงสำหรับขาจรที่ไม่อยากหวังอะไรมากนอกจากดูเพลินๆ เผื่อใครยังไม่เคยดูก็ดูได้ไม่เสียหาย แค่อาจจะรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างกับเจ้าสัตว์ประหลาดที่เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงบอกไม่ถูกว่ามันเก่งหรืออ่อนกันแน่(คิดว่าเป็นข้อด้อยเรื่องเทคนิคที่ดึงศักยภาพของสัตว์ประหลาดไม่เต็มร้อยจึงเหมือนหุ่นแข็งขยับแค่หน้าตากับแขนเท่านั้น) สนุกไม่สนุกแนะนำให้ลองดูก่อนเพราะบางช่วงทำได้ไม่เลวเลย แต่เอารวมๆทั้งหมดสรุปไม่ค่อยเวิร์ค

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)