แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Drama แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Drama แสดงบทความทั้งหมด

All of Us Are Dead (TV Series 2022 - ) มัธยมซอมบี้ Season 1

All of Us Are Dead (TV Series 2022 - ) | มัธยมซอมบี้ | Season 1 | B+
Genres: Action | Drama | Fantasy | Horror | Sci-Fi | Thriller

บางทีเอียนเหมือนกันกับหนังซอมบี้ที่มีให้ดูเยอะแยะไปหมด บางเรื่องพยายามหาพล็อตใหม่มาเล่าโดยมีซอมบี้เป็นพื้นหลัง บางเรื่องไม่ได้ใหม่อะไรเลย แค่ทำฉากเอาตัวรอดให้ลุ้นระทึกมากที่สุดกับตัวละครให้ผูกพันกับคนดูมากเท่าที่จะมากได้ เวลาใครเสียสละหรือตายจะได้ซึมน้ำตาคลอจนอยากบีบคอผู้กำกับและคนเขียนบท

One for the Road วันสุดท้าย…ก่อนบายเธอ (2022)

One for the Road วันสุดท้าย…ก่อนบายเธอ (2022) | B+
Director: นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
Genres: Drama

การได้รู้อายุขัยตัวเองที่ใกล้จากโลกนี้ไปช่างน่าเศร้า ไม่ใช่ทุกคนที่ยอมรับในความจริงนี้ได้ แต่บางคนเลือกจะไม่ฝืนชะตากรรมด้วยการทำสิ่งที่ไม่เคยหรือไม่สุดมาก่อน แม้กระทั่งการหาแฟนเก่าที่เลิกไปแล้วเพื่อบอกลาหรือเผยความในใจอย่างจริงจัง

Ambulance (2022) ปล้นระห่ำ ฉุกเฉินระทึก

Ambulance (2022) | ปล้นระห่ำ ฉุกเฉินระทึก | B
Director: Michael Bay
Genres: Action | Crime | Drama | Thriller

พล็อตโจรยึดรถพยาบาลเพื่อหนีตำรวจ แต่หารู้ไม่ว่ามีพยาบาลกำลังปฐมพยาบาลคนป่วยอยู่ข้างหลัง พล็อตที่ฟังดูกำกวมเหมือนหนังตลกร้าย แต่ทำมาแล้วในปี 2005 สัญชาติเดนมาร์ก จนกระทั่งได้รับการรีเมคใหม่ชนิดที่ดูยังไงก็หนังคนละเรื่อง มีเพียงพล็อตที่เหมือนแค่นั้นแหละ

Death on the Nile (2022) ฆาตกรรมบนลำน้ำไนล์

Death on the Nile (2022) | ฆาตกรรมบนลำน้ำไนล์ | B-
Director: Kenneth Branagh
Genres: Crime | Drama | Mystery

ส่วนตัวชอบ Murder on the Orient Express (2017) หรือภาคแรกในส่วนไขคดี แต่ข้อเสียคือหมดเวลาไปกับการปูตัวละครและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง ทำให้คิดว่า Death on the Nile (2022) ต้องแก้ปัญหาข้อนี้ด้วยการเพิ่มความกระชับให้ดำเนินเรื่องเร็วขึ้น แต่เปล่าเลย ยังคงเรื่อยๆจนกว่ามีคนตายนั่นแหละ

Archive 81 (TV Series 2022) Season 1

Archive 81 (TV Series 2022) | Season 1 | B+
Creator: Rebecca Sonnenshine
Genres: Drama | Horror | Mystery | Sci-Fi | Thriller

ความรู้สึกแรกคือลุ้นอย่างหนักกับปริศนาที่สร้างเอาไว้ สิ่งที่เล่ามามีแต่คำถามอย่างเดียว แล้วยิ่งหาความจริงยิ่งซับซ้อนและลึกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทั้งหมดมาจาก แดน เทิร์นเนอร์ (Mamoudou Athie) รับงานฟื้นฟูม้วนเทปที่บันทึกเหตุการณ์ปี 1994 ของ เมโลดี้ แพนเดรส (Dina Shihabi) ที่กำลังลงพื้นที่ทำวิจัยหาคำตอบเกี่ยวกับอพาร์ตเมนต์วิสเซอร์ที่น่าจะมีบางอย่างไม่ปกติ

Midnight Mass (TV Mini Series 2021)

Midnight Mass (TV Mini Series 2021) | A-
Creator: Mike Flanagan
Genres: Drama | Fantasy | Horror | Mystery

“จากเถ้าสู่เถ้า จากธุลีสู่ธุลี”

ความน่ากลัวเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาคือการทำในสิ่งที่ผิดพลาดให้ถูกต้อง ทุกคำสอนทุกการตีความล้วนมีการวิเคราะห์สองแง่สองง่ามเป็นประจำ หากทำดีย่อมได้ดี แต่ไม่ได้จำกัดไว้ถึงความดีที่อาจผิดอย่างมากก็ได้ โดยเฉพาะความงมงายที่เชื่ออย่างไม่สนผลกระทบที่ตามมาจริงๆ

Once Upon a Time... This Morning กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ (1994)

Once Upon a Time... This Morning (1994) | กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ | A-
Director: บัณฑิต ฤทธิ์ถกล
Genres: Drama

ปัญหาสังคมอย่างหนึ่งที่พบเจอได้ทุกที่ทั่วสากลโลกคือครอบครัว ซึ่งคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือคนที่ยังขาดความเข้าใจในโลกกว้างที่ซับซ้อนดังเช่นลูกๆที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทำให้ทุกครั้งที่เกิดปัญหาจะสะเทือนจิตใจเป็นภาพจำในอดีต

One Day (2011) วันเดียว วันนั้น วันของเรา

One Day (2011) | วันเดียว วันนั้น วันของเรา | B+
Director: Lone Scherfig
Genres: Drama | Romance

"เธอทำให้นายเป็นผู้เป็นคน ในขณะที่นายก็ทำให้เธอมีความสดใส"

วันที่ 15 กรกฎาคม ปี 1988 เป็นวันสำเร็จการศึกษามหาลัยของนักศึกษาทั้งหลายที่ในนี้รวมไปถึงเอ็มมา มอร์ลีย์ (Anne Hathaway) และเด็กซ์เตอร์ เมย์ฮิว (Jim Sturgess) ที่บังเอิญว่าเป็นวันที่ทั้งคู่ได้รู้จักกันและรู้สึกได้ถึงความรักช่วงวัยรุ่นที่เข้าพัดผ่านมา แต่เวลานั้นที่เหมือนกำลังไปได้สวยหรูเกิดตัดสินขอเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา จนตลอดเวลา 20 ปีผ่านไปต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อหาจุดเปลี่ยนของชีวิตและความหมายของการดำเนินตัวเองให้ก้าวต่อไป และเมื่อเจอเรื่องราวที่มากขึ้นก็ยิ่งพบประสบการณ์ต่างๆนาๆที่หลากหลาย แต่ไม่ว่ายังไงที่ช่วงเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ทั้งคู่ยังคงมีความรู้สึกไม่ต่างจากวันแรกที่พบเจอ แม้จะห่างไกลต่างฐานะการงานราวกับต่างคนต่างชีวิต แต่สิ่งหนึ่งที่ยังมีอยู่ก็ยังคงเรียกร้องแก่กันและยังคงมีแก่กันเสมอไม่เปลี่ยนแปลง

The Discovery (2017) เดอะ ดิสคัฟเวอรี

The Discovery (2017) | เดอะ ดิสคัฟเวอรี | B+
Director: Charlie McDowell
Genres: Drama | Romance | Sci-Fi | Thriller

ไม่ใช่หนังที่ทุกคนอยากดูจนจบแน่นอนเพราะคุยกันทั้งเรื่อง โดยเรื่องที่คุยนั้นไม่ชวนดึงดูดสักเท่าไรด้วย แทบจะเป็นการคุยแบบปกติไม่พิเศษหรือหวืดหวาชวนประลองกำลังสมอง ทว่าสิ่งที่ถกเถียงกันนี่แหละที่ทำให้ไคล์แม็กซ์ออกมาพีคมาก

Brazen (2022) ใครฆ่า

Brazen (2022) | ใครฆ่า | C
Director: Monika Mitchell
Genres: Crime | Drama | Mystery | Romance | Thriller

บางทีเห็นหนังใน Netflix มีหลายเรื่องจนขี้เกียจเลือก อะไรมาใหม่หรือที่เป็นกระแสก็ลองตามไปดู ซึ่งพบทั้งคุณภาพสูงและคุณภาพต่ำ แล้วถ้าไม่ค่อยพูดถึงทั้งที่เป็นหนังมาใหม่ให้ฟันธงได้เลยว่าไม่สนุกก็เป็นได้

The Wasteland (2022) แผ่นดินร้าง

The Wasteland (2022) | แผ่นดินร้าง | C+
Director: David Casademunt
Genres: Drama | Horror | Mystery

ถ้าไม่เกริ่นช่วงเวลาและคำอธิบายสั้นๆคงไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีใครพูดถึงอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสงครามของสเปนในศตวรรษที่ 19 นั้นจึงเป็นเหตุผลทำไมตัวละครถึงมีกันแค่ 3 คน และห่างไกลจากผู้คนจนว่างเปล่าไร้สังคม อีกทั้งจำกัดพื้นที่อาณาเขตบ้านตัวเองให้อยู่ตามเสาที่ปักเพื่อเตือนใจถึงข้างนอกที่มีแต่อันตราย

Kabukicho Love Hotel (2014)

Kabukicho Love Hotel (2014) | A+
Director: Ryuichi Hiroki
Genres: Drama | Romance

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

อธิบายได้ยากและไม่ยากในตอนจบที่คละไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย จะเศร้าหรือสุข จะทุกข์หรือดีใจ ล้วนมีที่มาที่ไปจากจุดเล็กๆที่โยงถึงเรื่องเพศ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ในแบบที่ไม่ใช่ความรักเป็นหลัก แต่เป็นเรื่องของเซ็กซ์ที่ใช้เพื่อเรื่องงานซะมากกว่า ซึ่งเรื่องทั้งหมดได้ถูกรวมจากเรื่องของใครหลายต่อหลายคนมารวมกันที่โรงแรมที่มักลงเอยเพียงแค่เรื่องสำเร็จความใคร่ แน่นอนว่าสายตาของคนในสังคมจะมองเป็นเรื่องสกปรก เป็นเรื่องน่าละอาย ไม่มีสำนึกของความเป็นคน แต่จะอะไรนั้นสุดท้ายก็คืองานอยู่ดี ทั้งนี้บางทีใช่ว่าจะเรื่องงานเพราะอาจเป็นอารมณ์อย่างหนึ่งที่รู้สึกอยากจะเข้าหาต่อกันราวกับแม่เหล็กที่เกิดมาคนละขั้วและต้องดึงดูดต่อกัน อาจจะฟังดูไร้เหตุผลแต่ไม่จำเป็นเสมอไปว่าความรักหรือเซ็กซ์จะต้องมีคำอธิบายในสิ่งที่ทำลงไป มันก็แค่อารมณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นและถ้าได้สนองในอารมณ์นั้นเราจะไม่นึกคั่นกลางขัดจังหวะ จะบอกว่าไงดี จะบอกตรงๆว่าเป็นความ"เงี่ยน"ก็ว่าได้(มั้ง)

Don't Look Up (2021)

Don't Look Up (2021) | A-
Director: Adam McKay
Genres: Comedy | Drama | Sci-Fi

"ผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด" แต่เดี๋ยวก่อน บางครั้งคำว่าโง่อาจไม่ได้หมายถึงโง่จริงๆ แต่หมายถึงการไม่ทำให้ดูฉลาดเพื่อทุกคน แต่เอาตัวรอดกอบโกยอยู่เพียงฝ่ายเดียว เช่นเดียวกันกับหนังเรื่องนี้ที่สื่อให้เห็นดาวห่างที่จะพุ่งชนโลกอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ไม่มีการเตรียมรับมือที่ปลอดภัย คิดยังก่อนไว้ที่หลัง พอจวนตัวเท่านั้นแหละที่ความชิบหายบังเกิด

Sleeping Beauty (2011) อย่าปล่อยรัก ให้หลับใหล

Sleeping Beauty (2011) | อย่าปล่อยรัก ให้หลับใหล | B-
Director: Julia Leigh
Genres: Drama | Mystery | Romance | Thriller

พึ่งจะรู้จัก Emily Browning จริงๆจังๆจากเรื่อง Sucker Punch (2011) ที่ดูสนุกอย่างมากเรื่องนึง แล้วในปีเดียวกันนั่นเองเกิดมีผลงานของเธออีกเรื่องที่ได้มาดูเอาทีหลังที่เกือบจะสะดุดสายตาตัวเองอย่างแรงกับความกล้าแสดงของเธอที่ทำเอาภาพลักษณ์สาวเบบี้ดอลหายไปซะเกลี้ยงเกลา และด้วยความกล้านี่เองที่ทำให้เห็นว่าสปิริตของเธอไม่ใช่น้ำจิ้มธรรมดากับเรื่อง Sleeping Beauty ที่นำพาให้รู้จักสาวมหาลัยลูซี่กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงกับปัจจัยรอบตัว

Apt Pupil (1998) พลิกหลักสูตรมรณะ

Apt Pupil (1998) | พลิกหลักสูตรมรณะ | B-
Director: Bryan Singer
Genres: Crime | Drama | Thriller

เรื่องที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นทั้งประวัติศาสตร์ต้องเรียนรู้และต้องห้ามเรียนรู้ได้เช่นกัน เมื่อ ทอดด์ โบวเดน (Brad Renfro) บังเอิญไปพบกับ เคิร์ต ดุสเซนเดอร์ (Ian McKellen) บุคคลน่าสงสัยที่น่าจะเป็นอาชญากรนาซีที่หลบหนีมาใช้ชีวิตปกติเหมือนลุงวัยเกษียณข้างบ้านที่ไม่มีพิษมีภัย ซึ่งความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าในตำราจึงบังคับให้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างละเอียด หากไม่ทำตามจะแจ้งตำรวจมาจับ ทว่าการรื้อฟื้นอดีตที่ผ่านไปนานจะทำให้ด้านที่เลวร้ายและโหดเหี้ยมถูกปลุกด้วยเช่นกัน

Rocky Balboa (2006) ร็อคกี้ ราชากำปั้น ทุบสังเวียน

Rocky Balboa (2006) | ร็อคกี้ ราชากำปั้น ทุบสังเวียน | A-
Director: Sylvester Stallone
Genres: Action | Drama | Sport
 
หลังจากปิดตำนานไปใน  Rocky V (1990) ที่แม้จะเป็นการปิดเรื่องราวที่ไม่ถึงกับดีหรือแย่จนเกินไปเพียงไม่เป็นที่น่าจดจำเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ แต่ถือว่าชีวิตของร็อคกี้ บัลบัวร์ (Sylvester Stallone) ได้มาถึงความปุถุชนเดินดินได้สำเร็จโดยไม่ต้องพึ่งพาความร่ำรวยหรือชื่อเสียงใดๆ เดิมทีนั้นการปิดจบในภาคที่ 5 จะต้องลงเอยด้วยการตายของร็อคกี้ แต่ถูกเปลี่ยนใจเพราะสตูดิโอไม่เห็นด้วย นั้นเองจึงเป็นการแก้มือให้กับ Sylvester Stallone ที่อยากแก้ไขตอนจบของหนัง Rocky ที่ไม่ใช่แค่การเผชิญกับอุปสรรคชีวิตที่ต้องปรับตัวเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ มันจะต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นเมื่อตัวเองแก่ตัวลง ด้วยความไม่สบายใจที่หนังจบเช่นนั้นในภาค 5 จึงอยากแก้ตัวอีกครั้งในปี 1999 ทว่าเพราะจบไม่สวยเนื่องจากเสียงวิจารณ์และรายได้ตกต่ำจึงไม่ได้รับอนุมัติให้สร้างภาคต่อ จนกระทั่งต้องรอต่ออีก 6 ปีถึงจะสร้างภาคต่อได้ ซึ่งกว่าจะได้สร้างทำให้บทหนังที่ Sylvester Stallone เขียนเอาไว้เข้ากับตัวตนจริงๆของเขาพอดี

Rocky V (1990) ร็อคกี้ 5 หัวใจไม่ยอมสยบ

Rocky V (1990) | ร็อคกี้ 5 หัวใจไม่ยอมสยบ | C+
Director: John G. Avildsen
Genres: Drama | Sport
 
 ต้องเกริ่นก่อนว่าภาคนี้เป็นเสมือนตราบาปของ Rocky ที่มาผิดพลาดทำเอาความหวังของแฟนๆบ่นเสียดายกันไม่น้อย แล้วอะไรทำให้หนังภาคต่อที่มีดีกรีความสนุกไม่มีท่าทีลดหย่อนต้องมาถึงจุดต่ำสุดคืออะไร คำตอบคือความสมเหตุสมผล การที่ภาคนี้มีข้อเสียมากกว่าข้อดีจึงไม่ต่างกับชีวิตของร็อคกี้ บัลบัวร์ (Sylvester Stallone) ที่ต้องย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของชีวิตอีกครั้ง ชีวิตที่เคยเป็นคนธรรมดาใช้กินแค่พอประทังในแต่ละวัน เรื่องราวในภาคนี้จะเล่าย้อนเหตุการณ์หลังจากไปชกที่รัสเซียและได้รับชัยชนะกลับมาแต่เกิดความผิดปกติบางอย่างในตัวร็อคกี้ทำให้เขาเริ่มเห็นว่าร่างกายไม่เหมือนเคย ซึ่งภายหลังได้รับเข้าตรวจร่างกายและพบว่าได้การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงทำให้ส่งผลต่อสมอง ด้วยเหตุนี้เองจุดจบของการเป็นนักมวยได้จบลงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เพราะปัญหาสุขภาพ ซึ่งเป็นความต้องการของเอเดรียน (Talia Shire) ด้วยส่วนหนึ่งที่อยากให้ร็อคกี้ได้พักจากการต่อสู้เพื่อนคนอื่นบ้าง ทว่าปัญหาที่เหมือนจะทุเลาแก้ไขด้วยการแขวนนวมยังไม่จบเมื่อร็อคกี้กลายเป็นคนล้มละลายต้องสูญเสียทุกอย่างที่สั่งสมมาตลอดชีวิตการต่อสู้ ไม่ว่าจะบ้าน รถ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ แทบจะไม่มีอะไรเหลือในชีวิตที่บ่งบอกถึงความร่ำรวยมาก่อนอีกเลย สิ่งเดียวที่ร็อคกี้ทำได้คือกลับมาสู้ชีวิตอีกครั้งในฐานะปถุชนอีกครั้งหนึ่ง เขาจะไม่ใช่นักมวยที่ได้รับโอกาสให้สู้บนสังเวียน แต่จะเป็นการสู้บนชีวิตที่ไร้ตัวช่วยโดยเขาจะต้องทำโอกาสด้วยตัวเอง

Rocky IV (1985) ร็อคกี้ 4

Rocky IV (1985) | ร็อคกี้ 4 | B-
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
 
ตามตรงภาคนี้มีความเอนเตอร์เทนผู้ชมสูงมากจนกลายเป็นอีกภาคที่ชอบไม่ด้อยไปกว่าสามภาคก่อนทั้งที่เนื้อเรื่องแทบจะไม่มีอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการเดิมของ Sylvester Stallone ที่ตอนแรกตั้งใจทำเป็นภาคแรกภาคเดียวก่อน พอประสบความสำเร็จทั้งรายได้และรางวัลจึงสามารถสานต่อเรื่องราวทำเป็นไตรภาค แต่ด้วยความที่ตัวหนังยังรักษามาตรฐานความสนุกอยู่จึงต้องมีภาคต่อออกมาและครั้งนี้โยงนัยยะไปไกลจากคนธรรมดาสู้ชีวิตกลายเป็นการต่อสู้เพื่อชาติที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี ในความรู้สึกก่อนจะมาถึงเรื่องราวในภาคนี้ยังคงคิดเสมอว่าการต่อสู้นั้นไม่ได้มีแค่บนสังเวียนเพียงอย่างเดียว ในชีวิตบนถนนหนทาง การกินอยู่อาศัย และดำเนินชีวิตยังคงเป็นความลำบากที่มีอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะรวยหรือจนแม้แต่การมีคนรอบข้างมากน้อยเพียงใดก็ไม่อาจชดเชยความทรหดอดทนที่ตัวเองต้องฟันฝ่า สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเองที่เลือก ไม่ใช่กับคนอื่นที่มาชี้ทางให้เพราะสุดท้ายคนที่มีสิทธิ์สูงที่สุดคือเราเอง ต้องยอมรับอย่างหนึ่งถึงข้อคิดมากมายของการใช้ชีวิตคือวิ่งเข้าหาปัญหาและเผชิญกับสิ่งนั้นพร้อมกับแก้ไขไปด้วย ไม่ใช่วิ่งเข้าปัญหาเพื่อก่อสร้างขึ้นหรือวิ่งหนีปล่อยมันไปจนสักวันหนึ่งปัญหาก็ไล่ตามทัน สำหรับปัญหาเสมือนโอกาสที่เกิดมาทดสอบว่ามีวิธีจัดการยังไง บางทีปัญหาทำให้เราชนะ บางทีทำให้เราแพ้ นั้นก็แล้วแต่ความใจสู้ที่จะยืนหยัดจนวินาทีสุดท้ายยังไง ผลลัพธ์อาจออกมาแพ้แต่ไม่เสมอไปเลยที่จะไม่มีคำว่าชนะอยู่ในนั้น

Rocky III (1982) ร็อคกี้ 3 ตอน กระชากมงกุฎ

Rocky III (1982) | ร็อคกี้ 3 ตอน กระชากมงกุฎ | B+
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
 
"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"การเป็นแชมป์มันยาก แต่เทียบไม่ได้เลยกับการรักษาแชมป์"
 
หลังจากโค่นอพอลโล ครีด (Carl Weathers) ลงได้สำเร็จก็สร้างปรากฎการณ์ทำให้ร็อคกี้ บัลบัวร์  (Sylvester Stallone) กลายเป็นคนดังและเป็นขวัญใจประชาชนชาวอเมริกาในแบบที่ใครก็ร้องเรียกชื่อเขาไม่ขาดสาย ซึ่งนั้นทำให้ร็อคกี้ได้ค้นพบตัวเองอีกครั้งว่าอาชีพมวยเหมาะสมกับตัวเขามากที่สุด จึงตัดสินเลือกเส้นทางนี้ต่อไปด้วยการรักษาแชมป์ต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงจุดอิ่มตัวและคงถึงเวลาต้องแขวนนวมอย่างจริงจังเสียที ทว่าเกิดเรื่องขึ้นเมื่อคลับเบอร์ แลง (Mr. T) มาขอท้าชกเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งกว่า ถ้ามองเนื้อเรื่องภาคนี้จะเห็นได้อย่างหนึ่งคือความไม่สมหวังของร็อคกี้ที่อยากจะพักลาวงการมวยแต่ไม่เคยได้เลยสักครั้งเดียวเพราะใครๆก็อยากเข้ามาท้าชกเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นเก่งกว่าและร็อคกี้เป็นเพียงนักมวยที่เคยไร้ชื่อเสียงที่ได้เป็นแชมป์เพราะโชคช่วย ถึงอย่างงั้นตัวร็อคกี้ได้แสดงความสามารถตัวเองชัดเจนในการรักษาตำแหน่งที่ยาวนานจนคิดว่าสมควรแก่เวลาเปลี่ยนมือให้คนอื่นได้เป็นแชมป์กันเสียบ้าง ด้วยเหตุนี้เองจึงสร้างความไม่พอใจให้กับคลับเบอร์ผู้พยายามฝึกซ้อมหนักและชกมวยชนะมาตลอดเพื่อหวังไต่อันดับอย่างเขาต้องถึงกับไม่พอเป็นอย่างสูง เนื่องจากสิ่งที่พยายามมาโดยตลอดกำลังจะสูญเปล่า เมื่อร็อคกี้กำลังจะประกาศอำลาวงการเท่ากับสิ่งที่คลับเบอร์ทำคือหมดความหมาย สำหรับคลับเบอร์แล้วร็อคกี้เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งเพียงอย่างเดียวที่ต้องโค้นให้ได้และคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกที่คิดว่าเหมาะสมกับเขาที่สุด ทางด้านร็อคกี้ที่จะเลิกชกสุดท้ายต้องกลับมาขึ้นสังเวียนอีกครั้งโดยจะเป็นการปิดฉากด้วยชัยชนะที่แท้จริงของเขาเองและให้คำตอบว่าตัวเขาสามารถชนะได้ทุกคนไม่ว่าจะอันดับไหนก็ตาม แต่แล้วความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ร็อคกี้คิดเมื่อเขาแพ้ แพ้อย่างหมดรูปทั้งกายและจิตใจ

Rocky II (1979) ร็อคกี้ 2

Rocky II (1979) | ร็อคกี้ 2 | A
Director: Sylvester Stallone
Genres: Drama | Sport
 
ความสำเร็จของภาคแรกกลายเป็นสิ่งยืนยันว่า Sylvester Stallone สามารถเอาชนะความยากลำบากมาได้ ทั้งเป็นชัยชนะที่เหนือความคาดหมายอย่างมหาศาลไม่ว่าจะรายได้หรือรางวัลก็ล้วนไหลเทหาตัวจนเปลี่ยนจากคนธรรมดาเป็นคนดัง เช่นเดียวกับเนื้อเรื่องในภาคนี้ที่สะท้อนตัวตนออกมาคล้ายเป็นสิ่งเตือนใจในยามมีทรัพย์สินเงินทองว่าควรจะใช้อย่างไรให้มีความสุขและคุ้มค่า ก่อนจะเข้าประเด็นหลักต้องเริ่มจากย้อนความไปหาภาคแรกเริ่มจากสิ่งที่ชายธรรมดาคนหนึ่งเป็นนักมวยไร้อันดับที่ถูกครูมองเป็นเพียงคนตกรุ่นที่ไม่รู้จักขวนขวาย แต่แล้วก็เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายกับชีวิตเมื่อถูกเลือกเป็นคู่ชกกับนักมวยอันดับหนึ่งของโลกตามวัตถุประสงค์การให้อิสรภาพแก่คนที่ไร้หนทางในวงการได้มีสิทธิ์ได้ทดสอบความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ทว่าใช่จะตอบยอมรับขึ้นชกเลยทันทีเพราะในใจลึกๆแล้วรู้ดีว่าไม่อาจสู้ได้และคิดเกี่ยวกับมวยที่ตัวเขาไม่เป็นมวยควรจะแขวนนวมเพื่อให้ค่ายมวยที่ตัวเองอาศัยไม่แปดเปื้อนจากการทำผิดๆของเขาไปกว่านี้ แต่นั้นไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องเพราะไม่ว่าเขาหรือคนรอบข้างก็ต่างคิดว่านี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่สมควรจะลองดู คำว่าลองคือความจริงจังและไม่ว่าจะแพ้หรือชนะยังไงก็ตาม ถ้าได้ขึ้นเวทีและชกสุดวามสามารถที่ตัวเองทำได้ก็ไม่ต่างกับได้ประกาศให้ทุกคนได้รู้ถึงคนที่ไม่มีอะไรเลยก็มีความพยายามไม่ท้อถอยและสู้เป็น สู้เพื่อชัยชนะ สู้ให้กับตัวเองถึงความกลัวที่อยู่ตรงหน้าที่จะไม่หันหลังให้อีกต่อไป ให้ทุกคนรับรู้นี่แหละเขา "ร็อคกี้"
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)